ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OASIS รักชะโลมใจ CHANBAEK ft. KAIDO

    ลำดับตอนที่ #3 : OASIS ; คนตระกูลปาร์ค

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 57


    BlackForest

    2
     


    ตึกสูงตระหง่านดูแล้วคงไม่ต่ำกว่ายี่สิบชั้น ดีไซน์แปลกตาดูทั้งหรูหราและทันสมัยตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจรู้จักกันในชื่อบริษัทskypark หนึ่งในบริษัทลูกเครือกิจการยักษ์ใหญ่ของตระกูลปาร์คที่คุมงานก่อสร้างแทบครึ่งประเทศ รถที่จอดเทียบหน้าประตูแก้วของบริษัมล้วนแต่เป็นรถยุโรปราคาไม่ต่ำกว่าหลักล้านยิ่งบ่งบอกได้ถึงความมั่งคั่งของกิจการนี้ ไม่นับรวมชายหนุ่มหลายคนที่ก้าวลงมาจากรถแต่ละคันซึ่งล้วนดูภูมิฐานสมกับเป็นทายาทที่ภาคภูมิใจของมหาเศรษฐีตระกูลปาร์ค

     

     


    ปาร์คจองซูก้าวออกจากรถเป็นคนแรก ชายวัยสามสิบต้นๆสวมแว่นกันแดดสีชารับกับผมสีน้ำตาลทอง สูทสีเทาพร้อมรองเท้าหนังราคาแพงที่สวมใส่มาวันนี้ดูเหมือนจะสั่งตัดมาเพื่อร่างสูงโดยเฉพาะเพราะมันดูลงตัวและมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ

     

     


    จองซูปรายตาไปมองเมื่อเห็นออร์ดี้และแลมบูกินี่อีกสองคนเค้ามาจอดเทียบไม่ไกลออกไป มุมปากกระตุกยิ้มเป็นเชิงดูแคลนเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ก้าวออกจากรถซึ่งคงมีจุดประสงค์เดียวกันกับเค้า

     

     

     


    หึ ก็คิดว่าประชุมสำคัญวันนี้จะเรียกเฉพาะตระกูลปาร์คเท่านั้น ที่ไหนได้เรียกพวกตระกูลขี้ข้าลูกคนรับใช้พวกนี้มาด้วยหรอนี่”

     

     

     

    คิมจุนมยอนชะงักกับคำพูดเหยียดหยามพร้อมสายตาที่มองมาราวกับเค้าเป็นเพียงเศษดินโคลนที่เปื้อนรองเท้าของจองซู เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความเดือดพล่านอยากจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนคนที่มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ตรงหน้าก็ตามที

     

     

     

    พูดให้มันดีๆหน่อยนะครับพี่ การที่สกายปาร์คเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้จะเป็นเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลคิมช่วยเหลือไว้ส่วนหนึ่ง”

     

     

     


    หึ ไม่จำเป็นต้องมีไอ้พวกกระจอกอย่างมึงมาช่วยสกายปาร์คก็อยู่ได้ ไม่ใช่เครือของบริษัทปาร์ครึไงที่คุมไซต์งานก่อสร้างค่อนประเทศจนตระกูลชเวต้องคลานเข้ามาขอผลประโยชน์ อย่ามาทำเป็นมีบุญคุณกับพวกกูหน่อยเลยเห็นแล้วสมเพช”

     

     



    จองซูตาลุกวาวเมื่อถูกคนที่มีศักดิต้อยต่ำกว่าทั้งฐานะและอายุล้ำเลิกบุญคุณ น้ำเสียงแข็งกระด้างหยาบคายที่หลุดออกจากปากคงทำให้อีกฝ่ายโกรธไม่น้อยเช่นกันเมื่อจุนมยอนยืนกำหมัดแน่นจนตัวสั่นเทิ้ม

     

     

     



    แหมๆ.. ตอนเด็กๆกัดกันยังไงโตขึ้นมาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ อ๊ะ .. แต่จะใช้คำว่ากัดคงไม่ถูกสินะเพราะมันใช้กับหมาไม่ได้ใช้กับคนมีการศึกษาแบบพี่ทั้งสองคน”

     

     

     


    เสียงระรื่นดังขึ้นจากรถคันที่สามที่จอดต่อจากแลมบูกินี่ เด็กหนุ่มที่มาใหม่กำลังท้าวคางกับประตูรถออดี้ของตนพร้อมส่งรอยยิ้มที่ทำให้จองซูและจุนมยอนรู้สึกฉุนหนักขึ้นกว่าเดิม เค้าคงยืนฟังบทสนทนาอยู่นานแล้วดูจากน้ำเสียงเย้ยหยันที่เปล่งออกมา เด็กหนุ่มคนที่สามดูมีใบหน้าอ่อนเยาว์ที่สุดแม้ร่างกายจะสูงใหญ่กว่าจองซูเสียด้วยซ้ำ ผมด้านบนเป็นสีทองล้อกับแสงแดดตัดกับผมสีดำด้านข้างที่ไถเกรียน การแต่งตัวและทรงผมแตกต่างกับความภูมิฐานหรูหราของชายหนุ่มสองคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

     

     

     



    มึงหุบปากเดี๋ยวนี้นะไอ้เซฮุน!! กล้าดียังไงมาพูดกับกูแบบนี้”

     

     

     


    จองซูตะคอกเสียงดังแววตาคุกรุ่นไปด้วยความเดือดดาล แต่โอเซฮุนกลับผิวปากหวือส่งรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาทั้งสองโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวไม่สะทกสะท้านกับความแข็งกร้าวที่ญาติผู้พี่ส่งมาให้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธได้เท่าไหร่ดูเหมือนเด็กหนุ่มร่างสูงจะยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น

     

     

     



    นั่นสิครับ ผมน่ะเป็นแค่หลานห่างๆคงไม่กล้าไปว่าอะไรพี่ที่เป็นถึงหลานรักหมายเลขสามของคุณย่าหรอกครับ..”

     

     



    น้ำเสียงระรื่นหูที่ฟังดูเผินๆคงไม่คิดอะไรแต่ประโยคดังกล่าวของโอเซฮุนเสียดแทงเข้าไปหัวใจของจองซูอย่างจัง เค้าเข้าใจความหมายที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดนั้นเป็นอย่างดี



    ทั้งที่ควรจะได้เป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลปาร์คเพราะด้วยความสนิทสนมของสายเลือกที่ใกล้ชิดและจริงๆแล้วจองซูคือหลานชายคนแรกและเกิดจากลูกชายคนโตซะด้วยซ้ำ ชายหนุ่มควรจะได้รับสิทธิ์เป็นผู้บริหารสูงสุดของสกายปาร์คและได้เป็นผู้สืบทอดบริษัทใหญ่ในอนาคต หากแค่ผู้เป็นย่ากลับเลือกให้หลานชายที่เกิดจากลูกชายคนโปรดมาเป็นทายาทอันดับหนึ่งและสองทำให้เค้าต้องตกเป็นแค่ทายาทอันกับสามมีสิทธิ์มีเสียงแค่เพียงน้อยนิด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจของจองซูให้ลุกเป็นไฟอยู่เสมอจึงไม่แปลกที่เค้าจะกระโจนเข้าหาโอเซฮุนทันที่ที่เจ้าตัวพูดจบ

     

     




    มึง!!!”

     

     

     



    หึหึ เอาสิครับต่อยผมเลย .. หาเรื่องใส่ตัวให้มากๆเข้า คุณย่าท่านกำลังเพ่งเล็งพี่อยู่ไม่ใช่หรอ”

     

     




    หมัดที่เงื้ออ้าเตรียมจะปล่อยใส่ใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เป็นอ่อนวัยกว่าชะงักค้างในอากาศ โอเซฮุนส่งยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นท่าทีที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างยากเย็นของจองซู ร่างสูงใหญ่ของญาติผู้พี่ของเค้าสั่นเทิ้มไปหมด ช่างเป็นภาพที่น่าดูซะนี่กระไร …

     

     




    พอกันสักทีเถอะ ไม่ว่าจะพี่จะผมหรือเซฮุนทุกคนก็ไม่มีความสำคัญเทียบเท่ากับชานยอลกับจงอินหรอก ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลโอ คิม หรือแม้แต่หลานแท้ๆของตระกูลปาร์ค เป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้อย่าทำหยิ่งผยองใส่กันไปหน่อยเลย”

     

     



    จุนมยอนพูดไว้เพียงเท่านั้นสายตาจับจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชาไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือเป็นห่วงเซฮุนแม้แต่น้อย ก่อนหลานชายจากตระกูลคิมจะก้าวเท้าเข้าไปในบริษัทตามไปด้วยจองซูที่เหวี่ยงคอเสื้อของเซฮุนทิ้งด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด

     

     



    เงินทองและผลประโยชน์นี่น่ากลัวจริงๆ มันสามารถทำให้พี่น้องร่วมสายเลือดเกลียดชังจนแทบฆ่ากันได้ ทำให้ผู้คนหน้ามืดตามัวเหยียบหัวกันโดยลืมทั้งความรัก ความเมตตา สิ่งที่ถูกที่ควร ลืมไปทั้งหมดทั้งสิ้น

     

     

     



    เงินทองน่ะมันก็แค่เศษกระดาษที่พอร่างกายผุพังเน่าเหม็นก็เอาติดตัวไปไม่ได้ ยังไม่เคยเห็นใครเอาทรัพย์สมบัติที่กระเสือกกระสนแย่งชิงกันมาเอาไปใช้ในโลกกหลังความตายได้สักคน

     

     

    ถ้าไม่ติดว่าการปั่นหัวคนอื่นมันน่าสนุก การยั่วอารมณ์เป็นสิ่งหอมหวานที่โอเซฮุนโปรดปราน เค้าไม่เอาตัวเข้ามายุ่งกับเรื่องพรรค์นี้ให้เสียเวลาหรอก

     

     


    เซฮุนหยิบแว่นกันแดดกรอบลายขึ้นมาสวมไว้พร้อมยกยิ้มมุมปากก่อนจะล้วงกระเป๋าฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเดินทอดน่องตามจองซูและจุมมยอนเข้าไปในตัวอาคารอย่างไม่รีบร้อน

     

     

     

     

     

     

     

     


    ห้องประชุมภายในตัวอาคารของสกายปาร์คถูกออกแบบมาอย่างดีสมศักดิ์ศรีความเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างและออกแบบตกแต่งภายใน โต๊ะประชุมทำจากแก้วเนื้อเขียวใสทอดยาวออกไปจนสุดอีกฝากของห้อง เก้าอี้สีเข้ากับตัวโต๊ะนับสิบๆตัวถูกเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ เบื้องหน้าเก้าอี้ทุกตัวมีป้ายชื่อทำจากแผ่นเหล็กสีเหลืองอร่ามระบุที่นั่งของผู้ร่วมประชุมทุกคนไว้

     

     

    การประชุมครั้งนี้คงมีวาระสำคัญพอสมควรเพราะแทบจะไม่มีเก้าอี้ตัวไหนที่ไม่มีคนนั่งอยู่ ไล่ตั้งแต่ลูกชายลูกสาวและหลานชายของตระกูลปาร์ค ตระกูลคิมที่ร่วมสายเลือดเดียวกันและตระกูลโอที่เกี่ยวดองกันห่างๆ

     

     

     


    อีกสิบนาทีท่านประธานใหญ่จะเข้ามานะคะ”

     

     

    เลขาสาวโค้งคำนับทายาททุกรุ่นของเจ้านายด้วยท่าทีนอบน้อมก่อนจะเลี่ยงออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่บรรยากาศมาคุระหว่างโต๊ะประชุม

     

     

     


    หึ.. ไม่รู้คุณย่าคิดอะไร เชิญพวกกาฝากมากันด้วย”

     

     


    จองซูที่นั่งข้างพ่อของตนเหยียดยิ้มดูถูกอย่างไม่คิดจะปิดบัง สายตาไล่มองไปยังบรรดาญาติห่างๆของตนเอง น้ำเสียงเย้ยหยันนั้นไร้ซึ่งความเคารพแม้บางคนที่อยู่ ณ ที่นี่จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของตนก็ตาม ซึ่งพ่อแท้ๆของจองซูก็ไม่ได้มีทีท่าจะห้ามปรามลูกชายของตนแต่อย่างใดจนชายวัยอาวุสโสอีกคนที่นั่งข้างๆต้องเอ่ยปากห้ามออกมาแทน

     

     

     

    จองซู แกพูดอย่างนั้นได้ยังไง”

     

     

     


    คุณอาน่ะหุบปากไปเถอะครับ”

     

     

     


    ใช่!! คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนลูกชายของชั้นหุบปากไปซะ”

     

     

     

    ปาร์คนัมแทถอนหายใจ เค้าไม่ถือโทษโกรธเมื่อถูกพี่ชายแท้ๆตวาดใส่อย่างหยาบคายต่อหน้าสาธารณะชนแต่เพียงอยากจะให้หลานชายของตนรู้จักกาละเทศะและหัดเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เสียบ้างไม่ใช่คิดบ้าวยศบ้าอย่างอยู่แบบนี้

     

     


    ช่างเค้าเถอะครับพ่อ..”

     

     

    นัมแทหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งข้างกายตน จงอินยิ้มพลางแตะแขนพ่อของตนเบาๆเป็นเชิงปลอบประโลม เด็กหนุ่มตวัดสายตาไปมองจองซูแค่เพียงแว่บเดียวเท่านั้น ความสมเพชเวทนาปรากฏชัดในแววตาแต่เค้าก็เลือกที่จะเงียบไว้

     

     


    ก็อย่างนี้แหละคนมันถูกเลี้ยงมาอย่างเห็นแก่ได้ จะให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ยังไง อายุปูนนี้แล้วยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ..

     

     


    บานประตถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างของหญิงชราที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าพร้อมมีบอร์ดี้การ์ดร่างกายสูงใหญ่คอยยื่นท่อนแขนให้ยึดเกาะไว้ ทุกคนในที่นั้นพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนบรรยากาศมาคุเมื่อครู่มลายหายไปเหลือแต่ความเงียบกริบ

     

    หญิงชราทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่หัวโต๊ะ คนดูแลข้างตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างนอบน้อมพร้อมเอาผ้าไหมสีดำมาคลุมช่วงไหล่ป้องกันความหนาวเย็นให้คนเป็นนาย ถึงแม้การเคลื่อนไหวจะเชื่องช้าตามประสาร่างกายที่โรยราแต่ริ้วรอยความสวยสง่านั้นไม่อาจถูกความชราปกปิดไว้ได้

     

     

     

    สวัสดีทุกคน หวังว่าการประชุมคราวนี้จะไม่ทำให้ลำบากใจที่จะต้องมาเจอหน้าคนแก่อย่างชั้นนะ”

     

     


    น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นชัดเจนมีพลัง หญิงชราปรายสายตามามองบรรดาลูกหลานอย่างรู้ทันในความคิด ในแววตามีบางอย่างที่ทำให้แม้แต่คนจองหองอย่างจองซูก็ต้องนั่งก้มหน้าเงียบรับฟังแต่โดยดี

     

     

    เซฮุนคงจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงชราตรงหน้านัก เด็กหนุ่มปิดการรับรู้ด้วยหูฟังที่เปิดฟังเพลงอยู่ ปลายนิ้วเลื่อนไปตามหน้าจอไอโฟนของตนเองอย่างเพลิดเพลินแม้ว่าจะถูกญาติร่วมตระกูลเดียวกันส่งสายตาห้ามปรามมาแต่เค้าก็ยังเล่นเกมส์ต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน

     

     

     



    ชั้นมีเรื่องสำคัญที่จะมาประกาศให้ทุกคนได้รู้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารของบอร์ดผู้บริหารสกายปาร์คพอสมควร ขอให้ทุกคนตั้งใจฟังด้วย..”

     

     

     


    เสียงซุบซิบอื้ออึงดังขึ้นทันที โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ของจองซูที่กระตุกแขนเสื้อของสามีกระซิบกระซาบด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้า หญิงชราทำเป็นไม่เห็นภาพตรงหน้าและพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง

     

     

     



    เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อคืนวานนี้รถของชานยอล.. ประสบอุบัติเหตุ”

     

     

     


    แววตาของปาร์คจองซูไหววูบกับข่าวที่ได้ยิน หลานชายคนโตแอบลอบมองหน้าของผู้เป็นย่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น หัวใจในอกเต้นรัวด้วยความยินดีที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิดแม้จะยังไม่รู้รายละเอียดแต่ถึงการประชุมในครั้งนี้จะเป็นข่าวร้ายแต่มันต้องเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเค้าแน่ๆ ไม่ต่างอะไรกับนักกับบรรดาญาติคนอื่นที่เริ่มขยับตัวไปมาด้วยความตื่นเต้นไม่มีท่าทีเศร้าสลดอย่างที่ควรจะเป็น

     

     



    ปาร์คจีซอนมองดูปฏิกิริยาของลูกหลานด้วยความนิ่งสงบ แม้จะเตรียมใจมาอยู่บ้างแล้วว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้แต่ก็อดปวดแปลบที่ใจไม่ได้

     

     



    ตอนนี้ชานยอลกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงอาการจะไม่ได้แย่มากแต่ก็ยังเข้ามาบริหารงานในบริษัทตอนนี้ไม่ได้ จำเป็นจะต้องมีคนมาปฏิบัติหน้าที่แทน คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมีความคิดรอบคอบและมีความสามารถพอที่ชั้นจะไว้ใจฝากฝังงานใหญ่ไว้ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจะแจ้งให้ทราบว่าจงอินจะทำหน้าที่ประธานบริษัทสกายปาร์คไปจนกว่าชานยอลจะหายเป็นปกติ และทุกๆคนก็คงจะรู้ว่าคำพูดของชั้นคือสิ่งที่ชั้นคิดพิจารณามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ..ถือเป็นคำสั่งสูงสุด”

     

     



    ท้ายประโยคจีซอนจงใจกดสายตาไปที่ครอบครัวของลูกชายคนโตที่กำลังแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน ปาร์คจองซูจ้องตาผู้เป็นย่าด้วยความโมโหริมฝีปากเม้มแน่นอย่างอดกลั้นคำพูด การให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างจงอินมาเป็นผู้บริหารแทนที่ควรจะเป็นเค้าซึ่งพรั่งพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัยวุฒิและการศึกษาไม่ต่างอะไรกับการที่จีซอนกำลังตบหน้าเค้าต่อหน้าที่ประชุม

     



    คิมจุนมยอนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่งแม้ว่าผู้เป็นพ่อข้างกายของเค้าจะแสดงอาการไม่พอใจกับคำสั่งนี้เหมือนกัน ในขณะที่เซฮุนปิดปากหาวอยู่อีกมุมนึงของโต๊ะประชุม

     

     

     



    ขอให้ทุกคนรับทราบเอาไว้ การประชุมวันนี้มีเท่านี้ขอโทษที่ต้องทำให้เสียเวลาในการทำงานแต่เรื่องนี้สำคัญมากจนชั้นจะต้องเป็นผู้พูดด้วยตัวเอง แยกย้ายกันได้แล้ว”

     

     



    ตระกูลโอเป็นตระกูลแรกที่ทยอยกันออกจากห้องประชุมโดยมีโอเซฮุนที่เดินนำลิ่วออกไปเป็นคนแรก แม้ว่าทิศทางการประชุมในวันนี้จะไปในทางไหนก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับคนในตระกูลอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ

     



    ต่อไปคือตระกูลคิม จุนมยอนพร้อมพ่อและน้องชายอีกสองคนโค้งคำนับผู้เป็นย่าอย่างนอบน้อมแม้สายตาของคนเป็นพ่อจะขุ่นมัวอยู่บ้างแต่เค้าก็เข้าใจในฐานะตัวเองดีว่าเป็นตระกูลรองแม้จะคิดว่าลูกชายของตนก็มีสิทธิ์จะได้รับตำแหน่งเหมือนที่จงอินได้แต่รู้ว่าถึงแย้งไปก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว

     

     



    ดังนั้นทั้งห้องจึงเหลืออยู่แค่ปาร์คจีซอน ลูกชายคนโตลูกชายคนเล็กและหลานชายอีกสองคน

     

     




    ทำไมพวกแกยังไม่ไปกันอีกล่ะ”

     

     


    จีซอนเลิกคิ้วขึ้น มือเหี่ยวย่นประคองถ้วยกาแฟขึ้นจิบอย่างสง่างาม สายตาปรายไปทางจองซูที่ยังนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น

     

     



    คุณแม่คะ.. ทำไมคุณแม่ถึงให้จงอินเป็นประธานบริษัทล่ะคะ”

     

     




    แล้วชั้นตัดสินใจผิดพลาดยังไง”

     

     



    ลูกสะใภ้คนโตอึกอักกับคำพูดของแม่สามี เธอปรายตาไปทางสามีหวังจะให้ช่วยพูดนั่นทำให้ปาร์คนัมซอกเอ่ยปากออกมาถึงน้ำเสียงจะติดเกรงใจคนเป็นแม่อยู่พอสมควร

     

     



    ผมคิดว่าจองซูน่ะมีความเหมาะสมมากกว่าทั้งอายุทั้งความรู้.. เอ่อ คุณแม่ไม่คิดว่าจงอินน่ะเด็กเกินไปสำหรับงานใหญ่ขนาดนี้หรอครับ”

     

     

     


    หึ.. จองซูน่ะคุณสมบัติจะเป็นหลานชายที่ดียังไม่มีเลยจะให้ชั้นหวังฝากอนาคตของสกายปาร์คไว้ด้วยเห็นทีจะยาก”

     

     


    สิ้นคำของหญิงชราจองซูก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่พร้อมเดินก้าวเท้าฉับผ่านจีซอนไปโดยไม่มีแม้แต่การคำนับลา นัมซอกเห็นท่าไม่ดีจึงรีบฉุดภรรยามาโค้งผู้เป็นแม่และก้าวตามลูกชายคนเดียวของตนไปในทันที

     


    จงอินที่นิ่งเงียบมาตลอดระยะเวลาการประชุมแม้ว่าตัวเองจะถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้งและกำลังจะได้รับตำแหน่งที่ทุกคนล้วนยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้มันมาครอบครอง ใบหน้าอ่อนวัยนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆนอกจากหันไปสบตากับผู้เป็นย่า

     

     


    แล้วแกล่ะ มองว่าการกระทำของชั้นน่ะมันผิดด้วยรึเปล่า”

     

     




    ผมและลูกชายเคารพในการตัดสินใจของคุณแม่เสมอมาครับ เพียงแต่หลังจากนี้คงจะมีปัญหาตามมาไม่น้อย”

     

     



    นัมแทเป็นคนตอบคำถามของผู้เป็นแม่ แม้เค้าจะรู้ดีว่าสิ่งที่จีซอนตัดสินใจไปจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่หลวงมากมายโดยเฉพาะความเกลียดชังระหว่างเค้ากับพี่ชายแท้ๆคงต้องเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ แต่ถึงอย่างไรนัมแทก็มั่นใจว่าจีซอนคงจะตัดสินใจเพราะมีเหตุผลที่ดีอยู่ในใจเป็นแน่

     

     



    แล้วเราล่ะจงอิน”

     

     




    ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับ เพียงแต่แค่สงสัยว่าที่คุณย่าปิดบังเรื่องของพี่ชานยอลไว้อย่างนี้มันจะดีจริงๆน่ะหรอครับ?”

     

     



    จีซอนวางแก้วกาแฟลงเป็นครั้งแรกที่ใบหน้าเยือกเย็นราวกับนางพญานั้นกำลังครุ่นคิด .. ความจริงแล้วหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอไม่ได้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตามที่พูดไป ความจริงแล้วมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นที่หญิงชราไม่ได้แพร่งพรายให้ใครรู้ ผู้ที่รับรู้ความจริงมีเพียงสองพ่อลูกที่นั่งอยู่ ณ ที่นี่เท่านั้น

     

     



    เอาเป็นว่าแกก็ทำตามที่ย่าสั่ง.. อะไรที่อยู่นอกเหนือจากนี้ย่าจะเป็นคนจัดการเอง”

     

     

     



    ครับ..คุณย่า”

     

     


     


    ..

     

     



    จงอินถอนหายใจออกมายาวๆเมื่อก้าวพ้นห้องประชุม นัมแทมองลูกชายคนเล็กอย่างเข้าใจก่อนมือกร้านจะวางบีบบนไหล่เป็นเชิงให้กำลังใจ

     

     


    อดทนเข้าไว้นะลูก เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะเข้าที่เข้าทางขึ้นเอง ทั้งเรื่องบริษัทแล้วก็เรื่องชานยอล”

     

     

     


    ครับพ่อ พ่อเองก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะผมรู้ว่าพ่อก็เหนื่อยมากเหมือนกัน อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยนะครับ เชื่อมือคุณย่าท่านเถอะ”

     

     


    เด็กหนุ่มบีบมือพ่อของตนกลับก่อนจะโค้งคำนับลา แผ่นหลังของนัมแทก้าวห่างจากลูกชายคนเล็กไปเรื่อยๆในขณะที่จงอินยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ความรู้สึกหากหลายไหล่บ่าเข้ามาในจิตใจจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตอนนี้รู้สึกนึกคิดอย่างไร

     

     


    พี่ชายคนเดียวของเค้าปาร์คชานยอล หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

     

    ท่ามกลางปริศนาที่ดำมืด เด็กหนุ่มอายุเพียง20ปีจะต้องแบกรับทุกอย่างแทนที่พี่ชาย

     




    และรอบตัวของเค้าไร้ซึ่งคนที่จะเห็นใจ ญาติพี่น้องครอบครัวที่ควรจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามที่ชีวิตเหนื่อยล้ากลับกลายเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถไว้ใจใครได้ ทุกคนพร้อมจะเหยียบย่ำเค้าให้จมดินทุกเวลาหากทำพลาดแม้แต่นิดเดียว

     

     


    และเค้าต้องไม่พลาด จงอินจะต้องทำให้ได้แม้จะไม่ดีเท่าชานยอล

    แต่เค้าต้องทำให้ได้

     

     

     



    อ้าว.. สวัสดีครับจงอินยังไม่กลับอีกหรอ ผมนึกว่าประชุมเสร็จซะแล้วอีก”

     

     


    เปลือกตาที่หลุบปิดเพราะความเหนื่อยล้าลืมขึ้นใหม่เมื่อได้ยินเสียงหวานหูเรียกชื่อของเค้า บุคคลตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างเล็กผิวพรรณสะอาดสะอ้านและมีรอยยิ้มที่รับกับดวงตากลมโตสุกสกาว


    โดคยองซูคือคนรักของชานยอลที่มักจะเข้าออกที่บริษัทนี้อยู่บ่อยๆจนลูกน้องคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี แต่ถึงเข้ามาไม่บ่อยคยองซูก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วเนื่องจากพ่อของเค้าเป็นลูกค้าคนสำคัญของสกายปาร์คและสนิทสนมกับปาร์คจีซอนผู้เป็นย่าของจงอินเป็นอย่างดี วันนี้ร่างบางอยู่ในชุดสูทขนาดพอดีตัวนั่นคงเป็นเพราะคนตัวเล็กคงจะแวะเข้าไปดูบริษัทตัวเองก่อนที่จะเข้ามาที่นี่

     

     



    อ่ะ.. สวัสดีครับคุณคยองซู”

     

     




    เรียกผมว่าคยองซูก็ได้ฮะ คนกันเองแท้ๆยังเรียกผมว่าคุณๆอยู่นั่นแหละ”

     

     



    ร่างเล็กเบะปากขมวดคิ้วมุ่นคงจะขัดใจที่จงอินยังไม่ยอมทำตัวเป็นกันเองด้วยแม้จะสนิสนมกันอยู่ก่อนแล้วก็ตาม คยองซูเป็นรุ่นน้องโรงเรียนไฮสคูลเมื่อครั้งจงอินไปเรียนที่อเมริกา คนตัวเล็กกว่าอายุน้อยกว่าเค้าเพียงปีเดียวแต่ใบหน้าอ่อนวัยนั้นดูราวกับว่าเป็นน้องชายตัวน้อยที่ห่างกันหลายปี

     

     



    อีกอย่างนะ..”

     

     



    ดวงตากลมโตนั้นเปลี่ยนเป็นประกายระริกแพรวพราว คยองซูเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยพอให้ริมฝีปากของตนเข้าใกล้กับใบหูจงอินมากขึ้นพร้อมกระซิบคำหวานที่ได้ยินกันเพียงแค่สองคน จงอินยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินประโยคที่หลุดจากริมฝีปากเล็กก่อนจะหันตัวเดินตามแผ่นหลังเล็กของคยองซูซึ่งเพิ่งเดินเฉียดไหล่เค้าตรงไปทางห้องน้ำที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

     

     

     

     





    ทั้งที่ตอนอยู่ด้วยกันสองคนเรียกผมว่าที่รัก.. ที่รัก.. แท้ๆ...”









    ---------------------------------------------------
    100%----------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×