คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แค้นรัก..ขยี้ใจ03
“แฮ่ม!! คุณคิม แทยอน เท่าที่ทราบวันนี้คุณลาพักร้อนไม่ใช่รึไง” เสียงกระแอมเรียกชื่อสาวร่างเล็ก ที่นั่งหันหลังให้ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ส่วนสาวนักพิสูจน์อักษรเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นตกใจอะไร เป็นเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกเองนั้น ส่งสัญญาณทำปากขมุบขมิบให้เพื่อนสาว
“แกฉันตายแน่”
คิม แทยอนกลืนน้ำลายลงคอแล้วค่อยๆหันมายิ้มให้เจ้าของเสียง แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ ร่างเล็กยกมือชี้หน้าคนตัวสูงอย่างเอารื่อง
“แก! อิหยอง!! ฉันจะฆ่าแก” แทยอนชี้หน้าย่างสามขุมเข้าไปไล่ประทุษร้ายร่างกายของซูยอง ร่างสูงก็ได้แต่ยิ้มอย่างผู้ชนะ อีกครั้งที่ได้แกล้งเพื่อนสาวตัวเล็กนี้
“พอๆ ยอมแล้วๆ โหแรงเยอะนะเนี๊ยเห็นตัวเล็กแค่นี้” ซูยองบ่น พลางทิ้งตัวนั่งที่โซฟา
“เป็นไงละฉันก็คิดว่าคุณหัวหน้าจอมเหี้ยบนั้นซะอีก ทำเสียงมาซะเหมือนเลย”
“กลัวอะดิ” ซูยองหยอก
“เออดิ...จ้องมาทีนะโอ้ยย อย่างกับจะฆ่ากันงั้นแหละ” แทยอนทำท่าขนลุก ให้ซูยองได้แต่นั่งขำ ส่วนซันนี้นั้นก็จดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ตรงหน้า โดยไม่ได้สนใจสิ่งมีชีวิตที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันในห้องเธอเลย
“นี่ๆ เมื่อเช้าได้อ่านข่าวไอ้คุณชายนั้นไหม” แทยอนเปิดหัวข้อสนทนา ที่เป็นกระแสข่าวดังอยู่ในตอนนี้
“ไฮโซ คิม จี ฮุน ที่เคยมีคดีกระทำชำเรา แม่ดาราชื่อดัง มีการฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก็หลุดน้ำมือกฎหมายมาได้เหมือนทุกครั้งอ่ะ “ซูยองร่ายประวัติคาวๆของหนุ่มไฮโซให้แทยอนฟัง
“ฉันละอยากจะเดินไปสมน้ำหน้ามันนักนะ แกจำได้ไหมหยองวันนั้นนะที่เราไปผับกัน แหม มันมาทำท่าทางขี้หลีใส่ฉันนะ ถ้าตัวฉันสูงเท่ากันนะแม่จะตั้นหน้างายเลย” แทยอนเล่าอย่างออกรสชาติกับท่าทางกำหมัด กำมืออย่างเจ็บแค้น
“นี่แต่รู้ไหมว่าคืนนั้นนะ พอมันไม่ได้คนสวยๆอย่างฉันนะ รู้ไหมมันทำยังไง” แทยอนยังคงเล่ารายละเอียดและเปิดข้อสนทนาให้ซูยองสนใจยิ่ง
“เขาทำอะไรแกเหรอ” ซูยองถามด้วยความตกใจ และซันนี่ก็หันมาฟังทั้งคู่อย่างจริงจัง
“พอฉันปฎิเสธไป ไอ้ตี๋นี้ ก็..เดินกลับไปเกี้ยว พวกสาวหมวยโต๊ะข้างๆที่ฉันเล็งไว้นะแก โอยยคิดแล้วเสียดายของ” แทยอนทำสีหน้าเสียดาย อย่างน่าหมั่นไส้ ส่วนคนสองคนที่ตั้งใจฟังก็อย่างจะเขกมะเงกงามๆให้สักทีสองที คนอุตส่าเป็นห่วงคิดว่าจะโดนวางยาแล้วฉุดเข้าโรงแรมแล้วซะอีก ยัยบ้าแทย๊อน
“แต่ก็ดีแล้วนี่ที่เขาไม่ทำอะไรแก จะว่าไปก็อยากขอบคุณคนที่กล้าจัดการไอ้ตัวร้ายนี้ด้วยเหมือนกันนะ ดูท่าคงหายหน้าไปนาน” ซูยองพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลอยคิดอยากขอบคุณคนคนนั้นจริงๆ
“ต่อให้ใครหน้าไหนกล้ามาทำรุ่มร่ามกับแทยอนคนนี้นะ ก็จะมีน้องสาวคนสวยของแทอย่างจ่าซอฮยอนควรช่วยเหลืออยู่แล้วย๊ะ โฮะๆๆ” แทยอนป้องปากหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เอ่อ..ว่าแต่ช่วงนี้จ่าซอ ไม่ค่อยแวะมาหาพวกเราเลยนะ” ซันนี่นึกถามถึงน้องสาวเพื่อนตัวเล็กที่เป็นถึงตำรวจ ที่พักนี้ไม่ค่อยได้แวะมาหาแทยอนที่สำนักพิมพ์สักเท่าไหร่ เลยอดที่จะถามถึงไม่ได้
“อ้อ..เห็นว่าช่วงนี้เร่งทำคดีอะไรสักอย่างนี้แหละ แล้วก็ดูวุ่นๆกับงานต้องรับผู้กองคนใหม่ด้วย นี่ๆ ดีกรีเป็นถึงหน่วยปฎิบัติการลับของ เมืองซานฟรานเชียวนะ” แทยอนพูดโม้ไม่หยุดปาก
“ซันนี่เขาถามแกนิดเดียว แกให้ข้อมูลมาซะ นี่ถ้าฉันเป็นผู้ร้ายนะ จะหลอกถามความลับแกให้หมดเลย” ซูยองว่าให้ แทยอนที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกที่โดนว่า
“ก็แหม...น้องสาวเป็นตำรวจ รู้เรื่องอะไรที่มันมีประโยชน์ สาระดีๆก็อยากแบ่งปันกัน จะอะไรหนักหนาละแกก็นะ ดีแล้วนะที่ฉันพูดพวกแกจะได้รู้จักคนใหญ่คนโตไว้บ้างเผื่อฉุกเฉินขึ้นมา จะได้ไม่มีใครกล้ามาแหยมด้วย”
คุยกันได้สักพักแทยอนก็ขอตัวกลับเพราะเธอยังต้องไปดูความเรียบร้อยที่หอพักอีก ไม่รู้ป่านนี้แม่สาวช่างแอร์ของเธอจะมีคนซับเหงื่อให้รึเปล่าก็ไม่รู้ ล่ำลาเพื่อนทั้งสองเรียบร้อยก็ออกเดินทางกลับทันที
ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกดังขึ้นเพื่อเป็นกาขออนุญาต เจ้าของห้อง ชายร่างท้วมในชุดสีกากี นั่งเปิดแฟ้ม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สักพักก็เอ่ยเสียงเป็นการอนุญาต ให้ลูกน้องเข้ามา เขามองนายตำรวจหญิงที่หยุดยืนทำความเคารพ แล้วพยักหน้า
“ดิฉันนำสรุปสำนวนคดี โจรที่โจรกรรมห้างทอง มารายงานท่านค่ะ “ นายตำรวจหญิงรายงานด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ดีมากจ่าซอ คุณนี่ทำงานรวกเร็วดีจริงๆ น่าเสียดายที่ไม่ยอมเลื่อนยศนะจ่า ไม่คิดว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตแบบท่านๆทั้งหลายนั้นบ้างหรือไง” นายตำรวจพูดหยอกล้อ ให้นายตำรวจสาว ที่ไม่เคยคิดอยากเลื่อนตำแหน่งทั้งๆที่ผลงานก็ออกจะเด่นกว่านายตำรวจยศโตๆ ซะอีก
“ไม่ละค่ะท่าน เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะท่าน ต่อให้มียศใหญ่โตแค่ไหน แต่เมื่อถึงคราวต้องสละชีพ พวกยศฐานบรรดาศักพวกนั้นก็ช่วยเราไม่ได้หรอกค่ะ” จ่าซอแสดงความคิดเห็น เธอยึดในอุดมการณ์นี้มาตลอด ตั้งแต่เรียนจบและได้เข้ามาเป็นตำรวจสมใจ
“เยี่ยมมาก อย่างนี้ซิไม่เสียแรงที่พ่อเธออยากให้เธอเป็นตำรวจ หนูซอ”
“โถ่ท่านค่ะนี้มันเวลางานอย่าเรียกแบบนี้สิค่ะ” จ่าซอ หันรีหันขวากลัวคนอื่นจะมาได้ยิน ที่ท่านผู้บังคับบัญชาเรียกเธออย่างสนิทสนมเช่นนี้
“จ้าๆลุงไม่เรียกแล้วก็ได้” ยัง ยังไม่จบอีก จ่าซอเลยได้แต่ส่งสายตาดุ ให้ท่านผู้บังคับบัณชาตรงหน้า ซึ่งท่านก็ได้ระบายยิ้มกลับมาอย่างเอ็นดู แล้วก็เริ่มเปิดดูรายงานดังกล่าว
“อ้อนี่จ่า ทราบข่าวหรือยังว่าสถานีตำรวจของเราจะมีนายตำรวจหญิงย้ายมาประจำการ ผมอยากให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องที่พักให้เขาหน่อย อืม...เอาเป็นว่าถ้าคุณว่างไม่ซิ คุณต้องไปดูที่บ้านเช่าในหมู่จัดสรร ให้หน่อยได้ไหม เอาที่มีความปลอดภัย มีระบบมาตรฐานด้วยยิ่งดี ช่วยจัดการตามนี่นะ” เอาเข้าไป นี่ตาผู้บังคับบัญชาเธอจะไม่ให้เธอถามอะไรที่สงสัยเลยใช่มั๊ย พูดเองเอ่อเองยาวๆ รวบรัดตัดตอน ได้ดีจริงๆ แล้วเป็นตำรวจทำไมต้องมาลำบากให้เธอหาที่พักให้ด้วยละ มาสร้างความลำบากให้เธออีกทำไม ตำรวจรังแกตำรวจ ซอจะฟ้องใครดี!!
“ค่ะท่าน แล้วดิฉันจะรีบจัดการค่ะ” ตะเบะท่าทำความเคารพ รอรับคำสั่งแล้วก็ขอตัวออกไป จ่าซอ ยืนทำหน้างงๆ ไม่รู้จะเริ่มหาบ้านจัดสรรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมแบบนั้นได้ที่ไหน คิดแล้วก็คิดไม่ออก แต่เมื่อมองดูเวลาก็ได้เวลาออกเวรพอดีเอาว่ะ ขับรถตระเวรหาไปเรื่อยคงหาได้เองแหละน่า จ่าสาวร่างเพรียวเก็บของที่โต๊ะเสร็จก็มุ่งหน้าออกนอกโรงพักแห่งนี้ทันที
จ่าซอ หรือ ซอ จูฮยอน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำโรงพักในเขตพื้นที่เล็กแห่งนี้ ที่พื้นที่รับผิดชอบเต็มไปด้วยแหล่งสถานที่อันเสี่ยงต่อการเกิดเหตุ อันตรายรอบด้าน แม้จะเป็นเขตพื้นที่เล็ก แต่ ย่านที่เป็นแหล่งรวมคนมากๆแบบนี้ก็ไม่เล็กเลย หากเกิดเหตุแต่ละที่ก็ยากนักที่กว่าจะตามรับคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เล่นเอาตำรวจยศต่ำต้อยอย่างเธอ ถูกเรียกสอบวินัยออกบ่อยไป บางครั้งเกือบจะโดนเด้งก็มีที่ไปเหยียบจมูกผู้มีอิทธิพลเข้า ช่วงนั้นก็มีคนตามมาส่งพร้อมลูกตะกั่วบ่อยๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน
รถจ่าซอจอดติดไฟแดงเธอมองภาพตรงหน้าที่มีผู้คนเร่งรีบเดินข้ามทางม้าลาย มันก็เป็นภาพที่คุ้นชินเป็นประจำที่พอไฟเขียวขึ้นปับคนสองฟากฝั่งถนนก็รีบเดินโดยแทบไม่ลืมหูลืมตาดูคนที่สวนทางไปมาบ้างครั้งก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่สงสัยคงรีบมากเลยได้แต่ส่งสายตาตำหนิไปให้กันแล้วก็จากันไป
“อืมเด็กคนนั้นน่ารักจัง ดูสิยังมีน้ำใจช่วยพี่สาวถือของอีก โตขึ้นน่าจะไปประกวดนางงามได้เลยนะ” จ่าซอ มองเห็นเด็กสาวผิวขาว วิ้งใส คนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนที่ดูน่าจะแก่กว่าเธอสองสามปีได้มั่ง น่าจะเป็นพี่สาวเด็กน้อยคนนั้น ที่ช่วยกันถือถุงเสื้อจากห้างดังเดินข้ามถนนผ่านหน้ารถเธอไป จ่าซอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้ฉีกยิ้มแย้มตามเด็กสาวคนนั้นไปอย่างลืมตัว
“เอ้ย.เป็นบ้าป่าว ยิ้มตามทำไมนะ” บ่นกับตัวเองอย่างขำขันแล้วสัญญาณไฟก็ปล่อยรถให้วิ่งต่อไป นิ้วเรียวยื่นไปกดเปิดเพลงฟังเบาๆ แต่เพลงที่ดังขึ้นนั้นก็เหมือนมีแต่เพลงที่ทำร้ายคนโสดอย่างเธอเสียงจริง ได้ยินแล้วก็ต้องหงุดหงิดทุกที ก็แค่ไม่มีเวลาหาคนรู้ใจไม่ใช่ไม่มีใครจีบสักหน่อย ที่เห็นโสดอยู่นะ แค่เลือกมากหน่อยเท่านั้นเอง
จ่าซอแวะเข้าสอบถามหลายต่อหลายที่แต่ก็ไม่ถูกใจเธอนักเลยขับรถ หาบ้านหลังที่ถูกใจ จนมาเจอเข้ากับบ้านสองชั้นที่ออกแบบได้ทันสมัยและน่ารัก ดูไม่ใหญ่หรือกว้างจนเกินไปหน้าบ้านมีสนามกว้างพอให้วิ่งเล่น แถมก็ยังมีเพื่อนบ้านหลังข้างๆ อีก เจ้านายเธอน่าจะชอบบ้านหลังนี้นะ จ่าซอตัดสินใจโทรคุยกับเจ้าของโครงการ พูดคุยรายละเอียดสักพัก จนเป็นที่พอใจก็ตกลงนัดเจรจาทำสัญญาทันที
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” เสียงชายวัยย่างเลขห้าเอ่ยทัก จากรั้วบ้านข้างๆ “มาดูบ้านเหรอครับ” เขาถามตำรวจสาว และก็แอบดีใจขอให้เป็นอย่างที่คิด เขาและภรรยายจะได้มีเพื่อนบ้านเพิ่มมาอีกครอบครัวหนึ่ง
“ค่ะ มาดูบ้านให้เจ้านายนะค่ะ” จ่าซอตอบพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายเพื่อนบ้าน
“ครับผม ควอน ซังวูครับ อยู่บ้านหลังข้างๆครับ” คุณควอนแนะนำตัวกับตำรวจสาว
“ค่ะ ฉัน ซอ จูฮยอนค่ะ “ จ่าซอแนะนำตัวแก่คุณควอน “ คุณควอนอยู่คนเดียวเหรอค่ะ” ที่ถามไปนะไม่ได้อยากจีบหรอกนะ แต่อยากรู้
“อยู่กับภรรยานะครับลูกก็ออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด” คุณควอนพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเริ่มเศร้าๆ แวบหนึ่งที่ตำรวจอย่างเธอจับสังเกตได้ “ แล้วเจ้านายคุณจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ครับเผื่อจะได้มีเลี้ยงต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่กันบ้าง” คุณควอนเอ่ยถามและชวนด้วนน้ำเสียงดีใจ
“คงอีกสักพักนะค่ะ”จ่าซอก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเจ้านายเธอจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่เช่นกัน จบบทสนทนาก็มีแค่รอยยิ้มส่งมอบให้กัน
หญิงสาวต่างวัยสองคนกำลังช่วยกันถือถุงเสื้อผ้าหลายใบ อย่างพะรุงพะรัง และก็มีเสียงบ่นของสาวน้อยวัยสิบขวบ ชื่อยุนอา ที่เดินบ่นมาตลอดทางจนถึงโรงแรม ฮวังที่สองแม่ลูกเลือกเข้าพักชั่วคราว
“ม๊าอ่ะ ดูซิจะซื้ออะไรเยอะเยะนักก็ไม่รู้ ยุนไม่อยากได้สักหน่อย” เด็กสาวโวยด้วยน้ำเง้างอดต่อผู้เป็นแม่ แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ก็เอาทุกอย่างไปถือไว้เองแถบทุกอย่าง ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่เดินอมยิ้มตามลูกสาวของเธอเข้าห้องพักไป
“ม๊าก็ว่าจะไม่ซื้อแล้วนะ..งั้นถ้าลูกยุนไม่อยากได้ม๊าเอาไปทิ้งดีกว่าไหม” เจสสิก้าทำท่าจะหยิบถุงเสื้อผ้าที่กองตรงหน้าไปทิ้ง
“อย่า!!!!” เสียงร้องห้ามพร้อมตัวลูกสาวเธอแถบจะถลาเข้ามากอดถุงผ้าตรงหน้า
“ยุนแค่คิดว่าทิ้งไปไม่มีประโยชน์เอาไปบริจาคดีกว่าค่ะม๊าขา” ยุนอาเสนอความคิด
“แล้วจะเอาไปบริจาคที่ไหนดีละม๊าก็ยังไม่รู้ที่รู้ทางของเมืองนี้ด้วยซิ” เจสสิก้าทำท่ากลุ้มใจ แต่ก็เหล่มอง อาการเสียดายของของลูกสาวเธอ ดูทำหน้าเข้าสิ อยากรู้ว่ายุนอาจะทำยังไงต่อ
“อ้อ ม๊าๆขางั้นเอางี้ดีกว่าค่ะเดียวรอให้ยุนเข้าโรงเรียนที่นี้ได้ก่อน แล้วเดี๊ยวยุนจะถามเพื่อนๆให้ดีกว่าค่ะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ของพวกนี้เก็บไว้ที่ยุนก่อนนะค่ะม๊าขา” พูดเสนอหาทางออกด้วยไหวพริบในแบบฉบับของยุนอา น้ำเสียงอออดอ้อนค่ะขาอย่างน่ารักแล้วก็รีบตัดบทกับคนเป็นแม่ตะกองกอดเจ้าถุงผ้านั้นวิ่งเข้าห้องอีกฝั่งไป
เจสสิก้าส่ายหัวกับความไหวของลูกสาวคนนี้เสียเหลือเกิน ไม่รู้ได้เชื้อใครมากันนะ แต่พอมองแค่เสี้ยวหน้าของลูกสาวตัวเองก็ทำให้คิดถึงเขาคนนั้น คนที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตเธอต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ชั่วข้ามคืน มันเป็นความโชคร้าย แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เธอโชคดีที่ได้ยุนอา เด็กสาววัยแสนสนหนึ่งที่เป็นทั้งดวงใจและลมหายใจของเธอ ที่เธอยอมมีชีวิตอยู่ก็เพื่อลูกสาววัยสิบขวบที่มีรอยยิ้มสดใส คอยเป็นกำลังใจและแรงพลักดันให้คนเป็นแม่อย่างเธอก้าวเดินฝ่าฝันปัญหาทุกอย่างมาได้จนทุกวันนี้
“ม๊า... ยุนหิวแล้ว”เสียงหวานใสๆ เรียกขานผู้เป็นแม่ เดินมุ้ยหน้าลูบท้องมาหา ผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ” เจสสิก้าลูบผมยาวสลวยนั้นเบา
“อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้หลานม๊าๆ ร้องกันใหญ่แล้ว” ยุนอาพยายามยื่นท้องไปหาผู้เป็นแม่ให้ได้ยินเสียงร้องในช่องท้องเธอ
“ป่ะ..ม๊าหยิบของก่อน เดียวเราลงไปทานอาหารของโรงแรมนี้กัน”
สองต่างวัยเดินกอดไหล่กันออกจากห้องพักลงไปทานอาหาร และดูท่ายุนอาลูกสาวของเธอดูจะกระตือรือร้นกับการสั่งอาหารเป็นพิเศษ ท่าทางจะหิวจัดจริง
“ม๊าเร็วๆๆ...ฮือออ ยุนแสบจะตายอยู่แล้ว” เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้น เมื่ออยู่ในห้องน้ำ ในห้องอาหารโรงแรม เพราะด้วยความหิวเลยทำให้ไม่ระวัง ทำให้พริกกระเด็นเข้าตาจนต้องมาร้องไห้โวยวายอยู่แบบนี้
“โอ้ๆ เดียวม๊าล้างน้ำสะอาดให้ก่อนนะ ไม่ร้องนะค่ะลูก “ เธอปลอมโยนด้วยคำพูดหวานเช่นเคย ไม่เคยเล๊ยที่ยุนอาจะเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่แสดงอาการตื้นเต้นต้องใจอะไร เหมือนว่าแม่ของเธอเป็นคนหน้าตายอย่างไงอย่างงั้นดูอย่างตอนนี้ซิ เป็นแม่คนอื่นนะ ลองร้องโวยวายลั่นแบบนี้ไม่โดนดุ ก็โดนตีแน่ ก็ยุนอาเองก็แสบใช่เล่นที่ไหนเรื่องความซนนะ
เชฟสาวร่างสูงหยุดยืนมองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับการได้ยินเสียงเด็กร้องโวยวาย แต่ที่เธอต้องมายืนฟังเสียงที่แสนทรมารอยู่ตรงนี้ก็เพราะเธอรู้สึกเพลียๆ เลยอยากมาล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เชฟสาวเบ้หน้าไม่ยีระกับภาพตรงหน้าและกำลังจะเดินเข้าไปล้างมือ แต่ตาเจ้ากรรมดันมองผ่านกระจก จนเผลอมองหน้าหญิงสาวร่างบางที่กำลังกุลีกุจอ ล้างหน้าล้างตาให้เด็กน้อยคนนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาก็แฝงไปด้วยความกังวังอยู่ไม่น้อย
“ทำไมผู้หญิงตรงหน้านี้ถึงหน้าสงสารจัง” เชฟสาวคิดในใจ ทำไมเธอต้องรู้สึกสงสาร ระคนเห็นใจ ผู้หญิงร่างบางคนนี้ที่สุด
เหมือนสาวต่างวัยสองคนจะกำลังมองหาอะไรบ้างอย่างอยู่ เชฟสาวหลุดจากความคิดของตัวเอง มองเหตุการณ์ตรงหน้าเลยหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ตรงหน้าทั้งสองคน
“ขอบคุณค่ะ” เจสสิก้ารับมาและไม่ลืมจะกล่าวขอบคุณ ผู้หญิงที่อยู่ในชุดคนทำงานในห้องครัวโดยที่ยังไม่ทันได้มองเห็นผู้หวังดีให้ชัดๆ
เชฟสวารู้สึกติดใจอะไรบางอย่าง คลับคล้ายคลับคลา แต่ก็คิดอะไรไม่ออก จึงต้องผละตัวรีบออกมาจัดการงานในห้องครัวต่อทันที
ณ สถานีตำรวจแห่งหนึ่งร่างบางในชุดนายตำรวจยศร้อยเอก ก้าวตามนายตำรวจนายหนึ่งเข้าไปในห้องประชุม วันนี้เธอต้องเข้ามารายงายตัวกับผู้บังคับบัญชา ทันทีทีประตูห้องเปิดออก เหล่านายตำรวจทั้งหลายก็ยืนขึ้นทำความเคารพ ผู้มาใหม่
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน ร้อยตำรวจเอกหญิงจอง ซูยอนค่ะ”
ณ ร้านอาหารเล็กๆข้างโรงพัก ตอนนี้เหล่านายตำรวจทั้งหลายได้มีการลี้ยงต้องรับ ผู้กองคนใหม่ จัดเป็นงานเล็กๆ แต่ที่จริงก็เป็นข้ออ้างเท่านั้นแหละเพราะปกติเหล่าตำรวจของโรงพักนี้ก้อยากหาเวลาได้พักผ่อน ดื่มกินกันบ้างอยู่แล้ว
“ม๊าคะ...ยุนว่า เค้าเลี้ยงต้อนรับม๊าแน่เหรอค่ะ” ยุนอาที่นั่งอยู่ข้างผู้กองเจสสิก้าเอ่ยถามตามประสาเด็ก ที่เห็นอะไรก็พูดไปอย่างนั้น ดูซิบอกเลี้ยงต้อนรับแม่เธอ แต่พากันดื่มซะหัวราน้ำเลย ไม่ได้อายเด็กบ้างเลยผู้ใหญ่นี่
ผู้กองเจสสิก้าได้แต่ปรามลูกสาวทางสายตา ยุนอาเมื่อเจอผู้เป็นแม่จ้องมาด้วยสายตาแบบนั้นก็หน้าเจือนลงทันที แต่ก็โชคดีที่มีนายตำรวจเข้ามาทักเสียก่อน เด็กน้อยเลยรอดตัวไป
“โอย ปวดหัวเป็นบ้าเลย” จ่าซอฮยอน บ่นเมื่อเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำคนเดียว จ่าซอยังอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจครึ่งตัวแบบกระโปรง กับเสื้อเชิร์ต แขนยาวสีขาวพับครึ่งศอก
จ่าซอกำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อมีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งพลวดเข้ามาชนเธอจนเกือบเซล้ม
“นี่หนูทีหลังระวังหน่อยซิ !!!” ด้วยความปากไหว และสติที่ไม่ค่อยอยู่กับตัว จ่าซอผู้ใจดีเลยหลุดปาก ตะวาดใส่เด็กสาวเมื่อครู่ไป แล้วมองด้วยสายตาเคืองๆ
“ลูกเต้าเหล่าใครนะ เดียวจับมาตีก้นให้หลาบจำซะเลยนิ” จ่าซอเดินบ่นมาตลอดทาง ด้วยความหงุดหงิด แต่สาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากอาการปวดหัวของเธอเองซะมากกว่า เลยพาลไปลงที่ตัวเด็กคนเมื่อกี้เข้า โชคร้ายไปนะเด็กน้อย
ความคิดเห็น