คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Another Time : C H A P T E R S 1 9
ฮยองวอนกำลังอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งไม่คุ้นตา ข้างหน้าเป็นป่าทึบและมืดจนแทบมองไม่เห็นทาง มีเพียงแสงจากจันทราที่สาดส่องลงมา อากาศหนาวเหน็บจนต้องยกมือมากอดเพื่อมอบความอบอุ่นให้กับตัวเอง แม้จะใช้เวลาเดินมานานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นใครอื่นนอกจากตัวเอง
“ฮยองวอน”
ฝีเท้าหยุดชะงักหลังจากได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยอีกครั้ง แต่ฮยองวอนยังคงกลัว จะผิดหวังอีกครั้งไหม ครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้ หันไป แต่ก็ไม่เห็นมีใคร
“ฮยองวอน พี่กลับมาแล้ว”
ฮยองวอนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปด้านหลัง หัวใจแทบจะหลุดออกมาข้างนอก เมื่อพบว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่การคิดไปเองอีกต่อไป เขากลับมา.. เขาอยู่ตรงนั้น
“..พี่วอนโฮ”
ถึงจะอยู่กันในคนละยุค แต่วอนโฮในยุคนั้นก็อายุมากกว่าฮยองวอนหนึ่งปีอยู่ดี เรียกเขาว่าพี่ก็ไม่ผิดอะไรอยู่แล้ว
วอนโฮยิ้มก่อนจะกางแขนออกเพื่อรอรับอีกฝ่าย ฮยองวอนยิ้มตอบ เดินเข้าไปหาเขา เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่ายิ่งเดินเร็ว ก็เหมือนว่าเขายิ่งห่างไกลออกไป
“พี่จะไปไหน รอผมก่อน”
“มาเร็วสิฮยองวอน”
“พี่วอนโฮ”ฮยองวอนร้องเรียกอีกคน แต่เขาก็ยิ่งถอยลงไป รอบข้างฮยองวอนไม่ใช่ป่าทึบอีกต่อไป หากเป็นตึกสูงใหญ่อย่างที่พบเห็นอยู่ทุกวัน แต่ตรงวอนโฮกลับยังเป็นป่าทึบเหมือนเดิม “ไม่นะ ..อย่าทิ้งผมไป”
“ฮยองวอน”
ขายาวออกวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วจู่ๆก็เหมือนตกลงไปในแม่น้ำที่ลึกจนไม่มีอากาศหายใจ ฮยองวอนตะเกียกตะกายแต่ก็ดูจะไร้ความหมายเมื่อร่างของเขาจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ อากาศก็เริ่มหายไป ร่างบางรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อให้โผล่พ้นผิวน้ำ
“เฮือก”
ฮยองวอนหอบหายใจถี่ๆ มองไปรอบๆที่กลายเป็นห้องนอนในบ้านของเขา
เมื่อกี้นี้คือความฝัน
แต่ที่หายใจไม่ออกเมื่อกี้ไม่ใช่ความฝัน “ชะ ชางกยุน นายจะทำอะไร”
ฮยองวอนเอ่ยถามคนที่ยืนค้ำหัวตัวเองอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เมื่อชางกยุนถือหมอนเอาไว้ และแน่นอน เขาเป็นคนเอาหมอนมากดหน้าฮยองวอนจนเกือบตาย “นาย..”
“...”ชางกยุนไม่ได้พูดอะไร มือเขากำหมอนแน่น ในขณะที่แววตานิ่งเรียบ
ฮยองวอนถอยหนีด้วยความหวาดกลัว เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมชางกยุนถึงทำแบบนั้น “นาย”
“พี่น่ะ”
“...”
“ขี้เซาชะมัด ได้เวลาตื่นไปทำงานแล้วครับ”
ใบหน้านิ่งขรึมเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มน่ารัก ก่อนจะกอดหมอนที่ถือไว้แน่น “ผมเรียกพี่ตั้งหลายครั้งพี่ก็ไม่ยอมตื่น เอาแต่ดิ้นไปดิ้นมาอยู่ได้ ผมเลยต้องทำแบบนี้อ่ะ”
“ฉันเกือบตายแล้วนะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”ชางกยุนหัวเราะแล้วเดินออกจากห้องไป
ฮยองวอนถอนหายใจเบาๆ พับผ้าห่มก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน
อยากจะฝันให้นานกว่านี้อีกหน่อย อยากจะเห็นหน้าให้ใกล้กว่านี้
คิดถึงมากเลยนะ
ยามภัยร้ายมาเยือน
ประโยคนี้อยู่ในหัวของโฮซอกทั้งวันไม่ยอมหลุดไปไหน หลังจากนั่งไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ครั้งแรกที่ภัยร้ายมาเยือนคือวันนั้น วันที่เขาปาดคอตัวเองอย่างจงใจเพื่อหวังจะตามอินฮยองไป แต่อาจเป็นเพราะผ้ายันต์ ที่ทำให้เขาไปโผล่อยู่ในอนาคต
ครั้งที่สองคือตอนที่มีคนบุกเข้ามาที่บ้านฮยองวอน จำได้ว่ามีใครสักคนเอามีดมาแทงเขา และเขาเกือบจะตายแล้ว แต่สุดท้ายก็กลับมาที่นี่
หรือว่าผ้ายันต์จะพาเขาเดินทางข้ามกาลเวลาในช่วงที่เขากำลังใกล้จะตาย
“ท่านองครักษ์”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก้มหัวให้นักแสวงบุญที่มาปักหลักอยู่ที่แห่งนี้ อินฮยองเคารพและศรัทธาในตัวท่านมากๆ นางชอบมาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์ก็เคย
“หมดเคราะห์สักทีนะท่าน”
โฮซอกยิ้มรับ เก็บผ้ายันต์เข้าที่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนักบุญเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
“ผ้ายันต์ยังอยู่ดีใช่ไหม”
“..ท่านทราบด้วยหรือ”
“แน่นอนสิ ..เพราะข้าเป็นคนทำมันขึ้นมาเองกับมือ”
แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้โฮซอกสนใจได้ขึ้นมาทันที “ข้ามีเรื่องสงสัยอยากถามท่านมากมายเกี่ยวกับผ้ายันต์ผืนนี้ ..อินฮยองนำมาให้กับข้า นางบอกว่าจะช่วยปกป้องข้าจากเรื่องร้ายๆ”
“ใช่ ผ้ายันต์ผืนนี้อินฮยองมีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น นางต้องการปกป้องท่าน นางเลยมานั่งบำเพ็ญภาวนาที่นี่สามเดือน”
จำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่อินฮยองหายตัวไปนาน บอกแค่ว่าต้องเดินทางไกล แต่นางไม่ยอมบอกว่าไปที่ไหน และบังเอิญเป็นช่วงที่โฮซอกยุ่งๆก็เลยไม่ได้ตามนางไปด้วย
“ยามภัยร้ายมาเยือน มีความหมายว่าอย่างไรหรือ”
“ก็ตามที่ท่านประสบมากับตัวเอง เมื่อใดที่ท่านพบกับภัยร้ายที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต ผ้ายันต์ผืนนี้จะช่วยคุ้มครองท่าน แต่ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่ามันช่วยท่านได้อย่างไร”
“..มันช่วยข้ารอดตายมาสองครั้งแล้ว”
ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วล่ะ เหตุผลที่เขาข้ามเวลาไปมา นั่นก็เพราะเขากำลังเจอภัยร้ายที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต ผ้ายันต์เลยช่วยพาเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ที่ที่มีเจ้าของผ้ายันต์ตัวจริงอยู่
“สีมันหม่นจากเดิมไปมาก”นักบวชเอ่ยทักหลังจากเพ่งมองผ้ายันต์อยู่นาน
“อาจเป็นเพราะว่าข้าเอาเก็บไว้กับตัวตลอด คลุกดินคลุกฝุ่นก็เลยทำให้เป็นเช่นนี้”โฮซอกอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง ผ้ายันต์ดูเก่าลงทุกครั้งที่เขาหยิบขึ้นมาดู “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน มีเรื่องที่ข้าจะต้องไปจัดการอีกมาก”
“ท่านองครักษ์”
“...”
“ท่านกับอินฮยองคือคู่แท้.. ดวงของท่านทั้งสองคนผูกไว้ด้วยกันในทุกๆชาติ ไม่ว่าชาติไหน พวกท่านจะได้ครองคู่กันอีก”
ได้ฟังแบบนั้นโฮซอกก็หัวใจพอโต ก่อนจะยิ้มรับพร้อมกับก้มหัวบอกลา
ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหน ก็จะขอเจอกันทุกชาติไป
โฮซอกกลับมาที่บ้านของตัวเอง มีทหารอารักขายืนกันเต็มหน้าบ้านนั่นทำให้รู้ว่าตอนนี้ในบ้านของเขามีแขกมาเยี่ยมเยียน และคงไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย
“ข้ามีธุระ ขออภัยที่มาพบองค์ชายรัชทายาทช้าเช่นนี้”
“ไม่เป็นไร ก็เจ้าไม่รู้นี่ว่าข้าจะมา”องค์ชายรัชทายาทพูดอย่างใจดี “ทำตัวตามสบายเถิด อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นบ้านของเจ้า”
โฮซอกก้มหัวก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับองค์ชายรัชทายาท คนรับใช้นำน้ำชามาเสิร์ฟพร้อมกับของว่าง องค์ชายยิ้มรับแล้วเริ่มเปิดประเด็น
“ไม่ได้พูดคุยกันมานานเลยนะองครักษ์”
“..มีเรื่องยุ่งวุ่นวาย กระหม่อมขออภัยที่ไม่ได้อยู่ช่วยองค์ชายในยามคับขัน”
“ไม่ได้อยู่ช่วยเหรอ”องค์ชายทวนคำก่อนจะหัวเราะ “ช่างเถอะ ยังไงเสีย ข้าก็รอดตายมาได้”
“ขอรับ”
“เสียใจด้วย เรื่องอินฮยอง”
“..ขอรับ”
“เพราะนางรักเจ้ามาก”องค์ชายพูด มองออกไปข้างนอกแล้วถอนหายใจ “เพราะรักเจ้ามาก นางถึงได้มีจุดจบเช่นนั้น”
จูมยองคงเล่าข้อสันนิษฐานของตัวเองให้องค์ชายฟังมาหมดแล้วสินะ
“กบฏที่พวกเจ้าคาดเดาเอาไว้ คือเสนาบดีฝั่งซ้ายจริงๆ”
“!!!!!”
“ทหารหลวงเข้าไปค้นเจอหลักฐานมากมาย ทั้งแผนการลอบปลงพระชนม์ข้า รวมไปถึงลอบปลงพระชนม์พระพันปี อีกทั้งยังพบเจอกลุ่มนักฆ่าและทั้งหมดได้ให้ความตรงกันว่าได้รับการจ้างวานมาจากเสนาบดี”
“...”
“ถือซะว่าข้าทำเพื่อไถ่โทษเจ้า ที่เคยเข้าใจเจ้าผิดไป ..ข้าช่วยจัดการหาคนทำผิดมาลงโทษให้เจ้าแล้วนะ รวมไปถึงคนที่ฆ่าอินฮยองด้วยเช่นกัน”
โฮซอกไม่สามารถเก็บอาการดีใจที่มีเอาไว้ได้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ องค์ชายรัชทายาทช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ
ตอนนี้ก็คงถึงเวลาจริงๆแล้วสินะ
“เจ้ามันบ้า เจ้าจะให้ข้าทำอะไรเช่นนั้นได้อย่างไร”
จูมยองโวยวายทันทีหลังจากได้ฟังคำขอร้องของโฮซอก
“เจ้าต้องทำจูมยอง มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ช่วยข้าได้ ข้าอยากจะพิสูจน์ ว่าสิ่งที่ข้าคิดเป็นเรื่องจริง”
“เจ้าจะบอกว่าผ้ายันต์ผืนนั้นจะช่วยทำให้เจ้าหายตัวได้หลังจากที่ข้าฟันคอเจ้าน่ะหรือ”
“ใช่”
“แล้วถ้าสิ่งที่เจ้าอยากจะพิสูจน์มันไม่เป็นความจริงเล่า”จูมยองยังคงแย้ง
“ฟังข้านะสหาย”โฮซอกอธิบายอย่างใจเย็น “เหตุที่ข้าหายตัวไปในตอนนั้น เป็นเพราะข้าตั้งใจจะปลิดชีพตัวเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ข้าอยากจะให้เจ้าเป็นคนทำ”
“เจ้าทำเพื่ออะไร”
“มีคนจากทางนั้นกำลังรอพบข้าอยู่นะจูมยอง”
“แต่..”
“หากว่าสิ่งที่ข้าอยากจะพิสูจน์มันไม่เป็นความจริง ข้าก็แค่ตาย”
“เจ้าช่วยอย่าทำเหมือนว่าการตายมันเป็นเรื่องเล็กๆได้หรือไม่”
“..ความตายไม่ใช่สิ่งที่ข้าหวาดกลัวอีกต่อไปแล้วจูมยอง การที่ข้าไม่สามารถเจอคนที่ข้ารักได้อีกต่างหากคือสิ่งที่ข้าหวาดกลัว ข้าใช้ชีวิตที่นี่มามากพอแล้ว กบฏถูกกำจัด คนที่ฆ่าอินฮยองก็ถูกกำจัด พวกมันรับกรรมของมันแล้ว แค่นี้ข้าก็สบายใจแล้วล่ะ”
จูมยองมองคนตรงหน้านิ่งๆ แต่ไหนแต่ไรโฮซอกก็เป็นคนเด็ดเดี่ยวแบบนี้ แต่เรื่องอย่างว่ามันจะมีจริงๆหรือ การหายตัวข้ามภพข้ามชาติอย่างนั้นน่ะ ถ้ามันไม่มีอยู่จริง นั่นเท่ากับว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าโฮซอกด้วยตัวเองเลยนะ
“เจ้าคือสหายที่ข้ารักและไว้ใจมากที่สุดจูมยอง ช่วยทำอย่างที่ข้าต้องการที”
“..เฮ้อ แล้วเจ้าจะกลับมาอีกไหม”
“ข้าก็ไม่แน่ใจ”
“...”
“หากข้าหายไปเกินหนึ่งเดือน ให้เจ้าบอกกับทุกคนว่าข้า องครักษ์ชินโฮซอก ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว หลุมศพของข้าตั้งอยู่ใกล้ๆกับคนที่ข้ารักทั้งหมด”
“นี่เจ้าทำถึงกับเตรียมหลุมศพของตัวเองไว้เลยหรือ”
“ใช่”โฮซอกยิ้ม หยิบผ้ายันต์ออกมา จูบลงไปเบาๆ
โปรดให้โอกาสพี่อีกสักครั้งเถิดนะอินฮยอง
“อย่าช้าเลยจูมยอง”
องครักษ์มือซ้ายถอนหายใจอีกเฮือก มองนัยน์ตาเด็ดเดี่ยวของเพื่อน สุดท้ายก็ต้องยกดาบขึ้นมา ..เพราะโฮซอกมั่นใจในฝีมือของจูมยอง มั่นใจว่าคนๆนี้สามารถทำให้เขาสิ้นลมหายใจได้เพราะจูมยองรู้จุดตายของมนุษย์
“..ไม่ว่าชาติไหน ข้าก็จะขอเป็นเพื่อนกับเจ้าทุกชาติไป”
“ข้าก็เช่นกัน”โฮซอกตอบรับพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ
ไว้เจอกันในโลกหน้านะ.. จูมยอง
ข้า ชินโฮซอก จะไปเจอกับเจ้าอีกครั้งในฐานะของ ชินวอนโฮ ส่วนเจ้า คือลีจูฮอน
รออีกนิดนะฮยองวอน
พี่กำลังจะกลับไปเจอนายแล้ว
ความคิดเห็น