คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แค้นรัก ขยี้ใจ04
เด็กสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ดวงตาตาคู่หวาน เด็กน้อยรู้ผิดที่เดินไม่ระวัง แต่หนูน้อยก็กำลังจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษต่อนายตำรวจหญิงร่างเพรียวคนที่เพิ่งตะวาดดุเธอด้วยความไม่พอใจ ด้วยจิตใต้สำนึกของเด็กวัยเพียงสิบขวบ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเสียขวัญระคนตกใจ มือบางยกปาดน้ำตาอย่างลวกๆเพราะกลัวว่าคนเป็นแม่จะเป็นห่วง เด็กน้อยจึงตักสินใจฉีกยิ้มให้ตัวเองดูหน้ากระจก เดียวออกไปคุณแม่คนสวยของเธอจะเป็นกังวน
“เฮ้ย! ตะ..ตัวอะไรนะ”หนูยุนอา เดินออกมาจากห้องน้ำ ฉีกยิ้มค้างไว้อย่างนั้นแต่ก็ต้องมายิ้มยิ้มกว้างนั้นลงทันทีที่เห็นพุ่มไม้ระหว่างทางเดินเกิดสั่นไหว และในยามค่ะคืนแบบนี้ แม้จะเป็นในบริเวณร้านอาหารก็เถอะนะ ของมันมองไม่เห็นนิ
“เอาน่ายุนอา ผู้เลอโฉม อย่าไปกลัว...เดียวมันก็ผ่าไป “ หนูยุนอาปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น แต่อวัยวะส่วนล่างของเธอมันจะเริ่มไม่ทำงานแล้วนี่ซิ
“งือ..อัวว แหว๊ะ” เสียงดังมาจากหลังพุ่มไม้ หนูยุนอาก็หลับตายืนกุมมือไว้กลางอก ตัวสั่น ในใจก็ภาวนา
“หนูยังเด็กตับไม่อร่อยหรอกนะ จะกินอย่างอื่นก็คงไม่มีช่วยให้อายุยืนหรอกจ๊ะ รอให้มันได้รับสารอาหารให้โตก่อนค่อยมาใหม่นะจ๊ะ”
“...อ้วกกก หมดรึยังละเนี๊ย ฉันหมดแรง หัวหมุนหมดแล้วนะ” คราวนี้เสียงนั้นดังมาเป็นคำพูดหนูยุนอาค่อยๆลืมตา และตั้งสติฟังเสียงนั้นอีกที
“น่าจะเป็นคนนะ” หนูยุนอาเปรยขึ้น แล้วค่อยๆย่างเท้าเข้าไปแหวกกิ่งไม้ดูด้วยใจลุ้น
“ คุณน้าตำรวจค่ะ เป็นอะไรไปค่ะ มานั่งหมดแรงตรงนี้ทำไมค่ะ “ หนูยุนอาจำได้เป็นคนที่เธอเดินชนตอนเข้าห้องน้ำ แต่ ตอนนี้ไงเลยถึงได้มาหมดสภาพอยู่แบบนี้ละ เด็กน้อยเข้าไปถามไถ่ด้วยความมีน้ำใจลืมไปเลยว่าเคยเจอความร้ายกาจของพี่ตำรวจสาวตรงหน้ามาแล้ว
“เห็นรึเปล่าว่าคนเมาอยู่นะ ถามมาได้” เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาวุ่นวายกับเธอเลยขอข่มหน่อยเถอะ (กับเด็กก็เอา)
ยุนอาไม่ได้สนใจคำพ่นจากปากคุณตำรวจขี้เมาตรงหน้า หนูน้อยยืนคิดว่าจะช่วยยังไงดี รีบลูบๆคลำๆ ตามกระเป๋ากางเกง และกระเป๋าสะพายใบเล็ก ที่ติดตัวมาก็เจอกับแท่งขาวขนาดเล็ก แล้วฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“นี่ค่ะ พี่ตำรวจค่ะ ดมๆหน่อยนะจะได้ดีขึ้น “ หนูยุนอารีบเปิดฝายาดมแล้วย่อตัวยื่นให้ผู้หญิงขี้เมาได้รับสารระเหยเหล่านั้นทันที
“เธอมาช่วยฉันทำไม คิดจะขอโทษกับสิ่งที่ทำไว้ละซิ ฉันโกรธง่ายหายยากนะจะบอกให้” สูดดมไปก็แสดงอาการปกปิด ไม่อยากให้เด็กน้อยคนนี้ได้ใจ จ่าซอยังพูดด้วยโทนเสียงข่มขู่เช่นเคย หนูยุนอาได้แต่เงียบไม่ได้กล่าวถ้อยคำใดออกมา หนูน้อยนั่งนิ่งเงียบอยู่นาน
“เอาเถอะๆ ยังไงก็ขอบใจนะ นี่นะ “เธอบุ้ยปากไปที่ยาดมในมือ
“ฉัน จ่าซอ และเธอละ ดูซิดึกๆดื่นๆ ออกมาเที่ยวได้ไง พ่อแม่ไปไหนถึงได้ ไม่มาตามไปสักที” จ่าซอแนะนำตัวเพื่อทำลายความเงียบ และก็ถือโอกาสถามชื่อหนูน้อยผู้ใจดี แต่ก็ไม่วายจิกกัดแกมบ่น ด้วยสายตาเคือง
“หนูชื่อ ยุนอาค่ะ มากับม๊าๆ นั่งอยู่ในร้านค่ะ”หนุน้อยรีบตอบคำถามทันที
“เหรอ...ลูกใครหว่า “ ลูกนายตำรวจในร้านเธอต้องรู้จักทุกคนแหละ แต่เด็กคนนี้ลูกใครหว่า จ่าซอยังคงวนเวียนอยู่กับคำถามเดิมๆ
“หน้าคุ้นๆนะเรา ปีนี่อายุเท่าไหร่”
“ปีนี่สิบขวบค่ะ ปีหน้าก็สิบเอ็ด ก่อนหน้านั้นก็เก้าขวบค่ะ”
“ไม่ต้องมาประชดก็ได้นะ ถามนิดเดียวเอง แต่สิบขวบตัวโตเนอะ ที่บ้านเลี้ยงด้วยอะไรนี่” จ่าซอเริ่มชวนคุยเช่นเคย ดูซิสูงเกือบจะเท่าเธอเลย เทียบกันแล้วอายุยี่สิบสองแต่เตี๊ยเกือบเท่าเด็กสิบขวบ เธอสูง168 ซม ก็คิดดูแล้วกันว่าหนูยุนอาสูงเท่าไหล่เธอนะ
“ยุนอา!!” เสียงหวานเรียกตัวลูกสาว
“ม๊า...ม๊ามานี่หน่อยมาช่วยลูกน้องม๊าหน่อยเร็วเขาจะตายแล้ว” หนูยุนอารีบกวักมือเรียกมารดาของเธอให้รีบมาดูพี่ตำรวจขี้เมาคนนี้
“อุ๊ย!! ตายละหว่า”จ่าซออุทานเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้ นี่เด็กคนนี้ลูกผู้กองคนใหม่เหรอ มิน่าถึงไม่เคยเห็นหน้าที่ไหน อย่าฟ้องแม่หนูนะ จ่าซอส่งสายตาอ้อนวอนเป็นความหมาย
“ม๊ารีบช่วยสิ ดูทำหน้าจะตายอยู่แล้ว”หนูยุนอาเกาะแขนคุณแม่เขย่าอย่างรีบร้อน
“ลุกไหวมั้ย มะ ฉันช่วยประคองคุณไปนั่งตรงโน้นค่ะ”ผู้กองเจสสิก้าช่วยประคองนายตำรวจหญิงมานั่ง ผู้กองสาวพูดคุยแนะนำกันอย่างเรียบง่าย และเธอก็เพิ่งรู้ว่าคนที่จัดการเรื่องบ้านให้เธอคือนายตำรวจหญิงคนนี้เอง แล้วด้วยการสนทนาที่เป็นกันเองของผู้กองสาวทำให้จ่าซอนั้นสัมผัสได้ถึงความเป็นคนไม่ถือตัวและก็น่าจะเป็นเจ้านายที่ใจดีมากเลยทีเดียว ทั้งสองตกลงกันเรื่องการย้ายที่พัก โดยนัดเจอกันในวันพรุ่งนี้ ผู้กองสาวอยากจัดการเรื่องส่วนทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะเข้าปฎิบัติหน้าที่ ทั้งสามคนเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอาการจ่าซอดีขึ้นมาก
เชฟสาวเสร็จจากการทำหน้าที่ในโรงแรมแห่งนี้ด้วยเวลาปกติ ร่างสูงสวมเสื้อฮู้ดทับด้วยเเจ็กเก็ตหนังสีดำ ใบหน้าถูกปกปิดด้วยแว่นสีชา ราคาแพง ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งก้าวออกมายืนหน้าประตูโรงแรมเพื่อรอเรียกแท็กซี่
“ม๊าๆ จ่าซอขี้เมาคนนั้นจะกลับถึงบ้านมั๊ยม๊า..ดูท่าไม่น่ารอดเนอะม๊า แล้วยังทำท่าอยากมาส่งเราอีก ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย” เสียงเจื้อแจ่วดังขึ้นเรียกร้องให้เชฟสาวผันหน้ามองหาต้นเสียง หนูยุนอา ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่พร้อมคุณแม่คนสวยที่อยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศชั้นผู้กอง
“เด็กคนนี้อีกแล้ว” ยูริคิดในใจ เธอกระตุกยิ้มมุมปากพอได้เห็นใบหน้าของเด็กคนนี้ชัดๆ ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสนใจ บนหน้าอ่อนวัยนั้น
หนูยุนอาก็พูดพล่ามตามประสาไปเรื่อยแม้จะถูกสายตาดุ ปรามจากเจสสิก้า แต่หนูน้อยก็ไม่ด้วยหวาดกลัวแต่อย่างใด พลันสายตาสะดุดกับร่างสูงที่สวมแว่นสีชาหันมามองเธอและมารดาของเธอพอดี หนูน้อยฉีกยิ้มกว้างอวดฟันสวยให้ทันที เล่นเอาร่างสูงของเชฟสาวใจกระตุกกับรอยยิ้มนั้น ยิ่งเห็นเด็กน้อยยกมือโบกไหวๆ ก็ทำเป็นไม่สนใจรีบก้าวขึ้นแท็กซี่ที่เรียกไว้ทันที
“ยิ้มให้ใครนะยุน” เสียงหวานถามลูกสาวที่ส่งยิ้มให้คนเมื่อครู่
“ยุนว่าต้องใช่คนที่ให้ผ้าเช็ดหน้าเราแน่เลยม๊า “ยุนอาตอบคำถามด้วยความไม่มั่นใจ แต่เธอก็พอจำเสี้ยวหน้าของเชฟคนสาวนั้นได้อยู่หรอกนะ แต่พอมาอยู่ในชุดธรรมาแบบนี้ก็เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
ยูรินั่งแท็กซี่ไปที่สวนสาธารณะ ใกล้ๆคอนโด เวลาดึกแบบแม้ไฟความสว่างจะยังเปิดอยู่รอบบริเวณพื้นที่ แต่ทุกครั้งที่ยูริต้องการความเงียบสงบ เธอก็จะมานั่งในสถานที่แห่งนี้ ในความคิดของเธอกลับค่อยๆปรากฏ หน้าและรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาฉายชัด แววตาความเป็นกังวนของหญิงสาวอีกคนที่เจอเมื่อตอนนั้น ทำไมนะทำไม เจอกันแค่ชั่วครู่แต่กลับมีอิทธิพลต่อความนึกคิดของเธอได้มากถึงเพียงนี้ เธอเริ่มสนใจตั้งแต่เมื่อไหร่
“สนใจเหรอ” ยูริพูดขึ้นลอยๆ แล้วยิ้มขำกับความคิดตัวเอง สักพักแววตาก็เปลี่ยนไปเกิดเสียงหัวเราะดังเบาๆในลำคอ
“ฉันอยากรู้จักพวกเธอ”น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยออกมา ก่อนจะยืนขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกไปจากสถานที่อันเงียบสงัดแห่งนี้ เสียงลมพักหวิวไล่แผ่นหลังอันสง่างานนั้นอย่างกับเป็นการพลักดันให้ร่างสูงก้าวไปหาสิ่งที่น่าสนใจ
ในห้องนอนสีขาว สะอาดตา ทุกสิ่งถูกวางเป็นระเบียบด้วยฝีมือการจัดของร่างสูงเจ้าของห้อง ยูริเพิ่งกลับเข้ามาได้ไม่นานก็เปิดเจ้าแท็ปเลท ขึ้นมาตรวจเช็คอีเมลล์
“ยูล พี่ได้เบาะแสบางอย่าง อีกสองวันพี่จะไปหา เจอกันที่.......”
อ่านข้อความจบก็รู้สึกใจเต้นแปลกๆ กับข่าวที่เพิ่งได้รับจากพี่ชายที่ส่งมาบอกเธอ ยูริทิ้งแท็ปเล็ทในมือ ก่อนจะแสดงความเป็นกังวน ทั้งทางสีหน้า จนต้องยกนิ้วขึ้นมากัด เดินรอบบริเวณห้องนั่งเล่นวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ ตอนนี้เธอเกิดความสับสนขึ้นในใจแต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็กลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าพี่ชายเธอเจอกับผู้หญิงคนนั้น แล้วเธอควรจะทำอย่างไรต่อ ยิ่งคิดยิ่งสับสน ยิ่งรู้สึกผิด คืนนี้เธอต้องนอนไม่หลับแน่ ยูริเดินไปเปิดตู้ยาหยิบยาที่มีส่วนผสมของยานอนหลับแล้วกลืนมันลงคอตามด้วยน้ำที่ร่างสูงดื่มไปเยอะน่าดู
“มันต้องหลับ ต้องหลับ เธอต้องไม่คิดถึงมันอย่าคิดนะยูริ มันยังไม่เกิดขึ้น หยุดความแค่แค่นั้นซะ!!” เธอพูดกับตัวเองอีกครั้ง เหมือนเป็นการย้ำเตือนในความคิด เธอรีบจัดการตัวเอง แล้วพาร่างสูงสง่ามาทิ้งตัวลงนอน บนเตียงนุ่ม เพื่อหยุดความคิดของเธอเสียที
ห้องท่านรองประธานผู้ส่งออกเครื่องดื่มยี่ห้อดังของเกาหลี ชายหนุ่มหน้าตาดีเข้าขั้นหล่อ แต่งตัวเนี้ยบดูดี น่าเกรงขาม นั่งอยู่หลังโต๊ะท่านรองประธานบริษัท ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉาวแววกังวน ก่อนหน้านี้เขาได้ทราบข่าวเพื่อนสนิทร่วมรุ่นที่ถูกหญิงล่อลวงไปทำร้าย แต่พอได้พูดคุยกับเจ้าตัวกลับไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง คนอย่างคิม จี ฮุนไม่น่าเสียท่าได้ง่ายๆหรอก และจากที่ผ่านๆมา ก็ไม่เคยมีใครแค้นมากถึงได้กล้าลงมือ
“คุณซีวอนค่ะ เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ รอทางคู่สัญญาติดต่อมาค่ะ” เลขารายงาน
“ครับ “เขารับคำกับเลขาสาวด้วยรอยยิ้ม
“ตารางงานของวันนี้หมดแล้วค่ะ “เลขารายงานต่อ ซีวอนถอนหายใจพยักหน้ารับแล้วลุกออกจากห้องทันที
ซีวอนนั่งดื่มในผับแห่งนี้นานพอสมควร จนในเลือดของเขาน่าจะเริ่มมีแอลกฮอลล์สะสมอย่มากที่เดียว ชายหนุ่มไล่สายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบผู้หญิงในลักษณะที่คล้ายกับคำบอกเล่าของเพื่อนเขาเลยสักนิด ซีวอนตัดสิ้นใจกลับทันที น่าเสียดายที่มาแล้วไม่เจอ
ร่างชุดดำสวมหมวกไหมพรมสีดำ นั่งมองซีวอนด้วยสายตาไร้ความรู้สึก ไม่อาจบอกได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกเช่นไร เมื่อเห็นเป้าหมายลุกออกไปก็จับตามองไปด้วยสายตาแข็งกร้าว
“มันถึงเวลาของแกแล้ว ไอ้ตัวดี” เรียวปากขยับถ้อยคำด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะบิดเจ้าบิ๊กไบท์คู่ใจตามประกบ
เสียงรถไล่หลังทำให้ซีวอนมองผ่านกระจกหลังไป แล้วแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากทันที
“อยากลองดีกับนักแข่งเก่าอย่างฉันนักรึไง ได้ แล้วแกจะได้รู้ว่าใครจะชนะ” ซีวอนสวมคราบนักแข็งเก่าเหยียบคันเร่งปาดซ้ายปาดขวาแข่งกับบิ๊กไบท์ที่ไล่หันมา แต่ด้วยสติที่ไม่ครบถ้วนจึงไม่สามารถประคองรถไว้ได้ รถเบนท์คันดังกล่าวเสียหลักพุ่งชนขอบกั้นทางพลิกคว่ำ ร่างสูงฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ก่อนจะขับเจ้าบิ๊กไบท์คู่ใจหายไปในค่ำคืนนี้
“ฉันคงนอนหลับได้สักทีสะใจเป็นบ้า”
หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง บ้านช่องเรียงรายดื่นดาษ ละลานตา ตลอดระยะทางที่รถเชื้อสายญี่ปุ่นแล่นเข้าหมู่บ้านมาเด็กน้อยในรถดูท่าทางจะสนอกสนใจกับความสวยงานของสถานเคหะแห่งนี้มากอยู่ไม่ใช่น้อย ชี้ไม้ชี้มือบอกคนเป็นแม่ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ถึงแล้วค่ะผู้กอง ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า “จ่าซอ จอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตัวบ้านทรงทันสมัย ด้วยการออกแบบที่มีสไตร์ ดูไม่เหมือนใคร
”ว้าววว นี่บ้านใหม่เราเหรอม๊า โอ้วววสวยจัง กี่ตังค์เนี๊ย” ประโยคหลังหันมากระซิบถามผู้เป็นมารดาเสียงอ่อย ก็รู้อยู่ว่าแม่ของเธอเป็นตำรวจ ลำพังจะไปมีเงินเก็บมากมายเหมือนนักธุรกิจพันล้านได้ไง แม่เธอเคยสอนไว้จะใช้จ่ายอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังและวางแผนการใช้จ่ายให้รัดกุม แม่ไม่ได้งกนะแต่แม่เป็นคนหารายได้เข้าบ้านคนเดียว เลยต้องกลายเป็นคน ติดจะตระหนี่ไปเล็กน้อยเอง
“ป่ะ ขนของเข้าข้างในกัน ป่ะยุนช่วยม๊าหน่อยจะได้เสร็จไวๆ” ผู้กองเจสสิก้า เอ่ยชวนและไม่ลืมจะย้ำกับลูกสาวคนเดียวของเธอที่ทำท่าจะวิ่งเข้าไปในบ้านตัวเปล่า
บ้านสองชั้น มีสองห้องนอน อยู่ชั้นบน และด้านล่างถูกจัดแบ่งได้อย่างลงตัวทั้งห้องครัวที่ดูจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าห้องกว้างน่าจะพอๆกับห้องนั่งเล่นกลางบ้าน ภายในถูกทาด้วยสีชมพูอ่อนๆดูสบายตา
“หนักก็หนักจะขนอะไรใส่ไปข้างในเยอะแยะนะ”หนูยุนอาบ่นทุกทีที่ต้องยกกระเป๋าขึ้นไปไว้ในห้อง ท่าทางทุลักทุเลก็เลยถูกจ่าสาวที่มาด้วยหลุดขำก๊าก ออกมา หยูยุนอาเลยตวัดสายตาไม่พอใจมาให้ทันที
“นี่จ่าซอ..หยุดเดียวนี้นะ” หนูยุนอา ขึ้นเสียงใส่คนที่เอาแต่หัวเราะ ตัวก็ใหญ่กว่าแต่แทนที่จะมาช่วยเด็กยกก็ไม่ได้
“น้ำใจนะมีไหมค่ะคุณตำรวจ” นั่นไง เล่นถึงตำแหน่งหน้าที่เลย จ่าซอหุบกริยานั้นทันทีพร้อมยิ้มหน้าเจือนเดินขึ้นบันไดไปช่วย
“ก็เห็นว่าเป็นเด็กก็น่าจะแรงเยอะ เผื่ออยากโชว์เพาว์ไง” ปากก็พูดไปมือก็ช่วยเด็กน้อยถือกระเป๋าใบใหญ่เข้าห้องนอนไป
“”ไม่ต้องเลยค่ะ ยุนจะหมดแรงอยู่แล้ว ว่าแต่คุณแม่เสร็จรึยังนะ”ว่าแล้วก็วิ่งออกจากห้องไปอีกห้องหนึ่งทันที
“อ้าว..ทิ้งเราซะงั้น” จ่าซอส่ายหน้ากับอาการของเด็กน้อย ขึ้นชื่อว่าเด็กเดาอารมณ์ยากจัง แล้วก็เลยถือวิสาสะจัดการเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าเข้าตู้ให้เรียบร้อย ผู้กองของเธอจะได้ไม่เหนื่อย
ปิงป๋อง ๆๆ
“ใครนะม๊า “หนูยุนอามองผ่านหน้าต่างห้องนอนผู้กองเจสสิก้าด้วยความสงสัย เห็นมีชายหญิงแก่คู่หนึ่งถือของพวกผลไม้มาเต็มไม้เต็มมือ
“ลงไปดูกันป่ะ หรือจะเป็นเพื่อนบ้านเราก็ได้นะ” ผู้กองเจสสิก้าจูงมือลูกสาวลงมา
“อ้อ..ผู้กองมาพอดีเลยคะ ผู้กองค่ะนี่คุณควอนและภรรยา เพื่อนบ้านหลังข้างๆนี้ค่ะ”จ่าซอแนะนำทั้งสี่คนให้รูจักกัน และดูเหมือนหนูยุนอาจะเข้ากับเพื่อนบ้านต่างวัยได้ดีมาก ถึงขั้นผู้ใหญ่ทั้งเอ่ยปากขออนุญาติกับผู้กองเจสสิก้าว่าให้หนูยุนอาไปเล่นที่บ้านบ้าง คนแก่จะได้ไม่เหงา ผู้กองเจสสิก้าก็ดีใจจากบ้านจากเมืองมาด้วยหน้าที่และการตามหาคนสำคัญ เธอก็ห่วงอยู่ว่ายุนอานั้นจะปรับตัวไม่ได้ แถมพอได้คุยกับเพื่อนบ้านทั้งสองเธอเลยอุ่นใจขึ้นเยอะเวลาที่เธอต้องออกไปปฎิบัติหน้าที่จะได้ฝากฝังยุนอากับกับท่านให้ช่วยสอดส่องดูแลด้วย
“งั้นเอางี้ เรียกฉันว่าย่าก็ได้นะหนูยุน ฉันมองหน้าหนูยุนแล้วคิดถึงลูกชายขึ้นมาทันทีเลย”คุณนายควอนพูดขึ้นมือแห่งริ้วรอยก็ลูบผมสลวยเด็กน้องข้างกายด้วยความเอ็นดู
บ้านครอบครัวคุณควอน
“คุณแน่ใจนะ...ว่าสืบเรื่องมาถูกต้องไม่ผิดตัวอีก”
“เอ้า! แน่สิคุณคราวนี้ถูกตัว ก็ดูหน้าแม่หนูยุนอาสิ เหมือนใครละ” ก็แน่ละคุณนายควอนก็ต้องถามให้แน่ใจ เดียวได้เหมือนคราวที่แล้วอีก ไปตามหาทายาทผิดตัว อ้ายอาย อุตส่าไว้ใจให้ตามสืบเรื่องอยู่ตั้งนาน
“อืม ก็ขอให้ใช่ละนะ” คุณนายควอนครางรับเบาๆ จะใช่ไม่ใช่อย่างน้อยๆก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ อยากรู้อยากเจอก็ได้รู้กันแหละ
“แล้วจะบอกเจ้าตัวเขาหรือเปล่า พักนี้ฮยอกจุน บอกว่าเขาบ่นออกมาว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่” คุณนายควอนปรึกษาสามี สีหน้าดูจริงจังขึ้น
“ผมกลัวแม่หนูเคราะห์ร้ายคนนั้นจะแก้แค้นลูกของเรานะซิ ทำเขาไว้ซะขนาดนั้น แล้วท่าทางญาติแม่หนูนั้นก็ตามๆคนของเราอยู่เหมือนกัน “ คุณควอนตอบเสียงเครียดแต่ตาก็มองไปที่บ้านหลังข้างผ่านกระจกเห็นหนูน้อยยุนอากำลังวิ่งเล่นอยู่รอบๆตัวผู้กองสาวอย่างสนุกสนาน เลยอดยิ้มตามไม่ได้
“แหม นี่ขนาดยังไม่รู้จะใช่หลานแท้ๆรึเปล่าดูท่าคุณตาควอนจะหลงหนูยุนอาเข้าแล้วละ” คุณนายควอนเหน็บสามี ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
ความคิดเห็น