ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    OASIS รักชะโลมใจ CHANBAEK ft. KAIDO

    ลำดับตอนที่ #4 : OASIS ; ตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 57


    BlackForest

    3
     

     

    ห้าวัน.. เป็นเวลาห้าวันมาแล้วนับจากเหตุการณ์ที่แบคฮยอนได้บังเอิญเจอชายแปลกหน้าและช่วยเหลือเค้าไว้ ห้าวันที่คนตัวเล็กแวะเวียนเข้ามาหาร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่มีวี่แววว่าร่างสูงของชายหนุ่มจะฟื้นคืนสติเสียที

     

     

    แบคฮยอนวางผลไม้ถุงเล็กๆซึ่งเค้ามักจะนำติดตัวมาด้วยเสมอเวลามาที่ห้อง 2019 ณ โรงพยายาลแห่งนี้ มาเพื่อนั่งมองผู้ป่วย หรือบางครั้งก็เปิดดูทีวีเล่นประมาณสองสามชั่วโมงก่อนจะกลับไปเปิดร้านตามปกติ ดวงตากลมโตพิจารณาใบหน้าของคนที่เค้าช่วยเหลือไว้

     

     

     

    ริมฝีปากหนานั้นโค้งหยักราวกับรูปปั้นกรีกโรมันที่งดงาม เปลือกตาปิดสนิททำให้แบคฮยอนไม่รู้ว่าแววตาข้างใต้เป็นอย่างไร จมูกโด่งแม้จะมีแผลม่วงช้ำแต่มันก็รับกับโครงหน้าคมคายได้อย่างลงตัว ถึงแบคฮยอนจะไม่รู้จักกับชายหนุ่มคนนี้มาก่อนแต่ก็ต้องยอมรับว่าเค้าเป็นคนที่รูปหล่อมากทีเดียว

     

     

     

     

    เฮ้อ..”

     

     

     

    คนตัวเล็กถอนหายใจยาวๆอย่างหนักใจ อยากจะให้คนตรงหน้าฟื้นขึ้นมาเต็มทนจะได้จบเรื่องราววุ่นวายทั้งหลายแล้วกลับไปมีชีวิตเงียบๆตัวคนเดียวอีกครั้ง

     

     

     

    อืม..”

     

     

     

    เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นติดๆกันทำให้แบคฮยอนรีบเงยหน้ามอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นเรียวนิ้วที่วางสงบนิ่งมานานมีการขยับเคลื่อนไหวพร้อมๆกับเปลือกตาที่ขยับกระพริบปรือขึ้นช้าๆ ชายหนุ่มที่นอนนิ่งมาเอบอาทิตย์กำลังรู้สึกตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาคนตัวเล็กแล้ว

     

     

    ฟะ.. ฟื้นแล้ว !

     

     

     

     

    คุณครับ รอแปปนึงนะครับเดี๋ยวผมจะไปเรียกหมอมาให้ คุณหมอฮะ คุณหมอ..!”

     

     

     

    ด้วยอารามดีใจทำให้แบคฮยอนรีบผลุนผลันออกไปจากห้องโดยไม่ทันเฉลียวใจเลยสักนิด ถ้าหากแบคฮยอนหันกลับมาดูเพียงสักนิดเค้าจะสังเกตเห็นว่าแววตาที่ลืมขึ้นมาคนผู้ป่วยนั้นดูว่างเปล่าและเลื่อนลอย ร่างสูงกวาดสายไปทั่วห้องด้วยความสับสน มือหนาถูกยกขึ้นมาระดับสายตาเพื่อสำรวจดูอย่างเชื่องช้า ราวกลับว่าเค้าไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเองด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

     

    อืม...”

     

     

     

    เสียงใคร่ครวญในลำคอของหมอเจ้าของไข้ทำให้แบคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ตั้งแต่เข้ามาคนเป็นหมอก็มัวแต่พึมพำกับตัวเองไม่ได้มาสนใจร่างเล็กที่ยืนกระสับกระส่ายร้อนอยากอยากจะรู้ผลอยู่ด้านหลังตัวเองเลยสักนิด

     

     

     

    ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อคนไข้ฟื้นแล้ว.. ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่ ทำไมหมอหนุ่มที่เข้ามาตรวจไข้ถึงมีสีหน้าไม่ค่อยดีแบบนี้ล่ะ

     

     

     

     

    คุณแบคฮยอนครับ”

     

     

     

    อี้ฟานหมอหนุ่มเชื้อสายจีนถอดแว่นออกแววตายังมีหน้าหนักใจ ไม่ใช่หนักใจเพราะอาการของคนไข้ในความดูแลของเค้านั้นย่ำแย่ แต่เพราะความรู้ทางการแพทย์ที่สั่งสมมาเป็นอย่างดีทำให้เค้ารู้แน่ชัดถึงอาการของชายหนุ่มแล้วตังหาก

     

     

     

     

    ดูเหมือนคนไข้รายนี้จะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักบริเวณศรีษะนะครับ หมอเกรงว่า..”

     

     

     

     

    ฉากนี้คุ้นๆจัง .. เหมือนกับว่าแบคฮยอนรู้แน่ชัดในใจก่อนที่แพทย์อี้ฟานจะเอ่ยให้จบประโยคด้วยซ้ำไป เป็นโรคพื้นฐานที่ใครก็เป็นกันได้ แต่ในวันนี้คนหน้าหวานไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้ากับตัวอย่างจัง

     

     

     

     

     

    ...คนไข้จะสูญเสียความทรงจำชั่วคราวน่ะครับ”

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนรู้สึกชาๆที่ผิวหน้าเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างที่คิดไว้ในใจไม่ผิดเพี้ยน ความวูบไหวเล็กๆที่มีตอนแรกกลายเป็นก้อนตะกอนหนักอึ้งที่ถ่วงให้หัวใจตกวูบไปกองกับตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว ความคิดที่ชีวิตตนจะเป็นอิสระต่อพันธะที่เกิดจากความมีน้ำใจไม่เข้าเรื่องหายไปทันที เหมือนความสุขเล็กลีบลงราวกับลูกโป่งที่ถูกเข็มจิ้มให้ค่อยๆเล็กฟีบ

     

     

     

     

     

     

    ละ.. แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ ทีนี้ก็ไม่รู้น่ะสิว่าเราจะติดต่อกับญาติของเค้าได้ยังไง”

     

     

     

    อี้ฟานขมวดคิ้วพยักหน้ารับกับคำพูดของเด็กหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเค้า เป็นเค้าก็คงจะตกใจเหมือนกันไม่มีใครอยากจะแบกรับภาระหนักอึ้งขนาดนี้หรอก ไหนจะภาระค่ารักษาพยาบาลที่ก็ไม่ใช่น้อยๆ และยิ่งเค้าเองก็รุ้มาว่าเด็กหนุ่มหน้าหนาวตรงหน้าอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ซ้ำยังไม่ได้เป็นญาติหรือเกี่ยวพันอะไรกับคนไข้ของเค้า เป็นเพียงแค่พลเมืองดีที่กำลังตกที่นั่งลำบากเท่านั้นเอง

     

     

     

    แพทย์หนุ่มหันกลับไปดูคนไข้ของเค้าอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่มีผิวพรรณเนียนสะอาดกำลังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาก ดวงตาจับจ้องที่ผนังห้องอย่างกึ่งเลื่อนลอยกึ่งว่างเปล่า ดูท่าท่างแล้วคงจะเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลไม่น้อย แต่จะข้อมูลจากการคาดเดาจะช่วยอะไรดีขึ้นได้กันเล่า

     

     

     

     

    คุณครับ .. คุณจำได้มั้ยครับว่าคุณชื่ออะไร”

     

     

     

     

    ชายหนุ่มหันหน้ามาสบตากับแพทย์ก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนถูกดูถูก

     

     

     

     

     

    ไม่รู้ ใครจะไปรู้วะ”

     

     

     

    ทั้งที่ตัวเองถูกคนไข้สบประมาททางสายตาแต่จรรณยาบรรณทางการแพทย์ทำให้อี้ฟานยิ้มรับอย่างใจเย็น เค้าเริ่มถามคำถามใหม่อีกครั้งด้วยเสียงที่นุ่มนวล

     

     

     

     

    แล้วคุณพอจะจำได้ เกี่ยวกับญาติพี่น้องของคะ...”

     

     

     

     

     

    กูจะไปรู้ได้ยังไง มึงถามอะไรนักหนาวะ คนยิ่งปวดหัวอยู่ ไปให้พ้นหน้าเลยไป!!!”

     

     

     

     

    คนตัวเล็กที่ยืนฟังมานานชะงักนิ่งกับความป่าเถื่อนที่เค้าได้เห็นมากับตา ความรู้สึกแอบชื่นชอบใบหน้าคมคายสลายหายไปกับอากาศทันที แทนที่ด้วยความไม่พอใจระคนตื่นกลัว ชายตรงหน้าเพิ่งจะตวาดหมอที่ช่วยชีวิตเค้าเอาไว้ แบคฮยอนเริ่มคิดในใจตะหงิดๆแล้วว่าคนตรงหน้าเค้าคงจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่

     

     

     

     

    เอาล่ะครับ หมอจะให้คุณพักผ่อนก่อนนะครับ ส่วนคุณแบคฮยอนกรุณาตามหมอออกไปด้านนอกทีนะครับ”

     

     

     

    คนไข้บนเตียงตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างไว้ราวกับรำคาญเต็มทน อี้ฟานเดินนำออกไปจากห้องทิ้งให้แบคฮยอนมองร่างที่คลุมโปงใต้ผ้าห่มอยู่อย่างชะงักงัน

     

     

     

     

    อะไรวะ ยังไม่ไปอีก!!”

     

     

     

     

    เฮือก!

     

     

    เหมือนจะรู้ว่าคนตัวเล็กยังไม่ขยับไปไหน ชายหนุ่มจึงเปิดผ้าออกมาตวาดซ้ำสองจนแบคฮยอนสะดุ้งเฮือกพร้อมรีบก้าวตามคนเป็นหมอไป ดวงตาดุร้ายและท่าทีราวกับสัตว์ป่านั้นคงจะติดตาคนหน้าหวานไปอีกนาน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หมอเกรงว่าถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้เราคงเหลือทางเลือกเดียวคือรอให้คนไข้ความทรงจำกลับคืนมาเองนะครับ”

     

     

     

    ละ..แล้ว แล้วมันจะนานแค่ไหนหรอครับ”

     

     

     

    อืม.. อันนี้หมอเองก็ตอบไม่ได้นะครับ อาจจะแค่สัปดาห์เดียว เดือนเดียวหรือว่าอาจจะเป็นปีเลยก็ได้”

     

     

     

     

    เมื่อเห็นใบหน้าเล็กนั้นซีดเผือดไร้สีเลือดราวกับจะเป็นลมให้ได้ ริมฝีปากเล็กที่เม้มแน่นกับท่าทีที่ใสซื่อนั้นทำให้อี้ฟานเห็นภาพหนึ่งแว้บเข้ามาในหัวโดยบังเอิญ

     

     

     

     

    พี่ฮะ ช่วยอี้ชิงด้วย พี่ฮะช่วยด้วย!!!!”

     

     

     

     

    อย่านะ อย่าปล่อยมือจากพี่นะ อย่า!!!!”

     

     

     

     

    พี่ฮะ !!! ไม่นะ ไม่นะ พี่อี้ฟาน!!!”

     

     

     

     

    ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

     

     

     

     

    คุณหมอครับ!”

     

     

    แพทย์หนุ่มสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงใสของแบคฮยอนที่ฉุดเค้าออกมาจากภวังภาพในอดีตที่ไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหนก็ยังคงติดตรึงอยู่เสมอ ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระให้ออกไป

     

    บ้าจริง.. 

    นี่แกทำงานอยู่นะอี้ฟาน มีสมาธิหน่อยสิ..

     

     

     

     

    ผมจะถามว่า.. พอจะมีทางไหนที่จะ.. เอ่อ.. ช่วย เอ่อ.. เรื่องค่ารักษาพยาบาลมั้ยครับ”

     

     

     

    แน่นอนว่าคำตอบของคำถามแผ่วๆจากปากแบคฮยอนต้องเป็นไม่ ไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากจะให้คนตัวเล็กตรงหน้ารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล

     

    อี้ฟานพิจารณาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคนตรงหน้า เสื้อยืดสีจืดๆกับกางเกงยีนส์ค่อนข้างเก่าซีดบ่งบอกถึงสถานะทางการเงินได้เป็นอย่างดี เด็กตรงหน้าเค้าคงไม่ใช่คนร่ำรวยพอจะรับผิดชอบค่าพยาบาลที่เค้าเห็นได้จากใบเสร็จว่ามีไม่น้อยเลย

     

    แต่ภาพในอดีตที่วนเข้ามาเมื่อครู่กลับทำให้การตัดสินใจของอี้ฟานเปลี่ยนไป ร่างสูงนิ่งทบทวนความคิดในหัวของตนที่สับสนวุ่นวายก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ออกจากผิดจากความถูกต้องเล็กน้อย

     

     

     

     

    หมอก็พอจะมีทางช่วยเหลืออยู่นะครับ ทางโรงพยาบาลของเรามีโครงการที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของคนไข้ เดี่ยวหมอจะส่งชื่อคุณกับคนไข้ไปให้ทางผู้ใหญ่พิจารณานะครับ”

     

     

     

    โครงการบ้าบออะไรนั่นโกหกทั้งแพ หากต่อไปนี้คนไข้จะได้รับการช่วยเหลือจาากโรงพยาบาล มันจะเป็นการช่วยเหลือจากเงินส่วนตัวของอี้ฟานทั้งนั้น ทั้งที่ไม่มีเหตุผลในการกระทำนี้แต่รอยยิ้มโล่งอกที่ส่งมาจากริมฝีปากบางๆนั่นกลับทำให้ร่างสูงแน่ใจได้ว่าตนตัดสินใจถูกแล้ว

     

     

     

    'หวังว่าสิ่งที่ชั้นทำลงไปจะทำให้ได้พบนายในเร็ววันนี้นะ .. อี้ชิง'

     

     

     

     

     

    ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”

     

     

     

     

    แค่ทำให้คุณยิ้มได้ก็พอแล้วครับ”

     

     

     

     

    เอ๊ะ.. คุณหมอพูดอะไรนะครับ”

     

     

     

     

    เอ่อ.. ปะ..เปล่าครับ”

     

     

     

     

    อี้ฟานอยากจะกระชากหัวตัวเองแรงๆให้หยุดความคิดฟุ้งซ่าน เค้าไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้ในขณะที่ทำงานมาก่อน นายเป็นอะไรของนายเนี่ยอี้ฟาน เดี๋ยวความพยายามที่ทำให้ได้ย้ายมาทำงานที่นี่ก็สูญเปล่าซะหรอก ควบคุมตัวเองให้ได้หน่อยสิ

     

     

    อี้ฟานเปิดแฟ้มที่พยาบาลผู้ช่วยมอบเอาไว้ให้ก่อนจะเริ่มชี้แจงให้แบคฮยอนฟังต่อ

     

     

     

    อีกเรื่องนะครับ หมออยากจะแนะนำให้มอบคนไข้ให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิไปก่อน จะได้สะดวกกับคุณแบคฮยอนด้วยดีมั้ยครับ”

     

     

     

    ราวกับยกภูเขาออกจากอก แม้จะดูเป็นคนเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่สิ่งที่แบคฮยอนเห็นมากับตาความหยาบคายไร้มารยาทของชายหนุ่มทำให้เค้าช่วยเหลือคนคนนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

     

     

     

    แต่เอ๊ะ..”

     

     

     

    ร่องรอยความผิดปกติที่เกิดบนใบหน้าของอี้ฟานทำให้ใจดวงเล็กของแบคฮยอนไหววูบอีกครั้งเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ของวันนี้แล้ว สายตาของอี้ฟานไล่ดูใบเอกสารในแฟ้มหลายต่อหลายรอบ ก่อนจะต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

     

     

    ตอนนี้ยังไม่มีมูลนิธีไหนว่างเลยครับ เห็นทีเราต้องใช้เวลาดำเนินเรื่องอีกสักระยะ”

     

     

     

    ละ..แล้ว ระหว่างนี้จะให้คนไข้ไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

     

     

     

    คุณแบคฮยอนสะดวกใจมั้ยล่ะครับ”

     

     

     

    เห... หมอพูดแบบนี้คงไม่ได้หมายความว่าจะให้คนป่าเถื่อนนั่นไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกับแบคฮยอนหรอกใช่มั้ยนะ ไหนจะภาระหน้าที่ที่จะต้องเปิดร้านเบอเกอรี่ ไหนจะต้องดูแลคนแบบนั้นอีก พยอนแบคฮยอนไม่มีทาง ไม่มีทางตกลงอย่างแน่นอน

     

     

     

    คุณแบคฮยอนครับ..”

     

     

    แพทย์หนุ่มทอดเสียงต่ำลงเมื่อเล็งเห็นแววปฏิเสธอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลสวยนั้น เค้าระบายยิ้มอ่อนๆให้กับแบคฮยอน คราวนี้ประโยคที่เอ่ยมาจากปากไม่อยู่ในสถานะหมอกับญาติคนไข้อีก แต่มันอ่อนโยนราวกับพี่ชายพูดกับน้องชาย

     

     

     

    ผมน่ะ ตัดสินใจมาเป็นหมอเพียงเพราะคิดว่าถ้าผมช่วยคนอื่นเยอะๆ ช่วยรักษาชีวิตคนที่เป็นที่รัก คนสำคัญตอชีวิตของใครหลายๆคนเอาไว้ได้ ความดีนี้จะส่งผลทำให้ชีวิตที่ขาดความรักของผมได้เจอคนรักที่ผมเฝ้ารอ คนสำคัญที่ผมทำเค้าหล่นหายไปจากชีวิต เข้าสักวันหนึ่ง..”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมรู้นะครับว่าคุณแบคฮยอนคงจะลำบากใจ มันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ถ้าคุณตกลงคุณจะเป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตที่ว่างเปล่าของคนไข้ พูดให้น้ำเน่าก็เหมือนน้ำทิพย์ที่ชะโลมจิตใจให้คนที่หลงทางกลางทะเลทรายนะครับ”

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

    ช่วยเค้าเถอะครับ แล้วสักวันสิ่งดีๆจะกลับมา ผมพูดในฐานะพี่ชายที่พูดกับน้องชายคนหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะแพทย์”

     

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

     

    ..

     

     

     

     

     

     

    ตกลงครับหมอ”
     

     

     

    อี้ฟานคลี่ยิ้มออกมาทันที่ที่คนหน้าหนาวตรงหน้าตอบตกลงแม้ว่าแบคฮยอนจะยังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักก็ตาม ร่างสูงจัดการยื่นเอกสารและบอกอธิบายวิธีการดูแลผู้ป่วยในเบื้องต้นที่ร่างเล็กก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะในหัวมีเรื่องมากมายให้ขบคิด

     

     

     

    อืม..แล้วก็คุณแบคฮยอนครับ”

     

     

     

    เอ๋?.. ครับ?”

     

     

    แบคฮยอนชะงักนิ่งอยู่หน้าประตูเมื่อเสียงทุ้มๆเอ่ยเรียกเค้าไว้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป อี้ฟานหยิบนามบัตรออกมาจากในลิ้นชักยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่คงทำให้นางพยาบาลหลายคนใจละลายได้ไม่ยาก

     

     

     

    นี่เป็นเบอร์โทรของหมอนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาถามได้ตลอดเวลา ไม่คิดค่าบริการเพิ่มครับ”

     

     

     

    น้ำเสียงติดตลกทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาเล็กน้อย ฝ่ามือขาวเอื้อมไปหยิบนามบัตรเล็กๆมาถือไว้ หมอหนุ่มตรงหน้ามีน้ำใจและอบอุ่นเหลือเกิน นานๆทีจะได้เจอกับคนที่ดูจะใส่ใจกับทั้งความคิดความรู้สึกของเค้าแบบนี้ คงไม่แปลกถ้าแบคฮยอนจะรู้สึกวูบไหวเล็กๆในใจ

     

     

    ขอบคุณครับคุณหมอ”

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×