ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นรัก..ขยี๊ใจ (yulsic taeny yoonseo soosun)

    ลำดับตอนที่ #1 : แค้นรัก..ขยี้ใจ 01

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 55


                               ในซอกตึกร้างแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน    หญิงสาวในร่างชายหนุ่มกำลัง พยายามหักห้าม ตันหาที่กำลังก่อตัวขึ้นใจจิตใจตอนนี้   ด้วยใจที่มิได้ใคร่เสน่หากับร่างหญิงสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ยิ่งมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้  จิตใต้สำนึกสั่งการให้หยุดการกระทำลง  เพราะไม่อยากให้หญิงสาวร่างบอบบางวัยสิบห้าปีตรงหน้านี้ต้องพลอยมามีมณทินติดตัวไปเพราะความใคร่ในตัวเขา   แต่เพราะด้วยเจ้าสารที่พึ่งเสพเข้าไปเลยไม่อาจจะหักห้ามใจได้  มือเรียวจับกระชากเสื้อผ้าหญิงสาวสตรงหน้าขาดวิ้นด้วยแรงอารมณ์  แม้สาวร่างบางจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล  เมื่อเขาได้ยัดเยียดความเป็นชายในตัวเขาให้หญิงสาวร่างบาง  ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสาแก่ใจ  และในขณะที่กำลังจะจัดการแต่งเนื้อแต่งให้หญิงสาวตรงหน้านั้นก็เหมือนเวรกรรมจะตามทันอย่างทันตา

    “หยุดแล้วยกมือขึ้นคุณถูกจับแล้ว” เจ้าหน้าตำรวจหญิงสาวนายหนึ่งชี้กระบอกปืนไปที่ชายหนุ่มผมยาวตรงหน้า   แต่ชายหนุ่มผู้ต้องหาตกใจรีบผละหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันเมื่อเจ้าลูกตะกั่วถูกส่งไปสามสี่นัด ตำตรวจสาวทราบแค่ว่ามันน่าจะถูกจุดยุทศาสตร์ สำคัญ เธอมั่นใจ  แต่ก็ไม่ได้จัดการให้เด็ดขาดเพราะมีผู้เคราะห์ร้ายนอนเปลือยอยู่จึงรีบเข้าไปช่วยอย่างเร่งด่วนแต่ก็ต้องตกใจเพราะ  ผู้หญิงที่นอนเปลือยอยู่นั้นคือน้องสาวของเธอเอง

     

     

    “เจสสิก้า!!!!

     

     

     

     

    โรงแรมหรูชื่อดังในกรุงโซล  ร่างสูงซูยองเกิดนึกอยากทำอาหารด้วยฝีมือเธอเองเอาไปให้แม่คนตระหนี่ นางนั้นได้ทาน  เลยถือโอกาส ใช้สิทธิ์หลานเจ้าของโรงแรมขอใช้ห้องครัวของที่นี้ แสดงฝีมือการทำอาหาร  

    “คุณยูริคะ..แหมยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” ซูยองถามร่างสูงที่กำลังจัดตกแต่งอาหารอย่างประณีต  ในจาน  เพื่อส่งต่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสอาหารที่ถูกปรุงแต่งด้วยฝีมือเธอล้วนแล้วแต่รสชาติจัดว่า กุ๊กเทวดามาปรุงเองทั้งนั้น

    “คะ   ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ   คุณซูยองมาถึงนี่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าค่ะ”ยูริละจากจานเมนูตรงหน้าหันมาเอ่ยถามซูยอง

    “คือว่าจะมาขอยืมครัวทำอาหารนะ  แต่ก็อยากให้คุณยูริช่วย สอนหน่อยนะคะ  คือฉันทำไม่ค่อยได้เรื่อง  ถ้าได้คุณยูริช่วยอีกแรงก็น่าจะดีคะ”  ซูยองบอกความประสงค์ที่มาขอรบกวนเชฟสาว

    “ได้ค่ะ  ว่าแต่...คิดยังไงค่ะถึงเข้ามาลงมือทำเองขนาดนี้” ยูริถามแกมหยอก พร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจไปร่างสูงได้ละลายใจไปหนึ่งครั้ง

    “ก็ อยากให้คนสำคัญได้ลองทานฝีมือเราบ้างนะค่ะ” ซูยองตอบตามความจริง  โดยไม่ต้องปิดบัง  และก็พูคุยถึงเมนูที่จะทำ  โดยมีเชฟสาวประจำโรงแรมคอยให้คำแนะนำ  และเป็นลูกมือ  

                     ยูริ หรือ ควอน ยูริ   บินกลับมาจากประเทศอังกฤษเมื่อสิบปีที่แล้ว และได้เรียนทำอาหารจนจบในสาขาที่เธอตั้งใจ  และด้วยฝีมืออันเลื่องชื่อความอร่อยขั้นเทพ  เลยถูกทาบทามให้มาเป็นเชฟประจำโรงแรม ฮวังแห่งนี้   

                     ไม่มีใครทราบประวัติของเชฟร่างสูง  คนนี้เท่าใดนักเพราะ เธอไม่ชอบสุงสิงกับใครแม้แต่เวลาทำงานก็ไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าใกล้เกินความจำเป็น   บ่อยครั้งที่ถูกชวนจากบรรดาเชฟ ที่ร่วมงานด้วยกันเธอก็มักจะปฎิเสธอย่างนุ่มนวล  อย่างเช่นที่เคยทำมา   แม้จะถูกผู้จัดการ เข้ามาทำสายตากรุ่มกริ่มให้ แต่เธอก็ไม่เคยสน   ก็ไม่แปลกเพราะด้วยรูปร่างที่สาวจัดได้ว่า อย่างกับนางแบบ  และหน้าตาที่คมคาย   จะมองว่าหล่อก็หล่อ แต่จะมองว่าสวยก็สวย  ก็เลยมีทั้งหญิงและชายเข้ามาทความรู้จักจนเธอเองนั้นเริ่มชินชากับคนพวกนั้นแล้ว 

    “อ่า..เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณคุณยูริมากๆเลยนะคะ” ซูยองกล่าวขอบคุณเชฟสาว อย่างจริงใจและก็ได้แค่รอยยิ้มจากเชฟสาวตอบกลับมา ก่อนซูยองจะขอตัวกลับออกไปเพราะคงใกล้เวลาเที่ยงแล้ว  เดียวแม่ตัวเล็กของเธอจะออกไปทานข้างนอกกับใครสะก่อนยิ่งถ้าเจอของฟรีแล้วด้วย แถบจะถลาเข้าไปตามเลยแหละ เพราะงั้นต้องรีบไป

     

                          ตึกสำนักงาน ชั้นที่27 ถูกใช้เป็นสำนักงานของสำนักพิมพ์ บุ๊คคัลเลอร์  เป็นหนังสือรายเดือน  ภายในสำนักงานถูกจัดแบ่งให้เป็นสัดส่วน  จำแนกตามหัวหน้าแต่ละฝ่ายที่ขึ้นตรงต่อพนักงานก็จะถูกจัดให้อยู่ในโซนเดียวกัน   แน่นอนว่าที่ไหนๆก็ต้องแบบนี้อยู่แล้ว   แต่ที่ดูจะพิเศษกว่าพนักงานทั่วไปก็คือ  ห้องที่อยู่ด้านโซนผู้บริหาร บรรณาธการ  กลับมีห้องห้องหนึ่งถูกจับจองโดยสาวร่างเล็กอย่าง ลี ซุนกยู  หรือเรียกติดปากว่า ซันนี่ 

        “เฮ้อ..ได้เวลาแล้ว  5…4..3..2..1

    “ว้า..วันนี้จะมีใครไปนั่งกินข้าวเที่ยงกับเราบ้างรึเปล่าน้า” ซูยองยืนผิงประตูหน้าห้องสาวพิสูจน์อักษร   ปากก็เปรยคำชวนให้คนตัวเล็กได้ยิน   

    “อืมๆๆ  จะมาชวนกินก็มา อย่ามาท่ามากนะคะคุณ    “ ซันนี่ตอบกลับและเดินมานั่งที่โซฟา  เธอรู้หรอกน่า ว่าคนร่างสูงนี่จะมาเวลาไหนบ้าง   ยิ่งมารู้จุดอ่อนของเธอด้วยยิ่งจะหาเวลาเข้าหาเธอมากขึ้นอีก  

    “วันนี้ฉันลงมือทำเองสุดฝีมือเลยนะ ลองชิมดูซิ”  ซูยองพยายามตักอาหารที่เธอลงมือทำให้ซันนี่ได้ลงชิมฝีมือเธอ อย่างตั้งอกตั้งใจ นี่ถ้าป้อนเข้าปากได้คงทำไปแล้วละ

    “ก็ดี ไม่เลวนี่”  ซันนี่พยายามคิดว่าตอบไปหน่อยให้ดีใจเล่นเหอะวันหลังจะได้ มีคนเอามาให้กินอีก  ของฟรีนี่น่า ใครจะไม่เอาโดยเฉพาะ ซันนี่คนนี้ ของฟรีรับหมดค่ะ

    “เอ่อนี่  เลิกงานแล้วคุณจะไปไหนต่อรึเปล่า” ซูยองถามขึ้น  ปากก็ก้มตักอาหารตรงหน้าเข้าปากไปด้วย   และก็ไม่ลืมตักให้คนตรงหน้าด้วยเช่นกัน

    “ก็ว่าจะไปแถว  ย่านโรงหนังเก่าสักหน่อยนะ  ห้างโปยังไงละ”ซันนี่ ตอบและขยายความในสถานที่ที่จะไป  มันเป็นย่านโรงหนังที่เคยโด่งดังแต่ก็ต้องมาล้มละลายเพราะเจ้าของแพ้หุ้น  จนทุกวันนี้ย่านตรงนั้นกลายเป็นสถานที่ร้าง  อย่างไม่เป็นทางการไปเลยก็ว่าได้ เพราะมันทั้งเปลี่ยวและมืด  ผู้คนสัญจรก็น้อยลงไปทุกที

    “แล้วต้องไปคนเดียวเหรอ หรือยังไง  มีใครไปเป็นเพื่อนไหม”  ซูยองหยุดกินแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

    “ค่ะ..พอดีนักเขียนท่านหนึ่งรบกวนให้แวะไปเอางานเขียนของท่านนะ    เดียวว่าเลิกงานสักหกโมงก็จะไป” ซันนี่และมองเวลา

    “ทำไมต้องไปเวลานี้ด้วย...ยิ่งพักนี้มีข่าวคนถูกฆาตรกรรมบ่อยๆ   แล้วที่สำคัญคนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่  คือที่พูดนะแค่ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนแล้วไม่ระวังตัวเอง   ถึงจะบอกว่าแปบเดียว  แต่ถ้าคนร้ายมาเจอเข้าแปบเดียวของเรากับแปบเดียวของมัน  คนละอย่างกันเลยนะ”ซูยองร่ายยาวด้วยความเป็นห่วงร่างเล็ก  ก็จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง  ยิ่งมีข่าว สะเทือนขวัญแบบนี้อยู่ทุกวัน  ก็ไม่ได้พูดขู่ให้กลัวหรอกนะ  และก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นพระเอกโชว์แมนกับเหตุการณ์แบบนี้หรอก   ถ้าเลือกได้อยากให้คนตัวเล็ก ยอมปฎิเสธเลือกเวลาไปรับงานกับนักเขียนหน่อยก็ดี  อะไรมันจะงานเร่งด่วนขนาดนั้นเล่า

    “โห..บ่นใหญ่เลย   จ้าๆ  รู้จ้าว่าห่วง    ซันนี่ก็ได้แต่ยิ้มที่รู้ว่าถ้าไม่ห่วงจริงคนร่างสูงนี่ก็ไม่ยอมบ่นอะไรยาวๆออกมาหรอกน่า

    “เอ๋..หรือว่าคุณจะเปลี่ยนมาเขียนแนวฆาตรกรรมอำพรางคดีจะดีไหมเนี๊ย  ดูท่าทางคุณจะเข้าใจเรื่องแนวนี้ดีนี่”  ซันนี่เสนอความเห็น ให้ร่างสูงเปลี่ยนแนวงานเขียนของเธอ  ซูยองเองก็เป็นนักเขียนให้กับที่นี่ด้วยเช่นกัน   เมื่อซันนี่เสนอมาแบบนี้เธอก็คงต้องเก็บกลับไปคิดดูแล้วละ

    “เอาไว้จะลองเอาไปคิดๆดูนะ  กลัวทำออกมาแล้วภาพที่ออกมาคนอ่านอาจจะผิดหวังเอา”  ซูยองบอกด้วยน้ำเคร่งครึม

     

                             ค่ำคืนแห่งความมืดมิดเขามาเยือน  แสงสีแห่งรัตติกาลเฉิดฉายวูบวาบ   หลากสีสันยื้อแย่งกันส่องสว่างเปล่งแสงในยามราตรี   เหล่านักท่องราตรีเร่งรี่รีบเร่ง  พวกพ้องมุ่งสู่จุดนัดพบ  จับจองสถานที่รื่นเริง บันเทิงใจ สื่อแสงสีเย้ายวนน่าหลงใหล   ผู้คนส่วนใหญ่หวังเพียงใช้สถานที่เหล่าเพียงเพื่อช่วยปลดปล่อย ราคะและตันหา หาได้อยากเที่ยวชมแสงสีอย่างเดียวไม่

    “น้องสาว...นั่งคนเดียวแบบนี้ไม่เปลี่ยวแย่เหรอจ๊ะ” เสียงหนุ่มหน้าตี๋ทักสาวสวยที่นั่งในมุมอับของร้าน   สวยผมยาวสลวยดำขลับนั่งละเลียดชิมแอลกฮอลล์ในมือโดยไม่ได้สนใจหนุ่มหน้าตี๋ที่เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเธอเลยแม้แต่น้อย  สายตาหื่นกระหาย ถูกส่งมายังสาวร่างสูงอย่างปิดไม่มิด 

    “รู้สึกเหมือนกันเหรอค่ะ”  เสียงหวานๆส่งคำถามอย่างเชิญชวน   สายตาหวานเยิ้มจากหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มได้ใจ มือไม้ค่อยๆไล้ลื่นเรื่อยมาที่ต้นขาของหญิงสาว ที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นขึ้นมา แต่เธอก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือเกิดวาบวาวแต่อย่างใดปล่อยให้ชายหนุ่มตรงหน้ากล้ากระทำการอันล่วงล้ำต่อเธอต่อไป   ลมหายใจชายหนุ่มเริ่มติดขัด  ดูท่าเขาแทบอยากจะกระชากเข้ามาปลดปล่อยมันเสียตรงนี้เลยก็ว่าได้  

      ไม่ทราบว่า..จะตรงนี้เลยรึไงค่ะ  “ เสียงหวานถามกระเซา และหยุดมือชายหนุ่มที่ย่ามใจไว้ทัน 

    “เรา..น่าจะต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้นะครับ   ผม   คิม  จี ฮุนครับ”   ชายหนุ่มแนะนำตัวมือไม้ก็ไล้ลูบไปตามเรียวแขนกระชับของสาวร่างสูง

    “ ยูริ ค่ะ”

     

    “สองร่างหญิงชายพลักประตูโรงแรมก่อนที่ชายหนุ่มจะดันร่างหญิงสาวนอนราบกับเตียง  เขารีบจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองออกจนหมด  เพราะตอนนี้เห็นที่ว่าเขาก็คงเก็บอาการนั้นอีกไม่ไหวแล้ว  เขาอยากครอบครอบผู้หญิงตรงหน้านี้เหลือเกิน

    “เดียวก่อนซิค่ะ  ฉันว่าคุณคงเบื่อกับลีลาแบบเดิมๆที่คุณเคย...มาแล้วแน่ค่ะ”  ยูริเริ่มพูดกับชายหนุ่มผู้หื่นกระหายในราคะคนนี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย   แต่ก็ดูน่าหลงใหลในสายตาชายหนุ่มนัก  

    “คุณจะทำอะไร  ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลีลาผู้หญิงหยิ่งๆอย่างคุณ  จะเด็ดสักแค่ไหน”

    ยูริค่อยๆยันตัวลุกขึ้น สองมือพลักไหล่ชายหนุ่มให้ล้มลงกับที่นอนนุ่มแล้วก็ขึ้นคร่อม  ร่างชายหนุ่มไว้ด้วยสายตาสื่อความหมายไม่แพ้กัน   

    “ฉันมีเพื่อนคนนึง  หน้าตาคล้ายคุณมากเลยนะค่ะ     ยูริเริ่มเย้ายวนชายหนุ่ม  มือเรียวก็ไล้วนรอบดวงหน้าชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน

    “ รู้อะไรไหมค่ะ  เค้าคือคนที่ฉันแอบชอบ มานานมาก  ในวันที่ฉันกลั้นใจสารภาพรักกับเขา เขากลับทำร้ายหัวใจฉันอย่างทารุณ “   แล้วมือที่เคยลุบใบหน้าชายหนุ่มอยู่นั้นก็ประเคนหมัดหนักๆ ไปที่แก้มชายหนุ่มนาม คิม จี ฮุน ทันที่หลายต่อหลายครั้ง จนเขาเริ่มไม่ได้สติ  จีฮุนรู้แค่ว่า เรื่องมันเริ่มจะคุ้นๆ

    “อ่า..คุณรู้สึกเหมือนฉันมั๊ยค่ะ....”ยูริใช้มือเรียวลูบสัมผัสไปตามหน้าท้องแบนราบของชายหนุ่มอย่างหลงใหล  เล็บยาวกรีดลากเป็นทางยาว

    “อ๊ากกก...คุณ!!”จีฮุนร้องลั่นไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีอารมณ์เซ็กซ์ที่รุนแรงแบบนี้   นั้นคือความคิดของเขา    แต่ยูริก็ยังยิ้มหวานสบตากับชายหนุ่มเหมือนนางพยาที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อได้ทุกเสี้ยววินาที  

    “เขาทำให้ฉันต้องการเขา  ปรารถนาในตัวเขาอย่างมากมาย”  และก็เป็นมือเรียวเช่นเคยที่ไล้ลูบไปจนถึงจุดกึ่งกลางสำคัญของชายหนุ่ม

    “อ๊า...โอวว ได้โปรดดด”   ชายหนุ่มหน้าหื่นครางเสียงกระเซ้า  นี่แหละที่ ยูริรอเวลานี้แหละ  เธอจัดการหักมันอย่างไม่ใยดี   ชายหนุ่มร้องลั่นแถบขาดใจ ตัวงอรีบกุมบริเวณส่วนนั้นไว้ ยูริหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะผละออกจากร่างชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังใจดีฝากฝ่าไว้บนหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มไปสองสามที

    “โอ..ที่รักค่ะ  สีหน้าคุณ..ดูไม่ดีเลยนะคะ” 

    “แก!!!  นังโรคจิต!!!นังบ้า!!!!!  ชายหนุ่มสถบด่าอย่างเจ็บแค้น

      “เดียวยูลโทรเรียกพยาบาลมานะค่ะรอแปบ” ชายหนุ่มมึนงง รอยเลือดที่มุมปากไหลเป็นทางยาว   ภาพสุดท้ายที่จีฮุนจำได้ก่อนสติจะดับวูบไปคือรอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้าที่ส่งมาอย่างเลือดเย็น

     

    “จัดการได้ตามพอใจ”  ยูริเอ่ยพูดกับปลายสายก่อนจะแสยะยิ้มเดินออกจากห้องไป     ไม่นานักเหล่าก๊กแก็งไม้ป่าเดียวกันก็มาถึงห้องดังกล่าวประมาณห้าหกคน   งานนี้ยังไม่สาสมใจคนอย่างยูริหรอก   สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย

     

                           ย่านโรงหนังเก่า  มีตึกแถวห้องพักราคาถูกให้เช่า   แม้พื้นที่ตรงนี้จะถูกขนานนามว่าเป็นที่อันตราย แต่มันก็ไม่เห็นจะอันตรายตรงไหน สำหรับเด็กกำพร้า กำหอกอย่าง  ทิฟฟานี่    สาวผิวขาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อน  บุคลิกท่าทางค่อนข้างจะแก่นพอตัว ปีนี้อายุ ยี่สิบห้าปีแล้ว   เธอพึ่งกลับมาจากซ่อมแอร์ให้กับสำนักงานแห่งหนึ่ง  นี่คืองานของเธอแม้จะเงินเดือนไม่มากนักแต่ก้พออยู่ได้ลำพังหัวเดียวอย่างเธอ

    “เหนื่อยเป็นบ้าเลยยย”  ทิฟฟานี่ เดินบนไปตามทางฟุตบาต พลางยกมือขึ้นทุบไหล่เล็กและก้าวเดินต่อไป เมื่อเปิดประตูและล็อคห้องเรียบร้อบแล้ว เสื้อยืดที่ได้จากการไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง  ถูกถอดทิ้งลงในตะกร้าอย่างไม่ใยดีนัก  เหลือแค่เสื้อกล้ามสีดำที่สวมไว้อีกชั้น  กางเกงยืนสีซีดขาดเข่าหน่อยๆ  เดินอาดๆไปเปิดตู้เย็นขนาดเล็ก หยิบน้ำเปล่าเย็นๆขึ้นมาดื่มแก้กระหาย    พลางทิ้งตัวลงบนโซฟาเล็กๆ   พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทิฟฟานี่ลวงหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    “ค่ะพี่..ว่าไงคะ”  ทิฟฟานี่รับขานปลายสาย

    (พรู่งนี้เช้ามีงานแถวย่านโรงหนังเก่านะ  รู้สึกว่าจะต้องล้างแอร์ที่ตึกเช่า  ทั้งตึกเลยด้วยก็เลยจะโทรมาบอกก่อน จะได้เตรียมตัว)

    “ แถวโรงหนังเก่า  ..ตึกไหนคะพี่”

    (ตึกสีส้มนะ  แถวนั้นมีตึกเดียวม่ใช่เหรอ)

    “ค่ะๆ ได้ค่ะ แล้วยังไงพรุ่งนี้ว่ากันอีกทีค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ “  ทิฟฟานี่วางสายไป  พลันคิดขึ้นได้ว่าเจ้าของห้องพักที่นี่ก็ท่าจะใจดีไม่หยอกเลยนะเนี๊ย   เห็นทีเดือนหน้าจะขอชักดาบไว้สักเดือนสองเดือน       เมือ่ความคิดร่างบางเริ่มหาช่องทางการประหยัดเงินได้อีกช่องทาง ก็เกิดฮมเพลงอย่างอารมณ์ดีเดินเข้าห้องน้ำไป  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×