คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : โบราณเขาว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความซวยเข้ามาแทรก (??)
หลังจากที่ช่วยพายออกมาจากป่าและฝังศพ (?) ของเจย์แล้ว ตอนนี้ทุกคนก็กำลังใช้สมองอย่างหนักกับความสงสัยที่ตัวเองมี
บอกตามตรง คำว่าเศร้ากับการสูญเสียน่ะ ไม่เคยมีอยู่สารบบของชาวแฟนธอมหรอกนะจะบอกให้ พวกเขาคือบุคคลที่ต่างอยู่ก้ำกึ่งกับความเป็นนิรันดร์ทั้งสิ้น พบเจอกับความตายมาแล้วมากมาย ไม่เคยเห็น ไม่เคยพบ...สิ่งชีวิตที่ไม่ร่วงโรย การตายในครั้งนี้นั้นก็ถือเป็นแค่การตายอย่างธรรมดาสามัญเท่านั้นแล...
ดูเหมือนจะโหดร้ายและเลือดเย็น แต่อย่างไรก็ต้องทำความเข้าใจ พวกเขาอยู่บนโลกนี้มานานจนน่าเบื่อหน่ายที่จะใช้ชีวิตต่อไป เขาเห็นความตายเป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่างน้อยก็จะได้พักผ่อนเสียที
"พายอ้ะ ข้าวต้ม (นรก) ฝีมือซาเลยนะ สมุนไพร (พิษ) เพียบ"
"ฮิเมะ ฉันเห็นวงเล็บที่เธอใส่ที่ข้างหลังนะ" ซาพูดพร้อมส่งสายตาพิฆาตมาให้
"พวกนายจะกัดกันหรือว่าจะเอาข้าวต้มให้ฉันกิน" พายขัดแล้วกินน้ำด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ขนานใหญ่
คนป่วยจะหลับจะนอน ก็ให้ฉันนอนแบบสงบๆบ้างสิยะ! แล้วนี่อะไร ยกขโยงกันมาตั้งห้าหกคน ขอย้ำอีกที! คน-ป่วย-ต้อง-การ-ความ-สงบ! (ว้อย!)
"เอาน่าๆ แข็งแรงดีก็เริดแล้วล่ะ มามะ ฮิเมะป้อน" สาวเจ้านอกจากจะไม่รู้สึกรู้สากับคำจิกกัดนั่นแล้ว ยังจะส่งยิ้มร่าพร้อมช้อนที่ใส่ข้าวต้มไว้พอดีคำ พายได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา แล้วอ้าปากรับข้าวต้มนั้นแต่โดยดี
"พาย เธอพอจะจำเรื่องที่โดนลอบทำร้ายได้หรือเปล่า"
"อื้ม อำไอ้อิ" พายพูดเสียงอู้อี้เพราะข้วต้มที่อยู่ในปาก และเมื่อกลืนเข้าไปแล้วดวงตาของแม่คนป่วยก็ดูเหมือนจะประกายออกมาเป็นรูปหัวใจสีชมพูปริ๊งปรั๊งชวนขนลุก (?) ก่อนจะคว้าชามข้าวต้มมา จ้วงเอา จ้วงเอาเหมือนคนตายอดตายอยากมาจากไหนสักที่ แถมยังทำมือที่จะบ่งบอกว่า 'ถ้าข้าวต้มชามนี้ยังไม่หมด พวกเอ็งก็ไม่มีสิทธิถามอะไรทั้งนั้นเฟร้ยยย'
โยกินะยักไหล่ใส่โมจิฮิแล้วเดินไปหาอีกเตียงข้างๆที่มคนนอนอยู่เช่นกัน
คนที่ว่าคือเอมพ์ หลังจากที่เขาซัดเวทรักษาขั้นอัลติเมตไปก็หลับเป็นตายมาประมาณสามวันแล้ว วันนี้เป็นวันที่ฮิเมะบอกว่าพี่เธอจะฟื้น
ไปถึงก็พบว่าตื่นแล้วจริงๆนั่นล่ะ แต่เอมพ์กำลังใช้ดวงตาสีเงินที่ไร้แววเหมือนกำลังเหม่อมองไปที่ข้างนอกอยู่เท่านั้นเอง
"คุณเอมพ์ ตื่นแล้วเหรอ"
"ขอน้ำหน่อย" นอกจากจะไม่ตอบแล้วยังมีหน้ามาสั่งคนอื่นเขาอีก!! โยกินะแอบคิดเช่นนั้นแวบหนึ่ง แต่ก็ยอมหันกลับไปรินน้ำใส่แก้วแต่โดยดี โดยที่ไม่ทันสังเกตุถึงคราบเลือดที่ฝ่ามือและมุมปากของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
เอมพ์จรดแก้วน้ำลงกับริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันได้ดื่ม เขาก็ปรายสายตานิ่งๆไปทางคนที่มาหาเขา แล้วมองไปทางผ้าม่านที่คั่นเตียงทั้งสองเตียง เป็นเชิงว่า 'ไสหัวไปได้ละ' อะไรแบบนั้น...
โยกินะเห็นอย่างนั้นก็มุ่ยปากเป็นเชิงประท้วง แต่พอเห็นแววตาเชิงดุนิดหน่อยจึงยอมแล้วถอยออกจากอาณาเขตเล็กๆนั่นทันที
"ไม่ไหวเลยแฮะ...มีแต่คลื่นรบกวน รักษาตัวเองไม่ได้เลย..." เอมพ์บ่นเบาๆจนแทบละลายหายไปกับอากาศ โลหิตสีแดงฉานประกายหลั่งรินลงจากมุมปากอีกครั้ง จากนั้นก็หยดลงบนผืนผ้าอย่างเงียบเชียบ ใบหน้านั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงลงไปแม้แต่น้อยแม้จะเจ็บปวดภายในกายจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆก็ตาม
เสียงพูดคุยยังแว่วมาจากอีกฟากฝั่งที่คั่นไว้เหียงผ้าม่านผืนหนึ่ง ดวงตาสีเงินที่อ่อนล้าฉายแแววครุ่นคิด ในใจได้แต่ภาวนา...
...ขอให้ทุกอย่างอย่าได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้เลย...
"ก็คืองี้ ฉันกะเด็กใหม่นั่นปาร์ตี้ภารกิจที่ป่ามายา พอพวกเรากำลังเดินจะไปเก็บของ จู่ๆร่างกายมันก็ชาๆ แขนขาขยับไม่ได้ ตาก็พร่าๆ มองอะไรไม่เห็นเลย เห็นแต่สีเขียวลางๆ...จากนั้นก็ดูเหมือนจะมีเงาสีดำอยู่รอบๆ ท่าทางนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาดีมากกกก นี่ฉันประชดนะ ตอนนั้นถึงมองไม่เห็นก็พอป้องกันตัวได้แหละ แต่อยู่ดีๆก็มีดาบจากที่ไหนไม่รู้มาจิ้มทะลุอกฉันจึ้กนึง แต่แอบเห็นว่าจิ้มทะลวงไส้เด็กใหม่ไปสองรอบน่ะ สงสัยเห็นฉันเป็นผู้หญิงมั้ง จากนั้นก็ประคองตัวเองมาได้จนถึงพวกเธอมานั่นแหละ"
พายเล่าอย่างเมามันประดุจนางคือกะละมัง นักข่าวช่องร้อยสิบสองอย่างไรอย่างนั้น
"ศัตรูรอบคอบเกินคาด..."
ตูม!!
ยังไม่ทันให้โนวาพูดจบประโยค เสียงระบิดที่ดังขึ้นก็ดูท่าจะทำให้ความสนใจของทุกคนเบนไป โนวานิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดสยดสยองมาทางคนเขียน จากนั้นก็พูดโดยไม่มีเสียงออกมาว่า 'เมื่อไหร่เอ็งจะให้บทตูเต็มๆสักทีครับ' (.....ขอโทษค่ะ มันเป็นความสนุกเล็กๆของเราเอง...)
"แย่แล้ว!! ศัตรูบุก!!"
"นี่...กลิ่นเดียวกับคนที่มาทำร้ายฉัน!" พายตะโกนออกมา กัดฟันฝืนกายขึ้นนั่ง ดวงตาเปล่งประกายวาววับ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะขัด เนื่องจากพวกเขาก็จะออกไปอัดเจ้าคนที่หาเรื่องให้เขาวุ่นวายเหมือนกันยังไงล่ะ!
ตุบ
เสียงของฝีเท้าที่แผ่วเบาจากฝั่งที่ถูกผ้าม่านคั่นทำให้ซานึกเอะใจ หูสีขาวนั้นกระดิกนิดๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปยังเตียงที่เอมพ์เคยนอนอยู่
ใช่...เพราะบัดนี้เจ้าตัวได้หายไปเสียแล้ว...
กลิ่นนี้...ฮึ...อริเก่ามาทักทายแล้วสินะ...
เอมพ์นั้นเหยียดยิ้มหยัน
พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่คำอ้อนวอนของลูก ท่านก็ไม่ยินดีที่จะรับฟังแล้วหรือไร...เช่นนั้นก็ดี...เพราะลูกจะทำลายให้สิ้นเสีย...เจ้าฟันเฟืองที่น่ารังเกียจนั้น...
สองเท้ากำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ พาร่างเพรียวไปยังสถานที่ที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อได้พบกับร่างที่แสนจะคุ้นเคยนั้นก็หยุดฝีเท้าลง
คนดังว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าครึ่งบนถูกบดบังไว้ด้วงหน้ากากสีขาวลวดลายสีดำรูปดอกไฮเดรนเยีย เส้นผมสีดำสนิทดุจนภายามราตรีที่ไร้ดาว ดวงตาทีเผยให้เห็นนั้นเป็นสีเงินไร้แวว
มันไม่ใช่สีเงินที่เป็นประกายมีชีวิตชีวาราวต้องแสงอาทิตย์เช่นเอมพ์และฮิเมะ แต่มันคือสีเงินที่มืดมัวราวสะท้อนแสงจันทราในที่มืดเสียมากกว่า
"ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง...'ทาเรีย' "
"เช่นกันขอรับ...น่าเสียดายนะขอรับที่ครั้งที่แล้วกระผมนำกลับได้เพียง 'ร่าง' ของท่านหญิงฮิเมะ แต่ดูเหมือนคราวนี้ผมจะได้นำทั้งร่างและวิญญาณของท่านกับท่านหญิงฮิเมะไปด้วย"
"เสียใจด้วย เพราะครั้งนี้...นายจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย...แม้กระทั่งชีวิตของนายเอง"
"ทั้งๆที่กระผมคือคนรักของท่านงั้นหรือขอรับ? หึหึหึหึหึหึหึหึ"
"นายไม่ใช่เขา...'ทาเรีย' คนนั้นได้ตายไปแล้ว...ตายไปตั้งแต่ปีศาจร้ายชั่วช้าสามานย์อย่างนายใช้ร่างของเขาเพื่อแย่งชิงร่างของน้องสาวฉันไป"
"ปีศาจร้ายชั่วช้าสามานย์งั้นหรือขอรับ ช่างเป็นคำจิกกัดที่เจ็บแสบสมกับเป็นท่านชายเช่นเดิมจริงๆ"
"หุบปากเน่าๆของนายไป แล้วมาดูกันว่าครั้งนี้..." ชายหนุ่มที่ได้รับการขานว่าทาเรียเบิกตากว้างนิดๆเมื่อเอมพ์หายไปจากสายตา และยิ่งตกใจมากกว่าเมื่อมีเสียงหวานแว่วกระซิบเข้าที่ข้างหูพร้อมจิตสังหารที่คมบาดผิวเนื้อ "ฉันจะตัดหัวของนายออกจากบ่า...หรือนายจะเป็นฝ่ายเอาร่างฉันไป"
ทอนฟาคู่ใจอยู่ในมือเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้มันกำลังพาดผ่านลำคอแกร่งของฝ่ายตรงข้าม บวกกับที่เจ้าของมันได้ปรับแต่งทอนฟานี้จนอันตรายสุดๆ ใบมีดคมกริบที่ติดอยู่บนนั้นจึงบาดผิวเนื้อจนเลือดไหลซิบออกมา
"หึ มันอันตรายนะขอรับ"
การเริงระบำของอาวุธได้เริ่มต้นขึ้น
เสียงโลหะดังกระทบฟาดฟัน
เช่นเดียวกับความรู้สึกอันแปลกประหลาดของทั้งสองที่ก่อขึ้นมาอีกครั้ง
โดยที่ต่างเองก็ไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
[ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ระหว่างที่ทาเรียเจอกับเอมพ์]
"ศัตรูเป็นภูติ ระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าเผ่าอะไร แต่ที่แน่ๆคือเก่งมากแน่นอน เราไม่มีเวลาที่จะจัดทัพให้เรียบร้อยมากนัก แต่ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ในตำแหน่งที่คิดว่าทำได้ดีที่สุด"
"ครับ/ค่ะ" ทั้งหมดตอบรับอย่างแข็งขัน บาเรียสีแดงฉานดูท่าจะแตกร้าวภายในอีกไม่นานนักจากการโหมบุกกระหน่ำทำลายของศัตรูที่มาแบบสายฟ้าฟาด
"ครับ จงปกป้องกิลด์สุดชีวิตตราบยังไม่สิ้นลมหายใจ...ไม่มีการเสียสละไหนเปล่าประโยชน์ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองครับ"
สิ้นคำสั่งนั้น ผู้คนนับสี่สิบกว่าคนก็พุ่งพรวดออกไปประจัญหน้ากับผู้รุกราน ลานกว้างนั้นได้แหลกเละไม่มีชิ้นดียามที่ศัตราวุธต่างตกกระทบฟาดฟันกัน
กลิ่นอายแห่งคาวเลือดเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ
สงครามอันฉุกละหุกที่ไม่รู้จุดประสงค์ใด
ท่ามกลางความสงสัยหลายๆอย่าง
ทั้งยังไม่ทันได้คิดครวญถามหาเหตุผลใดๆ
ต่างฝ่ายก็ต้องหยิบอาวุธเข้าหากันเสียแล้ว
หลังจากนี้คงจะมีเรื่องราวมากมาย
ครั้งนี้มันก็เพียงจุดเริ่มต้น...
ความคิดเห็น