คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : C U R S E ▲ | C H A P T E R 1
Chapter 1
ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านหลังจากที่เตรียมตัวออกไปเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ทำเสมอก็คือการเดินเข้าไปในห้องของน้องชายเพื่อดูว่าเขาเตรียมตัวเรียบร้อยหรือยัง
และถ้าหากเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งที่ผมจะได้ยินในทุกๆเช้าก็คือ
“ใครใช้ให้มานักหนา
พี่ฮยองวอนก็ไม่ได้ขอให้ตัวมาซะหน่อย วุ่นวายอยู่ได้”
“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจากับผู้ใหญ่แบบนี้ได้ไงวะ”
“พูดอย่างกับว่าตัวแก่กว่านักล่ะ
ห่างกันแค่ปีเดียวเอง ผมยังดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าซะอีก โห่”
“ผู้ใหญ่อะไรร้องไห้งอแงหาพี่อยู่ตลอดเวลาฮะ”
“แล้วมายุ่งอะระ..”
“เลิกทะเลาะกันได้แล้วน่า”
“พี่ฮยองวอน
ก็เพื่อนพี่อ่ะ มาว่าผมก่อน เขาบอกว่าผมชอบทำตัวเป็นเด็ก”
“ก็เรายังเด็กจริงๆนี่”ผมพูดเสียงเรียบ
เก็บของใส่กระเป๋าแล้วหันไปลูบหัวน้องชายที่ย่นจมูกไม่พอใจที่ผมไม่เข้าข้างเขา
“หวายยยยยยยยย
เด็กน้อย”
“นายก็เด็กด้วยเหมือนกัน
ชเวซึงชอล”
“-o- เอ้า ไหงงั้นอ่ะ”ซึงชอลอ้าปากเหวอเมื่อผมหันไปพูดกับเขาเหมือนอย่างที่พูดกับจองฮัน
“หวายยยยยยยยยยยยยยยยย
เจ็บกว่า แบร่ๆ”
“เดี๋ยวเหอะ”
ผมส่ายหัวเบาๆแล้วสะพายกระเป๋า
จองฮันวิ่งออกไปขึ้นรถของซึงชอลที่มาจอดรออยู่
พอล็อคประตูบ้านเสร็จผมก็ขึ้นไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับที่ประจำ
ผมกับซึงชอลเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
ก่อนหน้านั้นเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ซึงชอลเพิ่งจะย้ายบ้านไปที่อื่น ถึงอย่างนั้น
เขาก็ยังมารับผมทุกวันเพราะเราเรียนที่เดียวกัน
แถมยังใจดีไปส่งจองฮันที่โรงเรียนก่อนตลอด
เหมือนความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีนะ
ถ้าไม่ติดตรงที่น้องกับเพื่อนผม เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องปะทะฝีปากกันทุกครั้ง
เดือดร้อนผมที่ต้องเป็นคนกลางคอยห้ามทุกที
“ไปแล้วนะพี่ฮยองวอน”
“แล้ววันนี้กลับยังไง
เย็นมากหรือเปล่า”
“ไม่หรอก
เดี๋ยวกลับกับเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“โอเค
ตั้งใจเรียนนะ”
“รับทราบ!!!”จองฮันทำท่าตะเบ๊ะใส่ผมแล้วเปิดประตูลงจากรถไป
แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ซึงชอลอีก ผมเลยได้แต่ส่ายหัวขำๆ
“นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องนายนะ
ฉันกระทืบให้หายกวนเลย”
“แต่พอดีว่านั่นน้องฉันไง
พูดแบบนี้อยากโดนพี่จองฮันต่อยปากก่อนไหมล่ะ”
“ง่ะ
ดุจังวะ”
ผมยิ้มมุมปาก
ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หยิบหูฟังมาเสียบแล้วหลับตาลงช้าๆ ซึ่งซึงชอลก็เข้าใจดี
มันไม่ใช่เพราะผมรำคาญอะไรเขาหรอกนะ ผมเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง เพื่อนผมน้อย
เรียกว่าน้อยมากๆ
ว่ากันตามจริงก็คงมีแค่ซึงชอลคนเดียวนี่แหละที่ผมอยู่ด้วยมากที่สุด
กลับกันกับซึงชอล
คือหมอนี่เป็นคนอัธยาศัยดี เพื่อนเยอะ เขามีเพื่อนหลายกลุ่ม
แต่ถ้าถามว่าสนิทกับใครมากที่สุด เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบว่าเป็นผม
เช่นเดียวกันว่าถ้าหากให้ต้องเลือกว่าจะไปกับใคร ถ้ามีผมอยู่ในตัวเลือกนั้น
เขาก็จะเลือกผมแบบไม่ต้องคิด
ผมโชคดีนะที่มีเพื่อนแบบนี้
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อถูกเขย่าตัว
ลืมตาก็เห็นว่าถึงมหาลัยแล้ว เลยเดินลงจากรถแล้วเข้าไปในตึกเรียนพร้อมกัน
ในย่านที่เราอยู่อาศัย
มันเป็นย่านเก่าแก่ มหาลัยแห่งนี้ก็เลยมีสภาพเก่าแก่ตามไปด้วย
ลักษณะเหมือนมหาลัยตามแทบยุโรปน่ะ สมัยเก่าหน่อย ตอนกลางวันมันก็โอเค
แต่ถ้ามาอยู่ที่นี่ตอนกลางคืน
ผมเดาไม่ออกแฮะว่าจะมีคนอยู่ได้
“วันนี้คลาสเรามีคนเข้ามาใหม่ด้วย
มึงรู้ยังซึงชอล”
“เข้ามาใหม่ตอนใกล้จะหมดเทอมอยู่แล้วเนี่ยนะ
มีตังค์แหงๆ”
“ไม่ธรรมดาหรอก
ได้ยินอาจารย์บอกว่าเป็นพวกผู้ดีเก่าไรเทือกๆนั้นอ่ะ เอ่อ ..หวัดดีฮยองวอน”
เพื่อนคนหนึ่งในคลาสทักผมเก้อๆเมื่อบังเอิญหันมาสบตากับผมที่มองเขาอยู่ก่อน
ผมเลยยกยิ้มแล้วเอ่ยทักกลับตามมารยาท แม้ว่าผมจะยังจำชื่อของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“หวัดดี”
ทักเสร็จผมก็เอาหนังสืออกมากางแล้วฟุบลงกับโต๊ะเพื่อรอเวลาเรียน
ถึงตาไม่เห็น แต่หูก็ยังได้ยินสิ่งรอบตัวอยู่นะ
“มึง
วันนี้ฮยองวอนอารมณ์ดีเหรอ เขาทักกูด้วย”
“ก็ปกติปะวะ”
“ปกติที่ไหน
ปกติเขายิ้มให้ใครนอกจากมึงด้วยเหรอ”
“เห๊อะ
กูเห็นจนเบื่อแล้ว”ซึงชอลพูด ผมแอบยิ้มแล้วก็หลับตาลง ไม่ได้สนใจใครอีก
เกือบจะหลับไปอีกรอบแล้ว
ถ้าซึงชอลไม่สะกิดผมเพื่อบอกว่าอาจารย์เข้ามาซะก่อน ผมเงยหน้าขึ้น
ยืดตัวตรงเพื่อเตรียมตัวเรียนเหมือนทุกวัน แต่วันนี้กลับแตกต่าง
เพราะอาจารย์ไม่ได้เริ่มสอนทันที แต่กลับเชิญให้ใครเข้ามาในห้อง
คงเป็นเด็กใหม่ที่เพื่อนพูดถึง
ไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มีสอง.. และหนึ่งในนั้น ทำให้ผมเบิกตาขึ้น
จ้องมองเขาราวกับตกอยู่ในภวังค์
ผมคิดว่าผมเคยเจอกับเขามาก่อน
แต่นึกไม่ออกเลย นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“เฮ้
ฮยองวอน เป็นอะไรของนายนะ”
คงจะอึ้งไปอีกนาน
ถ้าหากไม่ได้แรงสะกิดพร้อมเสียงเรียกจากซึงชอลที่ทำให้ผมละสายตาออกมาจากเขา
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมเลิกสนใจในตัวของเขาหรอกนะ
“ปะ
เปล่า”
“หน้าตาดีใช้ได้
ดูเหมาะกับคำว่าผู้ดีเก่าดี ว่ามะ ฮ่าๆๆ”ซึงชอลพูดขำๆ และผมมั่นใจว่าเขาพูดเบาพอที่จะได้ยินแค่สองคน
ทว่าสายตาจากหน้าห้องของเด็กใหม่ทั้งสองคนมองตรงมาทางเรา
เหมือนว่าพวกเขาได้ยินทุกอย่าง นั่นทำให้ผมต้องสะกิดซึงชอลเป็นเชิงปรามให้หยุดพูด
“เอาล่ะ
หลังจากนี้ขอให้ต้อนรับเพื่อนใหม่อย่างอบอุ่นด้วย มีเรื่องอะไรก็คอยช่วยเหลือ
ดูแลกันไป”
“ครับ”
มหาลัยของผมคือมหาลัยชายล้วนว่ากันว่าสังคมของผู้ชาย
ถ้ารู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ ก็จะสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ถ้าหากไม่ชอบหน้ากันแล้วล่ะก็ ยากที่จะให้มาเป็นเพื่อนกัน
แล้วอย่างผมล่ะ
..ผมถูกชะตากับเขาคนนั้นมากนะ แต่ไม่รู้เหมือนกัน
เขาคิดเหมือนผมไหม
“ผมลีมินฮยอกครับ
ย้ายมาที่ใหม่ก็เพื่อเจอคนใหม่ๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
หนึ่งในสองคนเริ่มแนะนำตัวเมื่ออาจารย์บอก
มินฮยอกเป็นผู้ชายผมสีเทาที่ออกม่วงๆฟ้าๆซึ่งผมก็อธิบายไม่ได้ว่ามันคือสีอะไรกันแน่
เขาดูเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยนะ หน้าตาดูขี้เล่นแล้วก็เป็นมิตรมากกว่า..
“นักศึกษา
แนะนำตัวสิ”
อาจารย์เริ่มพูดเมื่ออีกคนยังยืนนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยแม้ว่าจะถึงคิวของตัวเองที่ต้องแนะนำตัวแล้ว
ผมจ้องไปที่เขา และบังเอิญว่าเขาก็จ้องมาที่ผม เราประสานสายตากัน
ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะขยับ
“ชินโฮซอก”
และเป็นผมที่หลบตาเขา โฮซอกงั้นเหรอ.. ชินโฮซอก ผู้ชายที่มีผมสีดำสนิท ดวงตาสีเดียวกับผมของเขา และมันดูน่าเกรงขาม แม้จะดูน่ากลัว แต่เขาก็ยัง ..ดูดี
“อะ
เอ่อ พอดีโฮซอกเป็นคนเงียบๆน่ะครับ”
“งั้นก็ไปนั่งที่เถอะ
ตรงนั้นมีที่ว่างอยู่สองที่พอดี ตั้งใจเรียนกันนะ”พูดจบอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไป
ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ
ว่านี่มันเรื่องดีหรือไม่ดี เพราะที่ว่างที่อาจารย์ว่า มันดันเป็นที่ว่างด้านหลังผมกับซึงชอลพอดี
ก็แค่สบตากับเขา ผมยังกลัวจนต้องหลบ แล้วนี่เขาต้องมานั่งอยู่ข้างหลัง
ก็ได้แต่ภาวนานะ ว่าคนที่นั่งหลังผมจะเป็นมินฮยอก เพราะอย่างน้อย
มันก็คงทำให้ผมกลัวน้อยกว่าเป็นโฮซอกมานั่งแล้วกัน
“หวัดดี”
อ่า
..เหมือนว่าผมจะถึงคราวซวยสินะ เพราะว่าอะไรๆมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย
เมื่อโฮซอกเดินมานั่งอยู่ด้านหลังผม
“หวัดดี
ฉันซึงชอลนะ ชเวซึงชอล”ซึงชอลหันไปทักทายมินฮยอกที่เป็นฝ่ายเอ่ยทักพวกเราก่อน “แล้วนี่ก็แชฮยองวอน
เพื่อนสนิทฉันเอง”
“หวัดดีซึงชอล
หวัดดีฮยองวอน”
“เอ่อ
หวะ หวัดดีมินฮยอก หวัดดี โฮ..”ผมยังเรียกชื่อเขาไม่ทันจบด้วยซ้ำ
ต้องเงียบไปเลยเพราะเหมือนว่าเขาจะไม่อยากคุยกับผมสักเท่าไหร่
ก็เจ้าตัวเล่นหยิบหูฟังมาเสียบแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะเลยนี่นา
“เขาไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าน่ะ”มินฮยอกแก้ตัวแทน
ผมเลยพยักหน้าแล้วพูดเสียงอ่อย
“..ฉะ ฉันก็เหมือนกัน”
เฮ้อ..
แบบนี้แย่นะ มันเป็นครั้งแรกเลย ที่ผมจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังรู้สึกอะไร
การเรียนดำเนินไปเหมือนเช่นทุกวัน
แต่ผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนกำลังจ้องผมอยู่
แต่ผมอาจจะคิดมากไปเอง ในเมื่อพอหันไปมอง ก็ไม่มีใครสักคนที่มองอยู่
จะบอกว่าเป็นโฮซอกที่ผมบังเอิญหันไปสบตาเขาสามครั้ง
มันก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เขาดูไม่น่าใช่คนที่จะมาแอบมองใครหรอก จริงไหมล่ะ
“น่าเบื่อมากเลยอ่ะ
นี่ทำไมต้องมาเรียนวิชานี้ด้วยเนี่ย มีแต่เรื่องงมงายไร้สาระสุดๆอ่ะ”
อาจารย์สั่งให้เราทำงานกลุ่ม
4 คน คงไม่ต้องบอกนะ
ว่ากลุ่มของผมมีใครบ้าง ดูเหมือนว่าตอนนี้มินฮยอกกับซึงชอลจะเข้ากันได้ดีสุดๆไปเลย
“มีหัวข้ออะไรบ้าง”ผมถามเขา
แล้วหยิบสมุดขึ้นมาเตรียมจด
“ก็มีแต่พวกเรื่องไร้สาระไง
แล้วนี่นะ ดันจับฉลากได้ทำในเรื่องที่โคตรจะไม่ชอบที่สุดเลย”ซึงชอลบ่น
ผมเลยส่ายหัวพร้อมกับยิ้มบางๆ
“มีพวกเรื่องลัทธิความเชื่อ
เรื่องเกี่ยวกับความลี้ลับของปราสาทต้องห้าม พวกนี้ยังพอรับได้นะ
แต่เราดันได้ทำเรื่องตำนานมนุษย์หมาป่า”
“...”ผมชะงัก
ปลายปากกาปักอยู่ที่สมุดแล้วเงยหน้ามองซึงชอล
“คิดเหมือนกันใช่ปะล่ะ
ว่ามันไร้สาระอ่ะ โคตรจะไม่จริงเลย ฉันจะไปขออาจารย์เปลี่ยนเรื่อง”
“เฮ้
อย่าเลยน่า”มินฮยอกเป็นคนห้าม ยิ้มกว้าง “น่าสนใจดีออก”
“ตรงไหน
ฉันว่านะ หาข้อมูลก็ยาก เพราะมันไม่มีจริงไง”
“เดี๋ยวฉันกับโฮซอกจะเป็นคนหาข้อมูลมาให้เอง
รับรองว่าได้คะแนนเต็มแน่นอน ใช่ไหม โฮซอก”
“..อือ”
“นี่อย่าบอกนะ
ว่าพวกนายเชื่อเรื่องไอ้ตัวประหลาดพวกนี้อ่ะ”
“ฉันเชื่อ”ผมเองที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอทำเสียงจริงจังแค่ไหน เพราะทั้งสามคนต่างก็มองมาทางผม “ฉะ
ฉันก็แค่เชื่อ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาเป็นตัวประหลาดด้วยซึงชอล”
“...”
“พวกเขาก็แค่คนน่าสงสาร
..ที่รอวันที่คำสาปมันหายไปแล้วกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนปกติอย่างที่เคยเป็น”
ทุกคนต่างก็เงียบกันไปหมด
ทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมา ซึงชอลเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมพร้อมกับหัวเราะร่วน “ย๊า
แชฮยองวอน ดูหนังมากไปปะเนี่ย กำลังติดหนังเลยใช่ปะ ถึงได้พูดเป็นตุเป็นตะอ่ะ”
“ก็ฉัน..”
“โอเคๆ
ยอมแพ้ งั้นก็ทำเรื่องนี้ มินฮยอกกับโฮซอกเป็นคนหาข้อมูลนะ
ส่วนฉันกับฮยองวอนจะรวบรวมแล้วก็นำเสนออาจารย์เอง”
“ดีล”มินฮยอกดีดนิ้ว
มองผมแล้วยิ้มแปลกๆ
ผมก็เลยยิ้มตอบเขาไป
และเป็นอีกครั้ง ที่สบตากับโฮซอก เขามองผมนิ่งๆ และผมเดาไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่..
แต่ที่รู้แน่นอนคือ
ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
ตอนแรกมาเสิร์ฟพร้อมกับความเย็นชาของคุณโฮซอกและความมุมิของยัยแช
ฟิคเรื่องนี้แฟนตาซีนะคะ มันค่อนข้างจะเหนือจินตนาการ เพราะงั้น อย่ายึดหลักความจริงมากมาย
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นค่ะ ฟีดแบ็คดี ไรท์จะมาต่อบ่อยๆนะคะ รักค่ะ
#คำสาปชินแช
ความคิดเห็น