ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MONSTA_X SEVENTEEN] C U R S E ▲

    ลำดับตอนที่ #4 : C U R S E ▲ | C H A P T E R 3

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 60


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     



    Chapter 3

     

                ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว นับจากวันที่มีนักศึกษาใหม่ย้ายเข้ามาเรียนสองคน ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับฮยองวอนไปซะแล้ว


                มินฮยอกเป็นคนคุยเก่ง พอมาอยู่กับซึงชอลซึ่งคุยเก่งเหมือนกัน แถมยังชอบอะไรคล้ายๆกัน เลยกลายเป็นว่ามีเรื่องคุยได้ไม่หยุด จนถึงขั้นที่ว่าซึงชอลขอสลับที่กับโฮซอกเพื่อไปนั่งคุยกับมินฮยอกได้ถนัดเลย


                ตอนแรกฮยองวอนก็จะแย้งหรอกนะ แต่ก็ไม่ทัน เพราะพอซึงชอลพูดว่าจะแลกจบปุ๊บ โฮซอกก็ย้ายมานั่งที่ของซึงชอลโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ


                มันก็อึดอัดนะ แต่น่าแปลกที่มันเป็นความอึดอัดปนรู้สึกดีแปลกๆ


                “ฮยองวอน กินอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะไปโรงอาหาร”


                “ไม่เอาอ่ะ ขอบใจนะ”


                “โอเค ไปกันเถอะมินฮยอก”


                “อื้ม”


                “เอ่อ ซึงชะ..”


                ไม่ทัน..


                ไม่ทันอีกแล้ว รู้งี้ฮยองวอนขอไปด้วยซะก็ดี ถ้ารู้ว่าสุดท้ายทั้งห้องจะเหลือเพียงแค่ตัวเอง กับโฮซอกที่นั่งฟุบอยู่ข้างๆ


                กับมินฮยอกน่ะ ยังพอคุยกันมาบ้าง แต่กับโฮซอกนะ บอกเลยว่าคุยกันยังไมถึงสิบประโยคเลยด้วยซ้ำ ฮยองวอนรู้ ว่าตัวเองเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่พอมาเจอโฮซอกเข้าไป ฮยองวอนกลายเป็นคนพูดเก่งไปในทันที


                จะงกอะไรนักหนานะ คำพูดเนี่ย


                มือเรียวยกขึ้นมาทาบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้มันกระเจิงไปกว่านี้ อยู่สองคนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ยังไงก็เพื่อนกันนี่นา


                “โอ๊ย..”


                “เกิดอะไรขึ้น”


                ฮยองวอนสะดุ้ง เมื่อจู่ๆโฮซอกก็ลุกพรวดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเบะปากเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอก พะ พอดีว่าคัตเตอร์บาด”


                โฮซอกจ้องนิ้วเรียวของอีกฝ่ายที่มีเลือดไหลซึมออกมาด้วยแววตาสงบนิ่ง จนอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนที่ริมฝีปากกระจับได้รูปจะขยับพร้อมกับเสียงที่ออกมาว่า


                “โง่”


                “-o-“ฮยองวอนอ้าปากค้าง ที่ถูกด่าอีกแล้ว ถึงจะไม่ค่อยพูด แต่ก็ใช่ว่าฮยองวอนจะยอมถูกด่าเสมอไปนะ “ฉันรู้แล้วน่า ฉันมันทั้งโง่ ทั้งปัญญาอ่อน แต่นายรู้ไหมโฮซอก ว่าคนอย่างนายน่ะมันปากสะ.. เอ่อ”


                “ด่ามาสิ จะฟัง”


                ฮยองวอนอ้าปากพะงาบๆ สิ่งที่เตรียมจะพูดก็หายไปซะหมด เมื่อโฮซอกคว้านิ้วของฮยองวอนไป ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำสนิทขึ้นมาซับเลือดออกให้อย่างแผ่วเบา


                “…”


                “ไม่ด่าแล้วเหรอ”


                “..มะ ไม่”


                แล้วปากมันก็พูดออกไปเองอัตโนมัติ ก่อนที่สุดท้ายปลายนิ้วที่เพิ่งได้แผลมาก็ถูกพันด้วยพลาสเตอร์ยาที่โฮซอกเป็นคนพกมาเอง


                “..ขอบคุณนะ”


                “อือ”คนถูกขอบคุณตอบด้วยเสียงเรียบๆตามเดิม ฮยองวอนก็คิดว่ามันจะจบแค่นั้น แต่กลับไม่ใช่เลย “คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกันนะ”


                “อะ อื้อ”


                “ช่วงนี้ที่บ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม”


                “หืม..”ฮยองวอนเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะทำความเข้าใจในคำถามนั้น “อื้ม โอเคเลย ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น บางทีฆาตกรมันอาจจะไปที่อื่นแล้วก็ได้มั้ง”


                “อย่าประมาทแล้วกัน”


                “…”


                “ถ้ามีอะไร ..”โฮซอกหันไปมองข้างๆ สบกับดวงตากลมโตที่เป็นประกายเล็กๆของอีกฝ่าย นั่นทำให้ต้องเสหน้ามองไปทางอื่น กระแอมเบาๆ “โทรหาได้ตลอด”


                พอพูดจบ ก็ลุกเดินออกไปเลย ฮยองวอนมองตามไป อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มติดริมฝีปาก ความจริงแล้วโฮซอกก็ไม่ได้แย่หรอกนะ เขาอาจจะเป็นแค่คนที่แสดงออกไม่เก่ง


                แต่เขาก็ใส่ใจไม่เบาเลยล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     















     

     

                เลิกเรียน ซึงชอลอาสามาส่งฮยองวอนที่บ้าน ซึ่งฮยองวอนก็ไม่ขัดข้อง เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว แถมบ้านซึงชอลก็ไม่ไกลจากบ้านของฮยองวอนมากนัก เลยไม่จำเป็นจะต้องมานั่งเกรงใจกัน


                “เฮ้ย มีคนย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนั้นด้วยเหรอ”


                “หืม..”


                ฮยองวอนหันไปมองตามที่ซึงชอลบอก บ้านหมายเลขแปดที่เพิ่งจะมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น มันปิดตายมาสองอาทิตย์ตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว แต่วันนี้กลับมีคนขนย้ายของเข้าไปอยู่


                “ใจเด็ดจัง เขารู้หรือเปล่าว่าเพิ่งมีคนตายในบ้านน่ะ”


                “ฉันว่าเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้นะ”ฮยองวอนพูดไปตามที่คิด “เจ้าของบ้านเขี้ยวจะตาย อาจจะเสนอให้เช่าในราคาถูกๆก็ได้”


                “ไปบอกเขาดีปะ”


                “อย่าเลย เขาอาจจะรู้อยู่แล้ว หรืออาจจะไม่ แต่ ..มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”


                ซึงชอลพยักหน้าเข้าใจ จอดรถที่หน้าบ้านของฮยองวอนก่อนจะลดกระจกลงเพื่อบอกลาเพื่อนสนิท “ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”


                “อื้อ ขอบใจมากที่มาส่ง”


                “ล็อคบ้านดีๆล่ะ”


                “รู้แล้ว”


                ฮยองวอนยิ้ม โบกมือลาซึงชอล ยืนรอจนรถของเพื่อนลับตาไปถึงได้หันหลังเข้าบ้าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้า ไหล่ก็ถูกจับเอาไว้ก่อน


                “เฮือก!!!!”


                “ขอโทษทีครับ”


                ฮยองวอนยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง ลูบเบาๆเพื่อให้หายตกใจ เมื่อกี้เกือบจะช็อคไปแล้วนะ ให้ตาย..


                “มะ ไม่เป็นไรครับ”


                “ผมเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ครับ อยู่บ้านเลขที่ 8”


                “อ่า ..ครับ”


                “ซนฮยอนอูครับ”


                “ผมแชฮยองวอนครับ”


                “ยังเป็นนักศึกษาอยู่เหรอครับ”เพื่อนบ้านเอ่ยถาม พอฮยองวอนพยักหน้าตอบ เขาก็ส่งยิ้มมาให้ “ถ้างั้นขอไม่พูดทางการนะครับ พี่เป็นนักข่าว ย้ายมาทำงานที่เขตนี้ ก็เลยย้ายบ้าน”


                “งะ งั้นถามได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงมาอยู่บ้านหลังนั้นเหรอครับ”


                “พอดีราคาถูกน่ะ แล้วมันก็ไม่ไกลจากที่ทำงานด้วย”


                นั่นไง ฮยองวอนกะเอาไว้แล้วว่าเจ้าของบ้านจะต้องปล่อยให้เช่าในราคาถูก ดีไม่ดี พี่ฮยอนอูคนนี้อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า


                “ทำหน้าแบบนี้ เป็นห่วงเรื่องมีคนตายในบ้านเหรอครับ”


                “พี่ ..รู้อยู่แล้วเหรอครับ”


                “ครับ พอดีคุณป้าบ้านหลังนี้เขามาบอกแล้วล่ะ”ฮยอนอูพูดสบายๆ “เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก พี่สบายมากอยู่แล้ว”


                แล้วก็ยืนคุยกันอยู่สักพัก ต่างคนก็แยกย้ายกันเข้าบ้าน จะบอกว่าคุยก็ไม่ถูกหรอก เพราะฮยองวอนเป็นฝ่ายฟังมากกว่า ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ แต่ก็ไม่ได้รำคาญหรอกนะ ฮยอนอูดูเป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัยอะไรเท่าไหร่นัก


                พอเข้ามาในบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ฮยองวอนก็เข้าห้องครัว เพื่อเตรียมมื้อเย็นเหมือนอย่างทุกวัน จองฮันมีเรียนพิเศษ แต่อีกสักพักก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ


                “…”


                ตากลมโตที่ควรจะมองและเพ่งความสนใจไปยังผักที่วางอยู่บนเขียง กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะมันเอาแต่จ้องมองไปยังนิ้วชี้ที่มีพลาสเตอร์ยาปิดแผลอยู่


                “.////////.”


                ตามมาด้วยอาการใบหน้าเห่อร้อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่สิ สาเหตุน่ะ ฮยองวอนก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วไง


                เพราะคนที่แปะให้นี่ล่ะ


                “บ้าจัง”


                สะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ภาพของโฮซอกออกไป แล้วหันมาตั้งใจทำกับข้าวต่อ ฮยองวอนไม่ใช่คนทำกับข้าวเก่งนักหรอก แต่ก็พอกินได้ และด้วยความที่เป็นพี่ เลยต้องดูแลทุกๆอย่างในบ้าน เป็นเหมือนหน้าที่ที่จะต้องทำไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจองฮันไม่ช่วยอะไรเลยนะ เพราะวันหยุด จองฮันก็จะทำงานบ้านบ้าง แต่ฮยองวอนอยากให้น้องไปสนใจกับเรื่องเรียนมากกว่า ดังนั้นเลยอาสาทำเอง


                ไม่เหนื่อยหรอก สบายมาก


                “กลับมาแล้วววววววววววววว”


                นึกถึงก็กลับมาพอดีเลย ฮยองวอนยิ้ม วางมีดแล้วเดินออกจากห้องครัว “ไงจองฮะ.. โฮซอก มินฮยอก”


                “ผมเจอพวกพี่เขาที่หน้าซอย ก็เลยถือโอกาสชวนมาที่บ้าน”


                “อ่า..”


                “พี่ฮยองวอนกำลังทำกับข้าวเหรอ หิวพอดีเลย เดี๋ยวผมลงมานะ”จองฮันพูดร่าเริง หันไปมองแขกทั้งสองคน “ตามสบายนะครับพวกพี่”


                “อื้ม”มินฮยอกพยักหน้าตอบ มองไปทางฮยองวอนที่ยังดูงงไม่หาย “ฝากท้องไว้ที่นี่สักมื้อไม่เป็นไรใช่ไหมฮยองวอน”


                “มะ ไม่เป็นไร ตามสบายเลย เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวต่อก่อนนะ”


                ฮยองวอนพูดรัวๆ รีบเดินกลับเข้ามาในห้องครัว อุตส่าห์สลัดภาพเขาออกไปได้แล้วเชียว นี่ดันมาเจอตัวเป็นๆอยู่ตรงนี้เลย แบบนี้จะไปมีสมาธิได้ยังงะ..


                “เหวอออออ”


                “เดี๋ยวก็ซุ่มซ่ามหั่นนิ้วตัวเองอีก”


                “.//////.”


                ฮยองวอนตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ๆโฮซอกก็มายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แย่งมีดในมือไปถือซะเอง แถมยังหั่นผักอย่างคล่องแคล่วอีกด้วย


                คือมันก็ดีนะ ถ้าหาก.. เราอยู่ในท่าที่สบายกว่านี้


                “คะ คือ นายเอาแขนออกหน่อยได้ไหม ฉันจะได้ไปทำอย่างอื่น”


                “…”


                โฮซอกไม่ได้พูดอะไร แต่ยกแขนขึ้น ฮยองวอนเลยรีบสไลด์ตัวออกไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง หันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ เท่ากับว่ายืนหันหลังให้โฮซอกอยู่


                มือเรียวยกขึ้นมาทาบอกตัวเอง หายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้หัวใจมันสงบลงได้เลย เมื่อกี้โฮซอกมายืนอยู่ข้างหลัง เอื้อมมือมาหั่นผักที่วางบนเขียวโดยมีตัวของฮยองวอนอยู่ตรงกลาง


                มันต่างจากกอดตรงไหนล่ะ


                โฮซอกคงไม่รู้เลยสินะ


                เขากำลังจะทำให้ฮยองวอนเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     










     

                มื้อเย็นผ่านไป มินฮยอกกับจองฮันอาสาล้างจานให้ ฮยองวอนก็เลยเดินออกมาที่สวนหลังบ้านเพื่อสูดอากาศ ชิงช้าไม้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางสวนที่มีต้นไม้มากมายปลูกรายล้อมเอาไว้ ดูร่มรื่น และสะอาดตา


                ฮยองวอนชอบตรงนี้มากที่สุดในเขตบ้าน เพราะมันทั้งร่มรื่น ทำให้สมองโล่ง อีกทั้งยังเป็นความทรงจำที่มีกับพ่ออีกด้วย


                ชิงช้าตัวนี้ พ่อของฮยองวอนเป็นคนทำ เป็นสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะเสีย เพราะงั้นฮยองวอนถึงยังเก็บมันเอาไว้ แม้ว่ามันจะผุพังไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม


                “ขอบใจสำหรับอาหารนะ”


                อีกแล้ว ..อุตส่าห์หนีออกมาข้างนอก แต่โฮซอกก็ยังจะตามออกมาอีก แบบนี้คงไม่พ้นฮยองวอนได้นอนฝันถึงอีกคนแน่


                มันหลายคืนแล้วนะ ..มากเกินไปแล้ว


                “มะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ทำไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่”


                “อือ”


                อะ อือเหรอ อือก็เท่ากับว่าเห็นด้วยที่มันไม่ค่อยอร่อยน่ะสิ


                โฮซอกนี่ใจร้ายจัง


                “ทำไมนายเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าล่ะ”


                ฮยองวอนเงียบ เมื่อเจอคำถามนี้ ทิ้งตัวนั่งลงบนชิงช้า ในขณะที่โฮซอกยืนกอดอกพิงต้นไม้และมองมาทางเขา


                “..พูดไปนายก็อาจจะหาว่าฉันบ้าก็ได้”


                “…”


                “แต่ฉันเคยเจอพวกเขา”


                “พวกเขา?”


                “อื้อ”ฮยองวอนพยักหน้าลงช้าๆ เหตุการณ์คืนนั้น ฮยองวอนไม่ลืมเลยแม้แต่นิดเดียว มันยังติดแน่นอยู่ในความทรงจำไม่จางหาย “ฉันเกือบจะแย่อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เขามาช่วยเอาไว้”


                “…”


                “แววตาสีดำสนิท ลึกลับ เย็นชา แต่ว่า ..มันอบอุ่น และทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย”


                “…”


                เหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว ว่ากำลังพูดเรื่องที่คนฟังอาจจะฟังว่ามันเพ้อเจ้อ ฮยองวอนเลยหัวเราะแห้งๆ เกาต้นคอตัวเองแก้เก้อ


                “ขอโทษที ฉันพูดไร้สาระใช่ไหมล่ะ”


                “..ก็ไม่หรอก”โฮซอกตอบ ยักไหล่เบาๆ “บางทีมันอาจจะมีจริงๆก็ได้”


                “อื้ม”ฮยองวอนยิ้ม ดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ “นายกับมินฮยอกเก่งมากเลยนะ ที่หาข้อมูลมาได้มากขนาดนั้น ฉันยังไม่ได้อ่านเลย เพราะซึงชอลเอาไปตรวจดูอยู่ เอ่อ ..นะ นายช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”


                “เรื่อง?”


                “เกี่ยวกับพวกเขาน่ะ ..ถึงมันจะเป็นเรื่องแต่ง แต่ฉันก็ยินดีฟังนะ”


                โฮซอกมองแววตาเป็นประกายคู่นั้น เพิ่งเคยเจอ คนที่สนใจเรื่องไร้สาระได้มากขนาดนี้ ปกติก็มีแต่พวกที่ไม่เชื่อ สุดท้ายก็มองว่ามันเป็นเรื่องงมงานที่แต่งขึ้นมาหลอกเด็ก


                ก็เพิ่งจะมีฮยองวอนคนแรกนี่แหละ ที่บอกว่าเชื่อ และสนใจได้มากแบบนี้


                “มนุษย์หมาป่าจะมีรักแท้ได้แค่คนเดียว”


                “…”


                “..เมื่อไหร่ก็ตามที่มนุษย์หมาป่าตัวนั้นได้ผูกจิตเอาไว้กับใคร คนๆนั้นก็จะเป็นรักแท้ของเขา ตลอดไป”


                ตึกตัก ตึกตัก


                อีกแล้ว ..หัวใจของฮยองวอนเต้นแรงขนาดนี้อีกแล้ว


              มันเป็นแค่เรื่องเล่านะแชฮยองวอน โฮซอกก็แค่เล่า เขาไม่ได้บอกรักนายสักหน่อย


                แต่มัน..


                แกร๊ง


                โฮซอกขยับตัว มาบังฮยองวอนเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากที่ไหนสักที่ ในขณะที่ฮยองวอนลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ทั้งเสียง และปฏิกิริยาของโฮซอก


                กรรรร


                “ฮะ โฮซอก..”ฮยองวอนเสียงสั่น พอๆกับขาที่ก้าวไม่ออก เมื่อจู่ๆก็มีหมาตัวใหญ่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับส่งเสียงขู่ และแยกเขี้ยวเหมือนเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้ามาขย้ำคนทั้งคู่


                “…”


                ฮยองวอนมองโฮซอกที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ยืนบังอยู่ข้างหน้า แววตาเย็นชาคู่นั้น แวบหนึ่งที่ฉายแววเหมือนดุร้ายออกมา แต่แค่แวบเดียวก็เป็นแบบเดิม


                ที่น่าตกใจก็คือหมาตัวนั้นกลับวิ่งหนีออกไปราวกับกำลังกลัว


                ทั้งที่ยังไม่มีใครทำอะไรเลย


                “เข้าบ้านเถอะ มันมืดมากแล้ว”


                “แต่..”


                “ไปเถอะ นายอยากให้หมาตัวนั้นมันกลับมากัดนายหรือไง”


                “ไม่อ่ะ”


                เจ้าของบ้านส่ายหน้ารัวๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน โฮซอกมองตามฮยองวอนเข้าไป แล้วเบนสายตามองไปยังมุมมืดของสวน


                “ไปซะ..”


                ฟึ่บ


                หมาตัวใหญ่จนสีดำสนิทกระโจนออกไปนอกรั้ว เมื่อโฮซอกพูดจบ


                …


                พวกมันคงเริ่มแล้วสินะ


















    เริ่มอะไร พวกมันไหน โอ๊ยยย ไรท์ตื่นเต้น มันกำลังจะมาแล้วสินะ ความเข้มข้นและความฟินนี้

    แต่ว่าเงียบมากๆเลย ขอกำลังใจค่ะ ขอ 7 เม้นท์ เชื่อเถอะ ว่าไม่มากไป ยอดวิวนี่อลังมากเวอร์

    แค่เม้นท์ให้ แป็บเดียวถึง ได้อ่านต่อแน่นอน ขออภัยที่อาจต้องใช้วิธีนี้

    แต่เหนื่อย และนอยด์มากๆเลย มันก็ต้องการกำลังใจกันบ้าง ขอให้เข้าใจนะคะ รักมากนะคะ


    #คำสาปชินแช

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×