คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : OASIS ; แรกเริ่ม 50 %
5
แบคฮยอนยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าเตาอบขนม รอเวลาเอาก้อนแป้งที่เริ่มพองฟูสิ่งกลิ่นหอมออกมาพักเพื่อจะวางขายเหมือนทุกที แปลกตรงที่วันนี้เป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้วคนตัวเล็กเพิ่งจะเริ่มทำขนมทั้งๆที่เลยเวลาเปิดร้านมาร่วมชั่วโมงแล้ว
ทุกอย่างคงจะเรียบร้อยเหมือนทุกวัน .. ถ้าเมื่อวานคนตัวสูงที่แบคฮยอนเพิ่งรับมาอยู่ด้วยไม่ก่อเรื่อง
ชานยอลไม่ยอมนอนห้องรับแขกเพราะบอกว่ามันคับแคบเกินไป เค้าดูถูกเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบ้านล้วนโดนมองด้วยความเหยียดหยามที่ทำให้เจ้าของบ้านหน้าชา
“เล็กยังกับที่นอนหมา กูไม่นอน กูไม่เชื่อว่านี่คือห้องของกู”
แบคฮยอนแทบอยากจะไล่ชายหนุ่มตรงหน้าไปให้พ้นเสียแต่ตอนนั้น แต่ความดีที่เค้าไม่ได้อยากจะมีอยู่เลยกลับคอยเตือนให้อดทนเอาไว้ และยอมยกห้องนอนของตัวเองให้กับชานยอล
“หึ ห้องนอนมึงมันก็เล็กเหมือนรูหนูอยู่ดี”
“มันเป็นห้องที่ดีที่สุดในบ้านนี้แล้วครับถ้าพี่ไม่นอนผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ”
“น้ำหน้าอย่างมึงคงไม่มีปัญญาทำอะไรอยู่ดีนั่นแหละ”
“ทำไมพี่ต้องว่าผมแบบนั้นด้วยล่ะครับ!..”
“ทำไม! นี่มึงยังกล้าขึ้นเสียงกับกูใช่มั้ยอยากโดนแบบเมื่อกี้อีกรึไง จำไว้ว่ากูพอใจจะพูดอะไรกูก็จะพูด ถอยไปได้แล้วจะพักผ่อน!!”
อดทน..อดทน..อดทน
เป็นประโยคเดียวที่แบคฮยอนต้องท่องเอาไว้ในใจนับพันรอบในหนึ่งวัน แบคฮยอนต้องใช้ความพยายามทั้งที่จะไม่ไล่ชานยอลออกจากบ้านและอดทนไม่เร่งเร้าเรื่องมูลนิธิกับคริส
คุณหมออุตส่าห์ใจดีช่วยเหลือทั้งเรื่องโครงการค่ารักษาพยาบาล แล้วยังมีแก่ใจโทรมาถามความเป็นไปแทบจะทุกวัน จะให้แบคฮยอนบอกออกไปได้ยังไงว่าค้าเกลียดขี้หน้าชานยอลจนแทบทนไม่ไหวที่จะร่วมชายคาเดียวกันอีกต่อไป..
เสียงตึงตังจากชั้นบนทำให้รู้ว่าชานยอลตื่นนอนแล้ว แบคฮยอนเตรียมนับเลขถอยหลังอยู่ในใจ..
3...2...1...
“นี่มันข้าวคนหรือข้าวหมาวะ!!”
เฮ้อ..
ร่างเล็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ไม่ผิดเพี้ยน เสียงปิดประตูดังสนั่นตามด้วยเสียงย่ำเท้าหนักๆจากนั้นร่างสูงของคนที่แบคฮยอนไม่ต้องการจะเจอหน้าก็ปรากฏอยู่หน้าประตูครัว ชานยอลอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวและกางเกงขาสั้นที่เคยเป็นของพี่ชายของคนตัวเล็กแม้จะเป็นแค่ชุดธรรมดาแต่ชานยอลคงจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชุดธรรมดาดูโดดเด่นขึ้นมาเมื่อเค้าเป็นคนสวมใส่ ผมสีดำสนิทนั้นยุ่งเหยิงเพราะคงเพิ่งลุกออกจากที่นอน ดวงตาดุร้ายจ้องตรงมาที่แบคฮยอน
“บ้านนี้กินข้าวกับอาหารหมาหรอ”
“นี่ พี่พูดให้มันดีๆหน่อยสิครับ ผมอุตส่าห์ทำซุปไว้ให้นะ”
“ซุปแบบนี้เอาไปเทให้หมาข้างถนนมันยังจะไม่กินเลย เห็นกูเป็นตัวอะไรที่จะมากินของน่าขยะแขยงแบบนี้น่ะ”
แบคฮยอนเม้มปากแน่น คำพูดพวกนั้นทำไมมันช่างดูร้ายกาจเกินกว่าจะออกจากปากชายหนุ่มที่ดูดีมีชาติตระกูลคนนี้ ชานยอลพูดโดยไม่คำนึงถึงจิตใจคนตัวเล็กเลยแม้แต่นิดเดียว
หึ.. แคร์หรอ ทำไมจะต้องแคร์ คงจะคิดแบบนั้นสินะ ในเมื่อในความคิดของชานยอลคนทั้งโลกจะต้องทำตามที่เค้าต้องการ
“ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินครับ ถ้าหิวมันก็เรื่องของพี่แล้วล่ะ”
ชานยอลยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ คำพูดเรียบๆของแบคฮยอนกลับทำให้เค้ารู้สึกเหมือนโดยฟาดหน้าด้วยของแข็ง ความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เค้าเคยสัมผัส แบคฮยอนดูเมินเฉยไม่แยแสต่อความต้องการของเค้า และนั่นเป็นเรื่องที่ชานยอลยอมไม่ได้
เพล้ง!!
ชามกระเบื้องที่บรรจุผงแป้งวัตถุดิบหลักในการทำขนมของแบคฮยอนถูกชานยอลคว้ามาขว้างลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แป้งขาวฟุ้งไปในอากาศจนแบคฮยอนต้องปิดปากและจมูกเอาไว้ ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมองไปที่ชานยอลอย่างตกใจแต่คนตรงหน้ากลับไม่ได้หยุดแค่นั้นชามใบต่อไปก็ถูกกระทำไม่ต่างกัน
เพล้ง!!!
“หะ.. แค่กๆ.. หยุดนะ!! อย่าทำลายข้าวของของผมนะ”
“กูบอกแล้วว่าอย่ามาขึ้นเสียงกับกู!!!”
เพล้ง!!! เพล้ง!!!
แบคฮยอนยกแขนขึ้นมากั้นไม่ให้เศษกระเบื้องอันแหลมคมกระเด็นมาปักใบหน้าของเค้า เสียงกระเบื้องกระทบพื้นและแตกกระจายออกยังดังขึ้นเรื่อยๆ ชานยอลกวาดมือไปกับเค้าเตอร์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยแรงอารมณ์ แบคฮยอนปิดหน้าตัวเองแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยความหวาดกลัว
น่ากลัวเหลือเกิน.. คนตรงหน้าน่ากลัวเกินไปแล้ว
“หยุดนะ!! ฮึก.. ผมบอกให้หยุด!!!”
“กูบอกแล้วไงวะ..ว่า.. อะ.. อ่ะ! โอ๊ย!!”
เสียงตวาดที่ค่อยๆเงียบลงไปและแทนที่ด้วยเสียงของความเจ็บปวดทำให้แบคฮยอนเริ่มเอะใจ ร่างเล็กค่อยๆแง้มมือที่ปิดหน้าตัวเองออกแล้วมองเหตุการณ์ลอดผ่านนิ้วมือแม้จะมีน้ำตาเอ่อคลอแต่แบคฮยอนก็ยังมองเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน ชานยอลทรุดตัวลงไปกองกับพื้น สองมือที่เคยทำลายข้าวของกดแน่นที่ข้างขมับดวงตาเบิกกว้างอย่างน่ากลัว เพราะความเจ็บปวดที่จู่โจมทำเอาชายหนุ่มเข่าอ่อนเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรป่าเถื่อนหายไปในพริบตา
แบคฮยอนยังยืนนิ่งไม่เข้าไปดูเพราะความรู้สึกสะใจเล็กๆที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้คนตัวเล็กเปลี่ยนใจได้ไม่ยากก็คงจะเป็นน้ำตาที่ค่อยๆไหลหยดมาจากดวงตาของชานยอล..
..
“อ่ะ.. อึก! … เจ็บ..เจ็บ”
“พะ..พี่ชานยอล..”
แบคฮยอนลังเลใจอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะยอมลงไปนั่งคุกเข่าข้างร่างกายสูงใหญ่ของคนที่เค้าไม่อยากจะเข้าใกล้นัก ร่างกายของชานยอลสั่นเทิ้มเสียจนหัวใจของแบคฮยอนเริ่มละลายความเมินเฉยออกไปโดยไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นที่เล็ดรอดจากฟันที่ขบกันแน่นดังขึ้นเป็นระยะหยดน้ำตาหยดโตๆร่วงแหมะลงบนพื้นห้อง
“อย่าครับอย่ากดแบบนั้น หัวจะปวดนะ”
“เจ็บ โอ๊ย!!!.. โอ๊ย อึก ทำไม..ทำไมเจ็บแบบนี้!”
เสียงแหบห้าวดังไปทั่วทั้งห้องครัว ชานยอลเริ่มทิ้งตัวลงนอนกับพื้นจนแบคฮยอนต้องใช้มือเขี่ยเศษกระเบื้องออกไปให้ห่างพร้อมสอดมือเข้าไปดันตัวชายหนุ่มที่เริ่มดิ้นพล่าน คนตัวเล็กใช้ฝ่ามือนุ่มนิ่มเล็กขาวและแรงทั้งหมดที่มีพยุงตัวชานยอลออกไปจากห้องครัวอย่างทุลักทุเลก่อนจะทิ้งร่างที่หนักอึ้งของอีกคนให้ล้มลงไปกับโซฟา
ชานยอลขดตัวเข้าหากันมือยังกุมหัวไว้หวังให้ความเจ็บปวดนั้นหายไปสักที แบคฮยอนรีบวิ่งไปค้นตู้ยาอย่างร้อนรน เม็ดยาสีขาวถูกเจ้าของเรียวนิ้วสวยแกะมากอบไว้พร้อมกับรินน้ำไปด้วย
“กินยาครับ กินยาเร็วเข้า”
ชานยอลคงจะถูกความเจ็บโจมตีจนไม่สามารถประมวลคำพูดของคนตัวเล็กได้เมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบรับแบคฮยอนจึงต้องบีบริมฝีปากหนาให้เปิดออก ส่งของเหลวสีใสและเม็ดยาในมือให้ชานยอลกลืนลงคอไป
แค่ก!!
น้ำที่เพิ่งเทป้อนลงไปถูกชานยอลสำลักบ้วนออกมาจนเลอะเต็มเสื้อและใบหน้า แบคฮยอนปาดความเหนอะบนหน้าออกจากใบหน้าอย่างอดทน ดวงตายังคอยดูจนแน่ใจว่ายาถูกกลืนลงท้องร่างสูงไปเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆทิ้งตัวนั่งกับโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย
เพราะกลัวว่าชานยอลจะทำให้แผลกระทบกระเทือนนด้วยการบีบขมับที่เจ้าตัวเข้าใจว่าจะทำให้ความเจ็บหายไปแบคฮยอนจึงดึงมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มมากำแน่นไว้ในอุ้งมือบางของเค้าไม่ยอมปล่อยถึงแม้ตัวเองจะเหนื่อยหอบแต่ดวงตากลมโตนั้นก็ยังคงจับจ้องอยู่กับใบหน้าชานยอลที่ยังเหยเกด้วยความเจ็บปวด
เวลาผ่านไปสักครู่ ยาคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว..
แบคฮยอนมองดูชายหนุ่มที่นอนทอดตัวยาวไปกับโซฟาด้วยความรู้สึกที่สับสนปนเปกันไปหมด เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้เค้าเพิ่งจะเกลียดคนตรงหน้าหมดหัวใจ แต่นาทีต่อมาเค้ากลับเป็นห่วง ..
เป็นห่วงงั้นหรอ.. จะเรียกความรู้สึกที่เกิดขึ้นว่าเป็นห่วงได้หรอในเมื่อมันเกิดกับคนที่เพิ่งจะอยู่ร่วมกันได้ไม่ถึงสามวัน เรียกได้ว่าเป็นคนที่แทบไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
ยามชานยอลหลับไหลช่างดูไร้พิษสง ใครเลยจะรู้ว่าริมฝีปากนี้แหละที่คอยพูดจาหยาบกระด้าง ดวงตาที่อยู่ใต้เปลือกตาจะถลึงมองเค้าด้วยความรังเกียจอยู่เสมอ แบคฮยอนไล่สายตามองตั้งแต่ดวงหน้า ท่อนแขนกำยำมาจนถึงมือที่จับกันไว้
ความรู้สึกบางอย่างคล้ายกระแสไฟฟ้าอ่อนๆไหลจากปลายนิ้วที่สัมผัสซึ่งกันและกัน แบคฮยอนสะดุ้งตัวและคลายมือของชานยอลให้หยุดออกจากอุ้งมือเค้าทันที
เพราะไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่..
ความกระแสไฟที่อบอุ่นอย่างแปลกประหลาดนั้นมันวิ่งเข้าไปในตัวเค้า
เข้าใกล้บริเวณอกข้างซ้าย...
--------------------------------------------- 50 -----------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ด้วย
หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนมีความสุขได้นะคะ
ความคิดเห็น