ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นรัก..ขยี๊ใจ (yulsic taeny yoonseo soosun)

    ลำดับตอนที่ #3 : แค้นรัก..ขยี้ใจ03

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 55


    “แฮ่ม!! คุณคิม แทยอน  เท่าที่ทราบวันนี้คุณลาพักร้อนไม่ใช่รึไง” เสียงกระแอมเรียกชื่อสาวร่างเล็ก  ที่นั่งหันหลังให้ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ  ส่วนสาวนักพิสูจน์อักษรเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นตกใจอะไร   เป็นเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกเองนั้น  ส่งสัญญาณทำปากขมุบขมิบให้เพื่อนสาว 

    “แกฉันตายแน่” 

                           คิม แทยอนกลืนน้ำลายลงคอแล้วค่อยๆหันมายิ้มให้เจ้าของเสียง   แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ ร่างเล็กยกมือชี้หน้าคนตัวสูงอย่างเอารื่อง

    “แก!  อิหยอง!!   ฉันจะฆ่าแก”   แทยอนชี้หน้าย่างสามขุมเข้าไปไล่ประทุษร้ายร่างกายของซูยอง   ร่างสูงก็ได้แต่ยิ้มอย่างผู้ชนะ  อีกครั้งที่ได้แกล้งเพื่อนสาวตัวเล็กนี้

    “พอๆ ยอมแล้วๆ  โหแรงเยอะนะเนี๊ยเห็นตัวเล็กแค่นี้” ซูยองบ่น  พลางทิ้งตัวนั่งที่โซฟา

    “เป็นไงละฉันก็คิดว่าคุณหัวหน้าจอมเหี้ยบนั้นซะอีก  ทำเสียงมาซะเหมือนเลย”

    “กลัวอะดิ” ซูยองหยอก

    “เออดิ...จ้องมาทีนะโอ้ยย  อย่างกับจะฆ่ากันงั้นแหละ”  แทยอนทำท่าขนลุก  ให้ซูยองได้แต่นั่งขำ  ส่วนซันนี้นั้นก็จดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ตรงหน้า   โดยไม่ได้สนใจสิ่งมีชีวิตที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันในห้องเธอเลย

     

    “นี่ๆ  เมื่อเช้าได้อ่านข่าวไอ้คุณชายนั้นไหม”  แทยอนเปิดหัวข้อสนทนา ที่เป็นกระแสข่าวดังอยู่ในตอนนี้

    “ไฮโซ คิม จี ฮุน  ที่เคยมีคดีกระทำชำเรา แม่ดาราชื่อดัง  มีการฟ้องร้องดำเนินคดี  แต่ก็หลุดน้ำมือกฎหมายมาได้เหมือนทุกครั้งอ่ะ “ซูยองร่ายประวัติคาวๆของหนุ่มไฮโซให้แทยอนฟัง

    “ฉันละอยากจะเดินไปสมน้ำหน้ามันนักนะ   แกจำได้ไหมหยองวันนั้นนะที่เราไปผับกัน  แหม  มันมาทำท่าทางขี้หลีใส่ฉันนะ   ถ้าตัวฉันสูงเท่ากันนะแม่จะตั้นหน้างายเลย”  แทยอนเล่าอย่างออกรสชาติกับท่าทางกำหมัด กำมืออย่างเจ็บแค้น

    “นี่แต่รู้ไหมว่าคืนนั้นนะ  พอมันไม่ได้คนสวยๆอย่างฉันนะ  รู้ไหมมันทำยังไง”  แทยอนยังคงเล่ารายละเอียดและเปิดข้อสนทนาให้ซูยองสนใจยิ่ง

    “เขาทำอะไรแกเหรอ”  ซูยองถามด้วยความตกใจ และซันนี่ก็หันมาฟังทั้งคู่อย่างจริงจัง

    “พอฉันปฎิเสธไป  ไอ้ตี๋นี้ ก็..เดินกลับไปเกี้ยว พวกสาวหมวยโต๊ะข้างๆที่ฉันเล็งไว้นะแก  โอยยคิดแล้วเสียดายของ”  แทยอนทำสีหน้าเสียดาย อย่างน่าหมั่นไส้ ส่วนคนสองคนที่ตั้งใจฟังก็อย่างจะเขกมะเงกงามๆให้สักทีสองที  คนอุตส่าเป็นห่วงคิดว่าจะโดนวางยาแล้วฉุดเข้าโรงแรมแล้วซะอีก  ยัยบ้าแทย๊อน

    “แต่ก็ดีแล้วนี่ที่เขาไม่ทำอะไรแก   จะว่าไปก็อยากขอบคุณคนที่กล้าจัดการไอ้ตัวร้ายนี้ด้วยเหมือนกันนะ    ดูท่าคงหายหน้าไปนาน”   ซูยองพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  พลอยคิดอยากขอบคุณคนคนนั้นจริงๆ

    “ต่อให้ใครหน้าไหนกล้ามาทำรุ่มร่ามกับแทยอนคนนี้นะ  ก็จะมีน้องสาวคนสวยของแทอย่างจ่าซอฮยอนควรช่วยเหลืออยู่แล้วย๊ะ โฮะๆๆ”  แทยอนป้องปากหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

     “เอ่อ..ว่าแต่ช่วงนี้จ่าซอ  ไม่ค่อยแวะมาหาพวกเราเลยนะ” ซันนี่นึกถามถึงน้องสาวเพื่อนตัวเล็กที่เป็นถึงตำรวจ   ที่พักนี้ไม่ค่อยได้แวะมาหาแทยอนที่สำนักพิมพ์สักเท่าไหร่ เลยอดที่จะถามถึงไม่ได้

    “อ้อ..เห็นว่าช่วงนี้เร่งทำคดีอะไรสักอย่างนี้แหละ  แล้วก็ดูวุ่นๆกับงานต้องรับผู้กองคนใหม่ด้วย  นี่ๆ ดีกรีเป็นถึงหน่วยปฎิบัติการลับของ  เมืองซานฟรานเชียวนะ”   แทยอนพูดโม้ไม่หยุดปาก

    “ซันนี่เขาถามแกนิดเดียว   แกให้ข้อมูลมาซะ   นี่ถ้าฉันเป็นผู้ร้ายนะ  จะหลอกถามความลับแกให้หมดเลย”   ซูยองว่าให้ แทยอนที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกที่โดนว่า

    “ก็แหม...น้องสาวเป็นตำรวจ  รู้เรื่องอะไรที่มันมีประโยชน์ สาระดีๆก็อยากแบ่งปันกัน  จะอะไรหนักหนาละแกก็นะ   ดีแล้วนะที่ฉันพูดพวกแกจะได้รู้จักคนใหญ่คนโตไว้บ้างเผื่อฉุกเฉินขึ้นมา  จะได้ไม่มีใครกล้ามาแหยมด้วย” 

                        คุยกันได้สักพักแทยอนก็ขอตัวกลับเพราะเธอยังต้องไปดูความเรียบร้อยที่หอพักอีก ไม่รู้ป่านนี้แม่สาวช่างแอร์ของเธอจะมีคนซับเหงื่อให้รึเปล่าก็ไม่รู้  ล่ำลาเพื่อนทั้งสองเรียบร้อยก็ออกเดินทางกลับทันที

     

     

     

                     ก๊อกๆ   เสียงเคาะกระจกดังขึ้นเพื่อเป็นกาขออนุญาต เจ้าของห้อง  ชายร่างท้วมในชุดสีกากี  นั่งเปิดแฟ้ม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด   สักพักก็เอ่ยเสียงเป็นการอนุญาต   ให้ลูกน้องเข้ามา  เขามองนายตำรวจหญิงที่หยุดยืนทำความเคารพ แล้วพยักหน้า

    “ดิฉันนำสรุปสำนวนคดี โจรที่โจรกรรมห้างทอง มารายงานท่านค่ะ “   นายตำรวจหญิงรายงานด้วยน้ำเสียงขึงขัง 

    “ดีมากจ่าซอ  คุณนี่ทำงานรวกเร็วดีจริงๆ   น่าเสียดายที่ไม่ยอมเลื่อนยศนะจ่า  ไม่คิดว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตแบบท่านๆทั้งหลายนั้นบ้างหรือไง”  นายตำรวจพูดหยอกล้อ  ให้นายตำรวจสาว  ที่ไม่เคยคิดอยากเลื่อนตำแหน่งทั้งๆที่ผลงานก็ออกจะเด่นกว่านายตำรวจยศโตๆ ซะอีก

    “ไม่ละค่ะท่าน  เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะท่าน   ต่อให้มียศใหญ่โตแค่ไหน แต่เมื่อถึงคราวต้องสละชีพ  พวกยศฐานบรรดาศักพวกนั้นก็ช่วยเราไม่ได้หรอกค่ะ”   จ่าซอแสดงความคิดเห็น  เธอยึดในอุดมการณ์นี้มาตลอด  ตั้งแต่เรียนจบและได้เข้ามาเป็นตำรวจสมใจ

    “เยี่ยมมาก  อย่างนี้ซิไม่เสียแรงที่พ่อเธออยากให้เธอเป็นตำรวจ หนูซอ” 

    “โถ่ท่านค่ะนี้มันเวลางานอย่าเรียกแบบนี้สิค่ะ”   จ่าซอ  หันรีหันขวากลัวคนอื่นจะมาได้ยิน  ที่ท่านผู้บังคับบัญชาเรียกเธออย่างสนิทสนมเช่นนี้

    “จ้าๆลุงไม่เรียกแล้วก็ได้”  ยัง  ยังไม่จบอีก  จ่าซอเลยได้แต่ส่งสายตาดุ ให้ท่านผู้บังคับบัณชาตรงหน้า    ซึ่งท่านก็ได้ระบายยิ้มกลับมาอย่างเอ็นดู   แล้วก็เริ่มเปิดดูรายงานดังกล่าว

    “อ้อนี่จ่า   ทราบข่าวหรือยังว่าสถานีตำรวจของเราจะมีนายตำรวจหญิงย้ายมาประจำการ    ผมอยากให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องที่พักให้เขาหน่อย  อืม...เอาเป็นว่าถ้าคุณว่างไม่ซิ  คุณต้องไปดูที่บ้านเช่าในหมู่จัดสรร  ให้หน่อยได้ไหม เอาที่มีความปลอดภัย มีระบบมาตรฐานด้วยยิ่งดี  ช่วยจัดการตามนี่นะ”   เอาเข้าไป นี่ตาผู้บังคับบัญชาเธอจะไม่ให้เธอถามอะไรที่สงสัยเลยใช่มั๊ย  พูดเองเอ่อเองยาวๆ  รวบรัดตัดตอน ได้ดีจริงๆ  แล้วเป็นตำรวจทำไมต้องมาลำบากให้เธอหาที่พักให้ด้วยละ   มาสร้างความลำบากให้เธออีกทำไม  ตำรวจรังแกตำรวจ ซอจะฟ้องใครดี!!

    “ค่ะท่าน  แล้วดิฉันจะรีบจัดการค่ะ”   ตะเบะท่าทำความเคารพ  รอรับคำสั่งแล้วก็ขอตัวออกไป  จ่าซอ ยืนทำหน้างงๆ  ไม่รู้จะเริ่มหาบ้านจัดสรรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมแบบนั้นได้ที่ไหน  คิดแล้วก็คิดไม่ออก แต่เมื่อมองดูเวลาก็ได้เวลาออกเวรพอดีเอาว่ะ  ขับรถตระเวรหาไปเรื่อยคงหาได้เองแหละน่า  จ่าสาวร่างเพรียวเก็บของที่โต๊ะเสร็จก็มุ่งหน้าออกนอกโรงพักแห่งนี้ทันที  

                     จ่าซอ หรือ ซอ จูฮยอน  เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำโรงพักในเขตพื้นที่เล็กแห่งนี้   ที่พื้นที่รับผิดชอบเต็มไปด้วยแหล่งสถานที่อันเสี่ยงต่อการเกิดเหตุ อันตรายรอบด้าน แม้จะเป็นเขตพื้นที่เล็ก แต่  ย่านที่เป็นแหล่งรวมคนมากๆแบบนี้ก็ไม่เล็กเลย   หากเกิดเหตุแต่ละที่ก็ยากนักที่กว่าจะตามรับคนร้ายมาดำเนินคดีได้  เล่นเอาตำรวจยศต่ำต้อยอย่างเธอ ถูกเรียกสอบวินัยออกบ่อยไป  บางครั้งเกือบจะโดนเด้งก็มีที่ไปเหยียบจมูกผู้มีอิทธิพลเข้า  ช่วงนั้นก็มีคนตามมาส่งพร้อมลูกตะกั่วบ่อยๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน

                          รถจ่าซอจอดติดไฟแดงเธอมองภาพตรงหน้าที่มีผู้คนเร่งรีบเดินข้ามทางม้าลาย  มันก็เป็นภาพที่คุ้นชินเป็นประจำที่พอไฟเขียวขึ้นปับคนสองฟากฝั่งถนนก็รีบเดินโดยแทบไม่ลืมหูลืมตาดูคนที่สวนทางไปมาบ้างครั้งก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง  แต่สงสัยคงรีบมากเลยได้แต่ส่งสายตาตำหนิไปให้กันแล้วก็จากันไป

    “อืมเด็กคนนั้นน่ารักจัง   ดูสิยังมีน้ำใจช่วยพี่สาวถือของอีก  โตขึ้นน่าจะไปประกวดนางงามได้เลยนะ”  จ่าซอ มองเห็นเด็กสาวผิวขาว วิ้งใส  คนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนที่ดูน่าจะแก่กว่าเธอสองสามปีได้มั่ง  น่าจะเป็นพี่สาวเด็กน้อยคนนั้น ที่ช่วยกันถือถุงเสื้อจากห้างดังเดินข้ามถนนผ่านหน้ารถเธอไป  จ่าซอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้ฉีกยิ้มแย้มตามเด็กสาวคนนั้นไปอย่างลืมตัว

    “เอ้ย.เป็นบ้าป่าว ยิ้มตามทำไมนะ”  บ่นกับตัวเองอย่างขำขันแล้วสัญญาณไฟก็ปล่อยรถให้วิ่งต่อไป   นิ้วเรียวยื่นไปกดเปิดเพลงฟังเบาๆ แต่เพลงที่ดังขึ้นนั้นก็เหมือนมีแต่เพลงที่ทำร้ายคนโสดอย่างเธอเสียงจริง  ได้ยินแล้วก็ต้องหงุดหงิดทุกที  ก็แค่ไม่มีเวลาหาคนรู้ใจไม่ใช่ไม่มีใครจีบสักหน่อย  ที่เห็นโสดอยู่นะ  แค่เลือกมากหน่อยเท่านั้นเอง

                               จ่าซอแวะเข้าสอบถามหลายต่อหลายที่แต่ก็ไม่ถูกใจเธอนักเลยขับรถ หาบ้านหลังที่ถูกใจ จนมาเจอเข้ากับบ้านสองชั้นที่ออกแบบได้ทันสมัยและน่ารัก  ดูไม่ใหญ่หรือกว้างจนเกินไปหน้าบ้านมีสนามกว้างพอให้วิ่งเล่น  แถมก็ยังมีเพื่อนบ้านหลังข้างๆ อีก เจ้านายเธอน่าจะชอบบ้านหลังนี้นะ  จ่าซอตัดสินใจโทรคุยกับเจ้าของโครงการ พูดคุยรายละเอียดสักพัก จนเป็นที่พอใจก็ตกลงนัดเจรจาทำสัญญาทันที

    “สวัสดีครับคุณตำรวจ”  เสียงชายวัยย่างเลขห้าเอ่ยทัก จากรั้วบ้านข้างๆ  “มาดูบ้านเหรอครับ”  เขาถามตำรวจสาว  และก็แอบดีใจขอให้เป็นอย่างที่คิด  เขาและภรรยายจะได้มีเพื่อนบ้านเพิ่มมาอีกครอบครัวหนึ่ง

    “ค่ะ  มาดูบ้านให้เจ้านายนะค่ะ”  จ่าซอตอบพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายเพื่อนบ้าน

    “ครับผม  ควอน  ซังวูครับ  อยู่บ้านหลังข้างๆครับ”  คุณควอนแนะนำตัวกับตำรวจสาว

    “ค่ะ ฉัน ซอ จูฮยอนค่ะ    จ่าซอแนะนำตัวแก่คุณควอน “ คุณควอนอยู่คนเดียวเหรอค่ะ”  ที่ถามไปนะไม่ได้อยากจีบหรอกนะ แต่อยากรู้

    “อยู่กับภรรยานะครับลูกก็ออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด”  คุณควอนพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเริ่มเศร้าๆ  แวบหนึ่งที่ตำรวจอย่างเธอจับสังเกตได้ “ แล้วเจ้านายคุณจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ครับเผื่อจะได้มีเลี้ยงต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่กันบ้าง”  คุณควอนเอ่ยถามและชวนด้วนน้ำเสียงดีใจ

    “คงอีกสักพักนะค่ะ”จ่าซอก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเจ้านายเธอจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่เช่นกัน จบบทสนทนาก็มีแค่รอยยิ้มส่งมอบให้กัน

     

                          หญิงสาวต่างวัยสองคนกำลังช่วยกันถือถุงเสื้อผ้าหลายใบ  อย่างพะรุงพะรัง  และก็มีเสียงบ่นของสาวน้อยวัยสิบขวบ ชื่อยุนอา  ที่เดินบ่นมาตลอดทางจนถึงโรงแรม ฮวังที่สองแม่ลูกเลือกเข้าพักชั่วคราว

    “ม๊าอ่ะ ดูซิจะซื้ออะไรเยอะเยะนักก็ไม่รู้ ยุนไม่อยากได้สักหน่อย” เด็กสาวโวยด้วยน้ำเง้างอดต่อผู้เป็นแม่  แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ก็เอาทุกอย่างไปถือไว้เองแถบทุกอย่าง  ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่เดินอมยิ้มตามลูกสาวของเธอเข้าห้องพักไป

    “ม๊าก็ว่าจะไม่ซื้อแล้วนะ..งั้นถ้าลูกยุนไม่อยากได้ม๊าเอาไปทิ้งดีกว่าไหม” เจสสิก้าทำท่าจะหยิบถุงเสื้อผ้าที่กองตรงหน้าไปทิ้ง

    “อย่า!!!!  เสียงร้องห้ามพร้อมตัวลูกสาวเธอแถบจะถลาเข้ามากอดถุงผ้าตรงหน้า

    “ยุนแค่คิดว่าทิ้งไปไม่มีประโยชน์เอาไปบริจาคดีกว่าค่ะม๊าขา”  ยุนอาเสนอความคิด

    “แล้วจะเอาไปบริจาคที่ไหนดีละม๊าก็ยังไม่รู้ที่รู้ทางของเมืองนี้ด้วยซิ” เจสสิก้าทำท่ากลุ้มใจ แต่ก็เหล่มอง อาการเสียดายของของลูกสาวเธอ ดูทำหน้าเข้าสิ  อยากรู้ว่ายุนอาจะทำยังไงต่อ

    “อ้อ  ม๊าๆขางั้นเอางี้ดีกว่าค่ะเดียวรอให้ยุนเข้าโรงเรียนที่นี้ได้ก่อน แล้วเดี๊ยวยุนจะถามเพื่อนๆให้ดีกว่าค่ะ  เพราะฉะนั้นตอนนี้ของพวกนี้เก็บไว้ที่ยุนก่อนนะค่ะม๊าขา”  พูดเสนอหาทางออกด้วยไหวพริบในแบบฉบับของยุนอา  น้ำเสียงอออดอ้อนค่ะขาอย่างน่ารักแล้วก็รีบตัดบทกับคนเป็นแม่ตะกองกอดเจ้าถุงผ้านั้นวิ่งเข้าห้องอีกฝั่งไป

                            เจสสิก้าส่ายหัวกับความไหวของลูกสาวคนนี้เสียเหลือเกิน  ไม่รู้ได้เชื้อใครมากันนะ  แต่พอมองแค่เสี้ยวหน้าของลูกสาวตัวเองก็ทำให้คิดถึงเขาคนนั้น  คนที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตเธอต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ชั่วข้ามคืน  มันเป็นความโชคร้าย แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี  เธอโชคดีที่ได้ยุนอา  เด็กสาววัยแสนสนหนึ่งที่เป็นทั้งดวงใจและลมหายใจของเธอ  ที่เธอยอมมีชีวิตอยู่ก็เพื่อลูกสาววัยสิบขวบที่มีรอยยิ้มสดใส คอยเป็นกำลังใจและแรงพลักดันให้คนเป็นแม่อย่างเธอก้าวเดินฝ่าฝันปัญหาทุกอย่างมาได้จนทุกวันนี้

    “ม๊า...   ยุนหิวแล้ว”เสียงหวานใสๆ เรียกขานผู้เป็นแม่  เดินมุ้ยหน้าลูบท้องมาหา ผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน

    “อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ” เจสสิก้าลูบผมยาวสลวยนั้นเบา

    “อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้หลานม๊าๆ ร้องกันใหญ่แล้ว”  ยุนอาพยายามยื่นท้องไปหาผู้เป็นแม่ให้ได้ยินเสียงร้องในช่องท้องเธอ

    “ป่ะ..ม๊าหยิบของก่อน เดียวเราลงไปทานอาหารของโรงแรมนี้กัน” 

                        สองต่างวัยเดินกอดไหล่กันออกจากห้องพักลงไปทานอาหาร  และดูท่ายุนอาลูกสาวของเธอดูจะกระตือรือร้นกับการสั่งอาหารเป็นพิเศษ  ท่าทางจะหิวจัดจริง

     

     

    “ม๊าเร็วๆๆ...ฮือออ  ยุนแสบจะตายอยู่แล้ว” เสียงร้องของเด็กสาวดังขึ้น เมื่ออยู่ในห้องน้ำ ในห้องอาหารโรงแรม   เพราะด้วยความหิวเลยทำให้ไม่ระวัง  ทำให้พริกกระเด็นเข้าตาจนต้องมาร้องไห้โวยวายอยู่แบบนี้

    “โอ้ๆ  เดียวม๊าล้างน้ำสะอาดให้ก่อนนะ   ไม่ร้องนะค่ะลูก “ เธอปลอมโยนด้วยคำพูดหวานเช่นเคย  ไม่เคยเล๊ยที่ยุนอาจะเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่แสดงอาการตื้นเต้นต้องใจอะไร   เหมือนว่าแม่ของเธอเป็นคนหน้าตายอย่างไงอย่างงั้นดูอย่างตอนนี้ซิ  เป็นแม่คนอื่นนะ ลองร้องโวยวายลั่นแบบนี้ไม่โดนดุ ก็โดนตีแน่  ก็ยุนอาเองก็แสบใช่เล่นที่ไหนเรื่องความซนนะ

                                  เชฟสาวร่างสูงหยุดยืนมองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ   เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับการได้ยินเสียงเด็กร้องโวยวาย   แต่ที่เธอต้องมายืนฟังเสียงที่แสนทรมารอยู่ตรงนี้ก็เพราะเธอรู้สึกเพลียๆ เลยอยากมาล้างหน้าล้างตาสักหน่อย   เชฟสาวเบ้หน้าไม่ยีระกับภาพตรงหน้าและกำลังจะเดินเข้าไปล้างมือ แต่ตาเจ้ากรรมดันมองผ่านกระจก  จนเผลอมองหน้าหญิงสาวร่างบางที่กำลังกุลีกุจอ  ล้างหน้าล้างตาให้เด็กน้อยคนนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาก็แฝงไปด้วยความกังวังอยู่ไม่น้อย

    “ทำไมผู้หญิงตรงหน้านี้ถึงหน้าสงสารจัง”  เชฟสาวคิดในใจ ทำไมเธอต้องรู้สึกสงสาร ระคนเห็นใจ  ผู้หญิงร่างบางคนนี้ที่สุด

                       เหมือนสาวต่างวัยสองคนจะกำลังมองหาอะไรบ้างอย่างอยู่  เชฟสาวหลุดจากความคิดของตัวเอง มองเหตุการณ์ตรงหน้าเลยหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ตรงหน้าทั้งสองคน

    “ขอบคุณค่ะ”  เจสสิก้ารับมาและไม่ลืมจะกล่าวขอบคุณ ผู้หญิงที่อยู่ในชุดคนทำงานในห้องครัวโดยที่ยังไม่ทันได้มองเห็นผู้หวังดีให้ชัดๆ 

                        เชฟสวารู้สึกติดใจอะไรบางอย่าง  คลับคล้ายคลับคลา แต่ก็คิดอะไรไม่ออก  จึงต้องผละตัวรีบออกมาจัดการงานในห้องครัวต่อทันที

                            

     

                                สถานีตำรวจแห่งหนึ่งร่างบางในชุดนายตำรวจยศร้อยเอก  ก้าวตามนายตำรวจนายหนึ่งเข้าไปในห้องประชุม   วันนี้เธอต้องเข้ามารายงายตัวกับผู้บังคับบัญชา ทันทีทีประตูห้องเปิดออก  เหล่านายตำรวจทั้งหลายก็ยืนขึ้นทำความเคารพ ผู้มาใหม่  

                             

                                “สวัสดีค่ะ  ดิฉัน  ร้อยตำรวจเอกหญิงจอง  ซูยอนค่ะ” 

     

     

                               ร้านอาหารเล็กๆข้างโรงพัก   ตอนนี้เหล่านายตำรวจทั้งหลายได้มีการลี้ยงต้องรับ ผู้กองคนใหม่   จัดเป็นงานเล็กๆ  แต่ที่จริงก็เป็นข้ออ้างเท่านั้นแหละเพราะปกติเหล่าตำรวจของโรงพักนี้ก้อยากหาเวลาได้พักผ่อน ดื่มกินกันบ้างอยู่แล้ว    

    “ม๊าคะ...ยุนว่า  เค้าเลี้ยงต้อนรับม๊าแน่เหรอค่ะ”  ยุนอาที่นั่งอยู่ข้างผู้กองเจสสิก้าเอ่ยถามตามประสาเด็ก ที่เห็นอะไรก็พูดไปอย่างนั้น    ดูซิบอกเลี้ยงต้อนรับแม่เธอ แต่พากันดื่มซะหัวราน้ำเลย   ไม่ได้อายเด็กบ้างเลยผู้ใหญ่นี่

                   ผู้กองเจสสิก้าได้แต่ปรามลูกสาวทางสายตา      ยุนอาเมื่อเจอผู้เป็นแม่จ้องมาด้วยสายตาแบบนั้นก็หน้าเจือนลงทันที  แต่ก็โชคดีที่มีนายตำรวจเข้ามาทักเสียก่อน  เด็กน้อยเลยรอดตัวไป

    “โอย ปวดหัวเป็นบ้าเลย” จ่าซอฮยอน บ่นเมื่อเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำคนเดียว  จ่าซอยังอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจครึ่งตัวแบบกระโปรง   กับเสื้อเชิร์ต แขนยาวสีขาวพับครึ่งศอก

    จ่าซอกำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อมีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งพลวดเข้ามาชนเธอจนเกือบเซล้ม 

    “นี่หนูทีหลังระวังหน่อยซิ  !!!  ด้วยความปากไหว และสติที่ไม่ค่อยอยู่กับตัว จ่าซอผู้ใจดีเลยหลุดปาก ตะวาดใส่เด็กสาวเมื่อครู่ไป  แล้วมองด้วยสายตาเคืองๆ

    “ลูกเต้าเหล่าใครนะ  เดียวจับมาตีก้นให้หลาบจำซะเลยนิ”  จ่าซอเดินบ่นมาตลอดทาง  ด้วยความหงุดหงิด  แต่สาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากอาการปวดหัวของเธอเองซะมากกว่า เลยพาลไปลงที่ตัวเด็กคนเมื่อกี้เข้า  โชคร้ายไปนะเด็กน้อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     มาแบบมึนๆและก็ไปแบบงงๆ  คนแต่งเรื่องนี้มันบ้าอย่าไปใส่ใจมันฮ่าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×