ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Phantom Lord! กิลด์จอมป่วน ก๊วนจอมแสบ

    ลำดับตอนที่ #7 : เขาว่ากันว่า คนที่อ่อนโยนที่สุด ความจริงมันจะโหดที่สุดค่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 58


    //รู้สึกชื่อเรื่องจะสิ้นคิดขึ้นทุกวัน5555555

     

     

         "ตายล่ะหวา" พายร้องเสียงหลงเมื่อเห็นขวานอันเขื่องลอยมาหมายจะสับหัวเธอ ตัดสินใจใช้ท่อนแขนเพียวๆรับดาบที่ตวัดใส่อีกข้าง ก่อนจะแย่งดาบจากมือของภูติตนนั้นมาไว้ในมือแล้วปลิดคอเจ้าของดาบลงจากบ่าภายในดาบเดียว ไม่รอให้ชะตากรรมตัวเองเหมือนพ่อของลิซซี่ บอร์เดน ใช้ดาบที่เพิ่งได้มากันคมขวานจากอีกฟากฝั่ง

     

         เคร้ง!

     

         เสียงคมดาบและคมขวานตกกระทบกันเกิดเป็นเสียงกังวานใส ก่อนที่จะออกแรงดันหมายจะฆ่ากันอย่างเต็มที่ ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่แม่สาวผมแดงจะฉีกยิ้มเหี้ยมออกมา อาศัยที่ตัวเล็กกว่าย่อเข้าลงแล้วใช้ความเร็วลอดเข้าไปวงในแล้วเสียบดาบทะลุคอหอย 

     

         ดาบเดียวจบ!

     

         เลือดสีแดงข้นสาดกระจายไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าขาว นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังวาดดาบออกเป็นวงกว้าง ศัตรูที่รายล้อมรอบได้ล้มลงไปไม่มีเวลาให้แม้เพียงเอ่ยคำอุทธรณ์ใดๆ

     

         "เอาจำนวนเข้าว่าสินะ เฮอะ" เธอถอนหายใจเบาๆแล้วตั้งสมาธิกับการต่อสู้ตรงหน้าต่อ ด้วยความที่มีคนฮีลให้ตลอดเวลา รอยขีดเท่าแมวข่วนจึงยังไม่ปรากฎ (แต่รอยอื่นไม่รู้ ฮา) แต่ว่าอย่างไรเสียความเหนื่อยล้าจากการโดนโจมตีครั้งที่แล้วก็ยังไม่หายไป เหงื่อผุดออกมาตามไรผมเรื่อยๆ ในใจได้แต่สบถถามถึงจุดจบของสงครามครั้งนี้...

     

         ตรูเหนื่อยว้อย!!

     

     

         ทางด้านคนอื่นๆก็หัวเสียพอกัน เหล่าภูตินี้นอกจากจะอึดยังกับแมลงสาบ ถ้าไม่ฟันคอขาดแล้วกระทืบซ้ำให้แบนก็คงจะลุกมาสู้ต่อแน่แล้ว ยังใช้อาวุธหลากหลายอีกต่างหาก 

     

         อาจจะมีหลายคนที่เคยชินกับการใช้อาวุธและการต่อสู้ระยะประชิดด้วยกระมัง เลยออกจะแพ้ทางคนที่ใช้อาวุธระยะไกลอย่างธนูสักหน่อย แต่ด้วยที่พวกสายประชิดเหล่านี้ต่างมีความเร็วระดับสายลมพัดผ่านยังตามไม่ทันกันทั้งนั้น เลยไม่ค่อยมีปัญหามากมายอะไรในการที่จะเข้าไปประชิด แต่ว่าถ้าต้องวิ่งอย่างรวดเร็วหลายๆครั้งนี่ขาก็ล้าได้นะเฮ้ย...

     

         หางสีขาวฟูฟ่องที่เคยน่าฟัด บัดนี้ได้กลายเป็นอาวุธร้ายที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเข้าใกล้ ซาใช้มีดสั้นที่อยู่ในมือปาดคอภูติตนหนึ่ง ดวงตาสีแดงไร้แววอารมณืใดๆทั้งสิ้นแม้ยามที่เลือดสาดกระเซ็นกระเด็็นกระดอนมาแปะที่หน้า (จะขยายคำให้มันรกเพื่อ?)

     

         ร่างเพรียวไม่สนใจกับซากศพที่รายล้อมอยู่รอบตัว กระโจนออกไปอีกฟากฝั่งของสงคราม กระโดดหลบลูกธนูที่ส่งมาราวห่าฝนอย่างพลิ้วไหวราวใบไม้โรย 

     

         "!" เขาสะดุ้งนิดๆเมื่อมีธนูมาปักที่หาง หากแต่ก็ไม่เสียจังหวะในการหลบหลีกแต่อย่างใด หาวสีขาวนั้นสะบัดเพียงทีเดียว ลูกธนูที่ปักอยู่ก็หลุดออกแล้วพุ่งเข้าทะลุกลางอกของบุุคลผู้ยิงมา

     

         ใช้เวลาไม่นาน เข้าประชิดตัวภูติที่ใช้ธนู ลงมือเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็จัดการไปอีกหนึ่งอย่างง่ายดาย

     

         ง่ายเกินไป...

     

     

         ฝ่ายฮิเมะเองที่ยืนคุ้มกันลูมินาอยู่เองก็รู้สึก ดวงตาสีเงินฉายแววเคร่งเครียด แต่ก็ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญมากนัก มือบางขึ้นลูกธนูสามดอก แล้วยิงออกไปสุดแรง มันไม่หยุดเพียงปักเข้าที่หัวของอีกฝ่าย แต่ทะลุออกไปถึงคนที่อยู่ข้างหลังด้วย

     

         "รู้สึก..เหมือนทุก...คนจะล้ากัน..แล้วนะคะ..." ลูมินาพูดเสียงขาดห้วง อาจจะเป็นเพราะต้องคอยรักษาให้กับทุกคนให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมที่สุดก็เป็นได้

     

        "เหนื่อยแล้วเหรอ" โนวาที่อยู่แนวหลังกับลูมินาด้วยนั้นเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง มือขาวลูบหัวน้องสาวบุญธรรมเบาๆ

     

         "ไม่เชิงค่ะ...เพราะมีคลื่นเวทมนตร์ธาตุความมืดเข้ามารบกวน ทำให้รวบรวมพลังยากหน่อย..." ลูน่าตอบ ขณะกำลังเพ่งดวงตาสีฟ้าครามสดใสสร้างสมาธิ

     

         "โนวาซัง! ฝากดูแลลูน่าทีนะคะ ฮิเมะขอตัวเดี๋ยว!" จู่ๆสาวเจ้าก็โพล่งขึ้นมา แล้วไม่รอให้ใครได้ตอบ ร่างบางก็วิ่งหายลับไปอีกทางทันที  

     

         ฝ่ายโนวาเองก็แค่ยิ้มบางๆรับ ดวงตาสีเทาอ่อนหรี่ลง ลายหิมะที่พัดอยู่ในตาหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยบทเวทอย่างนุ่มนวล หนังสือมนตราในมือพลิกเปิดหน้าไปมา ลมหนาวที่มาได้อย่างไรไม่ทราบหมุนวนอยู่รอบกาย ก่อนที่จะมีเกล็ดน้ำแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ...

     

         เหมันต์นิรันดร!!

     

         พลันทุกสรรพสิ่งภายใต้รัศมีห้าสิบเมตรก็เริ่มถูกน้ำแข็งกัดกินอย่างช้าๆ น้ำแข็งสีใสที่อานุภาพไม่ใสตามทำเอาผู้รุกรานตื่นตระหนก ไม่มีเวลาให้ตื่นกลัวมากนัก ไอความมืดที่แผ่กระจายออกมาสร้างแรงกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก รอยยิ้มสวยประดับที่ใบหน้าของโนวา มือนุ่มโบกสะบัด เป็นสัญญาณว่าชีวิตของอีกฝ่ายกำลังจะร่วงโรย 

     

         ขนนกสีดำสนิทกว่าร้อยอันนั้นได้พุ่งเข้าไปกวาดล้างประติมากรรมน้ำแข็ง (?) ให้กลายเป็นเพียงเศษซากอย่างรุนแรง ขนนกที่ลอยละล่องภายในอากาศได้แหวกว่ายเข้าไป

     

         ซ้ำแล้ว...ซ้ำเล่า...

     

     

     

         ในที่สุดทุกอย่างในรัศมีห้าสิบเมตรก็ราบเป็นหน้ากลอง ขณะที่เขากำลังถอนหายใจ ก็รุ้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา เงยหน้าไปมองก็พบว่าทุกสายตาที่มองมาทางเขาดูจะหวาดๆพิกล

     

         เก็บกดที่ไม่ได้ออกโรงสักทีสินะ... เรนที่อยู่ใกล้ที่สุดและเกือบโดนเจ้าขนอีกานั้นบั่นคอคิดในใจ...

     

         "ทุกคน!!! ระวัง!! กางบาเรี..." เสียงนั้นไม่มีโอกาสที่จะพูดให้จบอีกต่อไป...

     

         ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้...

     

     

         พลังงานของความมืดปริมาณมหาศาลได้ไหลทะลักเข้าสู่ลานกว้างอันเป็นที่ตั้งของการทะเลาะวิวาท มันเริ่มกัดกินอวัยวะอย่างช้าๆ ไอที่เย็นจัดจนแสบผิวกายค่อยๆโลมเลียพลังชีวิตที่แสนหอมหวนของบุคคลผู้ที่อยู่ภายใต้ไอหมอกมรณะ

     

         'ครานี้เป็นแค่การทักทายระหว่างพวกเราเท่านั้น หวังว่าพวกท่านคงยินดีกับของขวัญการพบกันของเรา เราจะรอท่านอยู่ในสถานที่ของเรา...แล้วพบกันใหม่ เหล่าผีเสื้อมรณะทั้งหลายเอ๋ย!' 

     

         เสียงหวานหนักแน่นทรงพลังดังก้องกังวานอย่างไร้ที่มาที่ไป ทันใดนั้นดูราวกับว่าศัตรูได้หลบหายไป หมอกควันสีดำทวีความรุนแรงและแสนเกรี้ยวกราด ก่อตนเป็นสิ่งมีชีวิตอันแสนศักดิ์สิทธิ์

     

        มังกรความมืดแห่งพยับหมอก

     

        แก้วตาทุกดวงสะท้อนภาพสิ่งมีชีวิตทีกำลังเกรี้ยวกราดอยู่นั้น 

     

     

         ไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองเท่าที่ควร มังกรตัวใหม่ที่ได้มาเยือนแฟนอมเริ่มอาละวาด สายลมโหงควรญพัดพาทุกสรรพสิ่งเข้าไปในร่างอันใหญ่โตของมัน น่าแปลก ทั้งๆที่ดูเหมือนจะจับต้องได้ แต่ดาบและบทเวทย์ทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย พอจะนำคนที่ติดอยู่ในกรงสายหมอกและกำลังดิ้นทุรนทุรายหลังจากที่สูดควันพิษในกายของเจ้าแห่งอสรพิษร้ายไป กลับไม่สามารถทำได้อย่างใจหวัง

     

         บอร์กชั้นสูงถูกสร้างขึ้นโดยผู้ออกภารกิจ หวังเพียงจะช่วยเหลือบุคคลผู้รอดชีวิต หากเกราะทรงกลมโปร่งใสจากพลังเวทนั้นกลับประคองได้เพียงชีวิตตน

     

         ดวงตาสีเงินวับวาว ณ ที่ห่างไกลจากนรกสายหมอกนั่น ในเกราะทรงกลมสีเงินประกายมีร่างของคนสองคนยืนอยู่ในนั้น คนหนึ่งนั้นเป็นชายรูปร่างบอบบางนัก หากทั้งตัวกลับเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ลมหายใจติดขัดและบางเบาเหลือเกิน แต่กระนั้นทั้งสีหน้าก็ยังนิ่งเรียบเช่นเดิมไม่มีผิด อีกคนคือหญิงสาวที่มีบาดแผลไม่น้อยกว่ากันสักเท่าไหร่ ในมือกำคันธนูสีเงินเดินลายสีครามแน่นจนเกรงว่ามันจะหักคามือ

     

         "ข้าน่ะ...โกรธท่านแม่มากเลย" เจ้าของนามเจ้าหญิงเอ่ยขึ้นเบาๆ ทั้งน้ำเสียงก็มีเพียงความโกรธแค้นและเกรี้ยวกราด

     

         "..." 

     

         "จนถึงวันนี้วันนี้ ข้าก็รู้มาตลอด...ทั้งท่านแม่ ทั้งเจ้าพวกนั้น มันก็น่าโมโหพอกัน"

     

         "..."

     

         "แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ข้าเกลียดจนสุดหัวใจก็คือไอ้คนที่แย่งชิงร่างข้าไปอยู่ดี"

     

         "..."

     

         "และข้าชักจะไม่แน่ใจ ตกลงว่าคนที่ข้าควรโกรธและเกลียดนั้นคือใครกัน?"

     

         "..."

     

         "หรือคนนั้นจะเป็นท่าน...จักรพรรดิแห่งอาทิตย์สีขาว"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×