ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil boy ร้าย (ก็) รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : DEVIL BOY CHAPTER : 2

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57


     

     




                                                                                               เวกัส





    ลูกพี่ลูกน้อง


     

    (Vodka /Talk)

     

     

     

     

     

     

     

                “อ้าว เดินเป็นหมาหงอยมาเลยมึง” ไอ้เลทักผมทันทีที่ผมหย่อนก้นงามๆ ลงสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าโซฟา

     

     

     

              ตอนนี้ผมอยู่ในผับที่ชอบมานั่งเป็นประจำเวลาที่มีเรื่องเซ็งหรือต้องการหาเรื่องสนุกๆ ทำอย่างเช่นเหล่สาว หรือแม้กระทั่งเหล่หาตีนเวลาที่เซ็งมากๆ ได้ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายบ้างก็ดีเหมือนกันนะแก้เครียดดี

     

     

     

                “หุบปากไปเลยมึง ขอแรงๆ มากระแทกปากสักแก้วดิ” ไอ้เลหันไปสั่งบริกรเพียงไม่นานน้ำสีอำพันก็มาวางอยู่ตรงหน้าผมเสียงเพลงที่อัดบีสหนักๆ ดังกระหึ่มเป็นจังหวะเร้าใจนั้นไม่ได้ช่วยทำให้อารมณืที่ขุ่นมัวของผมคลายลงเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

                “เฮ้ยๆ เบาๆ หน่อยมึงเดี๋ยวก็เมาตายห่าไปก่อนหรอก” ไอ้เลปรามผมทันที่ที่ผมกระดกเหล้าเข้าไปรวดเดียวหมด

     

     

     

                “เซ็ง เก็ทไหม”

     

     

     

                “โถ่ มึงเซ็งเชี่ยไรหนักหนามึงเข้าสอบทันก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เหอะ มันก็พูดได้สิมันไม่ใช่ผมนี่

     

     

     

                “มึงลองโดนเหมือนที่กูโดนไหมละ”

     

     

     

                “หึ ไม่เอาอ่ะ บังเอิญกูไม่ใช่สเป๊คเจ๊เขาวะ” ไอ้เลมองผมด้วยสายตาที่แพรวพราวคล้ายเยาะอยู่ในที่ ไอ้นี่นิอยากโดนตีนผมมั้งเนี่นถึงกล้ามองผมด้วยสายตาแบบนี้

     

     

     

                “มึงอยากโดนตีนกูมากใช่ไหม” ผมถามมันออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ดูจะไม่มีอะไรแต่ถ้าใครที่รู้จักผมดีจะรู้ว่านี่แหละคือนาทีของหายนะ

     

     

     

                “เออๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ มึงจะเครียดไรนักหนาวะโดนจับนิดหน่อยแลกกับการได้เข้าห้องสอบนี่มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะเว้ยก็แค่โดนจับตูดไม่ได้โดนเย..ตูดสักหน่อย ทำหน้ายังกับเพิ่งเสียซิงไปได้มึง”

     

     

     

                “จับธรรมดาที่ไหน แมร่งบีบมาเน้นๆ เลยมึง ฮึย ขยะขแยงชิบหาย”

     

     

     

                “ยังไงก็จะได้เจอหน้าเจ๊แกครั้งสุดท้ายและ ก็ถือซะว่าทำบุญทำทานให้สัมพเวสีที่กำลังอดอยากแล้วกันมึงจะได้ไม่เครียด” ไอ้เลว่าพร้อมกับตบมาที่บ่าผมสองสามทีเป็นการปลอบใจ

     

     

     

                ทุกคนคงงใช่ไหมว่า อี เจ๊ ที่พวกผมว่าเป็นใคร เขาก็คืออาจารย์ระทวยกระเทยสุดห่วยที่สอนวิชาร่างแบบ และวันนี้ผมมีสอบและก็เป็นวันนี้ที่ผมเข้าห้องสอบสายดังนั้นเจ๊แกเลยบอกมาว่าถ้าผมอยากเข้าห้องสอบผมต้องยอมให้เจ๊แกจับตูดเป็นเวลานานถึง 5 นาที 5 นาทีเชียวนะเว้ยเฮ้ย ถ้าจับเฉยๆ ผมคงไม่เครียดขนาดนี้หรอกแต่นี่เล่นจับแล้วบีบมาเน้นๆ นี่ไงมันทำให้ผมรับไม่ได้ รับไม่ได้อย่างแรงส์

     

     

     

              “แล้วนี่ ไอ้แกรมม่ามันยังไม่มาหรอไมไม่เห็นวะ” ผมส่งกับแกล้มเข้าปากพร้อมกับสอดสายตามองหาบุคคลที่ชื่อว่าแกรมม่าไอ้เพื่อนสนิทของผมอีกคนนึง

     

     

     

                “มาแล้ว แต่ไม่รู้มันเดินไปไหนไม่ได้บอก ไอ้นี่มันก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ผุดตรงนั้น โผล่ตรงนี้ นี่ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนนะกูคงคิดว่ามันเป็นผีแล้ววะ แต่เอะ คิดไปคิดมาหรือจะใช่วะ”

     

     

     

                ผลัวะ

     

     

     

                “นินทาเพื่อนลับหลังไม่ดีนะคร้าบไอ้คุณมึง”

     

     

     

                “เชี่ยวอด ตบมาได้ ทรงผมกูเสียหมด” ไอ้เลรีบจัดผมเป็นการใหญ่เพราะกลัวเสียหล่อเห็นมันหน้าซื่อๆ ตาใสๆ แบบนี้นี่ร้ายไม่หยอกนะผมจะบอกให้

     

     

     

                “เฮ้ยมึงดูคนนั้นดิแมร่งโคตรแหล่มวะนมแมร่งที่สุดอ่ะ โน่นๆ คนโน้นที่ใส่เกาะอกสีแดงอ่ะแมร่งท่าเต้นโคตรเด็ด อ่ะๆ คนนั้นๆ กูเจอแล้วเดี๋ยวกูมานะมึงรอนี่แป๊ป” ไอ้เวชี้ให้ผมดูสาวๆ ที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอยู่บนฟลอร์ก่อนที่มันจะจรลีหนีหายไปปล่อยให้ผมนั่งแกร่วอยู่คนเดียวทันทีที่มันเจอเป้าหมายถูกใจ

     

     

     

                ผมสอดส่ายสายตาไปทั่วไม่ได้เจาะจงว่จะมองอะไรบังเอิญสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างบางที่อยู่ในชุดเกาะอกสีดำรัดติ้วความยาวแค่คืบที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกไปมาอยู่กลางฟลอร์

     

     

     

                ผิวที่ขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีตัดกับชุดเกาะอกสีดำนั้นทำให้ผมอดยอมรับไม่ได้ว่าเธอนั้น เซ็กซี่มากขนาดไหน

     

     

     

                แต่ในขณะที่เธอกำลังส่ายสะโพกอยู่บนกลางฟลอร์นั้นอยู่ๆ เธอก็เซไปชนกับผู้ชายคนนึงเข้าดีที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นรับร่างบางไว้ทันไม่งั้นหน้าเธอคงได้คะมำลงไปจูบกับพื้นฟลอร์เป็นแน่แท้

     

     

     

                ว้าย

     

     

     

              เสียงฮือฮาที่ดังขึ้นมาเรียกสายตาผมให้หันกลับไปมองอีกครั้งแล้วก็พบกับความจริงที่ว่ายัยนั่นตบหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นเข้าและที่สำคัญคงแรงมากซะด้วยดูจากอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้ว

     

     

     

                เธอ นี่เธอกล้าตบฉันหรอ เธอคงไม่อยากตายดีใช่ไหม อยากลองดีมากใช่ไหม ห๊ะ ร่างหนากระชากร่างบางเต็มแรงส่งผลให้ร่างบางเซปะทะเข้ากับอกแกร่งของไอ้ผู้ชายคนนั้นทันที

     

     

     

                เสียงเพลงที่เคยดังกระหึ่มแต่ตอนนี้กลับแทนที่ด้วยเสียงซุบซิบของเหล่าบรรดาไทมุงทั้งหญิงและชายที่ต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ตรงหน้าอย่างออกรส

     

     

     

                ซวยแล้วไหมละ

     

     

     

              ‘ไม่น่ารนหาที่เลย

     

     

     

              ‘น่าสงสารจัง

     

     

     

              ‘สมน้ำหน้าเล่นกับใครไม่เล่นดันไปเล่นกับเวกัส รับรองยัยนี่ตายศพไม่สวยแน่

     

     

     

              เสีนงคอมเมนท์สุดท้ายนี่กระตุ้นต่อมเสือ..ของผมได้ดีทีเดียวทันทีที่ผมรู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันคือ เวกัส พี่ชายสุดเลิฟของผมนั่นเอง

     

     

     

                ถ้าเธอคิดว่าตบหน้าฉันแล้วเธอจะหนีไปได้ง่ายๆ เธอคิดผิดแล้วสาวน้อยเพราะนอกจากเธอจะหนีไปไม่ได้แล้วเธอยังต้องได้รับโทษอย่างสาสมอีกด้วย จำไว้

     

     

     

              และเพราะผมเป็นคนที่ร่างกายมักจะไปก่อนสมองสั่งการเสมอดังนั้นตอนนี้สองเท้าของผมก็มาหยุดอยู่ด้านหลังไอ้เวกัสพร้อมกับบรรจงถีบไปที่หลังมันเน้นๆ หนักๆ หนึ่งทีส่งผลให้ร่างสูงของไอ้เวกัสที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวกระเด็นลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย

     

     

     

                “โอะโอ โทษทีพอดีเส้นตีนมันกระตุกวะ”

     

     

     

    (I-Tim / Talk)

     

     

     

                ฉันหลับตาปี๋ทันทีที่ร่างสูงโน้มตัวใกล้เข้ามาจนตอนนี้จมูกของเราแทบจะชนกันอยู่แล้ว แต่เพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดร่างสูงตรงหน้าก้กระเด็นลงไปกองกับพื้นไม่เป็นท่าเพราะแรงส่งองอวัยวะที่เรียกว่าเท้าของบุคคลปริศนาที่เข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้

     

     

     

                “ไอ้วอดก้า”

     

     

     

                “อ่าฮะ กูเอง” วอดก้าตอบพร้อมกับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือฉันที่กำลังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ให้ไปแอบอยู่ด้านหลังเขา

     

     

     

                “มึงอีกแล้วหรอ นี่มึงจะเสือ..กับกูให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่ไหม” ร่างสูงถามบุคคลที่มาใหม่ที่มีชื่อว่าวอดก้าพร้อมกับจ้องหน้าอย่างโกรธจัด

     

     

     

                เป็นฉันๆ ก็โกรธไหม โดนถีบซะขนาดนั้นขนาดฉันที่แค่ตบหมอนั่นยังเกือบกินฉันเข้าไปทั้งตัวเลย (เขาจะจูบหล่อนหรอกยะซื่อบื้อจริงๆ เลย)

     

     

     

                “แหม ไม่ให้เสือ..เรื่องของพี่ชายตัวเองแล้วจะให้ไปเสือ..เรื่องของ หมา ที่ไหนวะครับ พี่เวกัส” วอดก้าเน้นหนักคำว่าหมาพร้อมกับจ้องหน้าเวกัสอย่างไม่เกรงกลัวสายตาอาฆาตที่ส่งมานั่นเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

              ว่าแต่ว่าสองคนนี้นี่รู้จักกันงั้นหรอแล้วยังเป็นพี่น้องกันด้วย แต่พี่น้องที่ไหนเขามีถีบกันเองแบบนี้ด้วยหรอ จะว่าเป็นการหยอกล้อกันฉันพี่น้องนี่ก็ไม่น่าใช่นะเพราะจากแรงถีบเมื่อกี้นี่มัน แรงเกิ๊น

     

     

     

                “มึงนี่วอนหาที่ตายจริงๆ นะ”

     

     

     

                “กลัวจริ๊ง” วอดก้ายักคิ้วหนึ่งทีพร้อมกับทำท่ากลัวได้อย่างตอแหลสุดๆ

     

     

     

                “นี่มึงกวนตีนกูหรอ” ดูท่าเวกัสคงเดือดน่าดูเห็นได้จากเส้นเลืดที่อยู่บนหน้าที่ตอนนี้มันกำลังกระตุกอยู่อย่างบ้าคลั่ง

     

     

     

                ฉันว่านี่คงเป็นศึกระหว่างสายเลือดแล้วแหละเพราะฉะนั้นคนนอกอย่างฉันไม่เกี่ยวใช่ไหมงั้นฉันขอตัวนะ

     

     

     

                หมับ

     

     

     

            ไม่ทันที่ฉันจะหนีอกไปจากตรงนี้มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือฉันพร้อมกับกระซิบเสียงลอดไรฟันที่ได้ยินกันเพียงสองคนว่า

     

     

     

                “จะหนีไปไหนยัยตัวแสบนี่ฉันกำลังช่วยเธออยู่นะ อย่าบอกนะว่าคิดจะชิ่งแล้วปล่อยให้ฉันสู้อยู่กับไอ้หมาบ้าดีเดือดคนนี้คนเดียวน่ะ”

     

     

     

                “ปะ เปล่าสักหน่อย ใครหนี ไม่มีหรอก ฉันแค่เมื่อยมือก็นายเล่นจับแรงซะขนาดนี้นี่” ฉันตอบอ้อมแอ้มพร้อมกับก้มหน้างุดเพราะกลับเขาจะจับได้ว่าฉันโกหก

     

     

     

                “หรอออ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ” ตาคมมองมาอย่างจับผิด

     

     

     

                “ฉันไม่ได้แก้ตัวนะไม่เชื่อดูสิ เห็นไหม มือฉันแดงหมดแล้วเนี่ย” ฉันยกข้อมือที่ตอนนี้เกิดรอยแดงเป็นปื้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดให้วอดก้าดู

     

     

     

                “อ่ะ โทษที” วอดก้าว่าพร้อมกับคลายมือออกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยคล้ายกลับกลัวว่าฉันจะหนีไป

     

     

     

    นี่มันวันซวยอะไรของฉันวะเนี่ย เป็นเพราะยัยเมเปิลคนเดียวเลยอย่าให้เจอนะจะฆ่าให้ตายเลย คอยดู

     

     

     

    “จะพลอดรักกันอีกนานไหม” อ่ะ ลืมไปเลยว่าเวกัสยังอยู่ ดูท่าเขาจะโกรธขึ้นมามากกว่าเดิมอีกหลายเท่าที่ถูกเราสองคนเมินเฉยเหมือนเขาไม่มีตัวตน

     

     

     

    “ฉันว่า แกปล่อยยัยนี่ไปดีกว่า แกก็เห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แล้วอีกอย่างยัยนี่ก็ขอโทษแกไปแล้ว”

     

     

     

    วอดก้าพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อยุติสงครามแต่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ผลและอาจจะเพิ่มเชื้อไฟความโกรธของเวกัสให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกมั้ง

     

     

     

    “คำว่า ปล่อยไป ไม่มีในพจนานุกรมของฉัน จำไว้”

     

     

     

    “แล้วแกจะเอายังไง” วอดก้าถามกลับไปเสียงเครียด

     

     

     

    “มาสู้กัน ใครชนะได้ยัยนี่”

     

     

     

    “แล้วคนแพ้ละจะได้อะไร” วอดก้าถามกลับไปอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ ฉันไม่สนุกด้วยแล้วนะนี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว

     

     

     

    “คนชนะสามารถสั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้อย่างนึง ตกลงไหม”

     

     

     

    วอดก้าทำหน้าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าและตอบตกลงไปในที่สุด

     

     

     

    “อือ ตกลงตามนั้น อย่ากลับคำละกันถ้าไม่อยากถูกเรียกว่า ไอ้ลูกหมา

     

     

     

    ทันทีที่วอดก้าตอบตกลงเสียงฮือฮาจากเหล่าไทมุงก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มันเพิ่งจะเงียบหายไป

     

     

     

    ยัยนี่น่าอิจฉาจัง มีหนุ่มหล่อถึงสองคนรุมกันแย่งแบบนี้มาลองเป็นฉันดุไหมละจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ภูมิใจเลยสักกะนิด

     

     

     

    มารยา เรียกร้องความสนใจชัดๆเรียกร้องความสนใจด้วยการเอาตัวเข้าแลกนี่นะ เหอะ คิดได้ไง สิ้นคิดชัดๆ

     

     

     

    อิจฉาวอดก้ากับเวกัสชิบหายเลยวะ แมร่งเกิดมาหน้าตาดีก็งี้แหละ

     

     

     

    ไม่ใช่แค่หน้าตาดีนะมึง ต้องรวยด้วยเหอะถึงจะทำแบบนี้ได้อ่ะ

     

     

     

    สารพัดกับความคิดเห็นของเหล่าบรรดาไทมุงที่เข้ามากระทบกับโสตประสาทฉันยิ่งเพิ่มความเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจฉันเป็นเท่าตัว

     

     

     

    “ไม่นะ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ นี่พวกนายจะบ้าไปกันใหญแล้...”

     

     

     

    “เงียบ/หุบปาก” ฉันยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำวอดก้ากับเวกัสก็พร้อมใจกันตะคอกฉันกลับมาอย่างไม่ได้นัดหมาย

     

     

     

    มันไม่สนุกแล้วนะ ฉันเริ่มจะกลัวจริงๆ แล้วด้วย ทำไมฉันจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ไม่ว่าหนึ่งในสองคนนี้ใครจะเป็นฝ่ายชนะก็ตามแต่ความเป็นจริงสำหรับฉันก็คือ เขาสองคนคือคนแปลกหน้าสำหรับฉัน

     

     

     

    “ฉันจะปกป้องเธอเอง เชื่อใจฉันนะ” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาวอดก้าทันที่ที่เขาพูดจบ

     

     

     

    วอดก้าโน้มหน้าลงมาก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากฉันอย่างอ่อนโยน เพียงเท่านั้นน้ำตาที่ฉันฉันพยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

     

     

     

    “ฮึก”

     

     

     

    “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนดี ฉันบอกแล้วว่าจะปกป้องเธอเอง หืม” วอดก้าปล่อยมืออกจากข้อมือของฉันแล้วบรรจงเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยนหลังจากนั้นก็คว้าตัวฉันเข้าไปกอดแล้วโยกไปมาคล้ายกับกำลังปลอบเด็กสามขวบก็ไม่ปาน

     

     

     

    “เชื่อใจฉันไหม”

     

     

     

    ฉันพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ

     

     

     

    “นี่นี่นี่ แกจะลีลาอีกนานไหม”

     

     

     

    “ฉันก็แค่ให้เวลาแกเตรียมตัวสำหรับการพ่ายแพ้ แต่ดูท่าแล้วแกคงจะอยากแพ้เร็วๆ สินะ ถึงได้เร่งฉันจังเลย”

     

     

     

    “เหอะ ใครกันแน่ที่จะแพ้”

     

     

     

    “ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่ฉันวะ เวกัส”

     

     

     

    วอดก้ายักคิ้วหนึ่งทีพร้อมกับยิ้มที่มุมปากคล้ายกับเยาะอยู่ในที ฉันไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ บ้างครั้งเขาก็ดูกวนประสาท บางครั้งเขาก็ดูจริงจัง และบางครั้งเขาก็ดู อบอุ่นแบบไหนกันแน่นะที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

     

     

     

    “ก็คอยดูก็แล้วกัน” วอดก้าบอกอย่างมั่นใจ

     

     

     

    ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าจริงๆ แล้วฉันก็รู้สึกปลอดภัยทันที่ที่เขาเข้ามาอยู่ตรงหน้า ทันทีที่มือหนากอบกุมมือฉันไว้ไม่ยอมคลาย และทันทีที่ริมฝีปากบางพูดคำว่า ปกป้องมันเหมือนกับคำสัญญาว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ

     

     

     

    “ไอ้เล ฝากด้วย” วอดก้าหันไปพูดกับใครบางคนก่อนที่เขาคนนั้นจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือฉันและดันฉันให้ไปหลบอยู่ก้านหลังเขา

     

     

     

    หมับ

     

     

     

    “อ่ะ..”

     

     

     

    จุ๊บ

     

     

     

    “รางวัลมัดจำ รับรองว่าฉันต้องชนะแน่ เชื่อใจฉันนะ” วอดก้ายักคิ้วหนึ่งทีก่อนจะหันไปพูดอะไรกับเวกัสอีกสองสามคำแล้วหลังจากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

     

     

     

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

     

     

     

    ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉันไม่รู้ว่าการต่อสู้ตอนนี้เป็นยังไงใครเป็นฝ่ายได้เปรียบและใครที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้คือ หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนมันกำลังโบยบินไปในที่ที่ไกลแสนไกล และบางทีหัวใจดวงนี้ที่มันเคยเป็นของฉันมันอาจจะไม่เป็นของฉันอีกต่อไปแล้ว อาจดูเหมือนมันเร็วไปแต่เพราะเป็นเรื่องของหัวใจถึงแม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ถ้าลองได้ขึ้นชื่อว่าหัวใจ ยังไงก้ห้ามไม่ได้






     


     

    อย่าลืมเม้นเค้านะคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่า

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×