ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta_X] Another Time

    ลำดับตอนที่ #2 : Another Time : C H A P T E R 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 915
      19
      14 เม.ย. 60

    © themy butter

    ภาพลิงค์ที่แปะไว้

    Chapter 1

     

                จากเดิมที่คิดจะมาหาข่าว ทำไมกลับกลายเป็นว่าผมดันกลายเป็นข่าวซะเองล่ะ


                เพราะอะไร และเพราะใครไม่ต้องสงสัยเลย ก็เพราะไอ้บ้าโรคจิตที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามากอดผมซะแน่น แถมยังพร่ำเพ้อพูดอะไรก็ไม่รู้ จับใจความได้แค่ว่า


                “อินฮยอง จำข้าไม่ได้หรือ”


                อะไรประมาณนั่นน่ะ ซึ่งนี่มันโคตรจะบ้า อินฮยอง อะไรคืออินฮยอง ผมฮยองวอนต่างหาก นั่นแหละ แค่นี้ก็รู้ชัดเจนแล้วว่ามันบ้า รปภ.รักษาความปลอดภัยมาจับตัวหมอนั่นแยกจากผม ตอนแรกผมเกือบโดนพ่วงไปด้วยแล้ว ดีที่กีฮยอนช่วยอธิบายไปว่าผมเองก็ไม่รู้จักเหมือนกัน ไม่งั้นนะ ผมคงได้เข้าไปนอนในคุกแหงๆ


                ผมขอตัวกลับทันที ไม่ทำมันแล้ว ข่าวอะไรนั่นน่ะ จะให้ไปยืนอยู่ได้ไง ผมโคตรอายตอนตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น ไม่ใช่แค่พวกนักข่าวด้วยกัน แม้แต่แฟนคลับ หรือดาราที่กำลังเดินพรมแดงอยู่ยังหยุดมองผมเลย


                “โอ๊ย ทำไมชีวิตฉันมันตกอับขนาดนี้วะ!!!!!


                ผมโวยวาย ทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นแล้วขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด


                ช่วงนี้ผมคงต้องไปทำบุญบ้างสินะ เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น ชีวิตผมมันตกต่ำตั้งแต่ไปทำข่าวของพวกผู้มีอิทธิพล แล้วโดนเขาขู่มานั่นแหละ หัวหน้าก็เลยย้ายให้ผมมาทำข่าวบันเทิงแทน แต่มันใช่งานที่ผมชอบซะที่ไหน คอยดูนะ ถ้ายังให้ผมทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆล่ะก็ ผมจะลาออก จะออกจริงๆด้วย คอยดู


                ...


                “ฮึก”สุดท้ายก็ได้แต่เบะปาก แค่คิดว่าจะลาออกก็ผิดมหันต์แล้ว มันออกได้ซะที่ไหน คิดสิฮยองวอน ถ้าแกออก แกจะเอาอะไรกิน ไม่พ้นต้องกินรามยอนจนหน้าเป็นเส้นอีกอ่ะ


               


                ผมมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่ข้างๆหัว เอื้อมไปหยิบมันมาแล้วกดรับ เวลาแบบนี้มีคนโทรหาผมอยู่แค่คนเดียวนั่นแหละ


                “งือออออ”


                (ไปก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว)


                “ฉันเปล่าก่อเรื่องนะ คือฉัน..”


                (ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน นักข่าวแช)


                “เอ่อ..”ผมอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนี้มันยังสองทุ่ม อีกห้านาทีถึงจะสามทุ่ม “ผมไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องนะครับ จู่ๆก็มีไอ้โรคจิตที่ไหนไม่รู้พุ่งมากอดผมเอาไว้ซะแน่นเลย”


                (ก็เลยหนีกลับบ้านว่างั้น)


                “โธ่ ใจคอจะให้ผมยืนเป็นเป้านิ่งให้คนมองหรือไง อยากได้ข่าวเด็ดไม่ใช่เหรอครับ หรืออยากให้ผมเป็นข่าวเด็ดซะเอง จะใจร้ายกับผมจริงๆเหรอ ไม่สงสารกันสักนิดจริงๆอ่ะ”


                (เฮ้อ ให้ตายสิ เมื่อไหร่ผมจะทำให้คุณอยู่ในโอวาทเหมือนคนอื่นๆได้สักทีนะนักข่าวแช ฟังนะ ตอนนี้พวกผู้ใหญ่กำลังจับตาดูคุณอยู่ ผมรู้ ว่าคุณไม่โอเคกับตอนนี้ แต่คุณเข้าใจผมหน่อยได้ไหม ที่ผมทำ เพราะเป็นห่วงคุณ ข่าวที่คุณกำลังทำ มันไม่ปลอดภัยต่อชีวิตคุณเลยนะ จะโดนสั่งเก็บตอนไหนก็ไม่รู้)


                “...”


                (นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ที่ผมจะสามารถทำได้เพื่อปกป้องลูกน้อง ..ปกป้องนาย เข้าใจไหมฮยองวอน)


                “อือ”สุดท้ายผมก็ต้องรับคำเสียงอ่อย “ขอโทษแล้วกันที่ก่อเรื่อง ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก”


                (ดีแล้วล่ะ)


                “สามทุ่มแล้ว”


                (จริงๆเลย ..อยู่บ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหม)


                ผมยิ้ม เมื่อน้ำเสียงจากปลายสายเปลี่ยนไปในแทบจะทันที “อื้อ อยู่สักพักแล้ว”


                (งั้นก็พักผ่อนซะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่)


                “โอเค แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อเรื่องจริงๆนะ มินฮยอก”


                (หึๆ เข้าใจแล้วน่า ไปนอนได้แล้ว ฉันต้องไปประชุมต่อแล้ว)


                “งั้นก็สู้ๆนะ อีกสามวันเจอกัน”


                (ฝันดีครับ)


                ปลายสายตัดไป ผมเอาโทรศัพท์วางไว้ที่เดิมพร้อมกับยิ้ม ได้คุยกับเขาผมก็สบายใจขึ้นเยอะแล้วล่ะ เรื่องแย่ๆมันกลายเป็นดีขึ้นมาเลย


                ลีมินฮยอก ที่อายุมากกว่าผม 2 ปี บางทีผมก็เรียกเขาพี่ บางทีก็เรียกแค่ชื่อ บางทีก็เรียกหัวหน้า


                ใช่แล้วล่ะ พี่มินฮยอกเป็นหัวหน้าของผม และเป็นคนสั่งย้ายผมเอง ตอนแรกผมก็โวยวายนะ ถึงเขาจะคิดว่าผมไม่ค่อยเชื่อฟังเขาเหมือนคนอื่นๆก็เถอะ สุดท้ายผมก็ต้องยอมฟังคำสั่งเขาอยู่ดีนี่ไง ผมออกจะเป็นเด็กดี ไหงชอบมาว่าผมเป็นเด็กดื้ออยู่เรื่อยเลย


                ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่มินฮยอกน่ะเหรอ


                อืม เราสองคนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาลัย เริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนที่ผมเข้าปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็สนิทกันเรื่อยมา ด้วยความเป็นคนมีความสามารถ พี่มินฮยอกเลยขึ้นเป็นหัวหน้าคนตั้งเยอะภายในเวลาแค่แป็บเดียว แรกๆก็มีคนสบประมาทไว้เยอะนะ แต่สุดท้ายพี่มินฮยอกก็ใช้ความสามารถของเขาลบคำสบประมาทนั้นได้


                หลังจากผมเรียนจบ ผมก็เลยไปสอบเป็นนักข่าวที่สำนักพิมพ์เดียวกันกับเขา โชคดีที่ได้เข้าทำงาน และโชคดียิ่งกว่าที่ได้อยู่ทีมเดียวกับพี่มินฮยอก ผมอบอุ่นใจทุกครั้งเลยที่มีพี่เขาอยู่ด้วย


                อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบเขาล่ะมั้ง


                ...


                ก็แค่ชอบเฉยๆแหละน่า ผมไม่กล้าหวังเกินตัวหรอก


               


                โทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้ง ผมเลยรีบหยิบมากดรับทั้งที่ไม่ได้ดูเบอร์เลยด้วยซ้ำ “มีอะไรอีกหรือเปล่าพี่มินฮยอก”


                (เอ่อ.. ใช่เบอร์ของฮยองวอนหรือเปล่าครับ ผมหมายถึง นักข่าวแชจากสำนักข่าว SSC)


                ผมขมวดคิ้ว พร้อมกับดึงโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ ถึงเพิ่งเห็นว่ามันเป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่ได้เมมไว้


                “ไม่ทราบว่าใครเหรอครับ”


                (ผมยูกีฮยอนจาก MMB ครับ)


                ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ช่วงนี้ผมใช้ชีวิตแบบวิตกกังวลพอสมควรนะ ก็ผลจากข่าวที่ผมทำก่อนหน้านี่แหละ โดนขู่ฆ่าไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง


                “ใช่ ฉันเอง มีเรื่องอะไรหรือเปล่ากีฮยอน โทรมาซะดึกเชียว”


                (เฮ้อ กว่าจะหาเบอร์โทรนายได้ ตอนนี้นายอยู่ไหนน่ะ)


                “บ้านฉันสิ”


                (ฉันขอโทษนะ ก็ไม่อยากจะบอกแบบนี้เลย แต่ ..นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่ไหวแล้ว ต้องรีบเอาข่าวกลับไปที่บริษัทอีก)


                “ช่วยอะไรเหรอ”


                รู้สึกว่าเราสองคนจะอยู่กันคนละสำนักข่าวหรือเปล่า


                แถมยังรู้จักกันได้ไม่นานด้วยซ้ำ กล้ามาขอความช่วยเหลือขนาดนี้แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆสินะ


                (ฉันจะแชร์โลเคชั่นไปให้ แล้วนายรีบออกมาได้ไหม)


                “อ่า ก็ถ้าไม่ไกล ก็น่าจะถึงเร็วแหละนะ”


                (โอเค รีบๆมานะฮยองวอน ฉันขอร้อง)


                ผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งทั้งที่ขี้เกียจเต็มที ดูเหมือนว่าผมจะต้องทำข่าวบันเทิงไปอีกพักใหญ่เลยนี่ ผมก็ต้องหาเพื่อนเอาไว้ก่อน เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยๆกันได้


                ไม่นานนักกีฮยอนก็แชร์โลเคชั่นมาให้ ผมเปิดดู ดีที่มันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ว่า..


                สถานีตำรวจเหรอ?


                ทำไมผมต้องไปที่นั่นด้วยอ่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                (ขอโทษจริงๆนะฮยองวอน แต่ฉันต้องรีบกลับจริงๆ ช่วยจัดการแทนฉันทีนะ)


                “แล้วทำไมนายไม่ขอให้คนอื่นมาแทนล่ะ นายก็รู้นี่ ว่าไอ้หมอนี่จู่ๆมันก็พุ่งมาหาฉันน่ะ”


                (ฉันนึกถึงใครไม่ออกแล้วจริงๆ อีกอย่าง เขาก็เอาแต่พูดถึงไหน ยังไงก็ช่วยจัดการให้หน่อยนะ ถือว่าฉันขอร้อง ฉันต้องวางแล้ว ขอบคุณมากนะฮยองวอน)


                “กีฮยอน..กีฮยอน!!!


                ผมยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าด้วยความหงุดหงิดที่กีฮยอนชิงวางสายไปก่อน


                ถ้ารู้ว่าจะให้มาช่วยแบบนี้ ผมไม่มีทางยอมมาแน่ๆ


                ไอ้โรคจิตนั่นพุ่งมากอดผมซะหายใจแทบไม่ออก แล้วยังจะให้ผมมาช่วยประกันตัวเขาออกไปเนี่ยนะ ตลกเกินไปแล้ว แต่ผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกซะจากว่าต้องทำ ก็ดันไปเผลอรับปากแล้วนี่ว่าจะช่วย


                ให้ตาย


              ตกลงยูกีฮยอนเป็นคนคบได้จริงๆไหมเนี่ย


                “จะกลับบ้านไหมคุณ”ผมหันไปมองด้านหลัง


                ผู้ชายโรคจิตที่ตำรวจจะหาชุดไปรเวททั่วไปมาให้เปลี่ยนแล้วก้มๆเงยๆมองอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะมองผม นั่นทำให้ผมผงะด้วยความตกใจ


                เกิดจู่ๆเข้ามาบีบคอผมจะทำไงอ่ะ


                ถึงผลตรวจของแพทย์จะบอกมาแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นบ้าก็เถอะ แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนปกติสักหน่อยนี่


                “ที่นี่คือที่ใด อินฮยอง”


                “- - นี่! เลิกพูดจาแปลกๆสักทีได้ปะ ผมไม่ได้ชื่ออินฮยอง ดูปากนะ ผม ชื่อ แช ฮยอง วอน โว้ยยยยยยยย”


                “เหตุใดเจ้าถึงใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับพี่”


                ผมกัดริมฝีผากแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองจนฟูไปหมด โอ๊ย หงุดหงิด หงุดหงิดที่สุด


                “พูดให้มันเป็นปกติได้ไหม เลิกทำเหมือนกำลังถ่ายละครได้แล้ว ที่นี่ไม่มีกล้องสักตัว”


                “กล้อง? กล่องคือสิ่งใด”


                “ว๊ากกกกกกกก ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยยย”สุดท้ายผมก็ว๊ากออกมาจนได้ “จะกลับไหมบ้านน่ะ ถ้าไม่กลับ ผมจะกลับแล้วนะ”


                “กลับสิ พี่อยากกลับบ้าน”


                “งั้นก็ขึ้นมา”


                “ขึ้น?”


                ผมหอบหายใจถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจ ตั้งสติ ฮยองวอน ตั้งสติ อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา ไม่งั้นคนสติแตกจะเป็นแกเอง


                ฟู่ววววว


                “เชิญครับ”ผมเปิดประตูรถก่อนจะผายมือ แต่เมื่อเห็นว่าเขายังดูงงๆ ผมก็จัดการยัดเขาเข้าไปในรถซะเอง “คาดเข็มขัดด้วย”


                “เข็ม..เข็มขัด”


                ผมกลอกตา หรือว่าหมอนี่จะเป็นคนที่พวกผู้มีอิทธิพลเขาส่งมาปั่นประสาทผม นี่ถ้าจะทำกันแบบนี้ ฆ่าผมให้ตายเลยเถอะ ผมจะทนไม่ไหวจริงๆแล้ว


                “โอเค ถ้างั้นนั่งเฉยๆ”ผมพูดอย่าง(พยายาม)ใจเย็น ก้มลงไปแล้วดึงสายเข็มขัดนิรภัยออกมาเพื่อจะคาดให้เขาเอง


                “กลิ่นเจ้ายังเหมือนเดิมเลยอินฮยอง”


                “โรคจิต”ผมตะโกนดังลั่น รีบถอยออกมาแล้วปิดประตูรถ


                กล้าดียังไงมาดมกลิ่นผมวะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต


                ผมเข้ามานั่งประจำที่คนขับ แล้วออกตัว ก็เหมือนเดิม นายโรคจิตนี่ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ เอาแต่ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด ซึ่งผมก็ตอบอะไรสักอย่าง แค่อยากไปส่งตามที่เขาบอกพิกัดมาก็พอ ผมเบื่อกับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว


                “เจ้าทำสิ่งนี้ได้เช่นไรอินฮยอง”


                “- -


                “แล้วสิ่งนั้นเรียกเช่นไร”


                “- -


                “หยุดพูด แล้วลงไปได้ละ”


                ให้ตาย อีกเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงที่หมายนะ แต่ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หมอนี่กำลังจะทำให้ผมกลายเป็นบ้า หงุดหงิดจนเหมือนอยากจะฆ่าใครให้ตายเพื่อระบายอารมณ์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความหงุดหงิดมันถึงสุมอยู่ในอกแบบนี้นี่ไง


                เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนั่งนิ่ง ผมก็เดินลงจากรถ เดินไปเปิดประตู จัดการดึงเข็มขัดนิรภัยออกแล้วลากตัวเขาออกมา ก่อนจะรีบกลับไปนั่งที่ของตัวเอง


                นายโรคจิตเคาะกระจกอยู่สองสามครั้ง ปากก็ตะโกนเรียกอินฮยองอะไรนั่นไม่หยุด ผมตัดใจเปลี่ยนเกียร์แล้วออกรถทันที


                ขอให้โชคดีแล้วกัน


              ..พอกันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                พอกันที


                แล้วอะไรคือการที่ผมมาขับรถตามไอ้โรคจิตนั่นวะ


                บางทีก็เบื่อความใจอ่อนของตัวเองชะมัด สุดท้ายผมก็ต้องวนรถกลับ แล้วมาขับตามหลังเขาอยู่ห่างๆเนี่ย เหมือนหมอนั่นจะไม่ใช่คนแถวนี้ เพราะดูแล้วเขาไม่คุ้นเคยกับอะไรสักอย่าง สุดท้ายคงเดินเหนื่อยล่ะมั้ง ถึงได้ลงไปนั่งกับฟุตบาทแบบนั้น


                ผมจอดรถแล้วนั่งมองเขาอยู่เงียบๆ


                อินฮยอง


              จะว่าไป ..ผมก็รู้สึกคุ้นๆกับชื่อนี้เหมือนกันนะ มันเหมือนกับว่าผมเคยรู้จักคนที่ชื่อนี้


                เพื่อนสมัยประถมเหรอ.. ไม่ใช่สิ


                เพื่อนสมัยไฮสคูลหรือเปล่า.. ก็ไม่มีนะ


                ...


                นึกออกแล้ว!!!




                ก็ยัยคิมอินฮยองที่อยู่ทีมข่าวเดียวกับผมนี่ไงเล่า โธ่เอ๊ย เราก็ว่าคุ้นชื่อนี้มาจากไหน


                หลังคิดอะไรเพลินๆ ผมก็หันกลับไปมองนายโรคจิตอีกครั้ง เขาลุกขึ้นเดินต่อแล้ว แต่นั่น ..บ้า บ้าไปแล้ว จู่ๆเดินไปกลางถนนแบบนั้นได้ยังไง


                ผมดับเครื่องแล้วรีบลงจากรถ วิ่งออกไปก่อนจะดึงนายนี่เข้ามา เฉียดกับรถยนต์ที่ขับมาอย่างเร็วพอดิบพอดี


                “บ้าเอ๊ย!!!!!! ขับรถไม่เป็นหรือไงวะ เห็นทางม้าลายไหม เขาให้ชะลอรถโว้ย ขับแบบนี้ไปขับรถกระป๋องเลยไป๊!!!!!!!!!


                “อินฮยอง..”


                “เฮ้ย คุณ คุณ เป็นอะไรเนี่ย!!!!
















































    จะสงสารใครดีล่ะเนี่ย สงสารกีฮยอนก็ได้(สงสารทำไม?) 

    องครักษ์ชินคงสับสนมากเลยสิท่า จู่ๆก็โผล่มาในที่ที่ไม่คุ้น นักข่าวแชก็คงพอกัน

    จู่ๆก็มีคนบ้าที่ไหนไม่รู้มาพัวพันด้วย จะไปกันรอดไหมเนี่ย?????


    ไรท์จะตั้งแท๊กทวิตว่าอะไรดีอ่ะ ไรท์คิดไม่ออก มีใครมีไอเดียมั้ย??


    #?



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×