คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Another Time : C H A P T E R S 3
Chapters 3
ผมไขกุญแจเพื่อเข้าไปในบ้าน
ก่อนจะหันกลับไปมองนายโรคจิตที่ทำเหมือนกำลังระแวงอะไรอยู่
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว มองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดเวลา
ทำอย่างกับจะมีใครโผล่มาฆ่าอย่างงั้นแหละ
“ไม่เข้าบ้านหรือไง”
“เหตุใด..”
“- -“
“ทะ
ทำไมที่นี่ถึงเป็นบ้าน”
“เอ้า”ผมเกาหัว
กลอกตาไว้อาลัยให้กับคำถามงี่เง่าแบบนี้ “ก็มันคือบ้านไง มันถึงได้เรียกว่าบ้าน
จะเข้าหรือเปล่า ถ้าหากไม่เข้างั้นจะไปไหนก็ไปเลย”
“เข้าๆๆ
พี่จะเข้าสิฮยองวอน อย่าทิ้งพี่”
“- -“ผมส่ายหัวเบาๆกับร่างหนา(แต่เตี้ยกว่า)ที่แทรกผ่านประตูเข้ามา
ผมเลยปิดประตู “บ้านมันก็ไม่ได้หลังใหญ่อะไรอ่ะนะ
มันอยู่สบายมากๆตอนที่อยู่คนเดียว”
“...”
“แต่เพิ่มมาอีกคนก็คงไม่อึดอัดเท่าไหร่”
ผมพูดแก้หลังเห็นหน้าเจื่อนๆ
เก่งเหลือเกิน กับการปั้นหน้าให้ผมรู้สึกผิดได้ทุกครั้งเนี่ย
“เอ้อ
ว่าแต่ ยังไม่รู้จักชื่อนายเลย นายชื่ออะไร จำได้ไหม”
“จำได้สิ”เขาพูดอย่างมั่นใจ
“ถึงแม้ฮยองวอนจะจำพี่ไม่ได้ แต่พี่จำตัวเองได้ดีเลย”
“เออๆๆ
ชื่ออะไรล่ะ”
“ชินโฮซอก”
ผมมองอย่างอึ้งๆกับชื่อที่ได้ยิน
ยกมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะหัวเราะดังลั่นบ้าน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หัวเราะอะไรเหรอ”
“นายชื่อเหมือนหมาของบ้านข้างๆเลยอ่ะ
เจ้าโฮซอกน่ะ”ผมหัวเราะแบบหยุดไม่อยู่ในขณะที่โฮซอกยังทำหน้าไม่เข้าใจ
แต่จะยังไงก็ช่าง
เจ้าโฮซอกข้างบ้านที่ชอบมาอ้อนให้ผมเล่นด้วยเป็นประจำนี่น่ารักมากๆเลยนะ
ไม่คิดว่าจะมาเจอคนที่ชื่อเหมือนหมาด้วย
“ขำพอแล้วหรือยัง”
ผมยกมือขึ้น
พยักหน้าทั้งที่ยังขำอยู่ “โอเคๆ ไม่ขำแล้ว แป็บนะ”
พยายามอึ๊บไว้
เดี๋ยวโฮซอกจะรู้สึกไม่ดี เมื่อหยุดหัวเราะได้
ผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาแล้วกวักมือเรียก “มานั่งสิ”
เมื่อถูกเรียก
โฮซอกก็เดินมาแล้วนั่งลง แต่..
“- -
ฉันให้ไปนั่งตรงที่ว่างๆเฟ้ย”
โซฟาอีกตัวก็ว่าง
มันก็ยังจะมานั่งเกยกับผมอีก นี่จะทำตัวเป็นหมาโฮซอกไปถึงไหน ชอบนัวเนียกันอยู่ได้
“นี่
ฉันจะเปลี่ยนชื่อให้นายใหม่”
“ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อด้วย”
“จะได้ไม่สับสนไงเล่า
เกิดฉันเรียกนายแล้วหมาวิ่งมาหา หรือฉันเรียกหมาแล้วนายตอบ ฉันก็ลำบากใจแย่เลยดิ”ผมอธิบายเหตุผลแล้วใช้ความคิด
“อืม.. ชื่ออะไรดีนะ”
“ถ้าหากฮยองวอนคิดว่าดี
พี่ก็ว่าดีทั้งนั้น”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลย”ผมตอกกลับเบาๆ
“โฮซอกงั้นเหรอ.. โฮ วอนโฮดีไหม”
“วอนโฮ?”
“ใช่
วอนโฮ อย่างน้อยก็ดีกว่าไปชื่อเดียวกับหมาแหละ”
“มีความหมายหรือไม่”
“ไม่รู้สิ.. เหมือนจะเคยได้ยินว่าวอนโฮเป็นชื่อของผู้ปกป้อง
คล้ายๆกับพวกองครักษ์แหละมั้ง”
“องครักษ์งั้นหรือ”
ผมพยักหน้า
จะพยายามมองข้ามสำเนียงโชซอนที่เขาพูดแล้วกัน เพราะคงต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวน่ะ
“ถ้าเช่นนั้น ชื่อของพี่คือวอนโฮ”
“อือ”
“ผู้ปกป้องฮยองวอน”
“ฮะ?”
“ก็ฮยองวอนบอกว่าวอนโฮคือผู้ปกป้อง
เพราะงั้น พี่จะเป็นผู้ปกป้องฮยองวอนเอง”
ผมอ้าปากค้าง
ไอ้ท่าทางและแววตาที่โคตรจะจริงจังนั่นคืออะไร มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆนะ “บะ บ๊าาาาา
จะมาปกป้องอะไร ฉันดูแลตัวเองได้หรอกน่า”
“ก็เผื่อเวลาที่ฮยองวอนดูแลตัวเองไม่ได้ไง”
“ก็ตามใจ
ฉันหิวแล้ว นายหิวหรือยัง”
“ยัง”
โครกกกกกกก
ผมหลุดหัวเราะ
เมื่อเสียงโครกครากมันดังออกมาจากคนที่นั่งทำหน้าเขินๆ “ท้องนายประท้วงนะวอนโฮ
รอแป็บ ฉันจะทำรามยอนมาให้ พอดีปกติฉันไม่ค่อยกลับมากินข้าวที่บ้าน
ก็เลยไม่มีของสดติดไว้”
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
“ไม่ต้องอ่ะ
แค่นั่งเฉยๆ อย่าก่อเรื่องก็พอ”ผมบอกพร้อมกับยัดรีโมทใส่มือของเขา “ถ้าเบื่อก็นั่งดูทีวีรอไปก่อน
เดี๋ยวจะรีบทำมาให้ แล้วบ่ายสามเราต้องออกไปข้างนอกกันอีก”
“ไป..”
“ไม่ต้องถามว่าไปไหน
เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองนั่นแหละ”ผมรีบพูดดักประโยคคำถามของวอนโฮเอาไว้ทันที
นี่เหมือนอยู่กับเด็กที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่น่ะ
ไม่รู้อะไรเลย แถมยังถามมันไปซะทุกอย่าง แรกๆก็รำคาญมากนะ
แต่ยอมรับเลยตอนนี้เริ่มจะชิน ก็เลยปรับตัวไปบ้าง
คนป่วยแบบนี้บางทีก็น่าสงสารเหมือนกันนั่นแหละนะ
เฮ้ออออออ
ผมเข้าครัวเพื่อทำรามยอน
หลังจากต้มน้ำจนเดือด แต่ยังไม่ทันได้ใส่เส้นรามยอนลงไป
“เจ้าเป็นใคร
เหตุใดจึงมีอาวุธ วางมันลงเดี๋ยวนี้นะ!!!!!!!!”
งานเข้า
ไม่น่าส่งรีโมทให้เล้ยยยยยยยยยยยยย
ผมละจากห้องครัวแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นทันที
โซฟาสองตัวล้มและถูกตั้งเอาไว้เหมือนเป็นโล่ โดยที่วอนโฮหลบอยู่ข้างหลัง
ผมมองที่ทีวี เป็นละครที่ตัวละครในเรื่องกำลังไล่ยิงกันอยู่
“นี่นายทำอะไรของนาย
- -“
“ฮยองวอน
หลบออกมา เดี๋ยวเป็นอันตราย”
“ฮะ???”
“โธ่
พี่บอกให้หลบมา”พูดจบปุ๊บหมอนี่ก็กระโดดออกมาแล้วดึงผมไปหลบอยู่หลังโซฟาด้วยทันที “ไม่ต้องกลัวนะ
พี่จะปกป้องฮยองวอนเอง”
เออ
เอาเข้าไป
“เฮ้ยๆๆๆๆ
หยุดนะ หยุดเลย”ผมรีบร้องห้ามทันที เมื่อวอนโฮคว้าแจกันดอกไม้แล้วทำท่าจะขว้างออกไป
“อย่าทำบ้าๆนะเว้ย”
“พวกมันมีอาวุธนะ”
“- - ตั้งสตินะวอนโฮ”ผมพูด
ก่อนจะเดินตรงไปที่ทีวี
“ฮยองวอน
กลับมา!!!!”
“ดูนะ”ผมวางมือลงไปบนหน้าจอ
ก่อนจะยักไหล่ “เห็นไหม มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย”
“-o- เป็นไปได้ยังไง”
“นี่นะ
เขาเรียกว่าทีวี หรือโทรทัศน์ แล้วที่เห็นน่ะ ก็เป็นนักแสดง.. อ่า เอาเป็นว่า
อาวุธพวกนั้นไม่ใช่ของจริง แล้วคนตรงนั้นก็ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ อีกอย่าง
ต่อให้มีแว่นสามมิติ พวกเขาก็ออกมาฆ่าเราไม่ได้หรอกน่า”
“แว่นสามมิติ?”
พลาดรอบสอง
ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองแล้วรีบหันไปยิ้ม
“ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดคำนั้นออกมาแล้วกันนะ”
“...”
“ฉันจะไปทำรามยอนต่อ
อันนี้ไม่ต้องดูแล้ว นายอ่านหนังสือออกไหม”
วอนโฮพยักหน้าหงึกหงัก
ผมเลยเดินไปหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง โชคดีที่ผมเคยได้เป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่นะ
เคยนึกด่าคนให้อยู่ ว่าผมจะไปได้ประโยชน์อะไรกับไอ้หนังสืออธิบายสิ่งของในชีวิตประจำวัน
แต่ตอนนี้ผมโคตรจะขอบคุณคนให้เลย
ได้ใช้ประโยชน์จริงๆแล้วล่ะ
“อ่านนี่ไปเงียบๆนะ
มันคือความรู้ใหม่ที่นายจำเป็นต้องมี ถ้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่”
“อืม”
ผมดุเกินไปเหรอ
จู่ๆก็หงอยขึ้นมาซะงั้น “ยกโซฟาขึ้นมาเหมือนเดิมด้วยนะ”
สั่งเสร็จผมก็กลับมาที่ห้องครัว
น้ำที่ต้มไว้มันแห้งไปหมดแล้ว แถมหม้อไหม้อีกต่างหาก ดีจริงๆ เฮ้อ..
หลังจากทำรามยอนเสร็จ
เราสองคนก็มานั่งกินกันด้วยความหิว ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง
อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องออกไปข้างนอกแล้ว ขอนั่งย่อยก่อนแล้วกันนะ
“ทำไมตัวหนังสือถึงได้อ่านเรียงจากซ้ายไปขวา
ไม่ใช่จากข้างบนลงข้างล่าง”
“ก็เพราะว่ามันอ่านแบบนั้นไง
นี่มันยุคปัจจุบัน อ่านหนังสือจากบนลงล่างมันสมัยหลายร้อยปีที่แล้วนู่น”
“หลายร้อยปีที่แล้ว”
“ช่ายยยยย”
“หมายความว่าพี่ข้ามเวลามาจากหลายร้อยปีที่แล้วงั้นสินะ”
ผมได้ยินที่วอนโฮพึมพำไม่ค่อยชัด
แต่ก็ไม่ได้คิดถามอะไรปล่อยให้เขานั่งอ่านหนังสือไป “จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
นายก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกล่ะ”
“เราจะเดินทางกันด้วยรถยนต์ใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิ”
ผมตอบส่งๆ
ถึงจะดูเหมือนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แต่ผมว่าวอนโฮเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วนะ
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีกับผม เพราะอย่างน้อย
ผมก็ไม่ต้องเหนื่อยคอยอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้เขาทำไง
ผมเข้ามาในห้อง
เปลี่ยนเสื้อให้เป็นเสื้อที่ดูดีกว่าที่ใส่อยู่
ก่อนจะมาส่องกระจกตรวจเช็คความเรียบร้อย
ที่จริงก็ไม่อยากพาวอนโฮไปด้วยหรอกนะ
แต่ถ้าปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว มีหวังบ้านอาจจะพังได้
ตื่นเต้นจังเลยแฮะ
ไม่ได้เจอหน้ามาตั้งเป็นอาทิตย์
ใช่แล้วล่ะ
วันนี้พี่มินฮยอกกลับ
และผมกำลังจะไปรับเขา
คงต้องเจอคำถามเกี่ยวกับวอนโฮอีกเยอะแยะ
เตรียมใจไว้แล้วล่ะ เตรียมคำตอบไว้หมดแล้วด้วย
เพราะงั้นตอนนี้
“วอนโฮ
ไปกันเถอะ”
-HOSEOK-
ฮยองวอนพาผมมาในที่ที่แปลกตาอีกแล้ว แต่มองเห็นจากป้าย ที่นี่คือสนามบิน
สนามบินคืออะไรผมยังไม่แน่ใจ เพราะหนังสือที่ฮยองวอนเอาไว้ไม่มีบอก
ถึงฮยองวอนอธิบาย ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
รู้เพียงแค่ว่าที่นี่คนเยอะจนตาลายไปหมดแล้ว
“บอกให้รออยู่ที่รถก่อนก็ไม่เชื่อ
คนเยอะนะในนี้น่ะ”
“ฮยองวอนยังมาได้เลย”
“งั้นก็ตามใจ”
ผมจะปล่อยให้คนตัวบางๆแบบนี้มาเดินคนเดียวได้ไง
ในเมื่อวอนโฮคือผู้ปกป้อง เป็นเหมือนองครักษ์นี่
มีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ผมเริ่มจะทำความเข้าใจกับมัน
ผมรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ยุคที่ผมอยู่ มันคือโลกใบเดียวกัน ทว่า มันคือคนละช่วงเวลา
ตอนนี้คืออนาคต ซึ่งคำตอบที่ผมยังหาไม่ได้ก็คือ ผมมาที่นี่ได้ยังไง
และฮยองวอนที่หน้าตาอย่างกับเป็นคนๆเดียวกับอินฮยองมาอยู่ที่นี่แบบนี้ได้ยังไง
อาจเป็นไปได้ว่าอินฮยองมาเกิดใหม่
นั่นเป็นความจริงที่ทำให้ผมเจ็บปวด มันตอกย้ำกับผมว่า
ผมไม่สามารถปกป้องอินฮยองได้จริงๆ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผมจะปกป้องฮยองวอนให้ได้
แลกด้วยชีวิตผมก็ยอม
“อ๊ะ
มาแล้วล่ะ”
ผมหันไปมองตามที่ฮยองวอนมอง
ท่ามกลางผู้คนมากมาย มีหนึ่งคนที่ผมทำให้ผมต้องมองด้วยความสนใจ
ผู้ชายคนนั้นสวมชุดสีดำทั้งตัว และมีสิ่งที่เรียกว่าแว่นอยู่บนหน้า
ผมเผลอขมวดคิ้วเพราะรู้สึกคุ้นหน้าของเขาเหลือเกิน
“พี่มินฮยอก”
“มินฮยอก?”ผมทวนชื่อที่ฮยองวอนเรียกเบาๆ
ก่อนจะตาเบิกกว้าง เมื่อผู้ชายคนนี้ถอดแว่นออก
“ไง
ตัวยุ่ง”
เขาคือ..มินฮยอก
...
องค์ชายรัชทายาท
ไม่ผิดแน่ๆ
ฮยองวอน = อินฮยอง
มินฮยอก = องค์ชายรัชทายาท
โอ้วววววววว นี่มันเรื่องอะไรกัน กลับชาติมาเกิดกันแบบนี้ องครักษ์ชินก็งงสิท่าน
หลังจากที่องครักษ์เริ่มจะทำความเข้าใจยุคปัจจุบัน ไรท์จะบอกว่าเตรียมหมอนไว้นะ
ความฟินมันจะเริ่มบังเกิดหลังจากนี้เป็นต้นไป หึๆๆๆๆๆๆๆๆ
#องครักษ์ชิน
ความคิดเห็น