ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF/OS GOT7] COME AND GET GOT7 MOMENTS ! [Status : JackBam]

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF BROMANCE] FRIEND 3 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 60


    FRIEND

    [BROMANCE]


     

    ร่างโปร่งนั่งขัดสมาธิบนโซฟาตัวใหญ่ มือบางถือรีโมทไว้หลวมๆแล้วเคาะเล่นเป็นจังหวะ ใบหน้าเรียวที่ค่อนไปทางน่ารักมากกว่าหล่อขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนกำลังครุ่นคิด สายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์ตรงหน้าด้วยท่าทีที่เหม่อลอย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆเสียงเอฟเฟคหนังก็กระหึ่มขึ้น

    "บ้าเอ๊ย ตกใจหมด"สบถเบาๆด้วยความเสียอารมณ์แล้วกดปิดโทรทัศน์ก่อนจะปารีโมทในมือทิ้งไปบนโซฟา

    เมื่อไม่มีเสียงจากโทรทัศน์เครื่องใหญ่แล้ว ห้องทั้งห้องก็พลันตกอยู่ในความเงียบ เงียบซะจนเจ้าตัวคิดว่าได้ยินเสียงนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างผนังห้องกำลังเดินบอกเวลา

    ตาคู่โตเหลือบมองนาฬิกาข้างผนังที่กำลังชี้บอกเวลาหกโมงเย็น เหล่มองไปทางประตูหอก็เงียบกริบไร้วี่แววของเหล่าสมาชิกที่ออกไปข้างนอกจะกลับมา

    แจ็คสันออกไปหาโจวมี่ นัดพบกันตามประสาชาวจีน แจบอมออกก็มีนัดกับเพื่อนไอดอลของเจ้าตัว จินยองกับมาร์คก็ออกไปเช่าซีดีกันเพื่อมาดูคืนนี้ ทุกคนชวนเขาออกไปด้วยทั้งนั้น แต่ตัวเขาอยากจะอยู่หอเผื่อสบโอกาสจะทำคะแนนง้อกับเพื่อนขี้งอนซะหน่อย แต่กลายเป็นว่าพอทุกคนออกไปหมด เจ้ายูคยอมก็ไม่ยอมอยู่หอ จะออกไปข้างนอกคนเดียว เขาเลยต้องให้ยองแจที่ยังอยู่หอตามออกไปด้วย กลายเป็นว่าเขาเลยต้องอยู่หอคนเดียว


    เงียบชะมัด

    คิดพรางขยี้ผมสองสีของตนเล่นด้วยไม่รู้จะทำอะไร


    ใจยังคงรู้สึกค้างคาเรื่องที่เพิ่งจะคุยกับเพื่อนสนิทไปเมื่อช่วงบ่ายนี้

    หรืออาจจะเป็นเพื่อนที่เคยสนิท

    ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    ก่อนจะคิดไปสาระตะ ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่แคล้วส่งผลต่อคนอื่นเป็นแน่ แค่สำหรับตอนนี้ ถึงเมมเบอร์คนอื่นๆจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ตาม แต่เขารู้ว่าการที่เมมเบอร์ชาวเกาหลีไม่กลับบ้านในวันหยุดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการทะเลาะของเขากับยูคยอม 

    เรื่องนี้เขาเป็นคนก่อ เขารู้ตัวพอว่าควรจะเป็นคนจบมันด้วยเช่นกัน 

    แต่จะจบอย่างไรล่ะ ในเมื่อทิฐิของคู่กรณีดันสูงชะลูดพอๆกับส่วนสูงของมันนั่นแหละ

    ปกติเห็นเขาว่าอะไรก็ว่าตามเขาหยอยๆ เขาชี้นกเป็นไม้ มันก็บอกว่าเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นท่อนซุง มันก็ว่าเป็นท่อนซุง!

    ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะมีวันนี้

                ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม

    "เฮ้อออ"ยกสองมือขยี้ผมแล้วกุมไว้พรางถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่

    ง้อยังไงดี ง้อยังไงดี หรือยูคยอมมันจะอยากเจอเพื่อมากเลยไม่ยอมหายโกรธ

    พอคิดว่าถึงตรงนี้ก็เริ่มเอะใจได้

    เขากับยูคยอมอยู่วงเดียวกัน หอก็อยู่ที่เดียวกัน นอนก็นอนด้วยกัน เจอกันแทบจะตลอด24ชั่วโมง แต่เพื่อนเก่า คงไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว...

    ทำไมเขาไม่คิดให้ได้แบบนี้ก่อนจะใส่อารมณ์จนเผลอสร้างเรื่องขึ้นมานะ

    ที่ยกเลิกนัดกับเพื่อนเพราะสเก็ตบอร์ดพังใช่มั๊ย?

    ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เอาของเมมเบอร์คนอื่นไม่เล่นก่อน แต่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะยังไงก็ไม่ใช่ของตัวเอง เลยไม่อยากใช้

    งั้นก็ต้องหาสเก็ตบอร์ดมาใช้คืนงั้นสินะ

    ถ้าได้ไปเที่ยวกับเพื่อนอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้

    คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจลุกจากโซฟากลับเข้าห้องไปแต่งตัวแล้วหยิบของเตรียมออกไปข้างนอก

    แบมแบมเดินออกมาจากหอ ใส่หมวกแล้วสวมฮู้ดทับอีกที ตอนนี้ก็หกโมงกว่าแล้ว แถวนี้ไม่มีร้านสเก็ตบอร์ด เขาเลยต้องออกไปย่านแหล่งวัยรุ่นซึ่งกว่าจะเดินทางไปถึง กว่าจะหาซื้อ กว่าจะกลับมา ถึงตอนนั้นคงจะมืดพอสมควร และเขาก็ยังไม่โตพอที่จะได้รับอนุญาตให้ออกไปเร่ร่อนที่ไหนคนเดียวมืดๆค่ำๆได้โดยไม่มีคนอื่นตามไปด้วย

    แต่ถ้าจะรอให้คนอื่นกลับ มาร้านก็ปิดพอดีน่ะสิ!

    ร่างโปร่งเดินไปตามทางเพื่อออกไปยังถนนใหญ่ ระหว่างทางก็มีคนมองตามเขาแล้วซุบซิบบ้าง แต่ด้วยเพราะตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว และเขาก็ใส่หมวกและฮูดทับอีกชั้นเลยช่วยพรางสายตาคนอื่นไปได้เยอะอยู่พอสมควร

    เขารีบเดินไปถึงถนนใหญ่แล้วเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง ระหว่างที่นั่งอยู่บนแท็กซี่ก็ไม่ลืมที่จะเมสเสจบอกพี่ใหญ่ ที่อาจจะจะตกใจเมื่อกลับไปถึงหอแล้วไม่พบว่าเขาอยู่ที่นั่น 

    เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่เอาได้

    แต่จะว่าไป อันที่จริงการที่แบมแบมไปย่านวัยรุ่นที่ค่อนข้างไกลจากหอพักพอสมควรด้วยตัวคนเดียวทั้งยังดึกขนาดนี้แล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ตัวแบมแบมแถมจะไม่เคยไปไหนคนเดียวโดยไม่มีคนอื่นไปด้วย ยกเว้นก็แต่ระแวกหอพักถึงบริษัทแค่นั้นเอง

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรเอง ไปไหนเองไม่เป็นนี่นา

    แบมแบมจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถ แม้จะมืดแล้วแต่มีผู้คนมากมายที่มาเดินเที่ยวซื้อของ พบปะสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ย่านนี้เป็นทั้งย่านที่มีวัยรุ่นของข้างเยอะ ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยม ครั้นเห็นคนมองมาทางเขาแล้วซุบซิบกันก็อดจะหวั่นใจไม่ได้ แม้เขาจะคิดว่าตัวเขาเองคงยังไม่ดังขนาดคนทั่วประเทศรู้จัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีแฟนคลับคอยตาม แถมที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นอีกด้วย

    ถ้าหากเขาโดนรุมอยู่ที่นี่คนเดียว ภาษาไทยเพียงคำเดียวก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้ดี

    คำว่า 'ฉิบหาย…'

    มือบางกระชับหมวกให้แน่นก่อนจะเริ่มเดินหาร้านสเก็ตบอร์ด แต่พอเดินไปเรื่อยๆก็ยังคงมีสายตาของคนอื่นมองตามกันอยู่ จนเขาเริ่มหวั่นใจมากขึ้นไปอีก 

    เสื้อที่ใส่วันนี้ก็ไม่เคยใส่ออกสื่อนี่นา

    งงอยู่สักพักก่อนจะเดินผ่านหน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เงาในกระจกสะท้อนกลับมาให้เขาเห็นเด็กหนุ่มใส่หมวกแก็ปแล้วสวมฮูดทับ แต่เพราะที่นี่สว่างด้วยแสงไฟจากร้านรวงต่างๆมากมาย ทำให้เห็นใบหน้าเขาและปอยผมหน้าม้าสีชมพูของเขาได้ค่อนข้างชัดเจน

    ตัวปัญหาอยู่นี่นี่เอง

    คิดได้ก่อนจะรีบออกเดินต่อแล้วเสยปอยผมด้านหน้าขึ้นแล้วสวมหมวกทับ กดปีกหมวกให้ต่ำลงเล็กน้อยเพื่อช่วยในการพรางใบหน้า เดินไปสักพักจนเจอร้านสเก็ตบอร์ด

    แบมแบมรีบตรงปรี่เข้าร้านทันที ก่อนจะมองหาสเก็ตบอร์ดตัวโปรดแบบเก่าของเพื่อนที่เขาทำพังไป เมื่อพบสิ่งที่เป็นเป้าหมายแล้วก็จัดการซื้อแล้วจ่ายเงินทันที

    "จะเพ้นท์ชื่อด้วยมั๊ยครับ"พนักงานวัยรุ่นในร้านถามขณะที่เขากำลังจ่ายเงิน

    "ทำได้ด้วยเหรอครับ"

    "ครับ ร้านเรารับเพ้นท์ รับประกันคุณภาพสีเลยครับ"อีกฝ่ายตอบก่อนยิ้มมาให้ แบมแบมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม

    "แล้วนานมั๊ยครับ"

    "ประมาณเกือบ45นาทีครับ เดินเล่นก่อนค่อยกลับมาเอาก็ได้"

    "ถ้างั้นเอาคำนี้นะครับ"ว่าแล้วก็จัดการเขียนชื่อลงกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเลือกฟ้อนต์เลือกรายละเอียด แล้วตกลงว่าจะมารับในอีก45นาที

    ระหว่างนั้นแบมแบมก็หาอาหารมื้อดึกแถวนั้นทานง่ายๆ ก่อนจะเดินเล่นไปเรื่อย

    เคยได้ยินมาว่าที่นี่ยิ่งดึกยิ่งจะคึกคัก ด้วยบรรยากาศที่คึกคักมีแต่ผู้คนดูวนุกสนาน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามากับเมมเบอร์คนอื่นๆด้วยจะเป็นยังไง 

    คงจะสนุกน่าดู

    เดินผ่านร้านเครื่องประดับผู้ชายก็อดคิดถึงลีดเดอร์กับพี่ใหญ่จากอเมริกาไม่ได้

    ร้านนี้พวกฮยองต้องชอบแน่ๆ

    เดินผ่านร้านแว่นก็คิดถึงคนที่เรียกตัวเองว่าออมม่า

    แว่นแบบนี้ดูเข้ากับจินยองฮยองดี

    เดินผ่านร้านอาหาร ก็คิดถึงเมนโวคอลจากมกโพ

    ยองแจฮยองเคยบ่นว่าอยากกินร้านแบบนี้นี่นา

    เดินผ่านร้านหมวกก็คิดถึงพี่ชายชาวฮ่องกง

    ร้านนี้หมวกเท่ๆเยอะดีแฮะ แจ็คสันฮยองเห็นคงกรี๊ดแตก

    เมื่อเห็นหมวกใบนึงในร้าน

    โอ๊ะ หมวกใบนั้นมันยูคยอมสไตล์ชัดๆ!

    คิดถึงคนสุดท้ายก็ได้แต่กลุ้ม แต่ก็เรียกสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว ถ้าหมอนั่นได้สเก็ตบอร์ดราคาแพงนี่ไปอย่างน้อยก็น่าจะอาการดีขึ้น

    แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น พ่อจะเอาสเก็ตบอร์ดอันโครตแพงอันนี้นี่แหละ ฟาดหัวมันให้ค่ารักษาแพงกว่าค่าสเก็ตเลยคอยดู!!




    ในขณะที่เด็กหนุ่มชาวไทยกำลังเพลิดเพลินกับร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยว มาร์คที่กับจินยองที่กลับมาถึงหอนั้นกลับไม่พบว่าใครอยู่ที่ห้องเลย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าแบมแบมน่าจะไปกับยองแจและยูคยอม จนกระทั้งเมมเบอร์คนอื่นๆเริ่มทยอยกันกลับมา อิมแจบอม หวังแจ็คสัน และตามมาด้วย ชเวยองแจ และคิมยูคยอม แต่ทุกคนต่างปฏิเสธว่าแบมแบมไม่ได้ไปกับตน

    "ยองแจ ยูคยอม พวกนายอยู่ห้องกับแบมแบมไม่ใช่เหรอ"แจบอมเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เริ่มเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

    เขารู้สึกเหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆยังไงชอบกล

    ยองแจส่ายหน้าอึนๆ ตาตี่ๆเบิกโตด้วยความตกใจ

    "ผมออกไปข้างนอกกับยูคยอมอ่ะฮยอง แบมแบมอยู่ที่หอคนเดียว"สิ้นคำกล่าวเท่านั้น เมมเบอร์แต่ละคนต่างพากันกุมขมับ

    แบมแบมหายไปอีกแล้ว

    “หมอนั่นมีเพื่อนตั้งเยอะแยะ อาจจะออกไปกับเพื่อนก็ได้มั้ง”แจ็คสันพูดแม้จะไม่มีความมั่นใจในน้ำเสียงเลยก็ตาม

    “แล้วนายเคยเห็นแบมแบมออกไปกับเพื่อนที่นายว่าสักครั้งมั๊ยล่ะ”มาร์คย้อมถาม

    แจ็คสันส่ายหน้า

    ถึงแบมแบมจะมีคนรู้จักอยู่ แต่เพราะยังอยู่ในวัยที่เรียกได้ว่ายังเด็ก เลยไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนคนเดียว

    อยู่ด้วยกันมาตลอดสามสี่ปี ยังไม่เคยเห็นหมอนั่นไปไหนไกลคนเดียวเลย อย่างน้อยก็ต้องมีพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเป็นเพื่อนด้วย

    "ลองโทรหาก่อนดิ อาจจะออกไปหาอะไรกินแถวนี้ก็ได้"จินยองเสนอแนะ คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะคว้ามือถือของตนเองขึ้นมา แต่ยังไม่มีใครทันได้ติดต่อหาบุคคลที่หายไป พี่ใหญ่ของวงกลับส่งเสียงตกใจขึ้นมาก่อน

    "อ๊ะ! พวกนาย ฉันได้เมสเสจจากแบมแบมอ่ะ"

    "เมสเสจมาเมื่อกี๊เลยเหรอ"แจ็คสันเอ่ยถาม มาร์คเลื่อนดูก่อนจะยิ้มแหยแล้วส่ายหน้าช้าๆ

    "เมื่อสองชั่วโมงก่อนอ่ะ"สิ้นคำตอบเมมเบอร์ต่างพากันขว้างหมอนใส่พี่ใหญ่แล้วโวยวายเสียงดัง จนลีดเดอร์ต้องออกมาห้ามทัพ

    "เดี๋ยวๆ แบมแบมเมสเสจมาว่าไง"ทุกคนหยุดการโจมตีแล้วนั่งนิ่งรอมาร์คอ่านด้วยความตั้งใจ

    "อย่าบอกใครนะ"

    ทุกคนยังคงเงียบกริบ

    พยักหน้าเป็นเชิงให้มาร์คเริ่มอ่านเมสเสจ มาร์คก็พยักหน้ากลับแล้วจิ้มที่มือถือของตัวเองแล้วพูดซ้ำ

    "อย่าบอกใครนะ"

    ทุกคนขมวดคิ้วงุนงง

    "อะไรของฮยองเนี่ย อย่าบอกใครอะไร"ยองแจที่สงสัยจนทนไม่ไหวโวยวายถามเสียงดัง

    "ไม่ใช่! ฉันไม่ได้พูด ฉันหมายถึงเมสเสจเนี่ย แบมแบมส่งมาว่า อย่าบอกใครนะ แค่นั้นเอง นายควรจะหัดตั้งใจฟังที่ฉันพูดบ้างนะยองแจ!"ตอบกลับเสียงดังแล้วปิดท้ายด้วยคำบ่น

    ยองแจอ้าปากเหวอ ก่อนส่งยิ้มเจื่อนให้

    "เมมเสจบ้าอะไรของมันวะ โทรหามันดิ๊"แจ็คสันบ่นแล้วโบ้ยให้ใครสักคนโทรหาแบมแบม

    จินยองที่นั่งจิ้มๆโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไม่สูดีนัก

    "ไม่มีคนรับอ่ะ ห้าสายแล้วเนี่ย ฝากข้อความหมดเลย"

    จบกัน มันหายจริงๆสินะ

    คนอื่นๆพากันกุมขมับ รวมทั้งมักเน่ของวงด้วย

    ถึงใจนึงจะยังโกรธอีกฝ่ายอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเป็นห่วงที่อยู่ๆก็หายไปแบบนี้ แถมครั้งสุดท้ายที่พวกเขาคุยกัน สถานการณ์ก็ดูจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ด้วย

    อันที่จริงคงต้องพูดว่า สถานการณ์แย่มาก

    พวกเขาตัดสินใจรอกันอีกพักใหญ่ แล้วถ้ายังติดต่อแบมแบมไม่ได้ คงต้องบอกเรื่องนี้ให้เมเนเจอร์รู้ แต่สุดท้ายจดแล้วจนรอดพวกเขาก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากแบมแบมทั้งสิ้น

    “เอาล่ะนะ จะโทรอีกสามสาย ถ้าติดต่อไม่ได้คงต้องบอกเมเนเจอร์ฮยองจริงๆแล้ว”อิมแจบอมกล่าว แล้วกดโทรออก แต่พอครบทั้งสามครั้งกลับยังไม่สามารถติดต่อรุ่นน้องร่วมวงได้

    แจบอมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ท่าทางหนักใจไม่น้อย

    “ต้องบอกเมเนเจอร์จริงๆเหรอฮยอง แล้วเมจเสจที่แบมบอกว่า อย่าบอกใครล่ะ”จินยองถามออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล

    เขาเป็นห่วงที่เด็กหนุ่มหายไป แต่ถ้าเมจเสจอันนั้นหมายถึงว่าไม่ให้บอกใครว่าเจ้าตัวหายไปล่ะ ถ้าบอกแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้าไม่บอกจะหาแบมแบมเจอได้ยังไง

    ยิ่งคิดก็ยิ่งงง จนสุดท้ายต้องยอมแพ้

    “คิดดูอีกที ผมว่าฮยองโทรบอกเลยดีกว่า”

    แจ็คสันมองยองแจเอือมๆแล้วพลันเหลือบไปเห็นอีกคนที่นั่งเงียบมาตลอด แต่สีหน้ากลับดูเครียดกว่าใคร

    “เป็นห่วงด้วยหรือไง”สุดท้ายก็อดแหย่ไม่ได้

    ยูคยอมไม่ตอบ แต่เลือกที่จะทำเพียงสบตากับแจ็คสันก่อนจะเบนหนีไปแล้วก้มหน้ากดโทรศัพท์ในมือต่อ

    ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าห่วงมากขนาดไหน

     

    ทุกคนนั่งเงียบในขณะที่แจบอมกำลังกดโทรศัพท์หาเมเนเจอร์เพื่อบอกข่าวเรื่องแบมแบมหายไป แต่ยังไม่ทันที่จะต่อสายไป เสียงโทรศัพท์ของยูคยอมก็ดังขึ้นขัด ก่อนที่มักเน่ตัวโตจะกดรับสายทันที

    “ฮัลโหล แบมแบม!!”เพียงเท่านั้น เมมเบอร์ทุกคนต่างพากันกรูเข้ายูคยอมแล้วแย่งพูดกันเสียงดังวุ่นวาย

    “แบมแบมหรอ เอามาให้ฉันคุยหน่อย!!

    “ยูคยอม หมอนั่นอยู่ไหน!”

    “เปิดสปีกเกอร์สิยูคยอม!!”

    “เกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่น!”

    “อยู่กับใครน่ะ ขอฉันคุยด้วยสิ!!”

    เสียงพูดคุยแข่งกันมากมายจนเขาต้องตะโกนบอกให้ทุกคนหยุดก่อน แล้ววางโทรศัพท์ที่เปิดสปีกเกอร์แล้วไว้กลางโต๊ะ

    “แบมแบมนายอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า ทำไมไม่รับสาย!!”อิมแจบอมรัวคำถามเสียงเครียด ทุกคนล้อมวงรอบโทรศัพท์รอฟังคำตอบ

    “ฮยอง ใจเย็นๆก่อน ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมออกมาข้างนอ. ว๊าย! ปั๊ก! โอ๊ย!! ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด..

    สัญญาณหลุดไปแล้ว

    ทุกคนนิ่งสนิท รู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วง

    เสียงร้องโอ๊ยของเมมเบอร์ชาวไทยยังดังก้องอยู่ในหู

    ก่อนที่ใครจะทันมีสติ เจบีก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกระหน่ำโทรหาคนปลายสายอีกรอบ แต่คราวนี้กลับโทรไม่ติดเลย

    ไม่ใช่ไม่มีคนรับ แต่โทรไม่ติด ยิ่งทำให้พวกเขาเครียดมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก

    จินยองหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเพื่อติดต่อกับเมเนเจอร์ฮยอง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเช่นกัน

    ทุกคนรู้สึกหัวเสียไปหมด พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแบมแบม สิ่งสุดท้ายที่เด็กคนนั้นบอกก็คือ บอกให้พวกเขาใจเย็น บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร บอกว่าอยู่ข้างนอก แต่หลังจากที่ร้องโอ๊ยแล้วสายตัดไปนั่นล่ะ ยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า

    ให้ตาย! จะให้พวกเขาใจเย็นอยู่ได้ยังไงกัน!

    ทุกคนมองตามยูคยอมที่นั่งเงียบมาตลอด แต่อยู่ๆก็ลุกขึ้นแล้วเกิดเข้าห้องนอนไปก่อนจะเดินใส่เสื้อคลุมพร้อมสวมหมวกแก็ปออกมา ทำท่าจะเดินออกไปจากหอ จนมาร์คต้องร้องทักด้วยความตกใจ

    “ยูคยอม นายจะไปไหน!

    ร่างสูงกันมามองก่อนตอบ

    “ผมจะออกไปตามหาข้างนอก”

    ไม่มีใครเอ่ยแย้งอะไร ทุกคนทำเพียงเดินเข้าห้องหยิบสัมภาระของตนก่อนจะรีบออกไปข้างนอกพร้อมกัน



    ผมขอกระดาษกับปากกาหน่อยได้มั๊ยครับหลังจากตรวจเช็คสเก็ตบอร์ดด้วยความพึงพอใจแล้วเจ้าตัวก็ขอกระดาษและปากกาจากพนักงาน

    รับกระดาษมาแล้วก็เขียนข้อความลงไปก่อนจะแปะไว้ที่กล่องสเก็ตบอร์ดก่อนจะเอากล่องใส่ถุงให้เรียบร้อยดังเดิม

    แบมแบมกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกจากร้านแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเวลา

    “เกือบจะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว โอ๊ะ!”ร้องออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นมิสคอล รวมทั้งเมมเสจมากมายจากเมมเบอร์คนอื่น เห็นดังนั้นก็รีบต่อกลับสายล่าสุดที่โทรมาหาเขา

    คิมยูคยอม

    ฮัลโหล แบมแบม!”ยังไม่ทันที่เสียงรอสัญญาณจะดังขึ้นปลายสายก็รับโทรศัพท์แล้วตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังมาตามปลายสายจนเขาแอบสะดุ้งตกใจเบาๆ

    เสียงของยูคยอม

    “อื้อ ว่าไง”แบมแบมกลั้นใจตอบกลับ เขาไม่รู้ว่าทุกคนกระหน่ำโทรหาเขาด้วยเรื่องอะไร หรือว่าบริษัทจับได้แล้วว่าเขาหนีออกมาคนเดียว!`

    เขาได้ยินเสียงดังวุ่นวายของเมมเบอร์คนอื่น ก่อนที่ใครสักคนจะตะโกนเสียงดังจนลอดเข้ามาในสาย

    “เปิดสปีกเกอร์สิยูคยอม”

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทุกคนเป็นอะไร”แบมแบมถามกลับเสียงตระหนกก่อนจะรีบเดินไปที่ถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังหอพัก

    หลังจากที่เขาคิดว่ายูคยอมเปิดสปีกเกอร์แล้วคราวนี้เสียงทุกคนดังชุลมุนขึ้นมากกว่าเดิมจนเขาจับใจความไม่ได้เลยว่าแต่ละคนพูดอะไร จนเขาได้ยินเสียงเจบีตะโกนบอกให้ทุกคนเงียบ

     และเสียงของลีดเดอร์ก็ดังขึ้นที่ปลายสายด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

    “แบมแบมนายอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า ทำไมไม่รับสาย!!

    แบมแบมตาโตด้วยความตกใจ ทำไมทุกคนถึงตกใจขนาดนี้ เขาก็เมสเสจบอกมาร์คฮยองแล้วนี่ว่าเขาจะออกมาข้างนอก ไม่ต้องเป็นห่วง

    “ฮยอง ใจเย็นๆก่อน ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมออกมาข้างนอ.

    พลัก!

    ปั๊ก!

    โอ๊ย!!”เด็กหนุ่มร้องซี๊ดโอยโอยออกมาด้วยความเจ็บหลังจากล้มกระแทกพื้น

    “ว๊าย ขอโทษค่ะๆ พวกเราขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่า!!

    เพราะด้วยความที่เขารีบเดินและมัวแต่สนใจอย่กับโทรศัพท์ทำให้ชนเข้ากับกลุ่มวัยรุ่นที่เดินเล่นกันมาหลายคนจนเขาล้มลง

    “ไม่เป็นไรครับๆ ผมไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนครับ”แบมแบมบอกแล้วโบกไม้โบกมือปฏิเสธพยายามไม่เงยหน้ามองอีกฝ่ายตรงๆอย่างกลัวจะถูกจำได้ เด็กวัยรุ่นผู้ชายช่วยพยุงเขาขึ้นมาแล้วเก็บมือถือของแบมแบมที่หล่นให้พรางก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่

    กว่าเขาจะแยกตัวออกมาได้ วัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ขอโทษเขาอยู่นาน และแบมแบมก็ไม่ถือโทษโกรธอะไร เพราะเขารู้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้ตั้งใจ แบมแบมเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังหอพัก แต่เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ทำให้การจราจรติดขัดมากแม้จะดึกดื่นแล้วก็ตาม

    มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช็ค ตอนที่เขาล้มลงมือถือของเขาก็หล่นกระแทกพื้นจนหน้าจอดับและเปิดเครื่องไม่ได้เลย ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อกลับหาเมมเบอร์คนอื่นๆได้

    ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าทั้งๆที่เขาเมสเสจบอกมาร์คฮยองแล้ว แต่ทำไมทุกคนยังทำเหมือนกันว่าไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ทั้งที่เขาก็บอกแล้วว่าจะออกมาข้าง อาจจะกลับช้าหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วก็ไม่ต้องบอกคนอื่นว่าเขาไปไหน

    ก็แน่ล่ะถ้าแจบอมฮยองรู้ว่าแอบไปไกลขนาดนั้นก็ต้องโดนห้ามสิ

    แต่ในเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้แล้วคงไม่พ้นโดนด่าแน่ๆ

      

    ท้องฟ้าเวลานี้มืดสนิท ไร้แสงดาวที่สามารถจะฉายแสงแข่งกับดวงไฟนับล้านที่ถูกเปิดอยู่ทั่วทั้งกรุงโซล ร่างโปร่งสมส่วนของเด็กหนุ่มชาวไทยห่อไหล่จากอากาศที่หนาวเย็น หมวกแก็ปใบที่เคยใส่กลับถูกห้อยไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเหลือเพียงฮูดที่เจ้าตัวยังคงสวมไว้ มือข้างหนึ่งหิ้วถุงขนาดปานกลาง ส่วนอีกข้างนั้นซุกเข้ากระเป๋าเสื้อหวังให้ความอุ่นในกระเป๋าช่วยบรรเทาความหนาวเย็นลงไปได้บ้าง แม้ว่าอากศจะหนาวเพียงใดแต่ขายาวยังคงก้าวเอื่อยๆไม่มีท่าทีของการเร่งรีบเลยแม้แต่น้อย

    ดวงตาคู่โตจ้องเหม่อไปยังถนนข้างหน้า สมองหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่า พอกลับไปถึงหอแล้วจะแก้ตัวกับทุกคนอย่างไรดี จะโดนว่าอะไรหรือเปล่า แล้วที่สำคัญ เขาจะเอาของให้คนขี้งอนนั่นด้วยวิธีไหนดี โดยที่เจ้าตัวไม่เขวี้ยงทิ้งทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เปิดดู

    "ยูคยอม ฉันซื้อไอ้นี่มาคืนนาย นายรับไปสิ ไม่ๆ มันดูแข็งไป ยูคยอม นายคงอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนวันพรุ่งนี้ โอ๊ย นี่ก็ยาวเวิ่นเว้อมาก"พูดซ้อมออกมาคนเดียวไปเรื่อยเปื่อย 

    หากใครได้มาเห็นเด็กหนุ่มในตอนนี้ คงไม่คิดหรอกว่าไอ้บ้าที่เดินพูดคนเดียวอยู่ตอนนี้เป็นนักร้องหน้าใหม่ที่กำลังมาแรง

    "โอย ทำยังไงดีๆ ไหนจะแจบอมฮยอง ไหนจะยูคยอม"บ่นออกมาด้วยความกังวลก่อนจะพ่นลมหายใจพรืด

    จากที่เขาดูเวลาจากบนรถเมื่อสักครู่นี้ รวมตอนนี้ด้วยคาดว่าคงประมาณเกือบ5ทุ่มกว่าแล้ว เขาไม่คิดว่าขากลับจะกินเวลามากขนาดนี้ เพราะจากที่รถติดเป็นปกติอยู่แล้วยิ่งติดหนักมากขึ้นไปอีกเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้น กว่าแท็กซี่จะพาเขากลับมาถึงนี่ได้ก็ต้องอ้อมไปไกล แถมยังรถติดอีก 

    อา ให้ตายสิ อยากจะลงไปชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นซะจริงๆ

    "แบมแบม!!?"

    เฮือก!

    ในขณะที่กำลังคิดไปสะระตะกลับมีเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกจนเจ้าตัวเผลอสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ จะไม่ให้ตกใจยังไงไหว ก็ไอเสียงที่เรียกนั้นเสียงคล้ายกับคนที่ที่เขากำลังคิดหนักอยู่ว่าจะไปเจอหน้ากับเจ้าตัวยังไงดีราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

    แบมแบมมองตรงไปข้างหน้า มีเพียงแสงสลัวๆจากเสาไฟสองข้างทางส่องพอจะให้เขาเห็นว่าไกลออกไปนั้นเป็นร่างสูงของผู้ชาย และท่าทางนั้นกลับดูคุ้นเคย

    "แบมแบม?"อีกฝ่ายกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางเขาพร้อมร้องถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ แบมแบมเพ่งมองไปอีกด้วยความแปลกใจ

    "ยูคยอม?"สิ้นเสียงของเขาเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายกลับวิ่งสุดฝีเท้าเข้ามากระโดดกอดเขาสุดแรงก่อนจะผละออก ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่มีเหงื่อเม็ดใสเกาะกุมอยู่ทั่วไปหน้า ทั้งๆที่อากาศออกจะหนาวเย็นขนาดนี้

    "แบมแบม!! อา นายจริงๆด้วย! นายหายไปไหนมา ทุกคนตามหานายกันให้ควั่กเลยนะ มีข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุด้วย พวกเราคิดว่าจะเกิดเรื่องกับนายซะแล้ว แล้วที่นายร้องโอ๊ย นี่เกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไรรึเปล่า!!"ร่างสูงตรงหน้าถามพร้อมพูดรัวออกมาอีกมากมายจนแบมแบมฟังไม่ทัน ได้แต่ยืนค้างด้วยความตกใจกับการเปลี่ยนของของคนตรงหน้า

    ก็ไม่ใช่คนตรงหน้านี่เหรอ ที่บอกให้เขาเลิกยุ่งกับมัน

    แต่ตอนนี้ร่างสูงตรงหน้าเขากลับถามเขาปาวๆไม่หยุดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูออกเลยว่าเป็นห่วงเขามากขนาดไหน ไม่มีเค้าของความเฉยชาเลยสักนิด กลับกลายมาเป็นยูคยอมคนเดิมที่ถามเขาด้วยน้ำเสียงแง้วๆ คนที่ยอมเชื่อว่าสิ่งที่เขาชี้นั้นเป็นไม้ ทั้งๆที่มันเป็นนก

    แบมแบมยืนจ้องยูคยอมหน้าเหยเกด้วยความประหลาดใจอยู่สักพักกว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวก็ตอนที่เจ้าตัวพูดจนหายใจไม่ทันนั่นล่ะ

    "ทำไมนายไม่ตอบฉันเลยล่ะ นี่ฉันเป็นห่วงนายนะ!"ร่างสูงตะโกนออกมาด้วยท่าทีสงสัยระคนหงุดหงิด

    นี่เป็นห่วงแทบตาย แต่สุดท้ายมายืนจ้องหน้าเขาเฉยๆนี่มันคืออะไร!

     

    หลังจากที่ออกตามหาแบมแบมนั้น พวกเขาตามหาอยู่เป็นชั่วโมงโดยแยกกันไปคนละที่ในระแวกนี้จนไปถึงระแวกข้างเคียง เขาที่เดินวนหาอยู่หลายรอบอย่างกลัวจะคลาดกัน เดินกลับมาดูบริเวณใกล้ๆหอพักอีกครั้ง หากว่าถ้ายังไม่พบ พวกเขาคิดว่าคงต้องออกไปตามหากันที่อื่นเพิ่ม

    ยิ่งหานานเท่าไหร่ แต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรของเพื่อนตัวเล็กนี่เลย เขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ กังวลแทบตายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา

    และถ้าเกิดอีกฝ่ายเป็นอะไรไปจริงๆ เขาคงรู้สึกแย่ไปตลอดชีวิต ก็ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับอีกฝ่ายน่ะ คือการที่บอกให้เลิกยุ่งกับเขา

    ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่

    แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น คนตรงหน้ากลับส่งเสียงหัวเราะคิกคักก่อนจะปล่อยก๊ากออกมา

    "นี่นายตามหาฉันไปทั่วเลยสินะ"พูดทั้งๆที่ยังกลั้วหัวเราะ

    ยูคยอมขมวดคิ้ว

    "ใช่น่ะสิ ก็นายหายไปตั้งนานเลยนี่นา ติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ แล้วไอร้องโอ๊ยก่อนสายหลุดนั่นอีก! ว่าแต่นายหายไปไหนมา"พูดทั้งยังขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    แบมแบมยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยท่าทีลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมยกถุงที่หิ้วอยู่แล้วยื่นให้คนตรงหน้า แล้วแสร้งทำท่าทางหัวเสียเล็กน้อย

    "ก็ไปหาไอ้นี่มาให้แกนั่นแหละ ไอ้ยักษ์ขี้งอน!"

    "หือ อะไรอ่ะ"รับไปอย่างงงๆ แล้วหยิบกล่องในถุงออกมา แต่ก่อนที่จะแกะกล่องออกมานั้นเขาเห็นกระดาษโพสอิทแปะไว้อยู่ที่ด้านข้างกล่องจึงดึงออกมาด้วยความสงสัยแล้วอ่านออกเสียง

    "ถึง ยูคยอม ฉันขอโทษที่ทำสเก็ตบอร์ดของนายพัง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันรู้ว่านายอยากไปเล่นสเก็ตกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ฉันเลยเอาไอ้นี่มาให้นาย หวังว่านายจะยก."

    "โอ๊ยๆ พอแล้ว แกอย่าอ่านออกเสียงได้มั๊ยเล่า!"โวยวายด้วยท่าทีเขินอาย แล้วทำท่าจะแย่งกระดาษแผ่นนั้นคืนมา แต่ยูคยอมไวกว่า ชูขึ้นสูงแล้วเขย่งเต็มที่จนแบมแบมเอื้อมไม่ถึง ร่างสูงหนีบกล่องไว้ใต้วงแขน มืออีกข้างก็ยันศรีษะคนตัวเล็กกว่าออก แล้วอ่านต่อ

    "หวังว่านายจะยกโทษให้เพื่อนงี่เง่าคนนี้ของนายนะ อย่าเลิกเป็นเพื่อนกับฉันเลย ยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันขอโทษ จากแบมแบม"อ่านจบแล้วก็ยอมให้อีกฝ่ายดึงไปง่ายๆ ก่อนจะหัวเราะขำขันกับท่าทีของเพื่อนตัวเล็ก

    "หยุดหัวเราะเลย นายไม่ต้องเอาแล้ว เอาคืนมาเลยนะ!"โวยวายโมโหปิดอาการเขินอายแล้วทำท่าจะแย่งกล่องคืน แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงหัวเราะก่อนจะเอี้ยวตัวหลบแล้วแกะกล่องออกมาดู

    "นายให้ฉันแล้วนี่นา จะมาเอาคืนได้ยังไงกัน โอ๊ะ!"ร่างสูงส่งเสียงร้องออกมาเบาๆเมื่อเห็นของข้างใน

    ยูคยอมดึงแผ่นสเก็ตบอร์ดออกจากกล่องก่อนจะพลิกสำรวจด้วยสายตาวิบวับและรอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้า

    "มีชื่อฉันด้วย!"พูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นพร้อมจ้องสำรวจรอยเพ้นที่เพ้นเป็นชื่อของตัวเองแล้วลูบเบาๆ

    "เท่จัง"ว่าแล้วหันกลับไปทางอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าคว่ำปากยื่นไปเรียบร้อยแล้ว


    รู้หรอกว่าเขิน

    "ฉันขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ แล้วก็ขอบใจมากนะแบมแบม"กล่าวขอบคุณแล้วยิ้มตาปิดให้

    แบมแบมหรี่ตาจ้องกันอยู่สักพักก่อนจะหลุดยิ้มตามออกมาแล้วค่อยแปลเป็นเสียงหัวเราะสองเสียงที่ดังคละเคล้ากันไปทั่วซอย

    แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องขอโทษกันให้มากมาย ไม่ต้องสาธยายให้มากความ แค่สายตาก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อความในใจ ทำไมเรื่องแค่นี้พวกเขาถึงทำให้กลายเป็นปัญหาได้ขนาดนี้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พอลดทิฐิลง เรื่องกลับจบได้ง่ายดายเพียงยิ้มให้กัน

    จะหาได้จากไหนอีกในเกาหลี เพื่อนชาวไทยที่คอยเล่นด้วยกันตลอด คนที่คอยให้กำลังใจกันยามท้อ คนที่อยู่กับเขาได้ตลอดเวลา คนที่ขี้อ้อนแต่ไม่เคยรู้ตัว คนตัวเล็กที่อยากจะมีคาริสม่าแบบผู้ใหญ่ทั้งๆที่ไม่ใช่ทางของตัวเอง เพื่อนแบบนี้น่ะ...

    มีแค่ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล แบมแบมนะครับผม คนเดียวเท่านั้นแหละ

     

    จะหาได้จากที่ไหนอีก เพื่อนชาวเกาหลีตัวใหญ่ คนที่คอยตามใจเขาตลอดเวลา คนที่คอยดูแลเขามาตลอด คนที่เป็นห่วงเขาในทุกๆเรื่อง คนที่เขาชี้นกแล้วบอกว่าเป็นไม้ มันก็บอกว่าเป็นไม้ คนที่ชี้ไม้เป็นท่อนซุง มันก็บอกว่าเป็นท่อนซุง เพื่อนน่ารักๆแบบนี้น่ะ...

    ต้องคิมยูคยอมคนเดียวเท่านั้นแหละนะ

     

     

    "สรุปแล้วเป็นเพราะเดินชนกับคนอื่น โทรศัพท์เลยตกแล้วเครื่องดับไปสินะ"ร่างสูงทั้งสองเดินเอื่อยๆเคียงข้างกันไปตามถนน พูดคุยกันเบาๆไปตามประสา

    "อื้อ ส่วนเรื่องเมสเสจที่ส่งหามาร์คฮยอง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงรวนมั้ง"ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะตีแขนคนข้างกายเบาๆเป็นการสะกิด

                 "นี่ ยูคยอม ถ้าพรุ่งนี้นายไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับเพื่อน งั้นวันอาทิตย์นายต้องไปเมียงดงกับฉันตามสัญญานะ!"

    "ไปพรุ่งนี้เลยก็ได้"

     

    "ทำไมล่ะ"

    "ก็ที่ฉันยกเลิกนัดกับเพื่อนเป็นเพราะเพื่อนฉันมันไม่ว่างแล้วต่างหากล่ะ ไม่ใช่เพราะไม่มีสเก็ตบอร์ดซะหน่อย"ว่าก่อนจะหัวเราะร่า คนข้างกายหันมามองตาโต แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาด้วย

    เอาเถอะ แค่ได้คืนดีกันก็พอแล้ว

    "สรุปคือฉันคิดไปเองว่างั้นเถอะ อุตส่าห์ถ่อไปซะไกลมืดๆค่ำๆ"

    "เออ จริงสิ ยังไม่ได้โทรบอกพวกฮยองเลย!"ยูคยอมนึกได้ด้วยความตกใจก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก แต่กลับถูกขัดด้วยคนตัวเล็กที่แย่งมือถือไปไว้ในมือด้วยท่าทีตื่นๆ

    "เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งโทร นายบอกว่าพวกฮยองหัวเสียมากเลยไม่ใช่หรอ นี่ดีนะที่พวกนายโทรหาเมเนเจอร์ฮยองไม่ติด แต่นายช่วยฉันคิดก่อนสิว่าจะทำยังไงไม่ให้ถูกแจบอมฮยองทำโทษ!"

    "หยุดความคิดแบบนั้นไปเลยนะไอ้ตัวยุ่ง"

    น้ำเสียงนิ่งๆ แต่ไม่ใช่ของคิมยูคยอมดังขึ้นจากทางหลัง ทั้งสองคนชะงักนิ่ง ค่อยๆหันหลังกลับไป แล้วแบมแบมก็ต้องเบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน

    แจบอมฮยอง!
     

    และคนอื่นๆเขากำลังกลัวกลับอยู่ที่นี่กันครบองค์ประชุม!

    แล้วท่าทางของแต่ละคนก็ดูไม่แฮปปี้เลยสักนิด

     

    "ฮยอง! ผมเจอแบมแบมแล้วล่ะ นี่แบมแบมไปซื้อไอ้นี่มาให้ผมด้วยล่ะ ดูสิๆ"ยูคยอมผู้ซึ่งไม่รู้ความซวยของเพื่อนอวดของใหม่ด้วยความตื่นเต้นจนตาเหลืออยู่ขีดเดียว แล้วหยิบสเก็ตบอร์ดที่ได้ออกมาโชว์

    แต่คนอื่นกลับไม่มีท่าทีตื่นเต้นด้วยสักนิด

    "พวกเรารู้เรื่องทั้งหมดแล้วล่ะน่า"มาร์คว่า

    "ฮยองรู้ได้ไง"แบมแบมที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจถามออกมา

    "ก็พวกเราอยู่กับพวกนายตั้งแต่นายให้ของยูคยอมนั่นล่ะ ว่าอะไรนะฮยอง ถึงคิมยูคยอม…"ยองแจตอบก่อนจะเอ่ยถึงจดหมายแล้วทำท่าเห็นไปถามจินยอง

    จินยองยิ้มขำก่อนจะร่วมรับมุกด้วย

    "คิมยูคยอมเพื่อนรัก ฉันขอโทษสำหรับเรื่องเลวร้ายที่ฉันได้กระทำลงไป"แส้รงพูดด้วยท่าทีสะอึกสะอื้นแต่ก็พูดเบรคด้วยเสียงห้ามจากแจ็คสันที่ทำหน้าจริงจัง

    "นายอย่าไปล้อแบมแบมสิ"ประโยคแรกว่าด้วยท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะหันมาพูดกับแบมแบม"หวังว่านายจะยกโทษให้พี่ชายงี่เง่าคนนี้ของนายด้วยนะแบ่มแบ๊มมมม"ว่าเสร็จก็หัวเราะลั่นที่ล้อน้องชายสำเร็จ

     

    "ผมไม่ได้เขียนแบบนั้นซะหน่อย!!"

    ทุกคนหัวเราะลั่นกับท่าทีโวยวายกึ่งเขินอายของเด็กหนุ่ม ก่อนที่อิมแจบอมจะพยายามกลั้นเสียงหัวเราะแล้วพูดกับแบมแบม

    "เมื่อกี๊นี้"เกริ่นขึ้นเรียบๆ"เมเนเจอร์ฮยองกลับมาโทรมา"

    แบมแบมเบิกตากว้างทำหน้าประหลาด

    "แต่ฮยองบอกเมเนเจอร์ไปแค่ว่าโทรผิด แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจโทรกลับไปอีกรอบดีหรือเปล่านี่สิ"ว่าแล้วก็ทำท่าจะหยิบมือถือขึ้นมา ร้อนถึงคนมีชนักติดหลังต้องรีบกระโดเข้าหาพี่ชายที่ควบตำแหน่งผู้กุมชะตากรรมชีวิตของเขาไว้

     

    "ฮยองๆ ไม่เอานะ ไม่เอา อย่าโทรเลย ผมขอร้องล่ะ น้าๆ น้าฮยอง~!!"ขอร้องอ้อนวอนพรางเกาะแขนเกาะไหล่ของลีดเดอร์ไม่หยุด ถูหน้ากับต้นแขนบ้างนวดไหล่บ้าง เป็นท่าทีที่ใครมาเห็นคงต้องหัวเราะให้กับเด็กคนนี้

    บอกไม่ถูกเลยว่าดีใจขนาดไหนที่เห็นเด็กคนนี้ปลอดภัย ไอโกรธมันก็โกรธที่อยู่ๆก็หายไปแบบไม่บอกไม่กล่าว ถ้าไม่นับรวมที่ส่งข้อความประหลาดนั่นมาอ่ะนะ พวกเขารู้ว่าแบมแบมรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้แม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยปากโทษเจ้าตัวก็ตาม และพอรู้ว่าที่หายไปนั้นเพราะอยากจะไปซื้อของมาคืนเพื่อให้จบเรื่องราวที่ตนก่อขึ้น ถึงแม้เจ้าตัวเกือบจะสร้างเรื่องขึ้นมาอีกเรื่องก็ตาม พวกเขากลับโกรธไม่ลงยังไงชอบกล

    แค่กลับมาปลอดภัย กลับมาอยู่ด้วยกันเจ็ดคน เดินไปด้วยกันจนสิ้นสุดเส้นทาง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...


    เด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนพากันเดินกลับหอที่อยู่อีกไม่ไกลนี้ มีแต่เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังไปตลอดทาง 

    จะมีใครสังเกตุบ้างหรือเปล่า ว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนของโซลที่ปกติจะไร้แสงดาว คืนนี้กลับมีดาวดวงน้อยๆเจ็ดดวงที่ฉายแสงอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดแข่งกับแสงไฟนีออนนับล้านเบื้องล่าง

    ดวงดาวทั้งเจ็ดของชาว I GOT 7…


    [END]


     



    WE WILL WALK ALONG TOGETHER TILL THE END OF ROAD...

     

     

    คุยกันหน่อยน้า

    ครุคริ จบไปอีกตอน ตอนนี้รีบแต่ง ไม่อยากดอง ถ้าสงสัยว่าภาษาอาจจะแปลกไปบ้างก็ให้อภัยเราแบบที่ยูคกับแบมให้อภัยซึ่งกันและกันเน๊าะ 5555 ดวงดาวของชาวไอก็อตเซ่เว่น เสี่ยวมาก เย่ๆ 5555 ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจิเซดแล้ว ไหนๆได้ชื่อมาก็ขอเอาเข้ามาแจมหน่อย 5555

    สนุกม๊ายง่าาา ถ้าชอบก็เม้น ถ้าสนุกก็บอกต่อเพื่อนข้างบ้านด้วยน้า5555

    /กรี๊ดๆ ฟิคนี้แหล่มมากเลยแกร อ่านสิๆ *สะกิดๆ/<<< เรากำลังมโนแหละเธอ ถถถถ

    แก้ไข 26/10/60

    เม้นวันละนิด จิตแจ่มใส

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×