ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OASIS รักชะโลมใจ CHANBAEK ft. KAIDO

    ลำดับตอนที่ #5 : OASIS ; ยินดีต้อนรับ 'กลับบ้าน'

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 57


    BlackForest

     

    4



     

    เช้าวันอาทิตย์

     

    แบคฮยอนล็อคลิ้นชักเก็บเงิน หน้าต่าง และประตูครัวจนเรียบร้อย ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนดูคล่องตัวแต่ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าก็ดูหม่นๆไม่สดใสสมกับเด็กวัยเดียวกัน แบคฮยอนชอบแต่งตัวแบบนี้ แต่งแบบเรียบง่ายกลมกลืนไปกับสายตาผู้คน

     

    คงเพราะใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมานานเลยทำให้แบคฮยอนไม่ชอบที่จะทำตัวเด่นเป็นจุดสนใจ

    อยู่ในโลกสีเทาๆใบนี้ของเค้าโดยไม่ต้องให้ใครมายุ่งวุ่นวาย

     

    สายตาสมเพชสงสารพวกนั้นแบคฮยอนไม่ต้องการหรอก..

     

     

    แต่วันนี้กลับเป็นวันที่เค้ากำลังจะรับ'คนอื่น' เข้ามาในชีวิต ชีวิตที่ปฏิเสธผู้อื่นมาตลอด

    จากนี้ไปชีวิตของเค้าคงจะต้องเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่นานนักหรอก จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้กับคนคนนั้นได้

     

     

     

    แอ๊ดดด..

     

     

    อ้าว..จะไปไหนน่ะแบคฮยอน”

     

     

    แทบจะทันทีที่แบคฮยอนปิดประตูบ้านเสียงของลู่หานที่พิงกับเหล็กกั้นข้างถนนก็ดังขึ้น ชายหนุ่มดูจะดีใจมากที่เห็นแบคฮยอนออกมาแต่รอยยิ้มที่สดใสกลับเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนอยู่ในชุดจะออกไปข้างนอก ดูก็รู้ว่าลู่หานคงจะนั่งอยู่ตรงนี้อยู่นานแล้วเพื่อรอเจอกับแบคฮยอนและยิ่งไปกว่านั้นตั๋วหนังสองใบที่แบคฮยอนเห็นอยู่ในมือของร่างสูงแว้บๆทำให้คนตัวเล็กรู้สึกผิดขึ้นมา

     

     

     

    พอดีว่าผมจะไปทำธุระข้างนอกน่ะครับพี่ลู่หาน”

     

     

     

    หรอ.. นานมั้ยครับ พอดีว่าพี่จะชวนไปดูหนังน่ะ”

     

     

    น้ำเสียงหม่นๆถูกคนตัวสูงปรับให้สดใสเหมือนเดิมพร้อมกับคำถามที่ส่งมาอย่างคาดหวัง แบคฮยอนมองใบหน้าขาวใสที่สาวๆและหนุ่มๆหลายคนเฝ้าปรารถนาแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ

     

     

    ไม่อยากให้ลู่หานมาเสียเวลากับเค้าเลย

     

     

    แต่คนตัวเล็กก็มีมารยาทพอที่จะไม่ทำร้ายจิตใจชายหนุ่มที่ตัวเองนับถือเหมือนพี่คนนึง ลู่หานมักจะมาซื้อขนมที่ร้านเค้าบ่อยๆ และยังมีน้ำใจเอานู้นเอานี่มาฝากถึงแม้แบคฮยอนจะปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งก็ตาม

     

     

     

     

    คงจะนานน่ะฮะ ขอโทษจริงๆนะพี่ลู่หาน”

     

     

     

    น้ำเสียงหวานๆทำให้ลู่หานหน้าตึงเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาแกว่งหัวใจในอกเค้าเล่นให้มันรู้สึกวูบโหวงเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำปฏิเสธที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะแค่นๆออกมา

     

     

     

    ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ โอกาสหน้าเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ ไว้พี่จะมาชวนใหม่นะ”

     

     

     

     

    ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

     

     

     

     

     

    ทุกย่างก้าวที่แบคฮยอนเดินไกลออกไปเหมือนผูกติดเอาหัวใจของลู่หานออกไปด้วย ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเศร้าหมองลงทันตา ก็แบคฮยอนเดินจากไปแล้วคงไม่จำเป็นที่เค้าจะต้องปั้นหน้าให้สดใสทั้งที่ลึกๆแล้วใจปวดร้าวอยู่เสมอ

     

    แม้การกระทำของแบคฮยอนจะสื่อออกมาชัดเจนและลู่หานก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ร่างสูงก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้ต่อไป เลือกที่จะมอบความรักที่ไม่แม้แต่จะได้รับการเหลียวแลให้กับแบคฮยอน

     

     

    มือขาวสะอาดสะอ้านตามประสาลูกผู้ดีมีอันจะกินกำตั๋วหนังวีไอพีราคาแพงที่ไม่ได้ยากเกินความสามารถในการหามาของเค้าเอาไว้แน่น ตั๋วที่ตั้งใจจะพาคนตัวเล็กไปดูด้วยกันในวันหยุดที่แบคฮยอนจะปิดร้านเพื่อพักผ่อน ตั๋วที่เป็นตัวแทนความรู้สึกดีๆ

     

     

    ความรู้สึกดีๆ..ที่เค้าค่อยๆกำให้มันยับย่นคามือและกลายเป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เชิญเซ็นเอกสารรับยาด้วยนะคะ แล้วไปพบคนไข้ที่ห้องได้เลยค่ะ”

     

     

    แบคฮยอนพยักหน้าให้กับนางพยาบาลก่อนจะเซ็นรับยาตามคำสั่ง เพราะคุณหมอคริส หรือแพทย์หนุ่มเจ้าของไข้ของชายหนุ่มที่แบคฮยอนกำลังจะรับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านช่วยไว้ ทำให้แบคฮยอนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย

     

     

    โรงพยาบาลเค้าละเว้นค่าใช้จ่ายให้คนไข้100%แบบนี้ด้วยหรอ .. เพิ่งจะเคยได้ยิน

     

     

    แม้แบคฮยอนจะแปลกใจกับโครงการที่คริสกล่าวถึงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะถ้าจะให้เค้ารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลแพงลิบลิ่วขนาดนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เป็นแน่ สู้เก็บกว่าสงสัยเอาไว้ในใจดีกว่า

     

     

     

    ค่ะเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญที่ห้องพักคนไข้เลยค่ะ”

     

     

    แบคฮยอนกำถุงพลาสติกบรรจุยาไว้ในมือ ดวงตากลมจับจ้องที่กระปุกยานับสิบกระปุกแล้วก็อดสงสารผู้ชายคนนั้นไม่ได้ที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ คงจะแย่มากที่ต้องลืมตาตื่นมาในที่ที่ไม่คุ้ยเคย ไม่มีคนรู้จัก และไม่รู้จักใครเลยแม้กระทั่งตัวของตัวเอง

     

    เฮ้อ.. คิดแบบนี้ก็คงจะพอให้อภัยความหยาบคายของเค้าได้อยู่หรอก

     

     

     

    โอ๊ย เบาๆสิวะ! คนนะเว้ยไม่ใช่ควายดึงสายน้ำเกลือให้มันดีๆหน่อยสิ!”

     

     

    ไม่ทันขาดคำเสียงกระโชกโฮกฮากก็ดังออกมาจากห้องที่แบคฮยอนกำลังหยุดยืนอยู่ คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอแล้วยิ้มเรียกกำลังใจตัวเองอย่างฝืนๆ

     

     

    เอาน่า สู้เค้านะแบคฮยอน มาถึงขั้นนี้แล้ว..”

     

     

    หลังคำปลอบใจตัวเองแล้วฝ่ามือเล็กก็ผลักบานประตูให้เปิดออก ภาพแรกที่เห็นคือพยาบาลสองคนที่เบียดกันอยู่มุมห้องสีหน้ามีแววหวดกลัวเล็กๆ และร่างสูใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย หมอนที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องคงเป็นฝีมือของคนที่มองหน้าแบคฮยอนด้วยสายตาน่ากลัวเอาเรื่องคนนี้แน่นอน

     

     

    มึงเป็นใคร เข้ามาทำไม”

     

     

    ผมเอ่อ.. ผมชื่อ..”

     

     

    เออ ช่างเหอะ ไหนๆก็มาแล้วช่วยเอาพยาบาลพวกนี้ออกไปไกลๆหน้าซิ เป็นพยาบาลประสาอะไรดูแลคนป่วยไม่ได้เรื่อง!!”

     

     

    แบคฮยอนหันไปมองพยาบาลสองคนที่รีบส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรซึ่งแบคฮยอนเองก็เชื่อ ไม่มีพยาบาลคนไหนที่ดูแลคนไข้ไม่ดีหรอก ความเรื่องมากของคนตรงหน้าตังหากที่เป็นปัญหา ไม่ต้องมาเห็นเหตุการณ์เองก็พอจะรู้ได้ไม่ยาก

     

     

    เอ่อ คุณพยาบาลถอดสายน้ำเกลือเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ.. เดี๋ยวผมพาเค้ากลับบ้านเองก็ได้ครับ”

     

     

    คุณจะไหวหรอคะ.. คนไข้ออกจะ.. เอ่อ.. ซะขนาดนั้น”

     

     

    คนไข้ออกจะดุซะขนาดนั้น

     

     

    แบคฮยอนเติมคำให้ในใจก่อนจะพยักหน้ายืนยันกับพยาบาลสาว ถึงในใจจะหวั่นๆแต่ในเมื่อจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้วถ้าเค้าไม่แก้ปัญหาด้วยตัวเองต่อไปก็ไม่มีใครที่จะช่วยเค้าได้อยู่ดี

     

     

    เอ่อ.. คุณครับ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปกันเถอะครับ”

     

     

    ไปไหน!”

     

     

    ยังไม่ทันจะจบประโยคแบคฮยอนก็เจอคำถามสั้นห้วนของร่างบนเตียงพร้อมกบสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันซะอย่างนั้น

     

     

    กลับ..บ้านครับ”

     

     

    พูดอะไรของมึง งึมงัมๆไม่รู้เรื่อง!!”

     

     

    กลับบ้านครับ! เค้าให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

     

     

    อะ โอ๊ย!.. มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูปวดหัว!”

     

     

    มือหนายกขึ้นมากดขมับทั้งสองข้างเอาไว้เมื่อความเจ็บปวดแล่นจี๊ดเข้ามาในสมอง ร่องรอยที่เกิดจากความกระทบกระเทือนทำให้ความเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมาจนสายตาพร่ามัว

     

    แบคฮยอนปราดเข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ มือบอบบางนั้นแตะลงบนฝ่ามือหนาหวังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่กลับถูกแรงสะบัดเหวี่ยงให้ต้องก้าวถอยออกมา

     

     

    อย่าได้เอามือมึงมาแตะตัวกู!!”

     

     

    แม้จะปวดจนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆแต่ความเย่อหยิ่งกลับทำให้ชายหนุ่มไม่ยอมให้แบคฮยอนเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหนำซ้ำแววตาที่มองมายังทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่เศษขยะด้อยค่ายังไงอย่างงั้น คนตัวเล็กถอนหายใจความโกรธเริ่มเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
     

     

    อย่าถือสาอะไรเค้ากำลังป่วยอยู่..

     

    แบคฮยอนท่องประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อเก็บกั้นความไม่พอใจ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาสบตากับคนเจ้าอารมณ์ตรงหน้า คราวนี้ดวงตาสีน้ำตาลกลับฉายแววเด็ดเดี่ยว

     

     

    ทำไมผมจะแตะไม่ได้ ในเมื่อผมเป็นน้องชายของคุณ”

     

     

    วะ..ว่าไงนะ”

     

     

    ผมเป็นน้องชายของพี่ แล้ววันนี้ก็จะมารับพี่กลับบ้านของเรา

     

     

    อย่างมึงนี่นะ เป็นน้องชายกู อย่ามาโกหกซะให้ยาก”

     

     

    พี่จำได้รึไงห้ะ?? พี่จำได้หรอว่าตัวเองเป็นใคร รู้ได้ยังไงว่าผมโกหก”

     

     

     

    ร่างสูงนิ่งอึ้งไปสักพักใหญ่ สายตาดูลอกแล่กเหมือนคนกำลังใช้ความคิด แบคฮยอนได้แต่ยืนลุ้นว่าคำโกหกคำโตที่เพิ่งพูดออกไปนั้นจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายอมสงบสติอารมณ์และตามเค้ากลับบ้านแต่โดยดี

     

    เหมือนคนตรงหน้าจะเผลอใช้ความคิดอย่างหนักจนลืมคิดถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ยังไม่หายไปเมื่อแบคฮยอนเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นเหยเกเพราะความเจ็บปวดระลอกใหม่ที่ถาโถมเข้ามา มือหนายกกดที่ข้างขมับที่เดิมเพราะกดย้ำแรงๆหวังจะคลายความเจ็บปวด แบคฮยอนได้แต่มองอย่างชั่งใจ ใจนึงก็อยากเข้าไปดูว่าอีกคนเป็นอะไรมากมั้ยแต่อีกใจก็กลัวจะโดนเหวี่ยงกระเด็นออกมาอีก

     

     

    โอ๊ย!.. อะ..อึก!”

     

     


    'ชานยอล มาหาย่าสิลูก..'

     

     

    'ปาร์คชานยอลคนเก่งของย่าเก่งที่สุดสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้วหรอ สมกับเป็นหลานรักของย่าจริงๆไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้งนะตาคนนี้'

     

     

     

    แสงสีขาวแว้บเข้ามาในสมองพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่เพิ่มเป็นเท่าทวี ภาพความทรงจำของหญิงชราคนหนึ่งกำลังยื่นมือเข้ามาหาเค้าฉายเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม ร่างสูงใหญ่ทรุดลงกับพื้นโดยอาศัยมือข้างหนึ่งกำราวเหล็กของเตียงคนไข้เอาไว้

     

     

    คุณ.. อะเอ่อ.. พี่!!”

     

     

    แบคฮยอนรีบขยับไปดูอาการของคนที่นั่งหอบตัวโยนอยู่กับพื้น น้ำตาของความเจ็บปวดคลออยู่ในดวงตาที่มักจะส่งแววตาน่ากลัวออกมาเสมอ แบคฮยอนยังลังเลใจที่จะแตะเนื้อต้องตัวคนตรงหน้าแต่ก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

     

    ใกล้จนได้ยินคำพูดที่พึมพำอยู่ในคอของคนตรงหน้า..

     

     

     

    ปาร์ค.. ปาร์คชานยอล .. ปาร์คชานยอล.. กูชื่อปาร์คชานยอล.. ปาร์คชานยอล!”

     

     

     


    วะ..ว่าไงนะครับ คุณ..เอ่อ พี่จำได้แล้วหรอครับ จำได้แล้วหรอ??”

     

     

     

    ชายหนุ่มที่เพิ่งจะได้รับรู้ชื่อของตัวเองไปหมาดๆไม่สนใจเด็กหนุ่มข้างตัวที่มีสีหน้าดีใจขึ้นมา เค้าค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นที่เย็นเฉียบโดยอาศัยเกาะราวเหล็กของเตียงคนไข้ ยืนตัวตรงเต็มความสูง เปลือกตาปิดลงอีกครั้งพร้อมกับพยายามเค้นค้นหาเข้าไปในความทรงจำที่ตอนนี้กลับมาเป็นแค่ความดำมืดอีกครั้ง

     


    ทั้งที่เมื่อกี้ยังเห็น ทั้งที่เมื่อกี้มองเห็นแล้วแท้ๆ!!

     


    ตอนนี้ภาพอดีตที่คนตัวสูงโหยหากลับหายไปแล้ว หายไปอย่างไม่มีที่มาที่ไปหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมา ไม่ว่าจะคิด คิด คิด คิด จนสมองแทบระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆก็ไร้ซึ่งวี่แววของร่องรอยความทรงจำ เหมือนสวรรค์จะต้องการให้รับรู้แค่นั้น

     

    ...


    แต่แค่นี้มันจะไปพออะไร!!

     

     

    ชานยอลลืมตาขึ้นพร้อมกับกำมือแน่นจนเส้นเห็นกระดูกปูดโปนอยู่ใต้ผิวหนัง ความโกรธความผิดหวังความรู้สึกท้อแท้โมโหเดือดดาลไหลเข้ามาท่วมท้นร่างจนรู้สึกไหล่หนักอึ้ง ร่างสูงถลึงตามองผนังห้องนิ่งอยู่อย่างนั้นจนแบคฮยอนต้องค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ทีละนิด

     

     

    จำได้แล้ว..หรอครับ?”

     

     

    จำได้หรอ จำได้หรอ!! จำอะไรได้ล่ะ!!!”

     

     

    เพล้ง!

     

     

    รีโมททีวีที่อยู่ใกล้มือถูกมือหนาคว้ามาแล้วปาออกไปจนสุดแรง มันไปกระทบเข้ากับแก้วน้ำบนโต๊ะข้างๆจนหล่นลงมาแตกเป็นเสี่ยงๆ แบคฮยอนสะดุ้งโหยงกับอารมณ์แปรปรวนที่ไม่มีที่มาที่ไปของร่างสูง ร่างเล็กตัวสั่นสะท้านหัวใจไหวสั่นด้วยความหวาดกลัว

     

    เค้าไม่ชอบความรุนแรงแบบนี้ .. ไม่ชอบเลยสักนิดและไม่คิดว่าจะต้องมาเจออีก ..

     

     

    หยะ.. หยุดนะ อย่าทำลายข้าวของแบบนี้!”

     

     

     

    กูจำไม่ได้!! ทำไมถึงจำไม่ได้!!!”

     

     

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาทันที่ที่ได้ยินประโยคดังกล่าว ความสงสารเริ่มแทรกซึมเข้ามาเมื่อเห็นความสับสนที่ซ่อนอยู่ภายใต้การกระทำอันแข็งกร้าวนั้น สายตาที่ดุดันแต่กลับเป็นประกายด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อซึมออกมา มือที่กวาดทำลายข้าวของแต่แบคฮยอนก็ดูออกว่ามันสั่นระริกดูไร้เรี่ยวแรงขนาดไหน

     

     

    ผู้ชายตรงหน้ากำลังสับสนและหวาดกลัว ความรู้สึกแย่ๆนั้นผลักให้เค้าต้องแสดงความโหดร้ายออกมา คนที่ไม่รับรู้อะไรก็เปรียบเหมือนคนที่ถูกปิดตาให้เดินวนเวียนอยู่ในความมืดมิดที่หาต้นสายปลายเหตุไม่ได้

     

     

     

    ...แต่ถ้าคุณตกลงคุณจะเป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตที่ว่างเปล่าของคนไข้ พูดให้น้ำเน่าก็เหมือนน้ำทิพย์ที่ชะโลมจิตใจให้คนที่หลงทางกลางทะเลทรายนะครับ”

     

     

     

     

    คำพูดของคริสที่แว้บเข้ามาในหัวทำให้แบคฮยอนหยุดนิ่งคิด ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะพูดออกไปเหมือนกัน

     

     

     

    พี่ชานยอล กลับบ้านกันเถอะครับ”

     

     

     

    ...”

     

     

     

    กลับบ้านกันเถอะ กลับไปพี่อาจจะจำอะไรได้ก็ได้นะครับ”

     

     

    .

     

     

     

     

    ผมรู้ว่าพี่กำลังสับสน..เพราะงั้นกลับบ้านกันเถอะครับ กลับไปหาความทรงจำของพี่กัน”

     

     

     

    หึ อย่างมึงจะรู้อะไร”

     

     

     

    !!

     

     

    มึงไม่ใช่น้องกู ไม่ต้องสะเออะมารู้ทันความคิดของกู”

     

     

     

    ร่างสูงคว้าเอากระเป๋าเป้ที่แบคฮยอนฝากพยาบาลเอามาให้ร่างสูงใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งก็เป็นเสื้อผ้าที่คนตัวเล็กหามาให้ ตอนนี้กระเป๋านั้นถูกอีกคนกำไว้ในกำมือก่อนกระเป๋าใบเขื่องจะถูกปาเข้ามากระทบใบหน้าหวานนั้นอย่างจัง เสื้อผ้ากระจัดกระจายโดนร่างของแบคฮยอนตั้งแต่หัวจรดเท้าหนำซ้ำแก้มขวายังเจ็บชาเพราะโดนห่วงเหล็กบนกระเป๋ากระแทกเข้าเต็มๆ

     

     

    แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ทำให้เห็นรอยยิ้มหยามเหยียดนั้นอย่างเต็มตา ชานยอลกระตุกยิ้มร้ายอย่างไม่แคร์อะไร ก้าวเท้าเข้ามาใกล้คนที่ยังยืนนิ่งเป็นรูปปั้นปลายเท้าก็เหยียบย่ำเสื้อผ้าที่มาจากความหวังดีของแบคฮยอนกำลังถูกเหยียบอยู่ใต้เท้า

     

     

    แล้วมึงจำไว้นะที่กูยอมไปกับมึงก็ไม่ใช่เพราะเชื่อเรื่องที่มึงพูด แต่กูจะกลับไปหาความจริง พอกูรู้ความจริงและรู้ว่ามึงโกหกกูแม้แต่นิดเดียวล่ะก็... มึงตาย!!”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกร๊ก..

     

     

     

    แบคฮยอนเปิดประตูบ้านของตัวเองและก้าวนำเข้ามาอย่างเชื่องช้า มันคงจะไม่ทันใจเพราะคนข้างหลังเดินกระแทกไหล่เล็กเข้ามาข้างในซะก่อนจนทำให้แบคฮยอนเกือบหน้าคะมำ แม้จะไม่พอใจแต่คนตัวเล็กก็รู้ดีว่าไม่ควรจะพูดอะไรออกไปเป็นดีที่สุด

     

    ชานยอลกวาดสายตามองบริเวณภายในบ้านรอบตัวด้วยสายตาดูแคลน ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครอยู่บ้านที่คับแคบขนาดนี้ได้ แม้ว่ามันจะสะอาดแต่ก็ดูเก่าราวกับสร้างมานับสิบๆปี ช่องเล็กๆที่พอจะดูออกว่าต่อเติมเป็นร้านขายของนั้นก็เล็กแคบมีเพียงโซฟาตัวเล็กสองสามตัวกับโต๊ะไม้สีลอกเอาไว้รับรองลูกค้า ตู้เค้าเตอร์ที่ไว้เรียงขนมก็เป็นกระจกมัวๆ สิ่งอำนวยความสะดวกในบ้านนี้คงจะมีแค่ตู้เย็นเก่าที่แอบอยู่มุมห้อง คงจะหวังหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

     

     

     

    เหอะ.. นี่หรอที่เรียกว่าบ้านคน

     

     

     

    กูเคยอยู่ที่แบบนี้น่ะหรอ หึ .. ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”

     

     

    แบคฮยอนหน้าร้อนผ่าวเมื่อโดนดูถูกทางสายตาและดูถูกไปถึงบ้านที่เค้ารัก คนตัวเล็กเดินลงส้นเท้าตึงตังขึ้นบันไดหวังจะขึ้นไปชั้นบนแต่กลับถูกมือหนาบีบข้อมือแล้วกระชากมาใกล้ตัวแรงบีบเหมือนคีมเหล็กทำให้แบคฮยอนต้องนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

     

     

    โอ๊ย เจ็บนะ!”

     

     

     

    มึงไม่มีสิทธิ์มาทำท่าทางแบบนั้นใส่กูจำใส่กะลาหัวไว้!”

     

     

     

    แล้วทำไมจะทำไม่ได้นี่มันบ้านผมนะ.. โอ๊ย! เจ็บนะ โอ๊ย..”

     

     

     

    แรงบีบที่เพิ่มขึ้นทำเอาแบคฮยอนต้องรีบหยุดปากที่กำลังต่อล้อต่อเถียงด้วย ชานยอลบีบเนื้อนวลจนขึ้นเป็นรอยนิ้วชัดเจน ถึงรู้ว่าอีกคนจะเจ็บปวดแต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไร ในเมื่อไอ้เด็กนี้มันไม่มีความสำคัญอะไรกับเค้าแม้สักนิด

     

    อ้อ..จะมีก็แค่ที่มันอ้างว่าเป็นน้องชายเค้านั่นแหละ

     

     

    ชานยอลไม่ได้เป็นคนโง่ เหมือนเด็กนี่ต้องการจะให้เค้าเชื่อเรื่องบ้าๆที่มันกุขึ้น หึ.. น้องชายงั้นหรอ ไม่ว่าจะน้องแท้หรือเป็นญาติกันชานยอลก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าเชื่อถือ ถ้าเป็นพี่น้องกันก็น่าจะพูดออกมาตั้งแต่แรกไม่ใช่อมพะนำทำตัวเป็นคนใบ้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมไข้เค้า

     

    อีกอย่างเค้าก็รู้ความจริงอยากพวกพยาบาลที่เข้ามาวุ่นวายถอดสายน้ำเกลือนั่นให้แล้ว ว่าเด็กนี่เป็นแค่พลเมืองดีที่พาเค้ามาส่งโรงพยาบาลไม่ได้เกี่ยวดองกันอย่างที่มันโกหก

     

     

     

    ถ้าเป็นคนดีถึงขนาดเสนอหน้ามาช่วยกู

     

    กูก็จะสนองให้โดยแกล้งทำเป็นโง่เชื่อมึง





     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงลมหายใจที่ถี่รัวเริ่มลดจังหวะช้าลงสะท้อนก้องไปกับผนังห้อง ภายในห้องที่มืดมิดเห็นเพียงแสงสลัวมีสองร่างที่กอดรัดกันอยู่ไม่ห่าง เสียงสัมผัสที่หยาบโลนบ่งบอกถึงกิจกรรมอันร้อนแรงที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี

     

     

     

    อืม..”

     

     

    เสียงทุ้มต่ำที่แสดงถึงความพึงพอใจของคนตัวใหญ่ดังขึ้น ไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหนกลิ่นกายอ่อนๆและเนื้อผิวนุ่มนิ่มของคยองซูก็ทำให้จงอินลุ่มหลงกับมันได้เสมอ

     

     

     

    หอมหวาน.. นิ่มลื่นมือ .. น่าสัมผัส

     

     

    คยองซูมีความน่ารัก ดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาทั้งที่แท้จริงแล้วคนตัวเล็กร้อนแรงจนจงอินแทบจะขาดใจ ทั้งหมดนั้นเป็นกับดัก..

    กับดักอันหอมหวานของคยองซูที่มอบความสุขไม่รู้จักสิ้นสุด จงอินรู้ดีว่าถึงจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่ความสุขที่ได้มันก็คือความสุขเคลือบยาพิษที่หลอกล่อให้เค้าต้องทำผิดบาปกับพี่ชายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

     

     

    ความสัมพันธ์ระหว่างเค้าและคู่หมั้นของพี่ชายเริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เค้าเจอกับคยองซู เค้ามีอะไรกับคนตัวเล็กตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่อเมริกา แต่พอจบการศึกษาจงอินและคยองซูก็ต้องแยกย้ายจากกันเพื่อไปเรียนมหาวิทยาลัยตามสาขาที่ครอบครัวต้องการ จงอินยังอยู่ที่อเมริกาในขณะที่คยองซูกลับมาเรียนต่อในประเทศและนั่นนำมาซึ่งข่าวดีที่จงอินได้รับรู้เมื่อเรียนจบและบินกลับมา

     

     

    ในวันประกาศตัวคยองซูว่าเป็นคู่หมั้นของชานยอล จงอินไม่ได้มีความรู้สึกอะไรนอกเหนือไปจากความเฉยชา ถึงจะติดใจในความน่ารักช่างเอาใจและลีลาของคนตัวเล็กอยู่ไม่น้อยแต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะความสนุกไม่ได้มีความรักเจือปนอยู่แม้แต่เล็กน้อย

     

     

    แต่หลังจากนั้นเมื่อได้มาเจอกันที่งานเลี้ยงต้อนรับสังสรรค์ครั้งต่อมา เมื่อเค้าได้เจอคยองซูอีกครั้ง จงอินกลับเก็บความต้องการเอาไว้ไม่ได้

     

     

     

    ไม่สิ ต้องเรียกว่า.. ทั้งคู่ต่างก็เก็บเอาความต้องการเอาไว้ไม่ได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง

     

     

    คอนโดอีกแห่งของจงอินที่แทบไม่มีใครรู้จักนอกจากคนสนิทถูกใช้เป็นสถานที่เติมเต็มความโหยหาระหว่างกันทุกครั้งที่มีโอกาส จงอินไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเค้าและคยองซูจะจบลงเมื่อไหร่ คงจะเป็นสักวันที่เบื่อหน่ายในร่างกายนี้แล้วล่ะมั้ง

     

     

     

    จงอินลุกขึ้นนั่งขอบเตียงท่ามกลางความมืด ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าคยองซูหลับสนิทแล้วด้วยความเพลีย แสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เรียงตัวกันอย่างดึงดูดบนหน้าท้องของจงอิน ร่างกายสูงใหญ่สมส่วนปกคลุมด้วยผิวสีแทนมีมัดกล้ามน้อยๆที่ได้จากการเล่นกีฬา

     

     

    จงอินเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อจุดบุหรี่สูบ ควันสีขาวและกลิ่นเหม็นที่คยองซูไม่ชอบนักถูกพ่นออกมาเป็นระลอกและดูเหมือนมันจะช่วยระบายความคิดที่อยู่ในหัวออกมาออกมาด้วยเมื่อจงอินมีสีหน้าผ่อนคลายลง

     

     

    หลานชายที่คุณย่าไว้ใจ ทายาทอันดับสองของตระกูลปาร์คที่ทุกคนต่างมองว่าเป็นเหมือนเทพบุตร ทุกระเบียบนิ้วตั้งแต่หัวจรดเท้าของจงอินดูดีไม่มีที่ติ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ใครเลยจะรู้.. ว่าเบื้องหลังนั้นเป็นยังไง ทั้งเล่นชู้กับพี่สะใภ้ตัวเอง สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน มัวเมากับผู้หญิงที่หาซื้อมาจากข้างทาง หึ.. เค้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มคนนึงนั่นแหละ มีหัวใจ ความรู้สึก ความต้องการ และความชั่วช้าอยู่ในจิตใจ

     

     

     

    แต่ที่ต้องทำแบบนี้ ที่ต้องสร้างหน้ากากอันสวยหรูปิดบังมันไว้เพราะเค้าดันเกิดมาอยู่ใต้เงาของชานยอล ปาร์คชานยอลที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยมีใครมองว่ามันไม่ดี ทั้งที่มันทำตัวเหลวแหลกมากกว่าเค้าเสียอีก ถึงแม้จะมีคยองซูเป็นตัวเป็นตนชานยอลก็ยังเริงร่ากับผู้หญิงอื่นลับหลัง ชานยอลใช้เงินเป็นเศษกระดาษ ไม่เคยสนใจว่าใครจะรู้สึกยังไงขอเพียงแค่ตัวเองชี้นิ้วสั่งทุกคนก็ต้องวิ่งหาของที่มันต้องการเอามาวางไว้แทบเท้า

     

     

    ถึงเป็นอย่างนั้นคุณย่าก็ยังรักมัน .. ชานยอลได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ในขณะที่จงอินต้องกระเสือกกระสนทำทุกอย่างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

     

     

    ลูกในไส้ มันก็คงดีกว่าลูกที่เก็บมาเลี้ยงอย่างเค้าอยู่แล้ว..

     

     

     

    จงอินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเมื่อรู้สึกว่าตนเองชักจะอ่อนแอเกินไป เค้ามองหมู่ดาวที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้านับล้านดวง ทุกดวงต่างแข่งกันอวดแสงระยิบระยับ

     

     

    ต้องส่องแสงออกมาให้ได้มากที่สุด.. ถึงจะมีคนสนใจ

    ต้องแสดงความงดงามของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด .. ต้องกลบรัศมีของดาวดวงอื่นไปให้หมด

     

     

    เมื่อนั้นจงอินถึงจะเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ครอบครองทุกอย่าง

     

     

     

    ---------------------------------------------------------100%---------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×