ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta_X] Another Time

    ลำดับตอนที่ #5 : Another Time : C H A P T E R S 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 60



    ภาพลิงค์ที่แปะไว้
    © themy butter

    CHAPTERS 4

     

                “ทำไมพี่ไม่เห็นเคยรู้เลย ว่าเรามีญาติจากคังวอนด้วย”


                “ก็ผมไม่เคยบอกพี่นี่ครับ พี่จะรู้ได้ไง”ผมรีบบอก แล้วมองกระจกหลัง เห็นวอนโฮกำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ “พอดีเขาเพิ่งเคยมาที่โซล ผมก็เลยให้มาอยู่ด้วย”


                ที่จริงผมไม่ได้อยากจะโกหกหรอกนะ แต่จะให้ทำไงได้ ขืนบอกพี่มินฮยอกไปว่าวอนโฮเป็นคนเดียวกับผู้ชายโรคจิตที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามากอดผมกลางงานแบบนั้น คิดว่าเขาจะยอมให้วอนโฮอยู่กับผมไหมล่ะ


                ไหนๆผมก็ช่วยเขาแล้ว ผมก็อยากช่วยเขาให้ถึงที่สุดนี่


                และดีที่วันนั้น ภาพที่ถ่ายติดวอนโฮมันไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แถมวันนั้นเขาก็ยังใส่ฮันบกด้วย พี่มินฮยอกเลยจำไม่ได้ ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ


                “ว่าแต่ กินอะไรกันมาหรือยัง”พี่มินฮยอกหันมาถามหลังจากที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง


                รถที่ผมขับอยู่น่ะ มันไม่ใช่รถของผมหรอก ปกติผมก็นั่งรถเมล์ หรือไม่ก็เดินไปทำงานนี่แหละ แต่เพราะพี่มินฮยอกไม่อยู่ เขาก็เลยเอารถมาให้ผมใช้ก่อน จะว่ามันสะดวกขึ้นไหม มันก็สะดวกนะ แต่ผมว่าผมไม่มีรถนั่นแหละ ดีแล้ว


                “ก่อนจะมารับพี่ผมกินแล้วครับ”ผมตอบก่อนจะจับท้องตัวเอง “แต่ตอนนี้หิวอีกแล้วอ่ะ”


                “หึๆ จริงๆเลยนะ”พี่มินฮยอกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม “เอ่อ ..คุณวอนโฮหิวหรือยังครับ”


                “...”


                “คุณวอนโฮ”


                ผมหันไปมองข้างหลัง เพราะพี่มินฮยอกเรียกตั้งหลายครั้ง แต่วอนโฮก็ไม่ยอมตอบ “นี่ วอนโฮ วอนโฮ”


                เมื่อถูกผมสะกิดนั่นแหละเขาถึงรู้สึกตัว “ฮะ อะ อะไร ครับ”


                ผมขมวดคิ้ว บางทีผมอาจจะคิดไปเองหรือเปล่า ตั้งแต่ที่เจอพี่มินฮยอก ท่าทางวอนโฮก็แปลกๆ มันไม่ใช่อาการที่ไม่ชินกับคนที่ไม่รู้จักนะ แต่มันเหมือนอาการเจอคนรู้จักแล้วต้องเคารพเขามากๆน่ะ จนตอนนี้วอนโฮยังไม่กล้าสบตากับพี่มินฮยอกเลย ดูนอบน้อมเกินไปผิดกับเวลาที่แสดงกับผม


                “หิวหรือยังครับ”


                “..เอ่อ”


                “ฮยองวอนหิวแล้ว ผมว่าจะแวะหาอะไรทานก่อน สะดวกไหมครับ”


                วอนโฮหันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปก้มหน้าให้พี่มินฮยอก “ผมยังไงก็ได้ครับ”


                “โอเคครับ”พี่มินฮยอกยิ้มแล้วหันกลับมาที่ผม “อยากกินอะไร”


                “อะไรก็ได้ที่มันกินได้อ่ะครับ ผมหิวแล้ว”


                “หึๆ โอเค ถ้างั้นเข้าห้างแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ต้องเข้าบริษัทด้วย เราขับรถกลับไปก็ได้”


                “ไม่เป็นไรหรอก พี่ขับไปเถอะ ผมเบื่อขับรถแล้ว”ผมรีบปฏิเสธทันที “ไปห้างก็ดีเหมือนกันครับ”


                จะว่าไปผมก็ลืมไปเลยนะ วอนโฮไม่มีเสื้อผ้าสักชุด ไอ้ที่ใส่อยู่นั่นก็ของผมทั้งนั้น ผมไม่ชอบใช้ของร่วมกับใครเท่าไหร่ ไหนๆก็ออกมาแล้ว ซื้อเสื้อผ้าสักสามสี่ชุดก็แล้วกัน


                เปลืองเงินโดยใช่เหตุอีกแล้วไหมล่ะ เฮ้ออออออออออออออ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     





















     

     

     

     

                “พรุ่งนี้รีบไปทำงานนะ”


                “ครับ”


                ผมโบกมือลาพี่มินฮยอกหลังจากที่เราเตรียมจะแยกย้าย


                “ไปก่อนนะครับคุณวอนโฮ”


                “ครับ”


                ผมมองวอนโฮอย่างสงสัยอีกครั้ง แต่พอนึกดูว่าหมอนี่มันไม่ปกติก็เลยเลิกสงสัย ก็ดูสิ ก้มให้พี่มินฮยอก ก้มซะแทบจะลงไปคำนับกับพื้นอยู่แล้วนั่น


                พี่มินฮยอกยิ้มแห้งๆ หันมาโบกมือให้ผมแล้วเดินออกไป ผมเลยสะกิดวอนโฮเบาๆเพราะคนแถวนี้เริ่มมอง


                “ย๊า เงยหน้าขึ้นมาได้ละ พี่มินฮยกเขาเดินไปนู่นแล้วโว้ย!!


                เมื่อได้ยินแบบนั้นวอนโฮก็ยืนหลังตรงตามเดิม “พี่ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วเหรอ”


                “ไม่แปลกเลยมั้ง เป็นอะไรของนาย ฉันว่านายดูเกร็งๆกับพี่มินฮยอกนะ เขาออกจะใจดีไม่เห็นเป็นอะไรเลย”


                “พี่พยายามแล้ว แต่..”


                “ช่างเหอะ ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”


                “ทำไมต้องซื้อ”


                ผมหันไปมองคนเจ้าปัญหาอย่างเซ็งๆ “แล้วนายจะใส่เสื้อผ้าตัวเดิมซ้ำๆกันทุกวันหรือไงเล่า ถามมากอยู่ได้ นี่เงินเดือนฉันก็ยังไม่ออก ทุกวันนี้ยังต้องกินรามยอน แต่ต้องมาซื้อเสื้อผ้าให้นายนี่มันใช่ไหมฮะ”


                “เงิน”


                “เออดิ เงินน่ะเงิน คิดว่าฉันรวยมากไหมล่ะ อยู่กับฉันก็ลำบากแบบนี้แหละ ถ้ายังอยากอยู่ด้วย ก็ตามมาแล้วเลิกถามซะที”


                ผมไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงหรอกนะ แล้วไอ้บ้านี่ก็ทำให้ผมตบะแตกบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้จะอยู่กันรอดไหมเนี่ย


                “ฮยองวอน”


                “คราวนี้อะไรอีกล่ะ”ผมหันไปถามก่อนจะผงะไปด้านหลัง เมื่อมีบางสิ่งมาอยู่ตรงหน้า “อะไรของนาย”


                “สิ่งนี้พอใช้แทนเงินได้ไหม”


                “...”


                “พี่รบกวนฮยองวอนมากจนรู้สึกเกรงใจ ใช้สิ่งนี้แทนเงิน หรือเอาไปขาย น่าจะได้ราคาอยู่นะ”


                ผมมองแหวนที่มีหยกขนาดใหญ่อยู่ในนั้น มองด้วยตาเปล่าก็รู้สึกว่ามันสวยนะ ผมมองเลยไปยังเจ้าของแหวนแล้วถอนหายใจ


                “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ว่าแหวนนี่จะขายได้ราคา ของเก๊หรือเปล่าก็ไม่รู้”


                “ไม่มีทาง แหวนนี้แหวนที่ถูกมอบโดยพระเจ้ายองโจ”


                “ฮะ?”ผมถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความงง “พระเจ้ายองโจ? เมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้วอ่ะนะ”


                เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย วอนโฮอึกอักไปไม่เป็นก่อนจะเกาหัว


                “พี่พอจะจำได้ลางๆ.. ว่าเป็นของที่ได้รับมาจากพระเจ้ายองโจ เอ่อ เหมือนจะเคยได้ยิน ..แม่พูดแบบนั้น”


                คราวนี้ผมเลยพอเข้าใจ “ดีนี่ นายเริ่มจำได้แล้ว รีบๆจำให้ได้ล่ะ เข้าใจไหม”


                “..ถ้าพี่จำได้แล้วทำไม”


                “ก็จะได้รีบส่งนายกลับไง”ผมตอบไปแบบไม่คิดอะไร เอาตามหลักความจริง เราก็ไม่ได้รู้จักกัน ทำไมผมจะต้องคอยดูแลเขาอยู่ตลอดด้วยล่ะ มันไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย ผมก็แค่อยากจะช่วยให้ถึงที่สุด แต่ถ้าเขาจำได้ขึ้นมา มันก็หมดหน้าที่ของผมแล้วนี่


                แต่สุดท้ายผมก็ต้องมารู้สึกผิดกับคำพูดที่ไม่ได้คิดอีกแล้ว เมื่อเห็นหน้าเศร้าๆของวอนโฮ


                “เอ่อ ถ้ามันเป็นของที่จกทอดจากรุ่นสู่รุ่นแบบนั้น นายก็อย่าขายมันเลย”


                “อะไรที่พี่ช่วยได้พี่ก็แค่อยากช่วย”


                “เอาเถอะ ใช้เงินฉันก็ได้ นายเก็บแหวนนั่นไว้แล้วกัน ไปกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานอีก”


                สุดท้ายเราก็มาเลือกซื้อเสื้อผ้ากัน ได้มาเกือบๆจะสิบชุด ซึ่งราคามันก็ไม่ได้แพงอะไรนัก เราสองคนก็กลับบ้าน และเพราะห้างมันอยู่ไม่ไกล ผมเลยเลือกที่จะเดินเอา


                “ฮยองวอนทำงานเกี่ยวกับอะไร”


                “เป็นนักข่าวน่ะ ตอนแรกเป็นนักข่าวอาชญากรรม แต่ถูกย้าย”


                ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงถามและตอบกับวอนโฮ ถึงจะถามเยอะแต่มันมีข้อดีอยู่อย่างนะ เพราะอะไรที่วอนโฮถามไปแล้ว เขาจะไม่ถามซ้ำ และเท่าที่เห็น หมอนี่ก็เป็นคนฉลาด และเรียนรู้ได้เร็วพอสมควรเลยล่ะ ถ้าเป็นประเภทที่ถามแล้วถามอีกกับคำถามเดิมนะ ผมคงตายอ่ะจริงๆ


                “ชีวิตนายเป็นยังไงบ้าง.. อยู่ดี มีสุขใช่ไหม”


                ผมหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้างๆก่อนจะหัวเราะ “อยู่ดีมีสุขอะไรของนาย หึๆ”


                “...”


                “ก็โอเคนะ ไม่ได้ลำบากอะไร.. อยู่ตัวคนเดียวมานานแล้วล่ะ จนเริ่มจะชิน”


                “แล้วพ่อแม่ของฮยองวอนไปไหน”


                ผมยิ้ม ก้มลงมองพื้นที่กำลังก้าวเดิน


                “พี่ขอโทษ ถ้าหากทำให้ลำบากใจ”


                “ไม่หรอก ฉันพูดได้”ผมยิ้ม “พ่อกับแม่หายตัวไปตั้งแต่ตอนที่ฉันสิบขวบ พวกท่านเป็นนักโบราณคดีน่ะ ออกเดินทางไปกับคณะสำรวจ แล้วก็หายตัวไปตอนที่ถ้ำถล่ม หลังจากนั้นหนึ่งปี ก็เจอพ่อกับแม่”


                “...”


                “แต่พวกท่านจากไปแล้ว”พูดถึงพ่อกับแม่ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองบนฟ้า แล้วชี้ดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่บนนั้นให้วอนโฮดู “นายเห็นนั่นไหม ดาวที่สว่างที่สุดสองดวงน่ะ”


                “เห็น”


                “นั่นเป็นดวงดาวของพ่อกับแม่ฉันแน่ๆ พวกท่านมองฉันจากบนนั้นทุกคืนเลย”


                ดาวสองดวงนั้นไม่เคยจางหายไปไหน ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าทุกคืน แม้วันที่เมฆเยอะ ผมก็ยังคงเห็น และเชื่อมาตลอด ว่าพ่อกับแม่มองผมอยู่บนนั้น


                “หลังจากนี้ฮยองวอนจะไม่โดดเดี่ยวนะ”


                ผมเผลอสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ก็มีมืออีกมือที่ยกขึ้นมาจับมือผมเอาไว้หลวมๆ ผมมองวอนโฮที่มองผมอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย


                “ขอบใจนะ”ผมยิ้มบางๆแล้วดึงมือออกมา “รีบกลับบ้านกันได้แล้ว ฉันเหนื่อย อยากจะนอนเต็มทีแล้ว”


                “อื้ม”


                ผมยิ้ม วอนโฮยิ้ม แล้วเราสองคนก็เดินไปตามทางกลับบ้าน แม่เคยบอกกับผมตอนเด็กๆว่า ในเรื่องร้ายๆมันจะมีเรื่องที่ดีตามมาด้วยเสมอ เหมือนกับตอนนี้หรือเปล่า


                เรื่องร้ายๆก็คือผมต้องดูแลผู้ชายแปลกหน้า ที่มีคำถามมาให้ผมปวดหัวอยู่ตลอด แต่กลับมีเรื่องดีๆตามมากับเขา นั่นก็คือ


                ผมจะไม่โดดเดี่ยว เมื่อเขาอยู่ข้างๆเหมือนอย่างตอนนี้






































    #องครักษ์ชิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×