คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แค้นรัก..ขยี้ใจ 01
ในซอกตึกร้างแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน หญิงสาวในร่างชายหนุ่มกำลัง พยายามหักห้าม ตันหาที่กำลังก่อตัวขึ้นใจจิตใจตอนนี้ ด้วยใจที่มิได้ใคร่เสน่หากับร่างหญิงสาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ จิตใต้สำนึกสั่งการให้หยุดการกระทำลง เพราะไม่อยากให้หญิงสาวร่างบอบบางวัยสิบห้าปีตรงหน้านี้ต้องพลอยมามีมณทินติดตัวไปเพราะความใคร่ในตัวเขา แต่เพราะด้วยเจ้าสารที่พึ่งเสพเข้าไปเลยไม่อาจจะหักห้ามใจได้ มือเรียวจับกระชากเสื้อผ้าหญิงสาวสตรงหน้าขาดวิ้นด้วยแรงอารมณ์ แม้สาวร่างบางจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล เมื่อเขาได้ยัดเยียดความเป็นชายในตัวเขาให้หญิงสาวร่างบาง ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสาแก่ใจ และในขณะที่กำลังจะจัดการแต่งเนื้อแต่งให้หญิงสาวตรงหน้านั้นก็เหมือนเวรกรรมจะตามทันอย่างทันตา
“หยุดแล้วยกมือขึ้นคุณถูกจับแล้ว” เจ้าหน้าตำรวจหญิงสาวนายหนึ่งชี้กระบอกปืนไปที่ชายหนุ่มผมยาวตรงหน้า แต่ชายหนุ่มผู้ต้องหาตกใจรีบผละหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันเมื่อเจ้าลูกตะกั่วถูกส่งไปสามสี่นัด ตำตรวจสาวทราบแค่ว่ามันน่าจะถูกจุดยุทศาสตร์ สำคัญ เธอมั่นใจ แต่ก็ไม่ได้จัดการให้เด็ดขาดเพราะมีผู้เคราะห์ร้ายนอนเปลือยอยู่จึงรีบเข้าไปช่วยอย่างเร่งด่วนแต่ก็ต้องตกใจเพราะ ผู้หญิงที่นอนเปลือยอยู่นั้นคือน้องสาวของเธอเอง
“เจสสิก้า!!!!”
โรงแรมหรูชื่อดังในกรุงโซล ร่างสูงซูยองเกิดนึกอยากทำอาหารด้วยฝีมือเธอเองเอาไปให้แม่คนตระหนี่ นางนั้นได้ทาน เลยถือโอกาส ใช้สิทธิ์หลานเจ้าของโรงแรมขอใช้ห้องครัวของที่นี้ แสดงฝีมือการทำอาหาร
“คุณยูริคะ..แหมยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” ซูยองถามร่างสูงที่กำลังจัดตกแต่งอาหารอย่างประณีต ในจาน เพื่อส่งต่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสอาหารที่ถูกปรุงแต่งด้วยฝีมือเธอล้วนแล้วแต่รสชาติจัดว่า กุ๊กเทวดามาปรุงเองทั้งนั้น
“คะ ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ คุณซูยองมาถึงนี่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าค่ะ”ยูริละจากจานเมนูตรงหน้าหันมาเอ่ยถามซูยอง
“คือว่าจะมาขอยืมครัวทำอาหารนะ แต่ก็อยากให้คุณยูริช่วย สอนหน่อยนะคะ คือฉันทำไม่ค่อยได้เรื่อง ถ้าได้คุณยูริช่วยอีกแรงก็น่าจะดีคะ” ซูยองบอกความประสงค์ที่มาขอรบกวนเชฟสาว
“ได้ค่ะ ว่าแต่...คิดยังไงค่ะถึงเข้ามาลงมือทำเองขนาดนี้” ยูริถามแกมหยอก พร้อมส่งรอยยิ้มจริงใจไปร่างสูงได้ละลายใจไปหนึ่งครั้ง
“ก็ อยากให้คนสำคัญได้ลองทานฝีมือเราบ้างนะค่ะ” ซูยองตอบตามความจริง โดยไม่ต้องปิดบัง และก็พูคุยถึงเมนูที่จะทำ โดยมีเชฟสาวประจำโรงแรมคอยให้คำแนะนำ และเป็นลูกมือ
ยูริ หรือ ควอน ยูริ บินกลับมาจากประเทศอังกฤษเมื่อสิบปีที่แล้ว และได้เรียนทำอาหารจนจบในสาขาที่เธอตั้งใจ และด้วยฝีมืออันเลื่องชื่อความอร่อยขั้นเทพ เลยถูกทาบทามให้มาเป็นเชฟประจำโรงแรม ฮวังแห่งนี้
ไม่มีใครทราบประวัติของเชฟร่างสูง คนนี้เท่าใดนักเพราะ เธอไม่ชอบสุงสิงกับใครแม้แต่เวลาทำงานก็ไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าใกล้เกินความจำเป็น บ่อยครั้งที่ถูกชวนจากบรรดาเชฟ ที่ร่วมงานด้วยกันเธอก็มักจะปฎิเสธอย่างนุ่มนวล อย่างเช่นที่เคยทำมา แม้จะถูกผู้จัดการ เข้ามาทำสายตากรุ่มกริ่มให้ แต่เธอก็ไม่เคยสน ก็ไม่แปลกเพราะด้วยรูปร่างที่สาวจัดได้ว่า อย่างกับนางแบบ และหน้าตาที่คมคาย จะมองว่าหล่อก็หล่อ แต่จะมองว่าสวยก็สวย ก็เลยมีทั้งหญิงและชายเข้ามาทความรู้จักจนเธอเองนั้นเริ่มชินชากับคนพวกนั้นแล้ว
“อ่า..เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณคุณยูริมากๆเลยนะคะ” ซูยองกล่าวขอบคุณเชฟสาว อย่างจริงใจและก็ได้แค่รอยยิ้มจากเชฟสาวตอบกลับมา ก่อนซูยองจะขอตัวกลับออกไปเพราะคงใกล้เวลาเที่ยงแล้ว เดียวแม่ตัวเล็กของเธอจะออกไปทานข้างนอกกับใครสะก่อนยิ่งถ้าเจอของฟรีแล้วด้วย แถบจะถลาเข้าไปตามเลยแหละ เพราะงั้นต้องรีบไป
ตึกสำนักงาน ชั้นที่27 ถูกใช้เป็นสำนักงานของสำนักพิมพ์ บุ๊คคัลเลอร์ เป็นหนังสือรายเดือน ภายในสำนักงานถูกจัดแบ่งให้เป็นสัดส่วน จำแนกตามหัวหน้าแต่ละฝ่ายที่ขึ้นตรงต่อพนักงานก็จะถูกจัดให้อยู่ในโซนเดียวกัน แน่นอนว่าที่ไหนๆก็ต้องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ที่ดูจะพิเศษกว่าพนักงานทั่วไปก็คือ ห้องที่อยู่ด้านโซนผู้บริหาร บรรณาธการ กลับมีห้องห้องหนึ่งถูกจับจองโดยสาวร่างเล็กอย่าง ลี ซุนกยู หรือเรียกติดปากว่า ซันนี่
“เฮ้อ..ได้เวลาแล้ว 5…4..3..2..1”
“ว้า..วันนี้จะมีใครไปนั่งกินข้าวเที่ยงกับเราบ้างรึเปล่าน้า” ซูยองยืนผิงประตูหน้าห้องสาวพิสูจน์อักษร ปากก็เปรยคำชวนให้คนตัวเล็กได้ยิน
“อืมๆๆ จะมาชวนกินก็มา อย่ามาท่ามากนะคะคุณ “ ซันนี่ตอบกลับและเดินมานั่งที่โซฟา เธอรู้หรอกน่า ว่าคนร่างสูงนี่จะมาเวลาไหนบ้าง ยิ่งมารู้จุดอ่อนของเธอด้วยยิ่งจะหาเวลาเข้าหาเธอมากขึ้นอีก
“วันนี้ฉันลงมือทำเองสุดฝีมือเลยนะ ลองชิมดูซิ” ซูยองพยายามตักอาหารที่เธอลงมือทำให้ซันนี่ได้ลงชิมฝีมือเธอ อย่างตั้งอกตั้งใจ นี่ถ้าป้อนเข้าปากได้คงทำไปแล้วละ
“ก็ดี ไม่เลวนี่” ซันนี่พยายามคิดว่าตอบไปหน่อยให้ดีใจเล่นเหอะวันหลังจะได้ มีคนเอามาให้กินอีก ของฟรีนี่น่า ใครจะไม่เอาโดยเฉพาะ ซันนี่คนนี้ ของฟรีรับหมดค่ะ
“เอ่อนี่ เลิกงานแล้วคุณจะไปไหนต่อรึเปล่า” ซูยองถามขึ้น ปากก็ก้มตักอาหารตรงหน้าเข้าปากไปด้วย และก็ไม่ลืมตักให้คนตรงหน้าด้วยเช่นกัน
“ก็ว่าจะไปแถว ย่านโรงหนังเก่าสักหน่อยนะ ห้างโปยังไงละ”ซันนี่ ตอบและขยายความในสถานที่ที่จะไป มันเป็นย่านโรงหนังที่เคยโด่งดังแต่ก็ต้องมาล้มละลายเพราะเจ้าของแพ้หุ้น จนทุกวันนี้ย่านตรงนั้นกลายเป็นสถานที่ร้าง อย่างไม่เป็นทางการไปเลยก็ว่าได้ เพราะมันทั้งเปลี่ยวและมืด ผู้คนสัญจรก็น้อยลงไปทุกที
“แล้วต้องไปคนเดียวเหรอ หรือยังไง มีใครไปเป็นเพื่อนไหม” ซูยองหยุดกินแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ..พอดีนักเขียนท่านหนึ่งรบกวนให้แวะไปเอางานเขียนของท่านนะ เดียวว่าเลิกงานสักหกโมงก็จะไป” ซันนี่และมองเวลา
“ทำไมต้องไปเวลานี้ด้วย...ยิ่งพักนี้มีข่าวคนถูกฆาตรกรรมบ่อยๆ แล้วที่สำคัญคนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่ คือที่พูดนะแค่ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนแล้วไม่ระวังตัวเอง ถึงจะบอกว่าแปบเดียว แต่ถ้าคนร้ายมาเจอเข้าแปบเดียวของเรากับแปบเดียวของมัน คนละอย่างกันเลยนะ”ซูยองร่ายยาวด้วยความเป็นห่วงร่างเล็ก ก็จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ยิ่งมีข่าว สะเทือนขวัญแบบนี้อยู่ทุกวัน ก็ไม่ได้พูดขู่ให้กลัวหรอกนะ และก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นพระเอกโชว์แมนกับเหตุการณ์แบบนี้หรอก ถ้าเลือกได้อยากให้คนตัวเล็ก ยอมปฎิเสธเลือกเวลาไปรับงานกับนักเขียนหน่อยก็ดี อะไรมันจะงานเร่งด่วนขนาดนั้นเล่า
“โห..บ่นใหญ่เลย จ้าๆ รู้จ้าว่าห่วง “ ซันนี่ก็ได้แต่ยิ้มที่รู้ว่าถ้าไม่ห่วงจริงคนร่างสูงนี่ก็ไม่ยอมบ่นอะไรยาวๆออกมาหรอกน่า
“เอ๋..หรือว่าคุณจะเปลี่ยนมาเขียนแนวฆาตรกรรมอำพรางคดีจะดีไหมเนี๊ย ดูท่าทางคุณจะเข้าใจเรื่องแนวนี้ดีนี่” ซันนี่เสนอความเห็น ให้ร่างสูงเปลี่ยนแนวงานเขียนของเธอ ซูยองเองก็เป็นนักเขียนให้กับที่นี่ด้วยเช่นกัน เมื่อซันนี่เสนอมาแบบนี้เธอก็คงต้องเก็บกลับไปคิดดูแล้วละ
“เอาไว้จะลองเอาไปคิดๆดูนะ กลัวทำออกมาแล้วภาพที่ออกมาคนอ่านอาจจะผิดหวังเอา” ซูยองบอกด้วยน้ำเคร่งครึม
ค่ำคืนแห่งความมืดมิดเขามาเยือน แสงสีแห่งรัตติกาลเฉิดฉายวูบวาบ หลากสีสันยื้อแย่งกันส่องสว่างเปล่งแสงในยามราตรี เหล่านักท่องราตรีเร่งรี่รีบเร่ง พวกพ้องมุ่งสู่จุดนัดพบ จับจองสถานที่รื่นเริง บันเทิงใจ สื่อแสงสีเย้ายวนน่าหลงใหล ผู้คนส่วนใหญ่หวังเพียงใช้สถานที่เหล่าเพียงเพื่อช่วยปลดปล่อย ราคะและตันหา หาได้อยากเที่ยวชมแสงสีอย่างเดียวไม่
“น้องสาว...นั่งคนเดียวแบบนี้ไม่เปลี่ยวแย่เหรอจ๊ะ” เสียงหนุ่มหน้าตี๋ทักสาวสวยที่นั่งในมุมอับของร้าน สวยผมยาวสลวยดำขลับนั่งละเลียดชิมแอลกฮอลล์ในมือโดยไม่ได้สนใจหนุ่มหน้าตี๋ที่เริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเธอเลยแม้แต่น้อย สายตาหื่นกระหาย ถูกส่งมายังสาวร่างสูงอย่างปิดไม่มิด
“รู้สึกเหมือนกันเหรอค่ะ” เสียงหวานๆส่งคำถามอย่างเชิญชวน สายตาหวานเยิ้มจากหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มได้ใจ มือไม้ค่อยๆไล้ลื่นเรื่อยมาที่ต้นขาของหญิงสาว ที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นขึ้นมา แต่เธอก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรือเกิดวาบวาวแต่อย่างใดปล่อยให้ชายหนุ่มตรงหน้ากล้ากระทำการอันล่วงล้ำต่อเธอต่อไป ลมหายใจชายหนุ่มเริ่มติดขัด ดูท่าเขาแทบอยากจะกระชากเข้ามาปลดปล่อยมันเสียตรงนี้เลยก็ว่าได้
“ ไม่ทราบว่า..จะตรงนี้เลยรึไงค่ะ “ เสียงหวานถามกระเซา และหยุดมือชายหนุ่มที่ย่ามใจไว้ทัน
“เรา..น่าจะต้องทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้นะครับ ผม คิม จี ฮุนครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวมือไม้ก็ไล้ลูบไปตามเรียวแขนกระชับของสาวร่างสูง
“ ยูริ ค่ะ”
“สองร่างหญิงชายพลักประตูโรงแรมก่อนที่ชายหนุ่มจะดันร่างหญิงสาวนอนราบกับเตียง เขารีบจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองออกจนหมด เพราะตอนนี้เห็นที่ว่าเขาก็คงเก็บอาการนั้นอีกไม่ไหวแล้ว เขาอยากครอบครอบผู้หญิงตรงหน้านี้เหลือเกิน
“เดียวก่อนซิค่ะ ฉันว่าคุณคงเบื่อกับลีลาแบบเดิมๆที่คุณเคย...มาแล้วแน่ค่ะ” ยูริเริ่มพูดกับชายหนุ่มผู้หื่นกระหายในราคะคนนี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่ก็ดูน่าหลงใหลในสายตาชายหนุ่มนัก
“คุณจะทำอะไร ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลีลาผู้หญิงหยิ่งๆอย่างคุณ จะเด็ดสักแค่ไหน”
ยูริค่อยๆยันตัวลุกขึ้น สองมือพลักไหล่ชายหนุ่มให้ล้มลงกับที่นอนนุ่มแล้วก็ขึ้นคร่อม ร่างชายหนุ่มไว้ด้วยสายตาสื่อความหมายไม่แพ้กัน
“ฉันมีเพื่อนคนนึง หน้าตาคล้ายคุณมากเลยนะค่ะ “ ยูริเริ่มเย้ายวนชายหนุ่ม มือเรียวก็ไล้วนรอบดวงหน้าชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
“ รู้อะไรไหมค่ะ เค้าคือคนที่ฉันแอบชอบ มานานมาก ในวันที่ฉันกลั้นใจสารภาพรักกับเขา เขากลับทำร้ายหัวใจฉันอย่างทารุณ “ แล้วมือที่เคยลุบใบหน้าชายหนุ่มอยู่นั้นก็ประเคนหมัดหนักๆ ไปที่แก้มชายหนุ่มนาม คิม จี ฮุน ทันที่หลายต่อหลายครั้ง จนเขาเริ่มไม่ได้สติ จีฮุนรู้แค่ว่า เรื่องมันเริ่มจะคุ้นๆ
“อ่า..คุณรู้สึกเหมือนฉันมั๊ยค่ะ....”ยูริใช้มือเรียวลูบสัมผัสไปตามหน้าท้องแบนราบของชายหนุ่มอย่างหลงใหล เล็บยาวกรีดลากเป็นทางยาว
“อ๊ากกก...คุณ!!”จีฮุนร้องลั่นไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีอารมณ์เซ็กซ์ที่รุนแรงแบบนี้ นั้นคือความคิดของเขา แต่ยูริก็ยังยิ้มหวานสบตากับชายหนุ่มเหมือนนางพยาที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อได้ทุกเสี้ยววินาที
“เขาทำให้ฉันต้องการเขา ปรารถนาในตัวเขาอย่างมากมาย” และก็เป็นมือเรียวเช่นเคยที่ไล้ลูบไปจนถึงจุดกึ่งกลางสำคัญของชายหนุ่ม
“อ๊า...โอวว ได้โปรดดด” ชายหนุ่มหน้าหื่นครางเสียงกระเซ้า นี่แหละที่ ยูริรอเวลานี้แหละ เธอจัดการหักมันอย่างไม่ใยดี ชายหนุ่มร้องลั่นแถบขาดใจ ตัวงอรีบกุมบริเวณส่วนนั้นไว้ ยูริหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะผละออกจากร่างชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังใจดีฝากฝ่าไว้บนหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มไปสองสามที
“โอ..ที่รักค่ะ สีหน้าคุณ..ดูไม่ดีเลยนะคะ”
“แก!!! นังโรคจิต!!!นังบ้า!!!!!” ชายหนุ่มสถบด่าอย่างเจ็บแค้น
“เดียวยูลโทรเรียกพยาบาลมานะค่ะรอแปบ” ชายหนุ่มมึนงง รอยเลือดที่มุมปากไหลเป็นทางยาว ภาพสุดท้ายที่จีฮุนจำได้ก่อนสติจะดับวูบไปคือรอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้าที่ส่งมาอย่างเลือดเย็น
“จัดการได้ตามพอใจ” ยูริเอ่ยพูดกับปลายสายก่อนจะแสยะยิ้มเดินออกจากห้องไป ไม่นานักเหล่าก๊กแก็งไม้ป่าเดียวกันก็มาถึงห้องดังกล่าวประมาณห้าหกคน งานนี้ยังไม่สาสมใจคนอย่างยูริหรอก สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย
ย่านโรงหนังเก่า มีตึกแถวห้องพักราคาถูกให้เช่า แม้พื้นที่ตรงนี้จะถูกขนานนามว่าเป็นที่อันตราย แต่มันก็ไม่เห็นจะอันตรายตรงไหน สำหรับเด็กกำพร้า กำหอกอย่าง ทิฟฟานี่ สาวผิวขาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อน บุคลิกท่าทางค่อนข้างจะแก่นพอตัว ปีนี้อายุ ยี่สิบห้าปีแล้ว เธอพึ่งกลับมาจากซ่อมแอร์ให้กับสำนักงานแห่งหนึ่ง นี่คืองานของเธอแม้จะเงินเดือนไม่มากนักแต่ก้พออยู่ได้ลำพังหัวเดียวอย่างเธอ
“เหนื่อยเป็นบ้าเลยยย” ทิฟฟานี่ เดินบนไปตามทางฟุตบาต พลางยกมือขึ้นทุบไหล่เล็กและก้าวเดินต่อไป เมื่อเปิดประตูและล็อคห้องเรียบร้อบแล้ว เสื้อยืดที่ได้จากการไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง ถูกถอดทิ้งลงในตะกร้าอย่างไม่ใยดีนัก เหลือแค่เสื้อกล้ามสีดำที่สวมไว้อีกชั้น กางเกงยืนสีซีดขาดเข่าหน่อยๆ เดินอาดๆไปเปิดตู้เย็นขนาดเล็ก หยิบน้ำเปล่าเย็นๆขึ้นมาดื่มแก้กระหาย พลางทิ้งตัวลงบนโซฟาเล็กๆ พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทิฟฟานี่ลวงหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ค่ะพี่..ว่าไงคะ” ทิฟฟานี่รับขานปลายสาย
(พรู่งนี้เช้ามีงานแถวย่านโรงหนังเก่านะ รู้สึกว่าจะต้องล้างแอร์ที่ตึกเช่า ทั้งตึกเลยด้วยก็เลยจะโทรมาบอกก่อน จะได้เตรียมตัว)
“ แถวโรงหนังเก่า ..ตึกไหนคะพี่”
(ตึกสีส้มนะ แถวนั้นมีตึกเดียวม่ใช่เหรอ)
“ค่ะๆ ได้ค่ะ แล้วยังไงพรุ่งนี้ว่ากันอีกทีค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ “ ทิฟฟานี่วางสายไป พลันคิดขึ้นได้ว่าเจ้าของห้องพักที่นี่ก็ท่าจะใจดีไม่หยอกเลยนะเนี๊ย เห็นทีเดือนหน้าจะขอชักดาบไว้สักเดือนสองเดือน เมือ่ความคิดร่างบางเริ่มหาช่องทางการประหยัดเงินได้อีกช่องทาง ก็เกิดฮมเพลงอย่างอารมณ์ดีเดินเข้าห้องน้ำไป
ความคิดเห็น