ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF/OS GOT7] COME AND GET GOT7 MOMENTS ! [Status : JackBam]

    ลำดับตอนที่ #8 : [SF BROMANCE] WHAT I CAN DO 1

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 57


    What I Can Do?

    [BROMANCE]

     

     

     

     

    ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มชาวไทยนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นของออฟฟิสบริษัท แผ่นหลังเอนพิงไปกับพนักโซฟา ตาคู่โตจ้องมือถือในมือนิ่ง ใบหน้าที่ปกติยิ้มแย้มแจ่มใสแต่เวลานี้กลับหน้านิ่วคิ้วขมวด ริมฝีปากอิ่มของเจ้าตัวถกกัดเม้มคล้ายคนกำลังคิดหนัก รอยยิ้มและแววตาเป็นประกายสดใสที่เคยมีกลับหายไป เหลือไว้เพียงความหม่นหมองที่ฉายชัดในแววตาอย่างไม่คิดจะปิดบังเมื่ออยู่ตัวคนเดียวในห้อง

     

    แบมแบมไล่สายตามองหน้าจอโทรศัพท์ นิ้วมือก็จิ้มเลื่อนหน้าจอไปเรื่อย เมื่อพบสิ่งที่ตามหาก็หยุดจิ้มแล้วนั่งอ่านสักครู่ อ่านเสร็จแล้วกลับจ้องข้อความนั้นไปมา อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับจะให้ข้อความนั้นแทรกซึมลงไปในสมองและจิตใจ แต่ยิ่งจ้องนานเท่าไหร่ความคิดที่ว่าตนเองจะทนกับข้อความเหล่านี้ได้นั้นกลับค่อยเลือนหายไปทิ้งไว้เพียงรอยรื้นของน้ำใสๆที่คลอเต็มหน่วยตา

     

    ร่างโปร่งกดปิดหน้าจอก่อนจะเอนศีรษะพิงพนัก เปลือกตาถูกปิดลงซ่อนความรู้สึกและรอยน้ำตา มือบางยกขึ้นขยี้ผมสีบลอนด์ของตนช้าๆอย่างเหม่อลอยก่อนจะวางประสานไว้บนศีรษะ ความเหนื่อยล้าและน้อยใจค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วทั้งความรู้สึก

     

    เหนื่อย...ที่พยายามเท่าไรกลับไม่ได้อย่างที่หวัง

     

    น้อยใจ...ที่ตนเองไม่เป็นแบบคนอื่นเขา

     

    หลับตาอยู่พักใหญ่เพื่อจะปิดการรับรู้ทุกอย่าง แต่ข้อความที่ตนอ่านนั้นกลับดังสะท้อนไปมาทั่วทั้งความคิดราวกับได้ยินเสียงคนที่พิมพ์มาพูดซ้ำๆอยู่ข้างหู

     

    ‘อาา ยกตำแหน่งน่ารักให้คนอื่นเถอะ แบมแบมคนนั้นไม่เหมาะเลยจริงๆ’

     

    ‘คนที่ผมสองสีนั่นใครน่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเขาเลย’

     

    ‘คนที่ชื่อแบมแบม เขาดูแปลกแยกมากเลย ทำอะไรก็ดูเก้ๆกังๆไปหมด’

     

    ‘แบมแบมดูผอมจัง ดูไม่เท่เหมือนคนอื่นๆเลย’

     

    ‘แบมแบมเป็นหลุมดำของวงใช่ไหม เขาดูทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่องเลย’

     

    ‘ฉันจะรักวงนี้นะ ถ้าไม่มีเด็กไทยคนนั้นอยู่ ฉันว่าเขาไม่เหมาะกับกรุ๊ปนี้เลย!’

     

    แบมแบมเป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียลอยู่แล้ว เวลามีเวลาว่างบ้างก็จะคอยดูกระแสตอบรับของแฟนๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน วงของพวกเขาดังขึ้นมากพอสมควร มีการแสดงและรายการ งานต่างๆเข้ามามากขึ้นจากเดิม ทำให้ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก และนั่นก็เป็นเรื่งที่น่ายินดีมากทีเดียว

     

    เขาไล่อ่านความคิดเห็นของแฟนมากมาย จากคลิปหนึ่งไล่ไปอีกหนึ่ง มีความเห็นติเตียนบ้างเขาก็เข้าใจ และยินดียอมรับ แต่พอเห็นคอมเม้นแบบนี้แล้ว แทนที่จะหยุดค้น เขากลับไล่เปิดเกือบจะทุกคลิปเพื่อหาคอมเม้นในทางร้ายหรือถึงขั้นแอนตี้เขาไม่หยุด เพราะคิดว่าเขาทนได้และจะนำคำกล่าวว่านั้นมาปรับปรุงตัว แต่นั่งเปิดอ่านมาสองสามวันแล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ว่าจริงๆแล้วจิตใจของเขาก็ยังคงบอบบางไม่ต่างจากร่างกายของเขาเลย

     

    เขาคงลืมไปว่าเหรียญยังมีสองด้าน มีคนรักย่อมมีคนเกลียด เขาปล่อยให้ตัวเองหลงระเริงอยู่กับความรักของผู้อื่น จนลืมตระหนักถึงเรื่องนี้ไป ทั้งๆที่ก่อนเดบิวท์ทางบริษัทมีการเรียนการสอนและปรับทัศนคติในเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว แต่เวลาที่สมควรจะเอาความรู้และคำแนะนำนั้นมาใช้ เขากลับนึกไม่ออกเลยสักนิดเดียว

     

    ในสมองมีแต่ความคิดที่ว่าเขาเป็นตัวถ่วงของกลุ่มหรือเปล่า แฟนๆจะไม่ชอบพวกเขาแค่เพราะมีเขาอยู่ในวงหรือเปล่า

     

    แต่ก็จริงอย่างที่ว่า เขาเสียงไม่ดีเท่ายองแจฮยอง ไม่ได้เป็นแดนซ์แมทชีนแบบยูคยอม ไม่ได้มีความสามารถเก่งครบแบบแจบอมฮยอง แร็ปก็ไม่ได้เจ๋งเท่าแจ็คสันฮยอง Matrial Artไม่ได้แบบมาร์คฮยอง สุดท้าย ตำแหน่งน่ารักในวงตัวจริงก็ไม่ใช่เขาเลย เขาไม่ได้เก่งฉลาดและมีความน่ารักแบบจินยองฮยอง… หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลาแบบคนอื่น

     

    เขา...มีอะไรดีบ้างล่ะ?

     

    คิดไปสะระตะ ยิ่งคิดยิ่งสับสัน ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อย แต่เขากลับพบว่าไม่สามารถทำให้ตัวเองหยุดคิดถึงเรื่องนี้ได้เลย แต่ก่อนที่แบมแบมจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ ประตูของห้องถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงคุ้นหูของสมาชิกในวง

     

    “ย่าแบมแบม ฉันหาตั้งนานแน่ะ อ๊ะ หลับอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

     

    “อืม...”แบมแบมยังไม่ลืมตา ทำทีว่าง่วงจัดเพื่อจะซ่อนน้ำตาที่คลออยู่เต็มหน่วยตาของตน และเพียงส่งเสียงในลำคอตอบรับ “ฉันง่วงอ่ายูคยอม นายมีอะไรหรือเปล่า”ถามกลับพร้อมรับรู้ถึงแรงยุบที่โซฟาด้านข้าง

     

    “เปล่าหรอก แต่ตารางซ้อมวันนี้หมดแล้ว เค้าปล่อยให้เรากลับหอได้แล้ว”ยูคยอมตอบก่อนจะเหลือบมองเพื่อนสนิทของตนที่ยังคงหลับตาศีรษะพิงพนักโซฟานิ่ง ท่าทางดูง่วงจัดจนไม่ยอมลืมตา อดจะเอ่ยถามไม่ได้

     

    “เมื่อคืนนายก็ไม่ได้นอนดึกมากนี่นา ทำไมดูง่วงจังล่ะ”

     

    “เถอะน่า...ก็ฉันแค่ง่วง”ตอบก่อนจะล้มตัวลง ซบตัวราบยาวไปกับโซฟา แต่ยังคงไม่ยอมลืมตาขึ้น

     

    ยูคยอมขมวดคิ้วงง แต่สีหน้ายิ้มตลกกับการกระทำแปลกๆของเพื่อน

     

    “แบมแบมอ่า ง่วงก็ลุกขึ้นกลับไปนอนที่หอ เค้าเลิกซ้อมกันแล้ว พวกฮยองก็ลงไปรอข้างล่างกันหมดแล้วด้วย”ยูคยอมตีปุๆเบาๆไปที่ลำตัวบอบบางของเพื่อนชาวไทย ตีอยู่สองสามทีก่อนที่ร่างบางข้างกายจะลุกพรวดขึ้นนั่ง

     

    ซ้อม…?

     

    ใช่ ซ้อม...

     

    ลืมตาแล้วพูดพัมกับตัวเองซึ่งยูคยอมได้ยินไม่ถนัด ก่อนที่แบมแบมจะหันหน้ามาบอกเขาว่า

     

    “นายกลับไปก่อนได้เลย ฉันยังไม่กลับหรอก ฝากบอกให้คนอื่นไปก่อนได้เลยนะ”ว่าสั้นๆก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปทิ้งให้มักเน่ของวงงงงวยอยู่กับตัวเอง อยากจะตามไปด้วยแต่ดูท่าทางของเพื่อนเขาแล้วคงไม่อยากให้ใครไปกวนเท่าไหร่นัก จนสุดท้ายก็ต้องยอมลงไปหาพวกฮยองด้านล่างเพื่อทำตามที่รูมเมทของตนบอกมา

     

     

    “6 7 8...”เสียงนับสเต็ปคลอไปกับเพลงที่เปิดซ้อม แบมแบมที่ขออนุญาติใช้ห้องซ้อมเล็กต่อกำลังวาดลวดลายออกสเต็ปอยู่กลางห้องซ้อม “2 3 แล้ว 1”สิ้นการนับสเต็ปสุดท้าย ร่างโปร่งก็ทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมกับหอบแฮกด้วยความเหนื่อยจากการซ้อมติดกันหลายชั่วโมง เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นเต็มใบหน้าใสและลำคอ เสื้อที่สวมก็เปียกชื้นไม่ต่างกัน

     

    มือบางเสยผมของตนก่อนจะหยิบผ้าที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาซับเหงื่อ หยิบขวดน้ำที่ตั้งข้างๆกันขึ้นมาค่อยๆจิบ

     

    ผมเหลือบมองดูนาฬิกาบอกที่เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ล้มตัวลงนอนแผ่ไปกับพื้น ลมหายใจค่อยช้าลงจนเกือบกลับเป็นปกติ พักสักห้านาทีก่อนค่อยลุกขึ้นมาซ้อมใหม่แล้วกัน

     

    แต่เมื่อผมอยู่นิ่งๆปุ๊ป ข้อความพวกนั้นกลับหลั่งไหลเข้ามาในสมองอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าจะแก้ไขในส่วนที่ไม่ดีของผมยังไร มันไม่ใช่เรื่องร้องเพลง ไม่ใช่เรื่องเต้นหรือการแสดง

     

    แต่เป็นเพราะผม ตัวของผมเองที่คนเหล่านั้นไม่ชอบ เขาเกลียดผมที่เป็นแบบนี้ ผมยอมรับว่าไม่ได้มีความสามารถรอบด้านแบบคนอื่น กีฬาก็แทบจะเล่นไม่เป็นเลย แถมยังติดจะซุ่มซ่ามอยู่บ่อยๆ หลายทีที่คอยแต่จะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขามาตลอด

     

                ผมรู้ ว่าการมีคนไม่ชอบบ้างนั้น มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผมก็เพียงต้องทำใจรับให้ได้ บุคคลที่คิดจะยืนอยู่บนเวทีนั้นทุกคนต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คงเป็นเพราะผมคุ้นเคยกับการได้รับความรักมากมายจากแฟนๆนั้น มันกลับทำให้ไม่ชินเสียเลยที่จะต้องรู้ว่ามีคนไม่ชอบผมอยู่ด้วย

    หลายๆคนเคยแนะนำก่อนแล้วว่าให้มองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก อย่าไปสนใจกับคำด่าที่บางทีอาจจะทำร้ายเราเกินไป ให้ทำเพียงยอมรับคำเหล่านั้นและสนใจแต่คนที่รักเราและสบับสนุนเรา

     

    ผมยอมรับคำว่าเหล่านั้นได้ เพราะมันก็เป็นสิทธิของพวกเขา เป็นความคิดของพวกเขาเอง แต่มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ กับการมองข้ามคนที่เกลียดเราไป?

     

    ผมคนหนึ่งล่ะที่ทำไม่ได้ง่ายๆ

     

    ดังนั้นในตอนนี้ผมคิดว่าสิ่งที่พอจะทำได้มีเพียงการซ้อมเท่านั้น ซ้อม ซ้อมและซ้อม ซ้อมจนกว่าจะดีขึ้นกว่าเดิม ซ้อมเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไป เพื่อไม่เป็นตัวถ่วงคนอื่น เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าได้พร้อมๆกับคนอื่น

     

    ซ้อมไปอย่างไร้จุดหมาย รู้แค่ว่าต้องซ้อมให้มาก และมากขึ้นไปอีก

     

    ปิ๊บๆ

     

    เสียงเมสเสจจากโทรศัพท์ที่วางไว้ไม่ไกลดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปคว้าโดยไม่ขยับตัว ก่อนจะเปิดเช็คข้อความ

     

    เป็นข้อความจากยูคยอม

     

    อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แล้วเมื่อไหร่จะกลับ

     

    ถ้อยคำถามที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงทำให้แวบหนึ่งผมเกิดความคิดที่อยากจะระบายออกกับใครสักคน ผมอ่านก่อนจะลังเลอยู่ชั่วครูว่าจะตอบกลับว่าอย่างไรดี

     

    มันจะรบกวนคนอื่นไปมั๊ย

     

    แล้วเรื่องพวกนี้มันจะไร้สาระเกินไปหรือเปล่า

     

    ผมไม่อยากให้เมมเบอร์คนอื่นมามารับรู้เรื่องไร้สาระของผมด้วย เดี๋ยวจะพาลวุ่นวายกันเสียเปล่าๆ คิดได้ดังนั้นผมเลยพิมพ์ตอบกลับอย่างไม่ลังเลว่า

     

    นั่งเล่นอยู่ที่บริษัท เดี๋ยวก็กลับแล้ว XD

     

    พิมพ์เสร็จก็วางมือถือแหมะไว้ข้างตัวก่อนจะเหม่อมองเพดาน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ขณะที่ผมกำลังนอนแผ่พรางเหม่อลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่กลางพื้นนั้น ได้ยินเสียงเปิดประตูเรียกให้ผมเหล่ไปมองนิดนึง แต่กลับรู้สึกเหนื่อยเกินจะเอี้ยวตัวไปดู รอจนคนที่เข้ามาใหม่มายืนค้ำหัวจึงเห็นว่าไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน

     

    ใบหน้าที่คุ้นเคยของจินยองฮยองทาบทับบังแสงจากหลอดไฟ ผมเงยหน้าสบตากับพี่ชายร่วมวงก่อนจะส่งยิ้มให้น้อยๆ

     

    อา จินยองฮยองนี่ทั้งหล่อทั้งน่ารักเลยนะ ดีจัง…

     

    “ว่าไงฮยอง”แบมแบมส่งเสียงทักทายไปแต่ยังคงไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นนั่ง

     

    จูเนียร์ที่ก้มมองน้องชายก็ขมวดคิ้วมุ่น เห็นร่างบางด้านล่างยังคงหอบอยู่น้อยๆ เหงื่อเปียกโทรมกาย และท่าทางก็ดูเหนื่อยไม่ใช่น้อยๆ

     

    วันนี้คนอื่นๆรวมถึงแบมแบมเข้ามาซ้อมที่บริษัทตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้ว แต่เขาพึ่งเข้ามาเมื่อตอนบ่ายๆเย็นๆเพราะมีเรียนช่วงเช้า แต่เห็นคนอื่นบอกว่าสมาชิกคนอื่นเลิกซ้อมไปตั้งแต่เมื่อประมาณเที่ยงๆแล้ว เขาเลยอยู่ซ้อมคนเดียวจนกำลังจะกลับถึงมีสตาฟท์มาบอกให้พาแบมแบมกลับไปด้วย ถึงได้รู้ว่าอีกคนยังคงซ้อมอยู่ที่นี่

     

    จูเนียร์ช่วยประคองแบมแบมที่ทำท่าจะลุกขึ้นนั่งขึ้นมา

     

    “ทำไมถึงยังไม่กลับล่ะ”นั่งลงข้างกันพร้อมถาม

     

    เด็กหนุ่มยิ้มบางให้แต่ไม่สบตากับผู้ถาม

     

    “ผมอยากอยู่ซ้อมอีกนิดนึงอ่ะ”

     

    คำตอบที่จูเนียร์ต้องขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่ว่าแบมแบมไม่ขยันหรือชอบเบี้ยวการซ้อม กลับกัน อีกฝ่ายไม่เคยอิดออดการซ้อมเลยสักครั้ง อาจจะมีบ้างเล็กๆน้อยๆแต่โดยรวมแล้วแบมแบมเป็นคนที่ตั้งใจซ้อมมากคนหนึ่ง

     

    แต่แบบนี้มันไม่ตั้งใจมากเกินไปหรือ? อยู่ซ้อมตั้งแต่เช้ายันตีหนึ่งขนาดนี้ เห็นสตาฟท์ยังบอกอีกว่าเจ้าตัวไม่ออกไปพักหรือทานข้าวเลยด้วยซ้ำ จนคนอื่นคิดว่าแบมแบมกลับไปแล้ว

     

    จูเนียร์พยักหน้ารับรู้ คิดว่าคงเป็นเพราะอีกฝ่ายอยากซ้อมเพื่อความมั่นใจเฉยๆนั่นล่ะ เพราะแต่ละคนก็จะมีช่วงที่โหมหนักอยู่แล้วหากมีความไม่มั่นใจในการแสดงของตน

     

    แต่ไอ้ซ้อมจนไม่ยอมพักกินข้าวกินน้ำนี่มันดูจะเกินไปสักหน่อยนะ

     

    “งั้นพอก่อนเถอะ กลับได้แล้ว นายมาซ้อมตั้งแต่เช้าแล้วนะ”ว่าก่อนจะตบแปะเบาๆเข้าที่แก้มตุ่ยทั้งสองข้างของเด็กหนุ่ม ขยับตัวลุกขึ้นแล้วออกแรงดึงของแขนของแบมแบมให้ลุกขึ้นด้วยโดยไม่รอคำตอบ

     

    แบมแบมรั้งไว้ตัวเล็กน้อย ใจคิดอยากจะซ้อมต่อแต่ดูท่าทางของพี่ชายแล้วคงไม่ยอมให้เค้าอยู่ต่อแน่

     

    “ฮยอง ผมขอ..”

     

    “ฮยองหิวข้าว แบมไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนฮยองหน่อยดิ”คิดว่าจะลองขอดูสักหน่อย แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค อีกคนกลับสวนขึ้นมาโดยการชวนเข้าไปทานข้าวเป็นเพื่อน ก็พอจะรู้หรอกว่าแค่อยากให้เขาหยุดซ้อมแล้วไปพัก...

     

    แบมแบมเงยหน้ามองจูเนียร์ที่ยังดึงแขนทั้งสองข้างของเขาไว้บอกเป็นเชิงให้ลุกขึ้น สบตากันก่อนจะถูกกระตุกที่มือสองสามครั้งเป็นการกระตุ้น ชั่งใจอยู่ชั่วครูก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆแล้วยอมให้อีกฝ่ายออกแรงดึงขึ้นยืน

     

    “ไปก็ไป ฮยองเลี้ยงผมด้วยนะ”

     


    “ครับหม่าม้า แบมไม่นอนดึกหรอกครับ”เสียงเจื้อยแจ้วรับคำก่อนจะแอบทำแก้มป่องอย่างคนถูกขัดใจเล็กน้อยเมื่อผู้เป็นแม่มักจะบอกให้เขารีบนอนเสมอ

     

    “ครับครับ เห็นรับคำตลอดแต่ไม่เห็นจะทำอย่างที่บอกเลย ไม่เอาละ หม่าม้าไม่คุยกับเด็กดื้อละ หม่าม้างอน หม่าม้าไปนอนดีกว่า”ผู้เป็นแม่ว่าก่อนจะแสร้งทำสีหน้าน้อยใจ

     

    แบมแบมหัวเราะขำ รู้สึกว่าการคุยผ่านหน้าจอเล็กๆมันไม่เพียงพอ เขาอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดให้หายคิดถึงสักครั้ง

     

    “ผมรู้หรอกว่าหม่าม้าจะเลิกคุยเพราะจะให้ผมไปนอนใช่มั๊ยล่ะ”

     

    “ถ้ารู้แล้วก็ไปทำตามที่หม่าม้าบอกได้แล้วนะแบม ที่นู่นก็เกือนจะสี่ทุ่มแล้วใช่มั๊ย นอนพักผ่อนเยอะๆตื่นเช้ามาจะได้มีแรงไปซ้อมต่อนะครับ”ผู้เป็นแม่บอกยิ้มๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    น้ำเสียงที่แบมแบมฟังแล้วรู้สึกถึงก้อนบางอย่างที่มาจุกอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าเกิดอาการลังเลอยู่ชั่วครู่ว่าจะเล่าสิ่งที่กำลังเกิดกับตัวเองให้อีกฝ่ายฟังดีหรือเปล่า แต่พริบตาเดียวสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ กระพริบตาปริบๆอย่ากลัวน้ำตาจะมาคลอให้มารดาเห็น

     

    “ครับหม่าม้า หม่าม้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวแบมก็จะนอนบ้าง”บอกอย่างยิ้มแย้ม แต่มีหรือผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงลูกชายมาทั้งชีวิตจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องทุกข์ใจ หม่าม้าแบมแบมถอนหายใจเล็กน้อย แอบดุลูกชายในใจที่เก็บเรื่องไม่สบายใจไว้คนเดียว

     

    “แบมแบมมีอะไรหรือเปล่าลูก บอกหม่าม้าได้มั๊ย”

     

    เด็กหนุ่มสบตากับมารดาผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ เห็นแววตาอ่อนโยนที่แฝงความกังวลของผู้เป็นมารดาจึงจำให้เขาตัดสินใจได้

     

    แบมแบมทำสีหน้าเสียใจออกมาเล็กน้อย

     

    “โห่ หม่าม้ารู้จนได้ แบมจะเล่า แต่หม่าม้าอย่าไปบอกใครนะ”อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะพยักหน้าตกลง

     

    แบมแบมแสร้งทำลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนยอมเอ่ย

     

    “ผมคิดถึงเจ้าดำอ่ะหม่าม้า”กล่าวถึงสัตว์เลี้ยงสี่ขาที่บ้านให้ฟัง แต่พอผู้เป็นมารดาได้ยินเรื่องทุกข์ใจของลูกชายกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง แบมแบมทำหน้ามุ่ย

     

    “เนี่ย แบมไม่อยากเล่าก็เพราะแบบเนี้ย ขนาดหม่าม้ายังหัวเราะเลยอ่ะ หม่าม้าห้ามเล่าให้คนอื่นฟังนะ!”บอกอย่างเด็ดขาดเมื่ออีกฝ่ายยังหัวเราะไม่หยุด

     

    “โธ่ ม้าก็นึกว่ามีเรื่องอะไร อยากคุยกับเจ้าดำมั๊ยล่ะ”อีกฝ่ายว่าก่อนจะหันรีหันขวางเพื่อมองหาเจ้าดำ “ว้า แบมแบม มันหลับอยู่น่ะลูก เอาไว้ครั้งหน้าละกันเนอะ”

     

    แบมแบมยิ้มให้อีกฝ่าย รู้สึกดีใจที่ผู้เป็นแม่ยังห่วงเขาแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆที่ดูไร้สาระก็ตาม

     

    “ครับ ไม่เป็นไรหรอก รอแบมกลับไทยแบมนะ จะฟัดให้หายคิดถึงเลย”พูดกลั้วหัวเราะก่อนจะบอกลาผู้เป็นมารดาและตัดการติดต่อไป

     

    มือบางกดปิดหน้าจอไอพอด หลับตาแล้วทอดตัวลงบนโซฟาของหอพัก จับจองโซฟายาวเพียงคนเดียวไม่สนแม้เมมเบอร์คนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยจะมองค้อนขนาดไหน

    แบมแบมสไกป์คุยกับครอบครังที่ไทยเหมือนที่เคยทำเมื่อมีเวลาว่าง บอกเล่าสารทุกข์สุขดิบของการใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย

     

    เมื่อก่อนเวลามีเรื่องกลุ้มใจเกิดขึ้นที่เกาหลี  เขาจึงมักจะติดต่อหาครอบครัวเสมอ เนื่องจากเขายังเด็กมาก  ครอบครัวเป็นตัวช่วยเดียวที่เขาถึงนึกมาตลอด เป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ทำให้เขายืนหยัดอย่างเข้มแข็งต่อไปได้  โทรไปคุยบ้างบ่นบ้างเพื่อให้ตนเองสบายใจขึ้นเมื่อได้รับคำปลอบโยนและกำลังใจจากมารดาและพี่น้อง

     

    แต่ครั้งนี้ต่างออกไป

     

    เมื่อเห็นแววตาที่แสดงความเป็นกังวลของผู้เป็นมารดา เขาจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องแย่ๆไว้ในใจ รู้สึกไม่อยากให้คนอื่นต้องกังวลไปด้วย และอีกอย่าง เขาคิดว่าเขาน่าจะโตพอที่จะจัดการปัญหาของตัวเองได้แล้ว

     

    “แบมแบมเอาขาลงไปเลย ฮยองจะนั่ง!”เสียงโวยวายของลีดเดอร์เจบีดังขึ้นก่อนขาของเด็กหนุ่มจะถูกปัดทิ้งลง แต่พอถูกปัดลงแล้วแบมแบมก็รีบยกกลับขึ้นมาวางใหม่อย่างจงใจแกล้ง

     

    “ย๊า แบมแบม!”เจบีตะโกนใส่แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงหัวเราะขำก่อนจะเอ่ยถามเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลย

     

    “ฮยอง ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอ”ถามทั้งๆที่ยังหลับตา เจบีที่พยายามปัดขาแบมแบมลงเลิกคิ้วแปลกใจ แต่ก็ยอมเหลือบมองนาฬิกาให้

     

    “สี่ทุ่มสิบนาที ย๊าแบมแบม เอาขานายลงไปเดี๋ยวนี้เลย!!”

     

    “เหรอ สี่ทุ่มเองเหรอ”พ่นพึมพำก่อนอยู่ๆจะเด้งตัวลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

     

    “ผมกลับไปเอาของที่ตึกนะฮยอง เดี๋ยวกลับมา”ว่าก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

    เจบีหันสบตากับมาร์คที่นั่งอยุ่ข้างกันด้วยความแปลกใจ ก่อนที่มาร์คจะละสายตาแล้วตะโกนตามร่างบางที่เดินออกจากส่วนนั่งเล่นไป

     

    “ย่าแบมแบม ให้ไปเป็นเพื่อนมั๊ย!?”

     

    “ไม่เป็นไรฮยอง เดี๋ยวแบมกลับมา!”เสียงตะโกนกลับมาของเด็กหนุ่มก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูของหอพัก

     

     

     

    เสียงพูดคุยเบาๆคลอไปกับเสียงเพลงที่เปิดภายในรถ สมาชิกทั้งเจ็ดคนอยู่ในรถแวนคันเดียวหลังจากการเดินทางกลับมาจากตารางงานเพื่อกลับไปพักผ่อนที่หอ

     

    จูเนียร์ที่นั่งอยู่เบาะเดี่ยวด้านซ้ายเหลือบมองรองมักเน่ที่นั่งอยู่เบาะเดี่ยวอีกด้าน เด็กหนุ่มหลับสนิททั้งๆที่ยังใส่หูฟัง สีหน้าเหนื่อยอ่อน ใต้ตาคล้ำหน่อยๆแม้จะลงรองพื้นแล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นอีกฝ่ายได้นอนน้อยเพียงใด จูเนียร์ละสายตาออกมาก่อนจะสะกิดเรียกมักเน่ตัวโตที่นั่งอยู่ด้านหลังแล้วถามเสียงถามเบาในระดับที่มั่นใจว่าคนที่หลับอยู่จะไม่ได้ยิน

     

    “ยูคยอม เมื่อวานแบมแบมกลับมากี่โมง”

     

    ยูคยอมเลิกคิ้ว ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า

     

    “ผมไม่รู้อ่ะฮยอง ผมหลับก่อนแบมแบมจะเข้ามาในห้อง”

     

    บทสนทนาแม้จะไม่ดังมากแต่ก็สามารถได้ยินไปทั้งทั้งคันรถ เจบีที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างเมเนเจอร์ที่ขับรถอยู่หันกลับมาถาม

     

    “มีอะไรเหรอจินยอง”

     

    “เมื่อวานตอนผมกำลังออกจากตึก สวนกับแบมแบมที่กำลังจะเข้าไป เห็นบอกว่ามาเอาของ”

     

    “ใช่ เมื่อวานแบมแบมบอกว่าลืมของไว้ จะกลับไปเอาแปปเดียว พวกฉันก็ไม่คิดว่ามีอะไรเลยเข้าห้องไปก่อน”มาร์คบอก

     

    “แล้วยังไง แบมแบมเป็นอะไร”แจ็คสันที่นั่งเล่นไอแพดอยู่ถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าท่าทางของสมาชิกในวงดูเปลี่ยนไป

     

    “ก็เปล่าหรอก แต่พอบอกว่าเดี๋ยวจะรอกลับพร้อมกัน แบมแบมก็บอกว่าให้เดินไปก่อนเลย เดี๋ยวจะวิ่งตามไป จนเกือบจะเดินถึงหออยู่แล้วมันถึงโทรมาบอกว่าจะอยู่ซ้อมอีกแปปนึง”ตอบก่อนจะหันไปหาความเห็นจากลีดเดอร์

     

    “ฮยองว่าไง”

     

    เจบีมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามยูคยอมขมวดคิ้วมุ่นไม่ต่างจากคนอื่นว่า

     

    “เมื่อคืนนายนอนกี่โมง”

     

    “อืม...น่าจะเกือบตีสองนะฮยอง”

     

    สิ้นคำทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่ยองแจเปรยออกมาเบาๆ

     

    “ผมว่าช่วงนี้แบมแบมดูแปลกๆอยู่นะ”

     

    ทุกคนคิดตามคำพูดของยองแจ ช่วงนี้แบมแบมเงียบลงไปนิดหนึ่ง ดูเคร่งเครียดและขยันซ้อมผิดปกติ ซ้อมมากเกินไปจนเข้าขั้นหักโหมอย่างหนัก มาคิดๆดูรองมักเน่ก็เป็นแบบนี้มาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ทุกอย่างเจ้าตัวกลับไม่แสดงความผิดปกติอะไรออกมาเลย ยังยิ้มพูดคุยหัวเราะ เล่นซนเป็นปกติ เป็นปกติจนไม่มีใครทันสังเกตุ...

     

    ถ้าจะบอกว่าแค่ขยันซ้อมมากกว่าเดิมเฉยๆก็ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย เมื่ออีกฝ่ายหนีไปซ้อมคนเดียวตั้งแต่สี่ทุ่มจนตีสองยังไม่กลับ แถมตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา แบมแบมกลับออกจากตึกเป็นคนสุดท้ายตลอด ทั้งยังท่าทางเหนื่อยและอ่อนล้ามากขนาดนี้ แสดงว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าตัวที่ทำให้ไม่อยากพูดออกมาแน่ๆ


                ทำไมถึงแอบไปซ้อมคนเดียว

               มีเหตุผลอะไรที่ไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าทำไมถึงซ้อมหนักขึ้นมากขนาดนี้

               หรือพวกเขาจะแค่คิดมากไป

     

    ทุกคนมองเด็กหนุ่มชาวไทยด้วยความติดใจและสงสัย

     

    พวกเขาไม่รู้ว่าแบมแบมมีเรื่องอะไร แต่ก็หวังว่าจะรู้ในไม่ช้านี้ และภาวนาขอให้สมาชิกตัวเล็กพ้นจากเรื่องนี้ได้ไวๆ

     

    ศรีษะทุยสีบลอนด์สว่างจะเอียงคอพับทำให้หูฟังที่ใส่อยู่หลุดออกมาข้างหนึ่ง มาร์คที่นั่งอยู่เบาะหลังจะขมวดคิ้วน้อยๆกับเสียงเพลงที่ดังรอดออกมาจากหูฟังของคนที่หลับอยู่

     

    ฟังเสียงดังเกินไปรึเปล่า

     

    คิดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไอพอดของคนน้องมากดปิดเพลงแล้วค่อยๆถอดหูฟังออกให้อย่างเบามือ พยักเพยิดบอกจูเนียร์ที่อยู่ด้านหน้าเป็นเชิงให้จัดท่านอนให้เด็กหนุ่มดีๆ 


               จูเนียร์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบหมอนใบเล็กเอื้อมไปวางพิงหน้าต่างฝั่งที่แบมแบมนั่ง แล้วค่อยดันศีรษะคนตัวเล็กไปซบกับหมอนอย่างนุ่มนวลและเบามือ ทุกคนเงียบเสียงพูดคุยลง ลดเสียงเพลงที่เปิดให้คลอเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นรบกวนการนอนหลับ อย่างหวังให้เด็กหนุ่มได้พักผ่อนให้สบายมากขึ้นแม้เพียงนิดก็ยังดี

     


     







    คุยกันก่อนน้า

               มาเต็ม100แล้วววว  55555

    ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนว่าเรา ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายศิลปินหรือใดๆทั้งสิ้นนะคะ ทั้งหมดทั้งมวลคือเรื่องที่เรามโนขึ้นมาเนอะ แค่มโนจริงๆนะคะ บอกไว้ก่อน กลัวโดนแหกอกอ่ะ 555555

    อาจมีบ้างบางประโยคที่เราไปเจอมาจริงๆ นอกนั้นมโนววววค่ะมโน 55555 ฉากท้ายๆมีเด็กๆมุ้งมิ้งใส่แบมกันด้วย ครุคริๆ 555 พอใช้ได้เปล่า คิดเห็นยังไงก็คอมเม้นบอกเลยยย

    ปล.เนื่องจากครั้งนี้มาอัพเร็วเกินไป เราอาจจะต้องหายไปเคลียงานที่แอบหมกไว้นิดหน่อยนะก๊ะ;_; ขอกำลังใจให้เค้าด้วยนะก๊ะ งื้ออ ขอบคุณมากก่ะ ;;_;;

     

    ###รูปนี้น่ารักไม่ทนมากกกกก ผมบลอนด์กะต่างหูสุดคูลนั่นไม่ช่วยอะไรเลยค่ะขุ่นน้อง 555555 อยากเก็บใส่กระเป๋าเอากลับบ้าน ;_; น่ารักแบบนี้ขุ่นพี่ก็จะไม่ทน //ปาสมุดบัญชี ฉโนดบ้านพร้อมที่ดินให้รัวๆ//

    เม้นคนละนิด จิตแจ่มใส

    อย่าลืม คิดจะสกรีม คิดจะมุ้งมิ้งลงทวิต โปรดติดแท็ก  #ficgetgot7

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×