ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยาจำเป็นของนายยากูซ่าสุดโหด [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #4 : EPISODE#001

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 57


    EPISODE#001

     




    ความเจ็บปวดที่ได้รับอยู่ตอนนี้มีผลมาจากเรื่องขัดแย้งระหว่างพรรคยากูซ่าในอดีต ผมสูญเสียพ่อผู้ให้กำเนิดอย่างกะทันหันจากกระปะทะกันอย่างรุนแรงอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่นั่นมันยังมีทางรอด แต่ฝ่ายผมไม่มีแม้แต่โอกาสรอดตายมันมีแต่คำว่าตายเท่านั้น

    เรื่องที่มันเกิดแล้วไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรนอกจากจะหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก เมื่อเรื่องในอดีตจบทุกพรรคเล็กในเขตการปกครองของสองพรรคใหญ่ต่างลงความเห็นให้มีการเชื่อมสัมพันธ์กันจึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการร่างสัญญาข้อตกลงห้ามละเมิดเขตแดนของกันและกันเพื่อจบปัญหาที่จะทำให้เกิดการนองเลือดเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา

    พวกเราได้ร่างข้อตกลงร่วมกับพวกนั้นเพื่อแสดงความจริงใจ แต่ด้วยความที่พรรคมิซึกิมีแผนการบางอย่างจะร่วมมือกับพรรคคาสึกิที่อยู่ทางใต้เพื่อขยายอำนาจถูกรู้ถึงหูของหัวหน้าใหญ่พรรคนานามิที่เป็นญาติห่างๆกับพรรคนามิคาเสะเข้ามันจึงทำให้เกิดปัญหาการผิดใจกันขึ้นมาอีกรอบ

    ครั้งนี้พวกมันได้ยื่นข้อเสนอในการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกลมเกลียวเพิ่มขึ้นโดยการให้จัดพิธีแต่งงานขึ้น แน่นอนว่าทางฝั่งดินแดนของยูเมะไม่มีทางยอมเนื่องจากพวกเราสืบเชื่อสายมาจากตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในอดีต ทั้งสูงส่ง เกรียงไกร และมีรากฐานอำนาจมั่นคง แข็งแกร่ง ดุจดั่งหินผา

    โดยอย่างยิ่งตระกูลยามานากะแต่เดิมเป็นตระกูลที่แตกสายแยกออกมาจากตระกูลใหญ่เครือฟุจิวะระเป็นกลุ่มขุนนางที่เคยมีอำนาจและอิทธิพลอย่างยิ่งใหญ่ต่อราชสำนักญี่ปุ่น ในยุคเฮอัน และได้รับการแต่งตั้งเป็นคัมปะกุ ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางที่ทรงอิทธิพลที่สุด ทำให้กลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจสูงสุดจึงทำให้หลายฝ่ายเกรงกลัวต่ออำนาจที่สืบทอดกันมายาวนาน อดีตจนถึงปัจจุบัน

    ส่วนตระกูลของผมนั่นสืบเชื้อสายมาจากตระกูลโชกุนโทะกุงะวะเป็นตระกูลที่ปกครองโดยรัฐบาลทหาร ส่วนตระกูลฟุจิวะระ ปกครองประเทศฝ่ายราชสำนักโดยการควบคุมจักรพรรดิ แม้เราทั้งสองตระกูลจะไม่ลงรอยกันแต่มันไม่เท่ากับที่เรามีเรื่องบาดหมางรุนแรงกับพวกฝั่งยูมิ

    พวกนั้นเป็นกลุ่มยากูซ่าเกิดใหม่ไม่มีทั้งประวัติการก่อตั้ง พวกนั้นโหดร้ายกว่าพวกเรา พวกเขาไม่มีความเมตตาให้แก่กัน มีแต่คิดถึงผลประโยชน์ให้กับตัวเองมากกว่า

    หลายครั้งหลายหนพวกนั้นก้าวล้ำเส้นเขตแดนการปกครองของดินแดนยูเมะดินแดนแห่งการสร้างความฝันให้เป็นจริง และ ดินแดนแห่งการสรรค์สร้างความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อมาหาผลประโยชน์ให้กับตัวของพวกมัน

    แม้หัวใหญ่ของดินแดนยูมิจะกล่าวแสดงความขอโทษต่อดินแดนยูเมะของเรา แต่มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิดเดียว

    ทุกคนในดินแดนอยู่กันอย่างปกติสุข ทุกคนตระหนักในหน้าที่ของตัวเองว่าจะต้องทำอย่างไร แต่เมื่อมาเจอการรุกรานที่ไร้ศีลธรรมและไร้เหตุผล มันทำให้พวกเราต้องยืนหยัดต่อสู้กับพวกไร้สามัญสำนึก ไม่มีมารยาท และไม่รู้จักคำว่ากาลเทศะ

    พวกเราทำสงครามกันเป็นระยะเวลานานจนในที่สุดเราได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและเคารพนับถือไป นั่นคือพ่อของผม ฮาคุโนะ ซาชิกิ

    พ่อผมถูกฆ่าโดยหัวหน้าพรรคนามิคาเสะชื่อของมันคือริวเคนโด ทุกสิ่งรอบข้างผมมืดมนไปเสียทุกอย่าง แต่แม่ของผมยังยิ้มได้หน้าระรื่นท่านบอกผมว่าเราควรจะดีใจเพราะพ่อผมตายเพราะปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูลฮาคุโนะและพรรคมิซึกิ

    แม่บอกผมทั้งๆที่ท่านยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ท่านเฝ้าบอกผมมาตลอดให้เป็นอย่างพ่อเป็นคนกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ถึงตัวตายก็ไม่ยอมก้มหัวให้กับใคร ตายอย่างมีเกียรติดีกว่าตายอย่างไร้เกียรติเหมือนหมาที่ร้องขอชีวิตจากพวกเศษเดนนั่น

    และผมจะเป็นเหมือนอย่างพ่อ

    ยอมตายดีกว่าต้องเสียเกียรติให้คนชั้นต่ำพวกนั้น

    ...

    หลังจากงานศพพ่อผมเสร็จสิ้นไปได้ไม่นาน ทางดินแดนยูมิส่งกำหนดการวันเวลา สถานที่ ในการนัดเจรจาข้อเสนอที่พวกมันได้ยื่นมาตอนแรกเพื่อสงบศึกกันอย่างถาวร ผมคิดว่ากำหนดการนี้น่าจะถึงมือของตระกูลยามานากะแล้วเหมือนกัน

     อย่างไรก็ตามเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยก็น่าจะลองฟังข้อเสนอนั่นดูก่อนตัดสินใจปฏิเสธเพราะยังไงท่านโซกะคงจะไม่ยอมให้คนในตระกูลตัวเองไปแต่งงานกับชนชั้นต่ำเพื่อให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องแปดเปื้อนหรอก คงจะเป็นคนจากตระกูลของผมแทน

    และอีกอย่างบางทีถ้าผมไปอาจจะได้เจอกับท่านโซระก็ได้ ท่านโซระคือรักแรกพบของผม ดวงตาสีฟ้าครามกับใบหน้าเรียวได้รูปนั่น มันทำให้ผมคิดถึงวันที่เราได้เจอกันเป็นครั้งแรก

    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่คนระดับสำคัญๆต้องมาร่วมในงานนี้เพื่อลงความเห็นต่อหัวหน้าพรรคและการตัดสินใจจะได้ไม่มีข้อกังขาใดๆที่จะนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแวง

    จุดนัดพบคือจุดศูนย์กลางของดินแดนยูมิและดินแดนยูเมะ พื้นที่เล็กๆตรงนั้นถือว่าเป็นดินแดนอิสระเสรีห้ามมีการทำอะไรก็ตามที่จะส่งผลเสียมาสู่ราชอาณาจักร ใครฝ่าฝืนจะถูกลงโทษสถานหนักจากผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนนี้

    เนื่องในวันนี้ถือเป็นวันสำคัญ ผมจึงเลือกที่จะใส่ชุดกิโมโนฮาโอริที่เป็นสีที่ผมชอบและสีประจำดินแดนนั่นคือสีแดงและสีฟ้า

    ส่วนท่านโซระคงจะเป็นชุดกิโมโนจูนิฮิโตเอะเต็มยศแน่ๆ เวลาพบเจอทีไรก็ใส่แต่ชุดกิโมโนจูนิฮิโตเอะ หรือไม่ก็ชุดกิโมโนฮาโอริ ไม่เคยเห็นใส่ชุดอื่นเลย ไม่เหมือนกับผมที่แทบไม่อยากใส่เพราะมันร้อนมากแถมยังรุ่มร่ามน่ารำคาญอีกด้วย

    ผมพล่ามอะไรออกไปเยอะแยะเนี่ย นี่มันใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว ต้องรีบไปแล้ว ถ้าแม่รู้เข้าโดนลงโทษแน่ๆแย่แล้วเรา

    ...

    นั่งรถมามันก็ไม่ค่อยนานเท่าไรที่จริงมันอยู่ใกล้นิดเดียวเอง ผมไม่น่ากระตายตื่นตูมเลย แต่รีบมาก็ดีเหมือนกันจะได้คิดหาทางรับมือพวกนั้นด้วย ถ้าเกิดพวกมันเล่นสกปรกล่ะก็ พวกมันกลายเป็นศพที่นี่แน่ ถึงจะฆ่าคนตายไปสักสิบหรือยี่สิบคนมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าคนชั่วๆจะหายไปโลกคงจะน่าอยู่ขึ้นกกว่าเดิม

    ผมลงจากรถและมุ่งหน้าสู่จุดนัดพบ ผู้คนดูวุ่นวาย มีทั้งผู้คนเดินพลุกพล่านเดินเข้าออกไปมาแถมเสียงยังดังเหมือนนกกระจอกพูดกันไม่หยุด ที่นี่มันช่างวุ่นวายทุกคนต่างรีบร้อน ไม่สนใจใคร

    โรงแรมสุดหรูถูกเลือกให้เป็นสถานที่นัดพบของทั้งสองดินแดน ผมพึ่งรู้จากคนของตระกูลยามานากะว่าที่นี่มีห้องแบบญี่ปุ่นยุคเก่าด้วย ถือว่าเป็นดินแดนยูมิทำการบ้านมาค่อนข้างดีที่รู้จักมารยาทและขนบธรรมเนียมของผู้มีศักดิ์สูงกว่าตัวเอง

    ดูเหมือนทุกคนจะมากันพร้อมหมดแล้ว เหลือแต่พวกดินแดนยูมิ ในห้องถูกแบ่งออกเป็นเขตแดน มีรอยต่อของเสื่อทาทามิเป็นตัวกำหนด

    ผมสังเกตเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ในกั้นฉากมู่ลี่เพื่อปกปิดใบหน้า เท้าของผมก้าวเท้าตรงไปที่นั่นทันที ผมรู้ว่าคนที่อยู่ในนั่นเป็นใคร

    ตัวผมย่อลงอย่างช้าๆก่อนจะการโค้งคำนับจากที่นั่งลงกับพื้นเสื่อทาทามิ

    “เจ้ามาแล้วหรือชิอง”เสียงที่อบอุ่นถามผมอย่างอ่อนโยน

    “ขอรับ ท่านโซระ”ผมตอบเสียงเรียบ

    “เรื่องของพ่อเจ้า เราเสียใจจริงๆมันไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าเศร้าใจหนัก”เสียงของเขาเศร้าอีกแล้ว เพราะเป็นคนจิตใจดีถึงได้เป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ

    “อย่าพูดแบบนั้นเลย ผมไม่เสียใจเลยสักนิดเพราะพ่อของผมตายอย่างมีเกียรติ ถ้าท่านต้องมาเศร้าเพราะเรื่องของผม มันทำให้ผมละอายยิ่งนักท่าโซระ”

    “ชิองพูดธรรมดากับข้าสิ ข้าไม่ถือเจ้าหรอก เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ”ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วยท่านคือคนที่ผมรัก และจะให้ผมตีตัวเสมอท่านได้ยังไง

    “ไม่ได้หรอก ขอรับ”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

    “ยังหัวแข็งเหมือนเดิมเลยนะ เพราะความดื้อรั้นของเจ้ามันทำให้ข้ามีความสุขเมื่อได้พบเจ้า อีกไม่นานหรอกข้าจะรับเจ้ามาอยู่เคียงข้างข้าผู้นี้”หมายความว่าอะไร ผมหูไม่ฝาดใช่ไหม

    “ทะ..ท่าน อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะผมไม่ขำนะ”ผมดีใจที่สุดไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดไปเอง

    “ข้าไม่ได้ล้อเล่น จบเรื่องวันนี้ข้าจะให้ท่านพ่อไปคุยเรื่องสู่ขอกับแม่เจ้า”เขาพูดท่าทางมีความสุข ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องจริงผมจะได้อยู่กับเขาตลอดชีวิตถึงแลกกับอะไรผมก็ยอมเพราะนั่นเป็นเดียวที่ผมเฝ้าปรารถนามาตลอด

    ปัง!!!

    ผมหยุดสนทนาและหันหน้ากลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับคนของดินแดนยูมิ ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง คนนอกกำลังทยอย พากันเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนหาที่นั่งและนั่งประจำที่ของแต่ละคน

    สุดท้ายคนที่ใหญ่ที่สุดของพวกนั้นก็พากันเดินเข้ามา คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่อิชชินกับหัวหน้าริวเคนโดคนที่พรากเอาชีวิตพ่อของผมกับแม่ไป

    พร้อมด้วยผู้ชายวัยรุ่นสองคนที่ดูท่าทางแล้วเหมือนอันธพาลและร้ายกาจสุดๆ

    คนหนึ่งผมสีดำมันเงาด้วยตาเหมือนเหยี่ยวที่จ้องจะฉีกเหยื่อออกเป็นชิ้นๆอย่างไร้ความปราณี

    อีกคนเส้นผมสีทองเป็นประกายส่งผลให้ใบหน้าดูสว่างสดใสต่างจากอีกคนที่ดูมืดมนมีแต่ความน่ากลัว

    ทุกคนพากันนั่งประจำที่กันหมดแล้วก็เริ่มต่อรองเจรจาข้อเสนอของแต่ละฝ่ายอย่างดุเดือด ผมเองนั่งฟังก็แทบจะอึดอัด ทุกฝ่ายต่างรักษาสิทธิ์ของตัวเองเป็นอย่างดี

    แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้น ทุกคนต่างหันไปดูเป็นจุดเดียวกัน

    “เห้ย!!! เถียงอะไรกันหนักหนาว่ะ กูรำคาญจะตายอยู่แล้ว พวกมึงจะเอาอะไรมากมายว่ะ พูดสั้นๆไม่เป็นหรือไง กูหิวข้าจะกลับบ้านไปกินข้าวแล้ว ตกลงกันเร็วๆสิ ไม่งั้นกูจะอาละวาดให้เละเลย”อื้อ.ฮือ..ทุกคนอึ้งกิ้มกี่ไปเลยครับเจอเด็กตักเตือน

    “ใจเย็นสิว่ะ ชินเร ผู้ใหญ่กำลังต่อรองกันอยู่รออีกสิบนาทีถ้าแหม่งยังไม่เสร็จเดี๋ยวกูช่วย”เวรล่ะไง ตอนแรกผมนึกว่าไอ้หัวสีทองมันจะห้ามไอ้หัวดำ แต่ดูมันดิมันกลับจะไปช่วยเขาสะงั้น

    “กูเย็นไม่ไหวแล้วว่ะเซริว พ่อบอกว่าวันนี้กูอาจจะได้เมียกลับบ้าน กูถึงมาด้วยนะเนี่ย ไม่งั้นกูไม่มาหรอกเสียเวลา”ไม่น่าเชื่อคำพูดถ่อยๆของหมอนี่จะออกมาจากปากเขาได้เพราะเขาดูเงียบๆแต่มันไม่ใช่เลยมันตรงกันข้ามตั้งหาก

    “เอาน่า เอาน่า”ไอ้หัวสีทองตบบ่าไอ้หัวดำปลงๆเหมือนว่ามันเจอแบบนี้บ่อยแล้ว

    ปึก!!!

    เสียงแรงตบลงลนเสื่อทาทามิอย่างแรง ไม่ต้องตกใจไปคนที่ตบอ่ะผมเองแหละ ผมทนไม่ไหวที่จะให้ใครมาเสียมารยาทต่อท่านผู้นั้น

    “หุบปากสามหาวของพวกนายได้แล้ว ไม่รู้หรือไงว่ากำลังพูดต่อหน้าใครอยู่ ควรจะหัดมีมารยาทเอาไว้บ้าง หรือพ่อแม่ไม่เคยสั่งไม่เคยสอนถึงได้ไม่รู้จักกาลเทศะ”ผมพูดเพราะโมโห

    “ปากดีนะคนสวยแต่เธอไม่ใช่สเป็คฉันหรอกอย่าเรียกร้องความสนใจเลย”ไอ้หัวดำมันแสยะยิ้มพูดแขวะมาทางผม

    “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนกันแหละ ไอ้โง่ฉันเป็นผู้ชายโว้ย โง่แล้วยังอวดฉลาด”ผมด่ากระแทงใจดำมันเต็มๆ

    “อยากตายหรือไง ฉันสงเคราะห์ให้เอาไหม”สายตาไอ้หัวดำมันจ้องมาทางผมแล้วเหมือนมันจะฆ่าผมจริงๆ

    “ลองดูสิ อย่าคิดว่าจะรอดนะ ฉันไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่”ผมท้าทายไอ้หัวดำ

    “มึงตาย!!”มันพูดแค่นี้แล้วลุกขึ้นอย่างเร็วเพื่อจะเข้ามาทำร้ายผม นั่นแหละที่ผมต้องการทุกคนจะได้รู้ว่าเจรจากับพวกมันไปก็เท่านั้น เพราะพวกมันชอบใช้กำลังมากกว่าใช้สมอง

    เพี๊ยะ!!!

    “ชินเร หยุดการกระทำของแกเดี๋ยวนี้”ชายดูมีอายุยืนขึ้นเข้าไปขวางไอ้หัวดำไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวผมไปมากกว่านี้

    “พ่อ”ไอ้หัวดำเรียกผู้ชายที่ตบหน้าตัวเองแผ่วเบา

    “นั่งลงเดี๋ยวนี้ ฉันสั่งให้แกนั่งลง”เขาตะคอกใส่ไอ้หัวดำเสียงดังมาก มันทำให้ไอ้หัวดำกลับลงไปนั่งที่เดิม

    ชายมีอายุคนนั้นนั่งลงกับที่ เขาหันหน้ามาทางผมก่อนจะการโค้งคำนับจากที่นั่งให้ผม ซึ่งผมเองก็ต้องการโค้งคำนับตอบตามมารยาท

    “ทางเราต้องขอโทษด้วยพวกคุณด้วยที่ทำให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณฮาคุโนะ ชิอง เราไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้นอกจากสำนึกผิด”เขาพูดเสียงเศร้า

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะหัวหน้าใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องที่อยากให้เกิดขึ้น ฉะนั้นอย่าได้โทษตัวเองเลย”แม่ผมพูดออกมาหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน

    “ผมต้องขอโทษด้วย ผมไม่รู้จะไถ่โทษยังไงดี”ริวเคนโดพูดทั้งน้ำตาที่ไหลอย่างห้ามไม่ได้

    “สำหรับฉัน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่สำหรับชิองฉันไม่รู้ เขาสูญเสียความรักไป ฉันอยากจะให้เขาได้รับความรักคืนเป็นทวีคูณ คุณจะว่าอะไรถ้าดิฉันจะเสนอให้ชิองแต่งงานกับลูกชายของคุณเพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น”ไม่นะแม่ผมพูดอะไรออกมา

    “แม่ ไม่นะ แม่จะมายกผมให้ใครต่อใครไม่ได้นะผมไม่ยอม”ผมรีบพูดให้แม่เปลี่ยนคำพูด

    “เงียบสะ ชิองแม่พูดออกไปแล้วคำไหนคำนั้นลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

    “ตะ..แต่.ผม..”ผมไม่กล้าขัดคำสั่งแม่เพราะกลัวแม่จะขายหน้าถ้าผมไม่เชื่อฟัง

    พรึบ!!!

    มู่ลี่ถูกเปิดขึ้นจากคนด้านใน เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมหันไปมองทันที ท่านโซระกำลังเดินเข้ามาทางที่ผมกำลังนั่งอยู่

    “เราไม่ยอมหรอกนะ ชิองคือคู่หมั้นคู่หมายของเรา ท่านสึซึชินะจะยกให้ใครส่งเดชไม่ได้ นี่คือคำขอจากเรา”ทุกคนต่างพากกันตกใจที่จู่ๆท่านโซระออกมาจากมู่ลี่

    “ไม่ได้นะโซระ เจ้าเป็นถึงชนชั้นสูงจะมาทำเสื่อมเสียแบบนี้ไม่ได้กลับไปอยู่ในมู่ลี่ตามเดิม ไม่งั้นพ่อจะสั่งกักบริเวณเจ้าโทษฐานที่เจ้าไม่ฟังคำสั่งพ่อ”

    “ท่านพอ่รับปากข้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะสู่ขอชิองมาเป็นภรรยาของข้าท่านจะกลับคำไม่ได้ ข้าไม่ยอม”

    เพี๊ยะ!!!

    เสียตบดังขึ้นเป็นหนที่สอง ใบหน้าเรียวได้รูปหันไปตามแรงตบที่กระทบใบหน้าอย่างรุนแรงจนล้มไปกองกับพื้นเสื่อทาทามิ

    “เจ้ากล้าขัดคำสั่งพ่อเพราะความเอาแต่ใจของเจ้าหรือโซระ เจ้าทำให้พ่อผิดหวังในตัวเจ้ามาก ในเมื่อท่านสึซึชินะเอ่ยปากยกชิองให้แต่งงานกับลูกชายของริวเคนโดแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรทั้งนั้นจำไว้”

    “แต่พอรับปากข้าแล้ว..”เสียงแข็งยังคงทวงสัญญากับผู้เป็นพ่อ

    “โซระ..เจ้านี่มัน..”ผู้เป็นพ่อเงื้อมมือจะตบหน้าซ้ำใบหน้าเรียวอีกครั้ง แต่ร่างบางวิ่งเข้าไปขวางสะก่อน

    “ได้โปรดเถอะขอรับ อย่าทำท่านโซระเลย ท่านโซระแค่เป็นห่วงผมเท่านั้นเองกลัวว่าผมจะถูกพวกนั้นทรมานถ้าได้แต่งงานกันจริงๆ ท่านโซระใจดีมากท่านเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือขอรับท่านโซกะ”ผมพูดทั้งน้ำตา ถ้าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่าโซระต้องเดือนร้อนผมคงไม่สามารถอยู่เคียงข้างท่านผู้นี้ได้อีกแล้ว

    เมื่อท่านโซกะฟังที่ผมพูด ท่านก็ลดมือลงก่อนจะนั่งลงที่เดิม

    “ว่ายังไงค่ะ จะรับข้อเสนอนั่นไหม”แม่ผมหันไปถามอีกฝ่าย

    “แต่ดูลูกของคุณจะ..”อีกฝ่ายลังเลที่จะให้คำตอบ

    “ผมยินดีรับ แค่นั้นก็พอแล้วนิ หึหึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอนั่นทำให้ผมหันไปมองก่อนจะไม่พอใจกับท่าทางทุเรศนั่น

    “เป็นอันตกลงตามนั่น”แม่ผมจัดการรับคำเสร็จสรรพโดยไม่ฟังอะไรจากผมเลย ไม่ฟังว่าผมรู้สึกยังไงถ้าผมต้องอยู่ร่วมกับคนที่ฆ่าพ่อ ผมจะทรมานแค่ไหน ผมจะทำใจได้ไหม ทำไมแม่ไม่เข้าในผมเลยว่าผมต้องการอะไร

    “ไม่นะ ชิองเจ้าจะจากข้าไปไม่ได้นะ..ข้ารู้ว่าเจ้าก็รู้สึกเหมือนข้า..ใช่ไหมชิองบอกพวกนั้นไปเขาจะได้เข้าใจเราสักที”ท่านโซระผมรักท่านมากเหลือเกินแต่ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นตัวทำร้ายท่านผมทนไม่ได้ถ้าหากต้องเห็นคนที่ผมรักต้องเดือนร้อน

    ผมโอบรัดกอดท่านโซระให้แน่เป็นครั้งสุดท้ายให้ได้จำว่าผมก่อนเคยได้รับความอบอุ่นจากท่านผู้นี้ เพราะเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว มันอาจจะรู้สึกหว่าเหว่ที่ต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียว แต่อ้อมกอดนี้มันจะทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งเมื่อผมได้นึกถึงมัน ผมแข็งใจยกมือเช็คน้ำตา ก่อนจะผลักท่านโซระออกจากวงแขนอย่างแรง

    “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่านอย่างนั่น เราก็เหมือนญาติกัน ไม่มีวันที่จะมารักกันแบบนั้นได้ ผมอยากแต่งงานกับคนที่เท่าเทียมกันไม่ใช่คนสูงศักดิ์อย่างท่าน ผมขอตัว”ผมพูดตัดบทชัดเจน

    “ชิอง ทำไมเจ้าทำกับข้าแบบนี้...ข้ารักเจ้า..”ได้โปรดคำพูดของท่านมันทำให้ผมใจอ่อน ช่วยลืมผมเถอะเราไม่มีวันจะได้รักกัน

    “ผมไม่ได้รักคุณ ตัดใจจากผมสะเราจะไม่มีวันได้เจอกันอีก ไม่มีวัน..”ผมเดินออกไปอย่างเร็วเพราะน้ำตาเจ้ากรรมมันจะไหลออกมาอีกรอบแล้ว

    “ชิอง...”เขาพยายามจะลุกขึ้นตามผมมาแต่ก็หยุดอยู่กับที่

    หมับ!!! ผมหันไปคว้าแขนของไอ้หัวทองลากให้ตามผมออกมา ผมไม่มีทางเลือกที่จะทำให้ท่านโซระตัดใจจากผมให้เด็ดขาด

    “จะไปไหน..”ไอ้หัวท้องถามผมห้วนๆ

    “ไปบ้านของนาย”ผมตอบออกไป

    “จะไปทำอะไรที่นั่น”ไอ้หัวท้องมันก็ถามผมไม่เลิก

    “เรื่องที่นายถนัดๆไงล่ะ”ผมยิ้มยั่ว

    “อย่ามาร้องอ้อนวอนให้หยุดล่ะ ฉันไม่หยุดหรอกนะ”มันตอบเสียงหื่นใส่ผม

    “ให้แน่ละกัน ฉันไม่ยอมให้นายหยุดจนกว่าจนจะพอใจ..กึ๊ก..”ผมหยุดเท้าและกัดหูของอีกฝ่ายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ความยาก

    “เอาตรงนี้เลยดีกว่า ทนไม่ไหวแล้ว”เขามีอารมณ์รุนแรงกว่าที่คิดไว้

    ผมหยุดตัวแข็งเป็นหินเมื่ออีกฝ่ายเริ่มลูบเค้นสะโพกอวบอิ่มอย่างชำนาญ สองมือหนาขย้ำไปทุกจุดทั่วร่าง ผมรู้ว่าเขาต้องการอย่างหนัก ผมเองก็เหมือนผมก็ต้องการคนที่จะทำให้ผมลืมเรื่องของท่านโซระ ถึงแม้ว่าผมจะหลอกใช้อีกฝ่ายก็ตาม

    เรียวนิ้วบางเอื้อมสัมผัสลูบไล้แก่นกายเบื้องล่างของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่จะขย้ำแรงเต็มไม้เต็มเพื่อเรียกอารมณ์ความต้องการของอีกฝ่ายให้เพิ่มขึ้น

    ตัวผมเบียดเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายแนบแน่

    ริมฝีปากกระซิบข้างหูคนที่จะเป็นสามีในไม่ช้าเซ็กซี่และเร่าร้อน

    “รู้ว่าอยาก กลับบ้านก่อนสิแล้วเราจะสนุกไปด้วยกัน”ผมยิ้มยั่ว มือที่ขย้ำแก่นกายอีกฝ่ายคลายลงก่อนจะลูบมันช้าๆแล้วเดินนำหน้าไป เดินไม่เท่าไรผมก็เกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อยจนต้องพิงผนังทางเดินเพื่อประคองร่างเอาไว้

    พรึบ!!!..อ๊ะ..

    ผมตกใจที่อีกฝ่ายอุ้มผมขึ้น ก่อนจะออกตัววิ่งด้วยความเร็ว

    “ถ้าฉันรอนายเดินแบบนี้แล้วเมื่อไรมันจะถึงบ้านของฉันกัน ดีไม่ดีฉันอาจจะจับนายปล้ำมันตรงนี้นี่แหละ นายจะรองรับอารมณ์ฉันไหวไหมเนี่ยยังไม่ได้ทำอะไรก็หมดแรงแล้วหึหึๆ”เขาพูดกับผมและอุ้มผมวิ่งไปกับเขาด้วย ผมไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไร สมองมันเบลอไปหมด ดีเหมือนกันจะได้หยุดคิดเรื่องของท่านโซระสักที..

    ...

    ทุกคนในห้องต่างเริ่มพากันออกจากห้องเมื่อได้ข้อยุติ ในขณะที่มีใครบางคนกำลังร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เห็นคนรักไปกับคนอื่นมันเหมือนกับตายทั้งเป็น แค่คิดว่าเขาจะไปเป็นของคนอื่นมันก็ทำให้ตัวเองแทบคลั่ง

    “หักห้ามใจเถอะโซระ”

    “ท่านพ่อก็พูดได้นิ ท่านไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับข้า แล้วทำไมท่านถึงพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ท่านเห็นหรือไม่ว่าลูกท่านตอนนี้ทำเจ็บปวดกับคำสัตย์ที่ท่านรับคำไว้ แต่ท่านกลับเพิกเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อน ท่าจะให้ข้าคิดเช่นไรท่านพ่อบอกข้าที่..”

    “คนเราใช่ว่าจะได้รักกับคนที่เรารัก ชิองไม่ใช่คนรักสำหรับฉัน เพราะเจ้ามีหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น จำไว้”

    “หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องแลกกับหัวใจตัวเอง ข้าขอเลือกหัวใจตัวเองท่านพ่อ”

    “เจ้ามัน..ลูกไม่รักดี ถ้าเก่งจริงเหมือนอย่างที่ปากกล้า พิสูจน์สิ แค่คำพ่อเจ้ายังไม่เชื่อฟัง น้ำหน้าอย่างเจ้าก็เป็นได้แค่คนที่ถูกเขาทิ้ง”ผู้เป็นพ่อพูดแทงใจดำลูกชาย

    “ท่านพ่อ”ในใจไม่เคยรู้สึกชิงชักพ่อตัวเองขนาดนี้มาก่อน

    “เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับพ่อเหรอ..”

    เพี๊ยะ!!! หน้าสวยสะบัดไปตามแรง

    “ถ้าท่านจะฆ่าลูกในไส้ให้ตายก็เชิญเลย ข้าหมดสิ้นทุกอย่าง แม้แต่ความศรัทธาในตัวท่าน”คำพูดประชดเพราะความโกรธส่งผมให้ผู้เป็นพ่อโมโหขึ้นทวีคูณ

    เพี๊ยะ!!! ใบหน้าถูกตบอีกครั้งด้วยแรงที่เพิ่มขึ้น

    “เจ้ามันโง่ ยอมให้ความรักมาทำลายงานใหญ่”

    “ข้ายอมโง่ ถ้ามันจะทำให้ข้ามีความสุข”ถึงแม้ใบหน้าจะรู้สึกเจ็บแต่มันไม่เท่าครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พึ่งสูญเสียไป

    “สงสัยต้องเอาเลือดชั่วของเจ้าออกแล้วละโซระ เพื่อเจ้าจะเปลี่ยนความคิด”

    “ไม่มีวัน..”การท้าทายจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดซึ่งตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้ว

    โซกะเดินไปยังผนังห้องที่มีดาบคะตะนะตั้งโชว์อยู่ มือหนาคว้าดาบดึงออกจากฟักแล้วเหวี่ยงฟักดาบไปทางโซระด้วยแรงทั้งหมดที่มี

    เลือดสีแดงสดหยดลงกับพื้น สายตาโซระเริ่มพร่ามัวมองสิ่งรอบข้างไม่ชัด

    “หายบ้าหรือยังโซระ ข้าไม่ได้สอนเจ้าให้เป็นคนแบบนี้”

    “ถึงท่านจะทำอะไรข้า ความคิดข้าก็ไม่มีวันเปลี่ยน”เปลือกตากำลังจะปิดสนิท แต่เสียงของท่านพ่อก็ยังคงพูดอยู่เรื่อยๆ ท่านไม่เข้าใจข้า ไม่มีใครเข้าใจในตัวข้า ยกเว้นเพียงแค่คนเดียว มีแค่ชิองเท่านั้นที่เข้าใจหัวใจของโซระคนนี้

    “ยังไม่หยุดใช่ไหม โซระ พ่อคงต้องลงโทษเจ้าสถานหนัก”โซกะพูดเสร็จก็เงื้อมมือจะเหวี่ยงฟักดาบไปหาโซระอีกครั้ง

    “ท่านทำเกินไปนะค่ะ ท่านโซกะ”เสียงผู้หญิงเอ่ยพูด

    “ถ้าไม่ทำแบบนี้ โซระจะเข้มแข็งได้ยังไง คนจะล้มต้องล้มให้สุดก่อนจะลุกขึ้นมายืนหยัดอีกครั้ง ไม่ใช่เหรอสึซึชินะ”

    “มันอาจะจริงของท่าน แต่ท่านโซระไม่ใช่ผู้รับภาระนั้นทั้งหมดนะค่ะ ท่านโซระควรจะได้รับความรักความเอ็นดูจากท่านบ้าง ตั้งแต่เสียท่านหญิงไปคนที่เจ็บปวดก็คือท่านเอง แต่ท่านก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นได้แต่เก็บซ่อนมันเอาไว้ลึกๆภายใน”

    “รู้ดีจริงนะสึซึชินะ”

    “ถ้าไม่รู้สิแปลกจริงไหมเจ้าค่ะท่านพี่โซกะ”สึซึชินะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    “กลับกันเถอะ เธอเองคงจะเหงาน่าดูที่ชิองไม่อยู่จะมาแวะคุยกับพี่บ้างก็ได้นะ”คนเป็นพี่หยอกล้อกับน้องสาวตามประสาพี่น้องร่วมสายเลือด

    “ท่านพี่ก็จะเหงาเหมือนกันแหละเจ้าค่ะ พระเจ้าของท้องทะเลทั้งเจ็ดแดนกำลังจะมารับท้องฟ้าท่ามกลางภูเขาดินแดนแห่งการสรรค์สร้างความฝันที่ไม่มีวันสุดสิ้นสุดไป ใช่ไหมล่ะเจ้าค่ะ”เสียงกระซิบที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

    “กลับเถอะฉันอยากพักผ่อนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

    “แล้วท่านโซระล่ะท่านพี่”

    “ถ้าตื่นขึ้นมาก็หาทางกลับมาเองแหละ”

    “กลัวจะไม่ได้กลับมานะสิ..”

    “เจ้านี่..กวนเก่งจริงๆ.”

    “ฮี่ๆๆ”สึซึชินะได้เพียงแค่หัวเราะตามหลังพี่ชายตนเองไปเท่านั้น ถึงแม้จะรู้ดีกว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายของการได้เห็นหน้าของหลานชายที่รัก

    ในการยื่นข้อเสนอมาก่อนหน้านี่ ดินแดนยูมิได้ขอเชื่อมสัมพันธ์โดยการให้ลูกชายของหัวหน้าใหญ่อิชชินและลูกชายของนายใหญ่โซกะแต่งงานกัน

    ถ้านานามิกับยามานากะเกี่ยวดองกันจะไม่มีใครล้มล้างอำนาจได้ง่ายๆ ส่วนนามิคาเสะและฮาคุโนะคือรากฐานอำนาจของความมั่นคงที่จะไม่มีวันสั่นคลอนต่อให้เจอกับอะไรก็ตาม

    ผู้ใหญ่อย่างพวกเราคงจะต้องขอโทษที่พรากเอาความสุขของคนสำคัญของตัวเองมาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ดินแดนสงบสุข วันไหนที่พวกเขารู้ความจริงข้อนี้ขึ้นมาหวังว่าจะอภัยให้กับพวกเรา แค่หวังว่าพวกเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ

    ...

    สายตามองอย่างพิจารณาทุกรายละเอียด ภายใจเสียงมันดังก้องกังวานว่าคนตรงหน้ายิ่งมองก็ยิ่งสวยบาดใจคนอะไรจะดูดีได้ขนาดนี้

    ผมคือ นานามิ ชินเร ลูกชายคนเดียวของหัวหน้าใหญ่อิชชิน ใครๆต่างเรียกผมว่า ชินเร มีความว่าพระเจ้าของท้องทะเลทั้งเจ็ดแดน พรรคนานามิของผมอยู่ทางทิศเหนือซึ่งถือว่าเป็นที่สูงสุดสำหรับทุกทิศ ดินแดนของผมคือ ยูมิ ดินแดนของท้องทะเล ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่สายน้ำสีฟ้าครามสุดลูกหูลูกตา

    ยามกลางวันตะวันสาดส่องสะท้อนกับน้ำเห็นเป็นแสงสีทองประกายระยิบระยับ พอตกกลางคืนกลับมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงดวงจันทร์นำทางในยามที่มืดมิด

    ดังนั้นสิ่งที่ดินแดนของผมต้องการคือดวงจันทร์

    เมื่อไม่นานมานี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นนั่นคือหัวหน้าริวเคนโดได้สังหารนายท่านของพรรคมิซึกิ ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา รวมทั้งส่งผมกระทบต่อดินแดนยูมิของเราด้วย

    ตอนแรกพวกเราดินแดนยูมิได้แสดงไมตรีต่อดินแดนยูเมะ โดยการร่างข้อตกลงในการลดความรุนแรงลง แต่ทางฝ่ายนั้นกลับเล่นไม่ซื่อกับฝ่ายเรา พวกนั่นพยายามจะขยายอำนาจและดินแดนให้กว้างใหญ่เพื่อนที่จะมาข่มขู่พวกเรา

    โทษทีเถอะที่พวกกูไม่ได้โง่!!

    พ่อผมจัดการประชุมแบบลับขึ้นเพื่อหาทางรับมือเรื่องนี้

    ผลสรุปสุดท้ายคือการแต่งงาน มันเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ได้ดีทีเดียว และฝ่ายนั่นคงจะเห็นด้วยไม่ยากเนื่องจากพวกนั่นเคร่งขัดเรื่องขนบธรรมเนียม คงจะรู้ความหมายไม่ยากว่าการแต่งงานคืออะไรกันแน่

    มันเป็นการแต่งงานทางการเมือง

    ไม่ใช่การแต่งงานด้วยความรัก ผู้ชายกับผู้ชายไม่มีทางรักกันได้ ผู้ชายถูกสร้างมาให้คู่กับผู้หญิง ไม่ได้ถูกสร้างมาให้คู่กันเอง

    เรื่องผู้ชายจะรักกับผู้ชายสมัยนี้เขาไม่ถือกันหรอกไม่ใช่แบบยุคเก่า แต่ผมคนหนึ่งแหละที่ถือมากด้วย

    จู่ๆพ่อก็มาบอกกับผมว่าเตรียมตัวแต่งงาน และไม่ได้บอกผมด้วยว่าจะแต่งงานกับใคร คงสงสัยใช่ไหมทำไมผมถึงมาโผล่ที่ดินแดนยูเมะได้

    ง่ายๆเลยไม่ต้องเดา ฝีมือพ่อผมอีกตามเคย ผมไม่สมัครใจที่จะมาที่นี่เพราะดินแดนยูเมะพวกนั้นเป็นคนชั้นสูง รักสงบ แต่ไม่ชอบให้ใครรุกราน

    จนเมื่อผมได้เขามาเจอกับคนหนึ่งๆ เชื่อไหมความคิดผมเปลี่ยนไปทันที มันเหมือนเจอแสงสว่างของชีวิต แสงที่คอยนำทาง ทะเลยามค่ำคืนมักไม่เห็นอะไรแต่ถ้ามีแสงจันทร์สาดส่องจะทำให้เห็นสิ่งรอบข้างขึ้นมาทันที

    และตอนนี้ผมเจอแล้วดวงจันทร์ของผม ยามานากะ โซระ

    เส้นผมยาวสลวยสีน้ำเงินเข้มถูกรัดเกล้ารวบตึงขึ้นสูงในชุดกิโมโนจูนิฮิโตเอะเต็มยศ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเป็นประกายเข้ากับใบหน้าเรียวสวยได้รูป มันช่างเหมือนกับการสรรค์สร้างของพระเจ้า

    ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครสวยมากขนาดนี้ มีทั้งแรงดึงดู ดูสูงส่งและยั่วยวนมาก่อน สีหน้าตอนโมโหก็ดี ยามเจ็บปวดก็ดี มันทำให้ผมอยากรู้จักคนๆนี้มากขึ้น

    ไม่ใช่สิ!! ผมอยากจะครอบครองเขาต่างหาก

    ความคิดของผมหยุดลงเมื่อผมเห็นเขาทุรนทุรายร้องขอความรักจากคนที่เขารัก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรไปเขาก็โดนปฏิเสธอยู่ดี ในเมื่อคนๆนั่นจะต้องแต่งงานกับไอ้เซริวเพื่อนรักของผม

     นึกไปก็น่าเห็นใจอยู่บ้าง คนที่ต้องแต่งงานกับไอ้เซริวจะมีฐานนะแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งชองมันเท่านั่น พอมันเบื่อมันก็จะโยนทิ้งไปเอง

    มันไม่เคยเอาของเล่นชั่วคราวมาเทียบกับตัวจริงของมัน เพราะมันมั่นคงในความรักยิ่งกว่าอะไรดี

    มาต่อเรื่องของผมกันเถอะ ที่ผมเจอยามานากะ โซระ แล้วความคิดผมเปลี่ยนมันคือเรื่องจริง ความรู้สึกของผมสับสนคล้ายๆกับเจอของที่ถูกใจมากกว่าของที่ใช่

    มันคือความหลงใหล ไม่ใช่ความชอบหรือความรัก ก็อย่างที่ผมบอกผู้ชายไม่ได้เกิดมาให้รักกันเอง

    ผมเองก็อยากจะลองดูเหมือนกัน เอาความคิดของไอ้เซริวมาใช้ คิดเหมือนมัน ทำเหมือนมัน บางทีผมอาจจะรู้สึกถูกใจเพราะไม่เคยเจอคนแบบนี้

    เขาอยู่คนละโลกกับผม เป็นโลกที่ผมไม่รู้จัก เหมือนท้องฟ้ากับเหวลึกใต้ทะเลซึ่งมันจะไม่มีวันอยู่ใกล้กันได้

    แต่ทุกคนคงรู้ใช่ไหมว่า ท้องฟ้าย่อมจะหนีจากเหวลึกไม่พ้น

    ไม่ว่ายังไงก็ตามมันเป็นของที่ต้องอยู่คู่กันตลอดไปและไม่มีทางยากออกจากันไปได้

     

     
     

    TBC.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×