คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF BROMANCE] FRIEND 2
FRIEND 2
[BROMANCE]
ร่างโปร่งนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น แผ่นหลังพิงขอบเตียง ใบหน้าซุกลงในอ้อมแขนของตน ตอนนี้เขารู้สึกสับสน ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ ความรู้สึกมากมายตีกันไปหมด ย้อนนึกถึงตอนแรกที่เขาออกมาจากสตูดิโอและรู้ว่าคนที่เขาเป็นห่วงนักหนาออกมาก่อนหน้าเขาแล้ว แวบแรกที่รู้สึกเลยคือความโล่งใจที่อีกคนไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกต่อมาคือความน้อยใจ…
น้อยใจที่อีกคนทิ้งเขาไว้ในนั้นคนเดียว
ถึงจะเข้าใจเหตุผลและรับรู้ได้ว่ายูคยอมเสียใจที่ปล่อยเขาไว้ แต่เพราะตอนที่อยู่ในสตูดิโอ เขากลัวมาก กลัวมากจริงๆ มันเลยเป็นความรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง ทำให้อดที่จะรู้สึกงอนไม่ได้ ทั้งๆที่เข้าใจเหตุผล
รู้…ว่าหมอนั่นงอน ที่ขอโทษเขามาเท่าไหร่ แต่กลับได้รับเพียงความเงียบเป็นการตอบแทน แต่ตอนนั้นเขาก็งอนอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งมางอนกลับแบบนี้ เลยกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกันจริงๆเสียเลย พอวันต่อๆมา อารมณ์งอนและน้อยใจของเขามันหายไปเกือบจะหมด แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยกับอีกฝ่ายอย่างไร ทำให้สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกันตรงๆเสียที
จนกระทั่งได้ยินว่ายูคยอมจะไปเล่นสเก็ตบอร์ดกับเพื่อน…
ความรู้สึกน้อยใจมันกลับมาอีกครั้ง…
ทั้งๆที่คุยกันไว้แล้ว นัดกันไว้แล้ว แต่กลับบอกว่าจะไปหาเพื่อนเก่า คิดแบบนี้ยิ่งอดที่จะน้อยใจมากขึ้นไปอีกไม่ได้ แต่เขาสาบานได้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจทำสเก็ตบอร์ดนั้นพังเลยแม้แต่น้อย!
แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขาตั้งใจไปเสียแล้ว
แล้วยังตวาดเขาซะขนาดนั้น บอกตรงๆว่าไม่ชอบเลย ยูคยอมที่ปกติจะคอยตามใจเขาเกือบตลอด คนที่คอยพูดคุยหัวเราะ เล่นกับเขา คอยอยู่ข้างเขา วันนี้กลับตวาดเขาเสียงดัง โมโหเขาซะจนน้ำตาคลอ เพียงเพราะเขาทำสเก็ตบอร์ดพัง
สเก็ตบอร์ดที่จะเอาไปเล่นกับเพื่อนเก่าในวันเสาร์นี้
เพื่อนเก่าที่แสนสำคัญ…
ตลกชะมัด
กลายเป็นว่าตอนนี้เขางอนเรื่องยูคยอมจะไปหาเพื่อนเก่ามากกว่าซะแล้ว ถึงจะคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่น้ำตากลับไหลไม่หยุดซะงั้น
ก็เขาไม่ได้อยากจะทะเลาะกับยูคยอมเลยนี่นา…
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มผมสีเทาประกาย
“ฮยองเข้าไปนะแบมแบม”
โดยไม่รอคำตอบ แจบอมเดินเข้ามาแล้วจัดการปิดประตู ก่อนจะลงมานั่งขัดสมาธิข้างเด็กหนุ่มชาวไทย
เขามองแบมแบมที่นั่งกอดเข่าซุกหน้าลงในอ้อมแขน ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา จึงเขยิบเข้าไปชิดแล้วโอบแขนรอบตัวอีกฝ่ายแล้วลูบหลังให้เบาๆ ตอนนี้เขาคิดว่าถึงเวลาที่จะมาคุยให้รู้เรื่องแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์อยู่กับตัวเองคนเดียวมาพักใหญ่
“เป็นไง พร้อมจะคุยบ้างหรือยัง”แจบอมถามเสียงนุ่ม เขาไม่อยากให้แบมแบมคิดไปว่าเขาเข้ามาเพื่อที่จะดุอีกฝ่าย โดยปกติเขาก็เป็นคนพูดตรงๆ แต่ในกรณีแบบนี้มันเป็นเรื่องของความรู้สึกของเด็กๆ ทั้งสองฝ่ายเป็นมักเน่ แถมตอนนี้ยังอารมณ์อ่อนไหวกันมากด้วย
อืม จะว่าไป มันก็เรื่องเด็กน้อยทะเลาะกันนั่นล่ะนะ
แจบอมจึงเลือกที่จะใช้หน้าที่ของพี่ชายเข้ามาจัดการเรื่องนี้แทนที่จะเป็นหน้าที่ของลีดเดอร์
เด็กผู้ชายอยู่ด้วยกัน มันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างอยู่แล้ว แต่มันออกจะน่าแปลกสักหน่อยที่เป็นยูคยอมกับแบมแบม ปกติเวลาอยู่ด้วยกันจะเห็นคุยกันคิกคัก เล่นหยอกกันอยู่สองคน มันก็มีบ้างที่ทั้งคู่งอนกัน แต่ก็งอนกันแบบไม่จริงจัง ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาคุยกันแล้ว ทำให้ครั้งนี้นึกไม่ถึงเลยว่าพอทะเลาะกันจะรุนแรงได้ขนาดนี้
“หืม ว่าไง พร้อมคุยหรือยัง”เขาถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มขยับตัว เงยหน้าขึ้น แบมแบมปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วถูๆก่อนจะซบหน้าลงกับเข่าโดยหันหน้ามาสบตากับลีดเดอร์
ดวงตาคู่โต บวมและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา จมูกโด่งรั้นแดงจากการถูกขยี้ แก้มตุ่ยๆสองข้างก็มีแต่คราบน้ำตา
แจบอมมองก่อนจะยิ้มขำออกมาแล้วสวมกอดคนในอ้อมแขนแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วเอ่ยล้อ
“หมดสภาพเลยดิ”ว่าแล้วก็หัวเราะก่อนจะขยี้ศรีษะทุยเล่น
“อื้อ”แบมแบมส่งเสียงค้านในรำคอเบาๆแล้วเขยิบศรีษะหนี แต่ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ พร้อมกับการปรากฏตัวของจินยอง
“เป็นไงบ้างฮยอง”จินยองกระซิบถามเสียงเบาแล้วจัดการปิดประตูห้อง พยักเพยิดไปทางรองมักเน่ที่นั่งกอดเข่าซุกหน้าลงในอ้อมแขนตัวเอง
แจบอมส่ายหน้าก่อนจะจงใจพูดเสียงดังตอบกลับเป็นเชิงล้อเลียน
“ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย สงสัยต้องเอาแจกันมาให้ขว้างเล่นอีกสักใบ”
“ฮยอง!”แบมแบมเงยหน้าขวับ ร้องค้านเสียงหลง
จินยองกับแจบอมหัวเราะขำ ก่อนที่จินยองจะเดินลงมานั่งข้างแบมแบมอีกด้านนึงแล้วเอ่ยถาม
“อารมณ์เย็นลงแล้วใช่มั๊ย”
แบมแบมไม่ตอบ ทำเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
“เล่าให้ฮยองฟังหน่อยได้มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วคิดอะไรอยู่”แจบอมถาม
ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่แบมแบมจะพยักหน้าและเริ่มเกริ่นเรื่องราวของตนออกมา ทั้งเรื่องในสตูดิโอ ทั้งเรื่องสเก็ตบอร์ด รวมถึงความคิดและความรู้สึกทั้งหมดของตน คนอายุมากว่าทั้งสองตั้งใจฟังเงียบๆและได้ข้อสรุปตรงกัน
มันก็เรื่องเด็กงอนกันจริงๆนั่นแหละนะ
ทั้งสองคนลอบยิ้ม
เจ้าเด็กนี่จะรู้มั๊ยนะว่า…
ยิ่งเป็นคนสำคัญมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตั้งความหวังกับคนๆนั้นไว้มากโดยที่เราไม่รู้ตัว เวลาอีกฝ่ายทำอะไร ก็จะส่งผลมากกว่าคนอื่น
“สรุปแล้ว นายเข้าใจเหตุผลของยูคยอมเรื่องสตูดิโอใช่มั๊ย”จินยองประมวลเรื่องราวแล้วเลิกคิ้วถามย้ำ
แบมแบมพยักหน้า
“แล้วยังโกรธเรื่องนี้อยู่มั๊ย”แจบอมถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าปอยๆจึงถามต่อ “แล้ว…?”
แบมแบมขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากอย่างคนมีเรื่องในใจแต่ไม่ยอมพูดออกมา
“เอาจริงๆคือตอนนี้งอนเรื่องยูคยอมผิดนัดวันเสาร์นี้ใช่มั๊ย”จินยองถามออกมาตรงๆ แล้วยิ้มรอฟังคำตอบ
แบมแบมได้ยินดังนั้นยิ่งกัดริมฝีมากตนเองแน่น ปากเบะ คิ้วขมวด อดรู้สึกเสียฟอร์มไม่ได้ที่โดนจับได้ว่าโตขนาดนี้แล้วยังงอนเพื่อนเป็นเด็กๆ
“ฮยอง ยูคยอมมันตวาดผมด้วย ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยเล่า ก็ผมบอกแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ มันก็คิดเป็นตุเป็นตะไปไกลว่าผมตั้งใจทำ!”แม้จะยังทำหน้าบึ้งแต่พอถูกจับได้ก็รีบฟ้องโวยวายแก้เก้อออกมาทั้งหมด
“โอ ใจเย็นก่อนๆ โอ๋ๆ”จินยองยิ้มขำก่อนจะดึงคนตัวเล็กกว่ามาซุกที่หน้าอกแล้วกอดปลอบลูบหน้าลูบหลัง ลูบศรีษะทุยเบาๆ ก่อนจะผละออก
“ว่าแต่นายพูดคำว่าเป็นตุเป็นตะ…”จินยองเกริ่น อีกสองคนรอฟังนิ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
“นาย…พูดศัพท์เกาหลียากๆขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”ว่าจบทั้งอิมแจบอมและปาร์คจินยองก็พาหัวเราะลั่น
“ฮยอง!”
แบมแบมโวยแล้วผลักจินยองออก
“โอเคๆ ฮยองไม่เล่นแล้ว ก็ไม่อยากให้เครียดนี่นา”คนหยอกพูดยิ้มๆ
“ผมก็ไม่ได้เครียดซะหน่อย”คนไม่เครียดแย้งนิ่งๆ คิ้วขมวดมุ่น ปากแดงเม้มแน่น แขนเรียวยกขึ้นกอดอก หลังเอนพิงข้างเตียง ใบหน้าเรียวเล็กเชิดขึ้นอย่างคนไม่ยอมรับ
ท่าทางของเด็กหนุ่มน่าหมั่นไส้ซะจนเมมเบอร์อีกสองคนทนไม่ไหว อิมแจบอมยกมือขึ้นบีบจมูกน้อยๆของเมมเบอร์ชาวไทยแล้วส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“โอยยย ฮยองทำอะไรเนี่ย ผมเจ็บนะ”แบมแบมร้องเสียงหลง
ต่อด้วยจินยองที่ดึงสองแก้มตุ่ยๆของน้องชายเสียยืดยาว
“ไม่เครียดแล้วคราบน้ำตาเต็มหน้านี่อะไรฮะ”ว่าไปมือก็ยังคงดึงสองแก้มตุ่ย จนแบมแบมร้องโอดโอยหลงเสียงอยู่สักพักจึงยอมปล่อยไป
“นายนี่บทจะเด็กก็เด็กจริงๆเลยนะ”แจบอมว่าพรางส่ายหน้าปลงๆ
แบมแบมอยากจะเอ่ยค้านแต่ก็กลัวรุ่นพี่ทั้งสองจะจับตัวเองแยกร่างเสียก่อน จึงได้แต่นั่งเงียบๆ จับแก้มตัวเองที่ถูกยืดปอยๆ
แบมแบมถอนหายใจเล็กน้อย
“ฮยอง ถึงยูคยอมมันจะตวาดใส่ผมขนาดไหน แต่ผมรู้ ว่ายังไงผมก็ผิดที่ทำสเก็ตบอร์ดพัง”เว้นช่องว่างไว้เล็กน้อย “ถ้าผมไม่หงุดหงิดใส่อารมณ์ เดินไปหยิบมือถือดีๆ เรื่องก็คงไม่แย่ขนาดนี้ ผมขอโทษ”แบมแบมพูดออกมาด้วยท่าทีหงอยๆ
เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมมเบอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก มันจะส่งผลกระทบต่อทั้งวง ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน แต่รวมทั้งคนอื่นๆอีกห้าคนที่เหลือด้วย
“ฮยองเข้าใจแบมแบมนะ ดีใจที่นายรู้ตัวว่านายก็มีส่วนผิด ส่วนตรงส่วนที่หมอนั่นเป็นฝ่ายผิด มันก็อยู่ที่ว่านายจะยกโทษให้ได้ไหม หรือจะถือมาเป็นเรื่องจนยอมให้กันไม่ได้ เรื่องนี้ฮยองอยากให้นายคิดเอาเองว่าระหว่างทิฐิกับมิตรภาพของพวกนาย เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน นายเข้าใจที่ฮยองพูดใช่มั๊ย”แจบอมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับ ผมเข้าใจ”ตอบรับด้วยท่าทีเศร้าสร้อย น้ำตาเริ่มกลับมาคลอในหน่วยตา จนคนเป็นพี่ทั้งสองต้องรีบปลอบ
“เฮ้ อะไรกัน ไหนบอกว่าตัวเองโตตัวเองเท่ มีคาริสม่า ไหงวันนี้ถึงบ่อน้ำตาตื้นขนาดนี้เล่า”ลีดเดอร์หยอกเย้าด้วยท่าทีกวนๆ
“ฮยองอย่าแหย่แบมแบมซี่ เดี๋ยวหมอนี่จับแจกันฟาดปากฮยองจะทำยังไง~”ปาร์คจินยองช่วยเสริมหวังช่วยคลี่คลายสถานการ์ให้ดีขึ้น
“ฮยอง!”เป็นอีกครั้งที่แบมแบมต้องร้องค้านฮยองทั้งสอง ปากเริ่มเบะ ทำท่าจะร้องหนักยิ่งกว่าเก่า
แจบอมและจินยองหัวเราะลั่นก่อนโอบไหล่แล้วลูบหลังปลอบเบาๆ
“เอาน่า ทะเลาะกันได้ ก็ดีกันได้”
“ยังไงล่ะฮยอง?”
“จะไปยากอะไร รู้ตัวว่าผิดก็ไปขอโทษสิ”จินยองพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
แบมแบมเหวอไปชั่วครู่ ก่อนจะทำท่าคิดหนัก
อันที่จริงเรื่องนี้เขาก็คิดไว้แล้วว่าคงต้องไปขอโทษ แต่พอจะไปทำจริงๆมันก็อดรู้สึกเสียเซล์ฟไม่ได้ ก็หมอนั่นเล่นตวาดเขาซะขนาดนั้น ทะเลาะกันซะใหญ่โต อยู่ๆจะให้ไปขอโทษ…
ระหว่างทิฐิกับมิตรภาพของพวกนาย เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน…
ดูเหมือนยังไงก็คงไม่พ้นต้องไปขอโทษจริงๆนั่นล่ะนะ
แต่…
“ถ้าหมอนั่นเกลียดผมจนไม่ยอมพูดด้วยล่ะ”
“ยูคยอมมันขี้ใจอ่อน ยังไงก็น่าจะหายโกรธ”จินยองว่า แจบอมพยักหน้าเห็นด้วย
“อื้อ ฮยองก็คิดเหมือนกัน ขอโทษด้วยความจริงใจ ยังไงก็ได้ผลน่า”
แบมแบมพยักหน้ารับช้าๆ สีหน้ายังดูเคร่งเครียด
แล้วถ้าเกิดเขาขอโทษเท่าไหร่ ยูคยอมก็ยังไม่ยกโทษให้เขาล่ะ ถ้าเกิดทำยังไงก็ไม่ยอมคุยกับเขาล่ะ…
โอ๊ยยย แค่คิดแบมแบมก็กลุ้มใจ
“ฮยองงง”แบมแบมเบะปาก ทำหน้างอ ร้องเสียงยานคางก่อนจะอ้าแขนกอดฮยองทั้งสองคนแล้วเอาตัวซุกเข้าหาด้วยท่าทางออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว
การกระทำที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งสองได้ดี
ก็นานๆทีรองมักเน่ของพวกเขาถึงจะทำตัวมุ้งมิ้งออกมาตอนไม่ได้อยู่ต่อหน้าแฟนคลับนี่นา ไม่ใช่วันๆก็ร้องอยากจะมีคาริสม่า อยากจะแฮนซั่ม ต้องแบบนี้สิ ถึงจะสมเป็นมักเน่ไลน์!
เสียงเปิดประตูพร้อมกับคู่หูเจเจ โปรเจ็คที่พากันออกมาจากห้องของมาร์คและแจ็คสันหลังเข้าไปคุยไปเมมเบอร์ชาวไทย
“เป็นไงบ้างฮยอง”ยองแจเอ่ยถามทันทีที่แจบอมเป็นประตูห้องลง
“ก็โอเคอยู่ แบมแบมก็เข้าใจ หมอนั่นไม่ได้ตั้งใจจะทำพังสเก็ตบอร์ดพังหรอก”จินยองตอบก่อนจะพากันนั่งลงที่โซฟาที่ยองแจ มาร์คและแจ็คสันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เรื่องนั้นน่ะฉันรู้หรอกน่า แต่ที่อยากรู้คือทำไมแบมแบมมันถึงทำปึงปังขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ก็ดูหงุดหงิดอยู่ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร”คำบอกเล่าของแจ็คสันที่ทำให้อิมแจบอมและปาร์คจินยองหันหน้าสมตากันแล้วพากันยิ้มขำ ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ไปคุยกับแบมแบมให้ฟังทั้งหมด
เล่าไปก็อดที่จะขำไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าสถานการณ์มันควรจะซีเรียสแต่ทุกคนกลับฟังเรื่องราวของรองมักเน่พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้า
แม้จะถูกแยกจากครอบครัวมาอยู่ในที่ไม่คุ้ยเคยตั้งแต่เด็ก ทำให้แบมแบมมีมุมมองและความคิดของผู้ใหญ่อยู่บ้างทั้งที่ยังเด็ก แต่มันก็มีบ้างที่แบมแบมจะมีโมเม้นต์ออดอ้อนออกมาให้เห็นเรื่อยๆโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ แต่ฟังจากครั้งนี้แล้ว ทั้งการกระทำ ทั้งความคิด ความรู้สึก พวกเขาคงพูดได้เป็นเสียงเดียวว่า
“หึ เด็กชะมัด”มาร์คหัวเราะในรำคอก่อนรอยยิ้มกว้างจะระบายเต็มใบหน้า
“ก็ยังเด็กอยู่นิดหน่อยละนะ”แจบอมกล่าวสมทบแล้วขำ ก่อนถามต่อ“เออจริงสิ ทางพวกนายเป็นไงบ้างล่ะ”
คำถามส่งตรงจากลีดเดอร์ทำเอามาร์ค แจ็คสัน ยองแจหุบยิ้มแทบไม่ทัน รอยยิ้มกว้างหายไปจากใบหน้าทั้งสามคน พร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดที่เริ่มปรากฏขึ้น ทำเอาคนรอฟังคำตอบทั้งสองเริ่มใจเสีย
“อะไร อะไรๆๆๆ ทำไมพวกนายทำหน้าแบบนั้น ยูคยอมเป็นอะไร หมอนั่นทำอะไร เกิดอะไรขึ้น”จินยองรัวคำถามใส่
สามคนที่เหลือหันหน้าสบตากัน ก่อนที่มาร์คจะพูดออกมาคนแรก
“หนักเอาการอยู่”ประโยคสั้นๆของพี่ใหญ่ที่ทำเอาอีกหลายคนใจหาย
“หมอนั่นเป็นอะไร”แจบอมถามน้ำเสียงเครียด รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเช่นกัน
“ดื้อเงียบ พอโมโหแล้วไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะไม่อาละวาด ทำทีเป็นว่าฟังแต่ไม่ได้มีอะไรเข้ารูหูเลยสักนิด”แจ็คสันสาธยายถึงมักเน่ที่ตอนนี้ยังคงเก็บตัวอยู่ในห้อง
หลังจากแยกทั้งสองคนออกจากกันได้ แจ็คสันพาแบมแบมไปไว้ที่ห้องของตัวเขาเอง ส่วนมาร์คก็จับแยกยูคยอมไปไว้ที่ห้องนอนของเจ้าตัว หลังจากปล่อยให้ทั้งสองคนแยกกันสงบสติอารมณ์อยู่คนละห้อง แจบอมและจินยองรับอาสามาคุยกับแบมแบมโดยให้อีกสามคนที่เหลือจัดการในส่วนของยูคยอมไป
ทางด้านแบมแบมนั้นดูท่าจะประสบความสำเร็จดีอยู่ แต่ดูแล้วทางส่วนของยูคยอม คงยังหนักเอาการ…
ทั้งสามคนเล่าให้จินยองกับแจบอมว่าได้พูดคุยกับยูคยอมอย่างไรบ้าง และเจ้าตัวมีท่าทียังไง ยูคยอมที่ดังมีอาการโมโหอยู่ลึกๆยังปักใจเชื่อว่าแบมแบมตั้งใจทำสเก็ตบอร์ดของตนพังเพราะยังโกรธเรื่องสตูดิโออยู่ รวมถึงเรื่องที่เขาผิดนัดวันเสาร์นี้ด้วย…
ยองแจเล่าว่ายูคยอมไม่ได้ลืมนัดครั้งนั้น แต่ด้วยความที่คิดว่าแบมแบมยังโกรธตนเองอยู่ จึงคิดว่าแบมแบมคงไม่อยากไปเที่ยวกับเขาแล้ว และตกลงรับปากคำชวนของเพื่อนเก่าไปแทน
“อาา อะไรกันวะเด็กพวกนี้”แจบอมครางออกมาก่อนจะถอดหมวกแล้วขยี้ผมของตน ท่าทางหนักใจไม่น้อย
คอยดูนะ ถ้าดีกันเมื่อไหร่จะจับลงโทษให้จำไปยันแก่เลย!
“แล้วดูใจอ่อนบ้างมั๊ย”จินยองเลิกคิ้วถาม ท่าทางเครียดไม่ต่างกัน
แจ็คสันนิ่งคิด
“อืมม ไม่รู้สิ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็…ไม่ แต่คงต้องรอให้ใจเย็นกว่านี้ก่อนล่ะมั้ง เดี๋ยวก็คงใจอ่อน”
คำพูดที่ทุกคนได้แต่พยักหน้าแกนๆอย่างจนความคิดต้องรอดูต่อว่าแบมแบมจะง้อรูมเมทของเจ้าตัวอย่างไร
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ภาพที่สมาชิกgot7จะเห็นตลอดเวลาคือ ภาพที่เด็กหนุ่มตัวเล็กคอยตามง้อ ตามขอโทษเพื่อนตัวโตของเขา เหมือนมีคนกดเล่นหนังซ้ำอีกรอบ อีกคนตามง้อ อีกคนเมินใส่ แต่ครั้งนี้ค่อนข้างจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ครั้งก่อนแบมแบมเป็นฝ่ายเมินยูคยอมแต่ครั้งนี้กลับต้องมาเป็นฝ่ายตามง้อ และยูคยอมที่คอยตามง้อ กลับนิ่งเฉยใส่เพื่อนตัวเล็กแทน
"ยูคยอม กินขนมอันนี้มั๊ย มีแฟนคลับเอามาให้ อร่อยมากเลยนะ!"
"ยูคยอมร้อนมั๊ย อ่ะนี่น้ำ"
"ยูคยอมชี่ มานั่งตรงนี้สิ ตรงนี้เย็นนะ"
ทั้งลูกล่อลูกชนอีกสารพัดที่คนเห็นไม่รู้ว่าจะส่ายหน้าระอาหรือยิ้มขำดี
ก็วิธีการง้อมันเด็กซะขนาดนี้...
แต่ถึงจะเอาใจใส่ขนาดไหน อีกคนกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ยังคงตีหน้ามึนทำตัวนิ่งใส่ได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
ภายในห้องพักรับรองของบริษัท got7ที่มีตารางเข้าบริษัทต่างพากันนั่งกระจัดกระจายทำกิจกรรมของตนเองไป ร่างโปร่งผมสองสีเดินด้วยท่าทีเอื่อยๆไปยังโซฟาริมห้อง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีที่หมดแรง
ยองแจที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นจากไอแพดในมือ หันมองน้องชายร่วมวงที่นั่งพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางหงอยๆ มือบางถือซองขนมอยู่ในมือ ก่อนจะฉีกซองออกแล้วหยิบขนมใส่ปากด้วยท่าทีนอยๆ
"เออ แกไม่กิน ฉันกินเองก็ได้เว่ย"บ่นงึมงำเบาๆแล้วยัดขนมเข้าปากอีกชิ้น
ยองแจลอบยิ้มขำกับท่าทีของคนข้างกาย
ดูก็รู้ว่าคงไปตามง้อยูคยอมโดยใช้ขนมเข้าล่อ แล้วก็คงถูกเมินใส่มาอีกสินะ
"เหนื่อยแล้วรึไง"อดเอ่ยปากแซวไม่ได้
แบมแบมหันมาทางคนแซวก่อนจะยอมรับออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง
"เหนื่อยมาก"คำตอบที่ยองแจต้องหัวเราะลั่นแล้วแหย่เสริมเข้าไปอีก
"ตอนยูคยอมมันตามขอโทษนาย มันก็เป็นแบบนี้แหละ"ว่าแล้วก็หัวเราะอีกจนแบมแบมเบ้หน้าใส่ ท่าทีบอกถึงความงอนเต็มพิกัดนั่นแหละ เขาถึงได้ยอมหยุดหัวเราะ
"อ่ะๆ ฮยองไม่แซวละ แล้วเป็นไง หมอนั่นยอมพูดด้วยสักประโยครึยัง"
"แค่หางตายังไม่ยอมจะเหลือบมองมาที่ผมเลยด้วยซ้ำ"ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกท้อจนเผลอแสดงออกทางสีหน้าและน้ำเสียง
ยองแจเห็นท่าทีแบบนี้แล้วก็รู้สึกสงสารจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เคลียกันเอง
"นายก็รอให้ยูคยอมใจเย็นกว่านี้อีกสักหน่อยสิ"
"นั่นยังไม่เย็นอีกเหรอฮยอง"ว่าพรางเบนสายตาไปมองผู้ที่ถูกกล่าวถึงที่กำลังเล่นหัวเราะร่าเริงสนุกสนานอยู่กับแจ็คสันและเจบี ไม่เหลือเค้าของความเมินเฉยที่แสดงออกมาเวลาอยู่กับเขาเลยสักนิด
ทั้งๆที่เขาพยายามรวบรวมความกล้าตามง้อตามขอโทษและพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่เหมือนพูดไปแล้วกลายเป็นเพียงสายลมพัดผ่านใส่หูซ้ายทะลุออกหูขวาเท่านั้น เมื่อคืนก่อนนั้นพอเขากลับไปที่ห้อง ยูคยอมก็หนีออกไปนอนห้องจูเนียร์ ตลอดวันสองวันที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ เขาตามง้อยูคยอมไม่หยุด แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบ...
ก็ทำเค้าไว้เยอะหนิ จะโดนกลับก็คงไม่แปลก
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
เอาจริงๆเห็นเขาเดินหน้าง้อเต็มกำลังขนาดนี้แต่เขาก็ท้อไม่น้อยที่อีกฝ่ายเฉยเมยใส่เขามาขนาดนี้ อยากจะเลิกง้อ แล้วตะโกนด่าแถมด้วยเตะก้นมันสักทีสองทีแทน แต่พอนึกถึงคำที่ลีดเดอร์ของเขาเคยพูดไว้
ระหว่างทิฐิกับมิตรภาพของพวกนาย เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน
ประโยคนี้ทำให้เขายังคงฝืนเดินหน้าง้อต่อไป
แล้วสำหรับนายล่ะยูคยอม จะเลือกอะไร
ทิฐิของนาย หรือ มิตรภาพของเรา...
อยู่ๆเขาก็รู้สึกถึงแรงกดที่ไหล่ ยองแจโอบรอบคอแบมแบมแล้วดึงเด็กหนุ่มเอนเข้าหาตัวเขา ก่อนจะกดศรีษะทุยลงพิงที่ไหล่แล้วทำทีเป็นลูบเบาๆเลียนแบบท่าทางทีเคยเห็นจินยองชอบทำบ่อยๆ
"ไม่เอาไม่ร้อง คนอยากจะเท่ที่ไหนเขาร้องไห้แงเพราะทะเลาะกับเพื่อนกันฮะ"พูดปลอบเชิงกระเซ้าจนเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้ ก่อนจะแก้ตัวยิ้มๆ
"ผมไม่ได้ร้องซะหน่อย"
"แบมแบม ไปได้แล้ว"เสียงเรียกจากลีดเดอร์ที่เปิดประตูห้องเข้ามาตามเขา
วันนี้วันศุกร์ เป็นวันที่พวกเขาได้หยุดพักผ่อน จะไปไหนก็ได้โดยไม่มีเมเนเจอร์คอยติดตาม พวกเขาเลยจะไปหาข้าวกลางวันทานกันในระแวกใกล้ๆหอพักนี้
"คร้าบ"ร่างโปร่งตอบรับเสียงยานคางก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมมาใส่ทับ หยิบหมวกใบเท่ขึ้นสวม แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์เดินตามแจบอมไป
ระหว่างทางก็มีแฟนๆที่จำได้เดินตามมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีแฟนเข้ามารบกวนอะไรมากนัก ทำเพียงเดินไปกับพวกเขาและมีพูดคุยกันบ้างจนกระทั่ง
"แบมแบมอ่า"เสียงเรียกของเด็กผู้หญิงดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียกให้แบมแบมที่เดินรั้งท้ายกลุ่มหันกลับไปมอง เห็นเด็กวัยรุ่นผู้หญิงสองสามคนอยู่ทางด้านหลัง มีท่าทีละล้าละลังอยู่บ้าง ในมือมีถุงกระดาษลายการ์ตูนน่ารักอยู่
แบมแบมจึงหยุดเดิน
"ครับ"ส่งเสียงตอบรับพร้อมรอยยิ้มไปให้
วัยรุ่นทั้งสามยิ้มดีใจแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาเขา พร้อมทั้งยื่นถุงกระดาษในมือมาให้ แบมแบมรับถุงกระดาษมา ยิ้มกว้าง กล่าวขอบคุณพร้อมโค้งให้อย่างมีมารายาท แต่ก่อนทีเจ้าตัวจะได้หันหลังกลับเพื่อเดินตามสมาชิกคนอื่นไป แฟนคลับที่ตอนแรกไม่กล้าเข้าหากลับพากันเริ่มทยอยเดินเข้ามาล้อมเขาไว้ พร้อมทั้งเรียกชื่อและยื่นของให้มากมายไม่หยุด
แบมแบมไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธแฟนคลับและยอมยืนพูดคุยอยู่ตรงนั้นจนกลุ่มแฟนคลับล้อมจนเด็กหนุ่มเดินออกมาได้ลำบาก เขาหันไปมองเห็นสมาชิกคนอื่นๆเริ่มเดินห่างออกไปไกลมากขึ้น แต่ละคนก็มีแฟนคลับตามประกบอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ต่างกับเขาที่อยู่ตรงนี้ขยับไปไหนไม่ได้เลย
ขณะนั้นแบมแบมหันไปสบตากับยูคยอมที่หันกลับมามองทางด้านหลัง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะส่งสายตาขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายก็หันกลับก่อนไปอย่างรวดเร็ว
หัวใจชาวาบ
อา...ยังไม่หายโกรธนี่นา
ทั้งๆที่ตามง้อมาตั้งหลายวันแล้วนะ...
ทันใดนั้นแจ็คสันที่เดินอยู่ระแวกหน้าข้างๆยูคยอมหันกลับมาพอดี เห็นแบมแบมที่ถูกกลุ่มแฟนคลับล้อมอยู่ด้านหลังก็หยุดเดิน หันหลังเดินกลับมาทางเขา
"ขอโทษนะครับ ขอโทษนะ ขอพวกเราไปกินข้าวก่อนนะ"แจ็คสันฝ่ากลุ่มแฟนคลับเข้ามาแล้วดึงเขาออกไปพร้อมกล่าวขอโทษแฟนคลับไปพราง "นี่ถ้าแบมแบมหิวใส้กิ่ว จะมาโทษว่าพวกผมดูแลไม่ดีไม่ได้นา"หนุ่มฮ่องกงพูดทีเล่นทีจริงเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้แก่แฟนคลับ ก่อนที่จะพาแบมแบมแยกออกมา
"ขอโทษนะครับ"แบมแบมยิ้มให้แฟนคลับก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้
ในที่สุดทุกคนก็มาถึงร้านอาหารและพากันจับจองที่นั่งของตัวเอง แบมแบมที่เดินตามรั้งท้ายอยู่เห็นเก้าอี้ทางฝั่งยูคยอมว่างอยู่ก็ทำท่าจะเดินเข้าไปนั่ง หวังทำคะแนนง้อต่อ แต่พลันชะงัก แล้วเดินมานั่งอีกฝั่งของโต๊ะที่อยู่ห่างจากเป้าหมายคนละฟากแทน
สั่งอาหารเสร็จก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองเห็นพี่ใหญ่ของวงนั่งจ้องเขาด้วยท่าทีสงสัย จนอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม
"มองผมทำไม"
มาร์คส่ายหน้า
"ก็แค่สงสัย"
"สงสัยว่า"
"ทำไมนายมานั่งตรงนี้แทนที่จะเป็นตรงนั้น"คราวนี้เป็นแจ็คสันที่นั่งข้างกันเอ่ยถามแทนมาร์ค ใบหน้าคมพยักเพยิดไปทางอีกด้านของโต๊ะที่มีมักเน่นั่งอยู่ริมสุด
แบมแบมยักไหล่ไม่ตอบกลับแล้วเล่นแก้วน้ำที่อยู่ในมือแทน
"จะเลิกง้อแล้วหรอ"มาร์คถามพรางมองหน้าน้องชายที่ทำปากยื่น หน้าตาละห้อย
"เปล่า ก็แค่...พักใจนิดหน่อย"ตอบพร้อมรอยยิ้มเจื่อน
"เอ~"แจ็คสันส่งเสียงเอ็ดใส่ "ไม่เอาน่า ยังมีหวังอยู่หรอกน่า"พูดยิ้มๆก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้ แบมแบมเลิกคิ้วสงสัย สีหน้าไม่เชื่อ
ก็ดูอย่างเมื่อสักครู่นี้สิ เห็นๆอยู่ว่าเขาติดอยู่ในกลุ่มแฟนคลับ กลับหันหน้าหนีเดินต่อโดยไม่สนใจเขาเลยสักนิด ถ้าไม่ไม่ได้แจ็คสันช่วย ป่านนี้เขาก็คงยืนคุยกับแฟนคลับอยู่กลางถนนนั่นล่ะ
"จริงๆนะ"มาร์คช่วยยืนยัน พยักหน้าหงึกๆ "ก็ตอนที่นายติดอยู่ในกลุ่มแฟนคลับน่ะ ยูคยอมมันสะกิดให้แจ็คสันไปช่วย"
แบมแบมตาโต มีสีหน้าดีใจขึ้นมาแวบนึงก่อนจะกลับไปห่อเหี่ยวแบบเดิม
"แต่เห็นมั๊ยล่ะ ยังไงหมอนั่นก็ไม่อยากยุ่งกับผมอยู่ดี จะงอนอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เป็นผู้ชายแท้ๆ"กระซิบกลับเสียงเบา พูดด้วยหน้าตาใส่อารมณ์ แต่ประโยคหลังบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความหมั่นไส้ แต่ก้ไม่พ้นคนหูผี อดีตนักกีฬาทีมชาติอย่างแจ็คสัน
แจ็คสันเบ้หน้าใส่คนพูด ก่อนจะสวนกลับด้วยประโยคที่ทำให้เด็กหนุ่มชาวไทยต้องปิดปากตัวเองให้สนิท
"สองสามวันก่อนนายก็เป็นแบบมันนี่แหละ!"
"เอาวะ ต้องกล้าดิ"ร่างโปร่งยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องนอนของตน หลังจากกลับมาจากร้านอาหาร เขาก็คิดหนักมาตลอดว่าควรจะพูดแบบจริงๆจังๆกับยูคยอมได้แล้ว เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
แต่ก่อนที่มือบางจะเปิดประตูห้องเข้าไป เขาได้ยินเสียงจากในห้องรอดออกมา แบมแบมเอาหูแนบประตู เขาได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ รู้ว่าเป็นเสียงของยูคยอมและพอจะจับใจความได้บางประโยค
"อื้อ น่าจะอย่างนั้นล่ะ"
"เอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้ยกเลิก"
"เออ ฉันก็อยากเจอนาย"
แล้วก็เสียงพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยที่เขาจับใจความไม่ได้ แบมแบมเอาหน้าออกจากประตู ยืนนิ่งคิดเรื่อยเปื่อย
ยกเลิกนัดพรุ่งนี้เหรอ?
เป็นเพราะสเก็ตบอร์ดพังเหรอ?
ที่หอก็มีสเก็ตบอร์ดตั้งห้าอัน ทำไมถึงไม่เลือกไปอันนึงล่ะ ยืมของคนอื่นไปก่อนก็ได้นี่นา เอาของเขาไปก่อนก็ได้
ยูคยอมน่าจะอยากเจอเพื่อนเก่ามาก ฟังจากน้ำเสียงแล้วคนในห้องก็ดูจะเสียดายมากโขอยู่ เพราะตั้งแต่อยู่กันมาสามสี่ปี เขาก็ยังไม่ค่อยเห็นเจ้าตัวนัดเพื่อนเก่าไปเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่นัดครั้งนี้กลับต้องล่มเพียงเพราะเขาคนเดียว
แบมแบมตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป ยูคยอมนอนเล่นอยู่บนเตียง ร่างสูงไม่แม้แต่จะปรายตามองมาทางเขา จนเขาต้องเอ่ยเรียก
"ยูคยอม"แบมแบมรอสัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงปรายสายตามาทางเขาจึงเริ่มพูดต่อ
"นายจะยกโทษให้ฉันไม่ได้จริงๆเหรอ"
ไม่มีเสียงตอบรับ
ตัวแบมแบมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
มาได้แค่นี้สินะ...
"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายต้องโมโหแล้วพาลแบบนั้นด้วย"น้ำเสียงนิ่งๆจากดังมาคนที่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แบมแบมเงยหน้าสบตาคนบนเตียง
"ฉันบอกนายแล้วว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!"
"นายไม่ได้ตั้งใจ?"เสียงออกแนวเย้ยหยันทำให้แบมแบมเริ่มขมวดคิ้ว แต่ยังพยายามอธิบายต่อ
"ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นฉันแค่."สูดลมหายใจเข้า พยายามรวบรวมสติ แล้วพูดออกมารวดเดียว"ฉันแค่หงุดหงิดที่นายผิดนัดวันเสาร์นี้! แต่ฟังนะยูคยอม ฉันไม่ได้ตั้งใจ!"
"นายหงุดหงิดแล้วนายก็ทำมันพัง เห็นมั๊ย แล้วมันต่างกับที่ฉันคิดตรงไหน"
"ยูคยอม!!"เด็กหนุ่มร้องลั่นอย่างหงุดหงิดและหมดความอดทน
มือบางเสยผมตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ ปากแดงพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะนิ่งไปสักพัก
ทิฐิ หรือ มิตรภาพ…
ไม่เห็นต้องถามว่าเขาจะเลือกอะไร...มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ร่างโปร่งพยายามปรับอารมณ์ของตนให้ลดลง ก่อนจะค่อยๆกล่าวคำพูดที่เขารู้สึกมาตลอด
"ฉันเสียใจ…ฉันขอโทษ"พูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นเคลือ ใบหน้าเรียวก้มลงมองพื้น ไม่มีความกล้ามากพอที่จะสบตาแล้วรับรู้ความคิดทางสายตาของเพื่อนสนิท
เขากลัวแววตาของคนตรงหน้าที่จะสื่อออกมา
ว่าไม่เชื่อเขา...
ว่าเขาโกหก...
ว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว...
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่ใหญ่ จนร่างสูงขยับตัวลุกขึ้น เดินผ่านเด็กหนุ่มไป ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู
"นายพอได้แล้วแบมแบม ให้ฉันได้อยู่คนเดียวก่อนเถอะ"
แบมแบมใจกระตุกวูบ รีบหันหลังกลับไปหาคนพูดทันที
"ยูค!..ยอม..."แต่ไม่ทันเสียแล้ว ร่างสูงเปิดประตูแล้วออกจากห้องไปทันที
แบมแบมยืนค้าง ก่อนจะค่อยๆเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่เตียง ล้มตัวลงนอน ซุกหน้าลงกับหมอนใบโตแล้ว
กรีดร้องโวยวายออกมาสุดเสียง พรางดิ้นไปมาดิ้นบนเตียงด้วยความรู้สึกที่โครตจะทุรนทุราย…
โธ่เว้ย! ไอเพื่อนเวร! ไอ้หมียักษ์! ไอ้ขี้งอน! ไอ้สูงเกินคน! ไอ้คนคอหาย! ไอ้อ้วน! นี่ง้อขนาดนี้แล้วยังมาทำเป็นหยิ่ง นี่กะจะเลิกคบกันเลยจริงๆหรอวะ!! ไอ้คนใจมดเอ๊ย!!!
แบมแบมเหนื่อยแล้วนะ!
แบมแบมจะร้องแล้วนะเว้ย!!
ไอ้ยูคยอม!!!
พี่แจก็ปกป้องน้องแบมได้!
(เกี่ยวกับเรื่องมั๊ย? ไม่เกี่ยว แค่ชอบรูปนี้lol)
คุยกันก่อนน้า
แง่ ครบแล้ววว5555 แต่ยังไม่จบง่า ตอนนี้เหมือนจะมีสามพาร์ท ตอนแรกวางบทให้สั้นนะ แต่พอแต่งไปแต่งมาไหงมีสามพาร์ทได้ก็ไม่รู้
โถๆๆ น้องแบมจะร้องแล้วนะไอ้หมียูค แต่งไปแต่งมารู้สึกเหมือนแฟนง้อกันยังไงบอกไม่ถูก 55555 ตอนนี้แอบสปอยพี่ยองแจนิดนึงด้วย กุกิ
ชอบไม่ชอบก็บอกน้าาา ขอคอมเม้นต์หน่อยน้า อยากรู้ฟีดแบคจริงๆ ถ้าขี้เกียจพิมก็ พิม :) มาแค่นี้ก็ได้ เป็นอันจบ โอเค เธอชอบฟิคนี้ เรารู้เรื่อง ไรงี้อ่ะ 555555 ได้เปล่า
ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามน้า
แก้ไข 26/10/60
เม้นต์วันละนิด จิตแจ่มใส
ความคิดเห็น