คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : +ตอนพิเศษ+ จอมขมังเวทย์ปะทะลูกนกหัดบิน
ยามเย็นค่ำย่ำสายันห์มาเยือนอย่างเชื่องช้าและหอมหวานเหลือเกิน เด็กน้อยอมยิ้มกับตัวเองในห้วงจิต
...แทบจะรอไม่ไหวแล้ว...
เสียงฝีเท้าดังขึ้นบนระเบียงไม้อย่างระมัดระมังเช่นเคย เด็กน้อยที่รอคอยโอกาสยามนี้มาเนิ่นนานได้แต่ฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวระทึกในอกซ้ายราวกลองสะบัดชัยที่ดังขึ้นในยามรบ ขณะเดียวกับก็หลบซ่อนหลังประตูไม้สักอย่างดี
ชายสูงวัยเดินเข้ามาในห้อง สอดส่ายหาร่างบอบบางที่เขาเริงรมย์ด้วยราคะที่ล้นทวีมาหลายราตรี หารู้ไม่ว่าภายใต้ความเงียบงันของตำหนักลั่นทมแห่งนี้ ยังมีดวงตาคู่หนึ่งที่คอยจับจ้องทุกอิริยาบถนั้นอยู่ ดวงตาสีพราวแปลกตานั้นคงไว้ซึ่งความไร้ชีวิต...แม้ยามที่กำลังจะดับชีวิตให้บิดาแท้ๆของตนลาจากโลกนี้ไป...
เหยื่อที่จะถูกล่าในค่ำคืนนี้เริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้นเมื่อไม่เห็นร่างของคนที่เขาตามหาเสียที ใบหน้าของชายคนนั้นบิดเบ้ด้วยความหวาดกลัวเหลือใจ...
กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าสิ่งที่เคยหายไปแล้วได้คืนมา...จะหายไปอีกครั้งหนึ่ง...
ราวกับเด็กสาวผู้เร้นกายในความมืดจะเข้าใจในความหวาดกลัวนั้น เธอสาวเท้าบางออกมาจากเงามืดช้าๆ แสงจันทราในคืนขึ้นสิบห้าค่ำอันศักดิ์สิทธิ์ต้องผิวกายเนียนนั้นจนดูเหมือนเธอเป็นเทพธิดาที่ลงจากจากสรวงสวรรค์ เธอแย้มยิ้มที่ชายสูงวัยหวนคิดถึงตลอดเวลา สองแขนผ่ายผอมอ้าออก
"มานี่สิเจ้าคะ...ท่านพ่อ..." เสียงที่เอ่ยขึ้นเบาๆราวเสียงกระซิบที่แสนจะละมุนละไมเหลือเกินในห้องภวังค์ของผู้ที่ถูกเรียกว่าบิดา
หากเขามีสติอีกแม้เพียงนิด อาจจะได้ยินเสียงกระซิบของมัจจุราชที่กำลังเรียกเขาไปยมโลก มากกว่าเสียงอันอ่อนหวานของเทพธิดาจันทราคนนี้
"อา...ปักษิกา...ในที่สุดเจ้าก็เรียกหาข้าแล้ว..." แม้ในยามนี้ เขาก็ยังเพรียกหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของเขาอยู่ดี...
เขาเข้าสวมกอดเด็กสาวอย่างโหยหา ยังไม่ทันให้เขาได้ดื่มด่ำกับความหอมหวานของความสุข ความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นริ้วขึ้นมาจากทรวงอก ของเหลวสีชาดพร้อมสัมผัสอุ่นวาบนั้นทำให้ชายสูงวัยทรุดตัวลงแทบเท้าของเด็กสาว
เหมือนกับมีฟ้าฝนที่คะนองขึ้นมากระทันหัน สายฟ้าแลบแปลบปลาบได้เผยภาพของมัจจุราชผู้งดงาม
เด็กสาวที่มองจากที่ต่ำขึ้นไปยามนี้ดูน่าหวาดกลัวเหลือเกิน...ทั้งดวงตาสะท้อนแสงราวสัตว์นักล่า ทั้งมีดในมือที่มีโลหิตติดอยู่ ใบหน้างามยังคงแย้มยิ้มอย่างปลอบโยนให้ชายสูงวัย
"กรีดร้องเสียนะคะท่านพ่อ...กรีดร้องเสียให้พอใจ...ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกครา..."
"อ๊ากกกกกกก!!!" ร่างแก่ชราดิ้นพราดๆให้หลีกหนีจากผู้ที่จะลงมือปลิดชีวิตตน ดวงตาฝ้าฟางเบิกโพลงอย่างตื่นกลัว ยามที่เด็กสาวสืบเท้าเข้ามาใกล้เขาก็ราวกับว่าด้ายชีวิตของตนกำลังถูกบั่นอย่างช้าๆ...
ฉึก!
เสียงของมีคมเสียบแทงเข้าไปยังเนื้อหนังของมนุษย์ ทะลุไปจนถึงอวัยวะอันบอบบางที่ประคองชีวิตของชายสูงวัยเอาไว้อย่างแผ่วเบา...
"...ขอให้ท่านได้หลับใหลอย่างเป็นสุข ในโลกที่ไร้ความโศกาอันเป็นนิรันดร์..." เสียงอวยพรแก่ผู้จากโลกนี้ไปอย่างง่ายดายดังลอดอกมาจากริมฝีปากของเด็กสาว
ใบหน้าที่เปื้อนคราบโลหิตนั้นยังคงไร้ความเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ได้สบดวงเนตรกับเธอก็คงได้เห็น...
แววตาที่สั่นระริกราวอัญมณีเม็ดงามกำลังจะแตกร้าว...
"พ่อหมอ!! ทางนี้เลยเจ้าค่ะ!! นังผีบ้านั่นเริ่มอาละวาดใหญ่แล้ว!!" เสียงแหลมสูงแหบแห้งบ่งบอกวัยดังขึ้นท่ามกลางสายฝน ขณะมือแห้งเหี่ยวก็กำลังลากร่างของชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงแต่งตัวสมกับเป็นหมอคาถา ฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำราวกำลังชะล้างแผ่นดินนี้อยู่
เหมือนที่เรือนของเจ้าใหญ่นายโตคนหนึ่งกำลังถูกคนที่เรือนเรียกว่าผีบ้าอาละวาดไล่ทำร้ายผู้คน เห็นว่าฆ่าเจ้าบ้านไปแล้วเสียด้วย
หมอผีถอนหายใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งฝ่าฝน พลางคิดสะระตะเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผีบ้าที่ว่า
หนึ่งหมอผีที่มีชื่อเสียงว่าเก่งกาจที่สุดในแดนสยาม และหนึ่งเด็กสาวผู้มิใช่มนุษย์นั้นได้โคจรมาพบกัน...กงล้อแห่งโชคชะตาก็ได้หมุนไปอีกทิศทางหนึ่งอีกครั้ง...อย่างรวดเร็ว
เด็กสาวที่กักขังตัวในซอกลึกของตำหนักลั่นทมนั้นกำลังจิกทึ้งเส้นผมของตนเองอย่างรุนแรงอย่างระงับอารมณ์ ไหลบางสั่นไหวด้วยความตื่นกลัว
'คนข้างนอก...เสียงดัง...น่ากลัว...'
คิ้วโก่งเรียวดังคันศรขมวดเข้าหากันน้อยๆจนแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อประสาทหูที่ได้ยินชัดกว่าคนอื่นได้ยินเสียงฝีเท้าที่แปลกประหลาดในเรือนนี้...ทั้งยังกลิ่นอายเวทมนตร์แปลกๆที่เธอไม่รู้จักเสียด้วย
ปัง!!
เสียงบานประตูถูกเปิดออกมา รับกับเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะค่อยๆยืนขึ้นเต็มความสูง
เงาของชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ตรงนั้น รูปหน้าดุเข้ม ร่างกายสมส่วนท่าทางแข็งแรง ใส่ชุดขาวห้อยลูกประคำสะพายย่ามสีแดงสดพร้อมอักขระยันต์
คนอื่นอาจเห็นเป็นเช่นนั้น แต่แก้วตาของเด็กสาวไม่ได้มองเช่นนั้น
ภาพของชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ต้นๆ รูปหน้าติดหวานเล็กๆ และค่อนข้างสวย กระนั้นยังแฝงความแข็งกร้าวของบุรุษเพศอยู่ ทำให้เขาไม่ดูตุ้งติ้งมากนัก
ภาพที่ซ้อนทับกันทำให้เด็กสาวสะบัดหัวหลายๆทีเพื่อตั้งสติอีกครา เส้นผมสีประหลาดสะบัดพลิ้วไหวไปมาอย่างนุ่มลื่น กะพริบตาปริบหลายๆครั้งเพื่อมองร่างตรงหน้าให้แน่ใจ
แต่คนที่ได้มาเห็น 'ผีบ้า' อย่างหมอผีผู้เก่งกาจนั้นตกตะลึงยิ่งกว่าเสียอีก อยู่มาจนปูนนี้ ยังไม่เคยได้เห็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เล่าขานกันมาในโบราณเสียที...
เขาเป็นจอมเวทย์...อันมีร่างกายที่หยุดนิ่ง ไม่แปลกที่ดวงตาของเด็กคนนั้นที่มองเห็นซึ่งความจริงทุกสิ่งอย่างจะเห็นภาพตัวจริงของเขา
ทั้งดวงตาสีเงินสว่างล้อมกรอบด้วยแพขนตาสีฟ้า ราวกับเป็นพระจันทร์ที่เฉิดฉินขึ้นในตอนกลางวัน ผิวกายสีขาวนวลราวสีของงาช้าง เส้นผมที่หยักเป็นคลื่นดุจเปลวเพลิงสีฟ้า เครื่องหน้าทุกอย่างที่วางไว้อย่างเหมาะเจาะบนใบหน้าเรียวได้รูป
ตรงกับคำกล่าวในบันทึกไม่มีผิด ถึงจะยังเด็กอยู่ แต่อีกสามปีรับรองต้องเป็นสาวงามสะพรั่งอย่างแน่นอน
จอมเวทย์ในคราบหมอผีรู้สึกเปลวเพลิงแห่งการเอาชนะในร่างกายลุกโชนขึ้นมากระทันหัน ดวงตาที่ประกายแสงสีแดงวาวชั่วขณะทำให้เด็กน้อยขนลุกขึ้นมา เขาสั่งให้คนในบริเวณนั้นออกไปจากเรือนนี ก่อนจะกางวงอาคมสีแดงฉานราวโลหิตออกมา
"ก่อนอื่นต้องบอกว่าเช่นไรดี? แม่นกน้อย?" เสียงที่เปล่งออกมานั้นมิใช่เสียงกร้านใหญ่เช่นเดิม แต่เป็นเสียงที่นุ่มนวลกว่านั้นและแฝงด้วยความทะเล้น ก่อนที่ร่างกายเขาจะสลัดคราบหมอผีแก่กล้าวิชาออกไป กลายเป็นชายหนุ่มรูปลักษณ์ประมาณยี่สิบต้นๆแทน
"...ก่อนอื่นท่านต้องหลบทางเรา" เสียงหวานที่แหบแห้งเล็กน้อยดังขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด "แล้วไสหัวไป!!" เสียงตวาดกร้างนั้นเกือบทำให้ร่างของขมังเวทย์เกือบทำตาม เพราะพลังของวาจาประกาศิตอ่อนๆที่แฝงมากับสายเลือด แม้จะยังเป็นพลังที่เจือจางนัก แต่หากขัดเกลาเสียหน่อย ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้แน่นอน
"น่าเสียดายเหลือเกินแม่นกน้อย หากแต่เราไม่สามารถไสหัวไปได้หรอก ก็รับงานมาแล้วนี่นะ"
"งานของท่านคือขับไล่ผีบ้ามิใช่หรือ ตอนนี้ผีบ้าตนนั้นก็จักอัปเปหิตนเองอยู่แล้ว ถือว่างานของท่านจบไปแล้ว ไยมิยอมหลีกทางให้เรา" เสียงตวัดเป็นเชิงเย่อหยิ่ง และคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาที่ถูกลับให้เฉียบแหลมภายในเวลาไม่ถึงชั่วยาม
"ใช่ งานนั้นจบลงไปแล้วแม่นกน้อย...แต่ใครบอกว่างานของเรามีเพียงงานนั้นเล่า!!"
สิ้นเสียง ทั้งสองร่างก็ทะยานขึ้นบนท้องฟ้าภายในเวลาเดียวกัน เด็กสาวกางปีกเพลิงสีฟ้าที่แผ่รังสีเยือกเย็นออกมา แต่จอมขมังเวทย์อย่างเขารู้ซึ้งถึงพิษสงของมันว่าอันตรายกว่าที่เห็นนัก!
"เอาล่ะ ตามมารยาทที่ดีในงานเต้นรำ ฝ่ายชายต้องเริ่มนำคู่เต้นก่อน...ฉะนั้น ขอเริ่มเลยแล้วกัน!" เขารู้ดีว่าสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะอย่างนกเพลิงสีฟ้านี้ ยิ่งจบการต่อสู้กันได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีต่อตัวเอง การต่อสู้ยืดเยื้อกับชนเผ่านกเพลิงนั้นเป็นการกระทำที่โง่มาก
วงอาคมสีแดงโลหิตกางวูบวาบ เด็กสาวตั้งท่าระมัดระวังอย่างเต็มที่ พลันวงอาคมกว่าสิบอันที่กางเรียงรายก็ปล่อยพลังเวทออกมาในรูปแบบต่างๆนาๆมากมายจนตั้งรับแทบไม่ทัน ความเยาว์ทำให้แม้จะเป็นเจ้าป่าผู้เกรียงไกรก็พ่ายแพ้ต่อหลุมพรางกับดักของนายพรานมือฉกาจได้
ไม่นานนั้นเอง
"กรี๊ดดดด!!!!" เสียงกรีดร้องดังขึ้นและสิ้นลง พร้อมๆกับกรงอาคมสีแดงครอบกาย ไอพลังสีฟ้าครามถูดูดออกมาจากร่างกายผ่ายผอมของเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง จอมขมังเวทย์ยกยิ้มอย่างพอใจ พลางร่ายคาถาเพียงสองสามคำ ร่างของทั้งสองก็หายวับไปจากท้องฟ้า
'จะชำแหละยังไงดีนะ...หึๆๆๆๆ น่าสนุกดีจริงๆ'
ความคิดเห็น