ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS HYUNGWON & MONSTA_X

    ลำดับตอนที่ #16 : OS HYUNGWON x MINHYUK : Sweet and Sour #314TimeOfLove

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 60


    T
    B

     

     

     

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ hyungwon 2017 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ monsta x minhyuk 2017

     

     

    ดวงตาทั้งสองข้างของฉันโตขึ้น แก้มก็แดงไปหมดแล้ว

    รู้สึกอย่างกับโดนไฟช็อตเลย ตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย เธอเป็นคนแรกเลยนะ

    จูบแรกของฉัน อย่างกับได้ยินเสียงระฆังดังเลย

     

     

                กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง

     

                “เฮ้ย ไปก่อนนะ”

     

                “อ้าว รีบไปไหนวะมินฮยอก เฮ้ย มินฮยอก!!

     

                ผมไม่ได้สนใจเสียงเรียกของเพื่อนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่รีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องประดุจนักกีฬาทีมชาติ เส้นชัยของผมก็คือหน้าตึกคณะ และตอนนี้ผมก็มาถึงเส้นชัยแล้ว ด้วยอาการหอบแฮ่ก ขาสั่น มือสั่นแต่ก็ยังต้องประคองโทรศัพท์มือถือสุดรักที่เข้าแอพพลิเคชั่นกล้องฟรุ๊งฟริ๊งเอาไว้แล้ว

     

                ไม่ถึงสองนาที เป้าหมายของผมก็มา ดังนั้นผมก็เลยรัวกดชัตเตอร์ไปแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบทันที โดยไม่คำนึงเลยว่าคนที่ถูก(แอบ)ถ่ายจะมีสีหน้าท่าทางยังไง เพราะไม่ว่าจะมุมไหน

     

                เขาก็แบบ ..หล่ออ่ะ

     

                “อปป้า!!!!!!

     

                “ชิบหาย”

     

                ผมสบถด้วยความตกใจ เกือบทำโทรศัพท์ตกพื้นดีที่มือเหนียวคว้าไว้ได้ทัน ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่ตัวต้นเหตุที่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง

     

                “ย๊า!! อิมดายอง ทำอะไรของเธอเนี่ย”

     

                “คิคิหนูต้องถามอปป้ามากกว่าว่ามายืนทำลับๆล่อๆอะไรตรงนี้ หรือว่า..”จู่ๆผู้หญิงตรงหน้าผมก็ทำท่าเขินๆ เอานิ้วมาจิ้มแขนผมรัวๆ “มารอหนูใช่มะ บ๊าาาาาาาาาาา หนูเขินนะ”

     

                “- -

     

                “อปป้าก็..”

     

                “อย่ามโน”ผมพูดพร้อมกับจิ้มหน้าผากเธอไปที “ฉันไม่ได้มารอเธอเว้ย”

     

                “ชิ ดับฝันหนูอ่ะ”

     

                “เห๊อะ”ผมเบะปากใส่ก่อนจะหันกลับไปมองที่เดิม ทว่าเป้าหมายของผมได้หายไปแล้ว

     

                “อปป้า หาไรอ่ะ”

     

                “ย๊า!!!!! อิมดายอง เพราะเธอเลย บ้าเอ๊ย”

     

                ผมโวยเล็กน้อยแล้วเดินหนีดายองออกมาทางอื่น เพื่อตามหาเป้าหมายของผมที่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว ไม่น่าเลย เสียเวลากับยัยเด็กนั่น ทำให้ผมต้องคลาดสายตาจากเขา

     

                ลีมินฮยอก คนนี้ไม่เคยพลาดจะเก็บช่วงเวลาดีๆแบบนี้มาก่อนเลยนะ ถ้าไม่มียัยเด็กขี้ตื๊อดายอง ผมคงได้เก็บรูปหล่อๆของเขาได้อีกเป็นสิบแหงๆเลย นี่มันยังไม่จุใจเลยอ่ะ        

     

                “ไปไหนของเขานะ ให้ตายเถอะ”

     

                บ่นไป เดินไป ตาก็มองหา แต่ก็ไม่เจอ จนไม่รู้เลยว่าเผลอมาเดินยืนกลางถนน และคงไม่รู้ต่อไป ถ้าหากว่าผมไม่ได้ยินเสียงบีบแตรดังสนั่นไปทั่ว จนตกใจแล้วเผลอสะดุดขาตัวเองล้มคว่ำลงไปกับพื้นน่ะ

     

                “โอ๊ยยยย เจ็บ”

     

                ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่ใกล้เข้ามา ก่อนที่เจ้าของฝีเท้าจะย่อตัวนั่งลงข้างๆผม

     

                “เป็นอะไรหรือเปล่า”

     

                “ก็เจ็บน่ะสิ ถามได้!!!!”ผมพูดกึ่งๆจะตะคอกกลับไป ช้อนตามองอย่างไม่พอใจ ทว่าสายตาของผมก็เปลี่ยนไป หน้าชา ตัวชา ขาชา ชามันไปหมดทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่ไอ้นั่น..

     

                ไอ้นั่นอะไร.. ไอ้นั่นก็ขานี่แหละ อย่าคิดลึก

     

                “เดินยังไงของคุณ ไม่รู้หรือไงว่าถนนเขาเอาไว้ให้รถวิ่ง ไม่ใช่คนเดิน”

     

                “อ่ะ เอ่อ อ่า อ่อ..”ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆเป็นปลาทอง เมื่อมือที่ใหญ่กว่าแต่นิ่มเป็นบ้าจับลงมาเบาๆที่ข้อเท้าของผม “คะ คือว่าผม..”

     

                “ข้อเท้าคุณคงเคล็ด มันเริ่มเขียวแล้ว”

     

                “ผะ ผม ผม ผม”

     

                “นี่คุณเป็นโรคติดอ่างหรือไง”

     

                “ปะ เปล่า เอ้ย เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็น”

     

                ดวงตาคมจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ ผมอ่านไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งเขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือของเขามาทางผม

     

                “ครับ?”

     

                “ลุกขึ้น ผมจะพาคุณไปหาหมอ แล้วจะไปส่งที่บ้าน”

     

                “-//////-

     

                “ถือซะว่ารับผิดชอบ แม้ว่าผมไม่ได้ทำผิดก็เถอะ”

     

                โอ๊ย ใจเต้นแรงมาก ให้ตาย ผมจะเป็นบ้าแล้วนะเว้ย

     

                “จะลุกหรือเปล่า ไม่ลุกงั้นผมไปแล้วนะ”

     

                “ละ ลุกครับ ไปครับอาจารย์”ผมรีบตอบแล้วรีบยื่นมือไปจับมือเขาเพื่อลุกขึ้นยืนทันที โอ๊ย มือนิ่มเหลือเกิน อยากจะจับไว้นานๆ ตัวก็หอมจนอยากเก็บไว้ดมคนเดียว

     

                นี่ผมไม่ได้โรคจิตนะ แต่ใครๆก็อยากทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

     

                เขาคือ อาจารย์แชฮยองวอน เชียวนะ อาจารย์เคมีที่หล่อที่สุดในมหาลัยน่ะ หล่อขนาดนี้ไม่อยากเรียกอาจารย์แล้วเนี่ย อยากเรียกว่าผะ.. เอ่อ เอาไว้ก่อนแล้วกันเน๊อะ

     

                เขินจัง ><

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “คุณ ตื่นได้แล้ว”

     

                “งืม แม่ ขอนอนต่ออีกห้านาทีนะ”

     

                “...”

     

                “ปิดแอร์ด้วย หนาวง่ะ”

     

                “ที่นี่รถผม แล้วผมก็ไม่ใช่แม่คุณด้วย ตื่นเดี๋ยวนี้”

     

                “เฮือก”

     

                ผมสะดุ้งทันทีเมื่อตรัสรู้ได้ว่าเสียงนี่ไม่ใช่เสียงแม่ผม และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ยิ่งช็อคขึ้นไปอีกที่เห็นใบหน้าหล่อที่ผมเฝ้าฝันถึงอยู่ทุกคืนอยู่ใกล้ๆ แม้จะเป็นใบหน้านิ่งๆที่แสดงออกว่ารำคาญนิดๆก็เถอะ

     

                “อะ อาจารย์”

     

                “ถึงแล้ว ถ้าคุณอยากนอนต่อก็นอนไป ตายบนรถผมไม่รับผิดชอบนะ”

     

                ใจรว้ายยยยยยยยย

     

                “แล้วก็เช็ดน้ำลายด้วย ทุเรศ”

     

                ทำไมอาจารย์สุดหล่อของผมช่างปากร้ายเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร ชอบ!!

     

                ผมรีบเช็ดน้ำลายที่ข้างแก้มตามที่เขาบอก แต่มันก็ไม่เห็นมีซะหน่อยเลยทำได้แค่ส่งค้อนไปให้ ก่อนจะมองไปรอบๆที่เป็นสถานที่แปลกตา แต่รู้ว่าหรูมาก

     

                “ทะ ที่นี่..”

     

                “คอนโดผม ก็คุณหลับ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าบ้านคุณอยู่ไหน ถ้าขี้เกียจกลับเองก็นอนที่นี่แหละ”

     

                “-o-

     

                งะ ง่ายเบอร์นั้นเชียว.. แต่ก็ดีนะ บุญของผมแล้วโว้ย ได้ขึ้นห้องอาจารย์ผู้เป็นสุดที่รักเนี่ย คืนนี้ถ้ามีโอกาสนะ เดี๋ยวจะจับรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวแม่ง

     

                อุ๊ปส์

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมเดินตามร่างสูงต้อยๆ แม้ว่าจะเดินเหมือนคนขาเป๋ก็เหอะ ห้องของอาจารย์อยู่ชั้นบนสุด แล้วพอเปิดประตูเข้าไปผมก็ต้องอ้าปากค้างให้กับความหรูหรามากกว่าที่คิด นี่อาจารย์จะครบสูตรไปไหมเนี่ย

     

                หล่อ ฉลาด และรวยมากกกกกกกกก

     

                แม้จะไม่มีมดลูก แต่ผมก็อยากได้เขามาเป็นพ่อของลูกอยู่ดีอ่ะ หลงเด้ หลงเด้

     

                “คุณโทรบอกที่บ้านคุณหรือยัง”

     

                “อ่า ไม่ต้องโทรหรอกครับ ผมอยู่บ้านคนเดียว พ่อกับแม่ไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด ยังไม่กลับ”

     

                อาจารย์พยักหน้าแค่นั้น แล้วเขาก็เดินหายไปในห้องที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเขา ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาว กางเกงนอนขายาว และผ้าขนหนู

     

                “คุณเอาเสื้อผ้าผมไปใส่ก่อนแล้วกัน ส่วนชุดของคุณ เดี๋ยวผมจะให้แม่บ้านไปซักรีดให้”

     

                “มะ ไม่เป็นไรก็ได้ครับ”

     

                “ไม่เป็นไรไม่ได้หรอก ผมจะบอกอะไรคุณให้”อาจารย์พูดนิ่งๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องเอนตัวไปพิงกับพนักโซฟาเพื่อหลบการจู่โจมของเขา

     

                “อาจารย์..”

     

                เกือบจะเขินแล้วนะ กับความใกล้ชิดในระดับนี้ แต่อาจารย์ดับฝันผมเต็มๆด้วยคำว่า

     

                “ตัวคุณเหม็นมาก อาบน้ำเถอะ ผมขอร้อง”

     

                “-o-

     

                แล้วเขาก็หายไปในห้อง ปิดประตูทิ้งผมให้นั่งเหวอหน้าร้อนอยู่ตรงนี้ รีบดมตัวเองอย่างไว แล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

     

                “ไม่เห็นเหม็นเลย”

     

                นี่เห็นว่าหล่อนะ ไม่หล่อผมต่อยคว่ำไปแล้วเนี่ย ปัดโธ่เว้ย คิดว่าคืนนี้จะได้มีซัมธิงอะไรสักอย่าง แต่ดู ไอ้ทิ้งผมไว้กับเสื้อผ้า และมีเครื่องนอนอย่างเช่นหมอนและผ้าห่มวางไว้ตรงนี้ ดูแล้ว ผมคงต้องนอนที่นี่สินะ

     

                อดกินอาจารย์เลยอ่ะ ฮึ่ย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เพราะผมเหนื่อยแล้วก็ตื่นเช้าด้วยล่ะมั้ง ผมก็เลยหลับอย่างรวดเร็ว นึกว่าจะมีอาการแปลกที่แบบนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายอะไรแบบนี้ แต่เปล่าอ่ะ พออาบน้ำแล้วหัวถึงหมอนปุ๊บผมก็หลับปั๊บเลย มารู้สึกตัวอีกทีด้วยความตกใจเพราะรู้สึกแปลกๆขึ้นมา พอลืมตาก็ต้องสะดุ้งเฮือกแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้

     

                “อาจารย์!!!!

     

                “..มองผมแบบนี้ ทำท่าทางแบบนี้หมายความว่าไง”เขาถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนเดิม ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผมที่นั่งหน้าร้อนอยู่ตรงนี้

     

                กะ ก็เขาไม่ได้ใส่เสื้ออ่ะ แล้วมานั่งอยู่ตรงนี้จะให้ผมคิดไงวะ แต่ว่านะ มันก็ห้องเขา จะทำอะไรมันก็เรื่องของเขาใช่มะ นี่ผมตกเป็นเมียอาจารย์แล้วใช่ไหมเนี่ย ฮือออออออออออ

     

                ทำไมไม่ทำตอนรู้สึกตัว

     

                ป๊อก

     

                “ทำหน้าแบบนั้นคิดอะไรอยู่ คิดว่าผมปล้ำคุณหรือไง”

     

                “-o- มะ ไม่ใช่เหรอครับ”

     

                “- - ก็ไม่ใช่น่ะสิ ถึงผม..“

     

                ผมสติหลุดเลยไม่ทันได้ฟังว่าเขาพูดอะไร เลยหันไปตีหน้ามึนใส่ “อาจารย์ว่าไงนะครับ”

     

                “ผมบอกว่าผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอกนะ แค่มานั่งดูข่าว”เขาพูดแล้วบุ้ยปากไปข้างหน้า จอทีวีขนาดยักษ์กำลังฉายภาพข่าวประจำวันอยู่ “ส่วนที่ผมถอดเสื้อเนี่ย เพราะผมทำกาแฟหก ก็เลยวางไว้ตรงนู้น”

     

                คราวนี้ผมมองตามไปอีกครั้ง ก็เห็นเสื้อยืดสีเทาวางพาดอยู่กับพนักเก้าอี้

     

                เพล้ง

     

                ได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตก แตกแบบละเอียดเลยด้วย ฮือ อายอ่ะ

     

                “วันนี้คุณไม่มีเรียนใช่ไหม”

     

                “ครับ”

     

                “งั้นก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ผมจะพาไปส่งที่บ้าน”

     

                “คะ ครับ”

     

                ผมรับคำจ๋อยๆแล้วเดินกระเผลกไปที่ห้องน้ำ เมื่อวานมันไม่รู้สึกเจ็บแบบนี้นะ ทำไมวันนี้เจ็บจังวะ

     

                “น่ารำคาญ”

     

                ผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำ ยังไม่ทันได้หันไปมองหรือถามร่างก็ลอยหวือไปอยู่ในอ้อมแขนหนาที่เดินดุ่มๆไปที่ห้องน้ำแล้ววางผมลงอย่างแผ่วเบา

     

                “.///////.

     

                ดูไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วอ่อนโยนมากเลยอ่ะ โอ๊ยยยยยยยย จะมีทางไหนบ้างไหม ที่ทำให้ไม่ต้องเรียกเขาว่าอาจารย์ แต่เรียกเขาว่าที่รักแทน

     

                ผมลีมินฮยอกคนนี้ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แต่เมื่อได้เข้าเรียนที่นี่ ตอนแรกผมไม่ชอบเพราะมันเป็นคณะที่ผมไม่อยากเรียนแต่ถูกแม่บังคับให้เรียน ผมไม่ชอบพวกสายวิทย์สักเท่าไหร่ แต่แม่ก็ยังให้ผมเรียนเคมี ตอนแรกคิดว่าคงบ้าตายไปก่อนเพราะถูกฝืนใจให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่พอได้เข้าเรียนคลาสแรกกับอาจารย์เคมีที่เพิ่งมาสอนใหม่เท่านั้นแหละ ความคิดผมก็เปลี่ยนทันที

     

                กลายเป็นอยากจะไปเรียนมันซะทุกวัน แต่ถ้าถามว่าเรียนเก่งไหม คำตอบคือไม่ ไม่ตกก็คะแนนผ่านฉิวเฉียดตลอด แหม เวลาเรียนตั้งใจซะที่ไหน นั่งมองหน้าอาจารย์จนหมดคาบนั่นแหละ

     

                อาจารย์ฮยองวอนเป็นคนเบ้าหน้าดี ทั้งนักศึกษา ทั้งอาจารย์ด้วยกัน หรือแม้แต่พวกแม่บ้านก็พากันพูดถึงเขา เพราะเขามีครบทุกอย่าง ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก

     

                ผมเองก็ไม่ใช่ว่าแย่ไปซะหมดทุกอย่างนะ ฐานะทางบ้านผมน่ะมี อาจจะรวยสู้อาจารย์ไม่ได้ แต่ก็ไม่น่าอายหรอก ถึงผมจะเรียนไม่เก่ง แต่กีฬาผมเก่งมาก และผมก็ฮอตมมากๆเช่นกัน มีสาวๆมาติดผมตรึม ดูอย่างดายองสิ

     

                รายนั้นตามผมแจมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งเพราะผมดันเป็นพี่รหัสยัยนั่น นับๆดูผมก็ไม่แย่นะ เรียกว่ามีโอกาสมากพอสมควรกับการพิชิตใจอาจารย์ จะติดตรงไหนก็คงมีอยู่เรื่องเดียว

     

                เราต่างก็เป็นผู้ชาย

     

                ..ผมไม่รู้ว่าอาจารย์คิดยังไง และก็ไม่กล้าบอกหรอก ผมกลัวว่าเขาจะรังเกียจ ดังนั้นก็เลยได้แต่แอบชอบเขาอยู่เงียบๆมาตลอด ก็เพิ่งจะมีเมื่อวานนี่แหละ ที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขนาดที่ไม่เคยวาดฝันมาก่อนว่าจะได้ สำหรับอาจารย์ ผมอาจจะเป็นแค่นักศึกษาในคลาสของเขา ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย แต่สำหรับผมน่ะ

     

                อาจารย์โคตรจะพิเศษและสำคัญเลย

     

                ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นของผมซึ่งซักรีดจนเนี้ยบเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้อง ที่จริงอยากบอกอาจารย์นะว่าขออยู่ต่อได้ไหม แต่แค่นี้เขาก็ชอบมองผมด้วยสายตาที่กึ่งๆจะไปทางรำคาญจะแย่อยู่แหละ ดีไม่ดีพูดไปงั้น โดนถีบออกจากที่นี่แหงๆ

     

                เอาไว้ค่อยหาโอกาสเหมาะๆก็ได้ เน๊อะ

     

                “อาจะ..”

     

                “ครับ วันนี้ผมว่าง เดี๋ยวผมจะเข้าไปหานะ...คิดถึงที่รักเหมือนกัน”

     

                ทะ ที่รัก..?

     

                เมื่อกี้หูผมไม่ได้เพี้ยนใช่ไหม

     

                “ครับ ที่รัก”

     

                ชัดเลย

     

                จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีฟ้ามาผ่าลงกลางหัว นั่นสินะ ก็อาจารย์เพอร์เฟ็คขนาดนี้ จะโสดอยู่ได้ยังไง แล้วนี่ผมหวังอะไรลมๆแล้งๆวะ เจ็บ จุก

     

                ยังไม่ทันเริ่ม ผมก็แพ้ซะแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ตั้งแต่วันที่ผมได้รู้ความจริงว่าความฝันของผมมันเป็นไปไม่ได้ หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ตามติดชีวิตของเขาอีกต่อไป เรียกได้ว่าหลบหน้าหลบตาไปเลย แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เหมือนอาจารย์อยากจะคุยกับผม แต่ผมก็ทำเป็นยุ่ง ทำเป็นมองไม่เห็น แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

     

                “เฮ้อ..”

     

                สุดท้ายก็ต้องมานั่งห่อเหี่ยวใจอยู่แบบนี้ ..นี่ผมแอบชอบเขามาสามปีแล้วนะ สามปีกับการตามเขา สามปีกับการแอบถ่ายรูปเขา สามปีที่แม่งโคตรเผล่าประโยชน์เลยอ่ะ

     

                “อปป้า!!!!!

     

                “ไปเล่นตรงอื่นไป ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย”

     

                “โห่..”ดายองโอดครวญ เชื่อฟังผมด้วยการนั่งฝั่งตรงข้าม

     

                เออดี ฟังกูจัง

     

                “ใครทำอะไรอปป้าของหนู ทำไมทำหน้าเหมือนหมาแก่ใกล้ตายแบบนี้อ่ะ”

     

                “- -

     

                “มีอะไร บอกหนูได้นะอปป้า”

     

                “ไม่มี”ผมปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องพูด “ก็แค่ อกหักแล้วก็สอบตก”

     

                “อกหัก!!!!!! อปป้า หนูกับพี่ฮยอนอูเป็นแค่พี่น้องกันนะ ไม่มีอะไรจริงๆ อปป้าไม่ต้องอกหัก”

     

                “ก็ไม่ได้อกหักจากเธอมะ”

     

                “ง่ะ ดับมโนอีกละ”

     

                ถึงผมจะไม่ได้ชอบดายองในแบบที่เธอชอบผม แต่ผมก็เห็นเธอเป็นน้องสาวนะ รักเหมือนน้องคนหนึ่ง ข้อดีของเด็กนี่ก็คือต่อให้ชอบผมแค่ไหนก็จะไม่ก้าวก่าย และไม่ว่าถ้าผมชอบใคร ไม่ถามด้วย ถ้าเห็นว่าผมไม่อยากพูด

     

                “อิมดายอง ฉันบอกเธอไปสองอย่างนะเว้ย ทำไมสนใจแค่เรื่องฉันอกหักวะ”

     

                “แหม ก็อปป้าสอบตกเป็นกิจวัตรอยู่แล้วนี่”

     

                “- -

     

                “เอาน่าๆ บอกแล้วให้มารักกับหนูตั้งแต่แรกอ่ะ รักหนูนะ ป่านนี้เรามีลูกกันสี่คนแล้วเนี่ย”

     

                “ยัย..”

     

                “คิคิ”

     

                ข้อดีอีกข้อก็คือดายองทำให้อารมณ์แย่ๆของผมมันดีขึ้นเสมอ มันก็จริงนะ ..ถ้าผมรักดายองตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องเจ็บแบบนี้หรอก แต่มันไม่ได้ไง ถ้าบังคับความรู้สึกได้ โลกนี้จะมีคนอกหักเหรอ

     

                “ไอ้มินฮยอก อยู่นี่เอง กูตามหาตั้งนาน”

     

                “อะไร”ผมมองเพื่อนร่วมคลาสที่กระหืดกระหอบเข้ามา

     

                “มึงอ่ะ อาจารย์แชตามหาอยู่ เขาบอกให้มึงเข้าไปหาเขาที่ห้อง”

     

                “...”

     

                “กูไปนะ รีบไปหาอาจารย์ล่ะ เขารอมึงอยู่ น่าจะเรื่องที่มึงสอบตกวิชาเขาอ่ะ”

     

                ผมพยักหน้า รอจนเพื่อนวิ่งออกไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ไปไหนจนดายองต้องสะกินผม “หือ”

     

                “อาจารย์เรียกแล้วไม่ไปเหรออปป้า”

     

                “ไม่อ่ะ”

     

                “อ้าว”

     

                “ไม่อยากไปเห็นหน้า ไม่อยากบอกเขาว่าที่เขาเห็น แค่ฝุ่นมันเข้าตา ไม่ได้ร้องไห้”

     

                “ฮะ?”

     

                “ช่างเถอะ ..ไปนะ”

     

                ผมยีผมดายองเบาๆแล้วเดินออกมา อาการข้อเท้าเคล็ดมันเกือบจะหายขาดแล้วล่ะ ไม่ได้เจ็บมากเหมือนช่วงแรกๆ ตอนนี้คงมีแต่อาการที่ใจนี่แหละ ที่ไม่น่าหายง่ายๆ

     

                ชีวิตมันเศร้า อยากกินเหล้าก็ไม่ได้เพราะคออ่อน

     

                อกหัก สอบตก มีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม มาให้หมดเลยมา

     

                กูสตรองโว้ยยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมนั่งรถกลับมาที่บ้านก็ตอนสองทุ่มกว่าๆ ทั้งที่ออกมาตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้ว จากมหาลัยมาบ้านใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นแหละ แต่ผมแค่อยากเล่นเอ็มวี เลยนั่งรถไปเรื่อยเปื่อย สุดสายแล้วก็วนกลับมาเริ่มใหม่ได้สามรอบ จนคนขับรถเมล์ต้องมองแรงใส่ ผมก็เลยยอมลงแล้วเปลี่ยนเป็นเดินกลับมาที่บ้านแทน

     

                พ่อกับแม่ผมคงกลับมาบ้านแล้ว ดูจากรถที่จอดอยู่ แต่รถอีกคันที่จอดข้างหน้าทำให้ผมต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะดูแล้วมันไม่ใช่รถที่ผมคุ้นเคย ไม่สิ จะว่าคุ้นก็คุ้น แต่ไม่น่าใช่

     

                เขาจะมาทำไม

     

                “มินฮยอก ทำไมกลับมาช้าจังลูก แม่โทรหาก็ไม่รับ”

     

                “ผมไป..อาจารย์!!!

     

                เชี้ย ชัดเลย..

     

                “ปล่อยให้อาจารย์เขารอตั้งนานเนี่ย”

     

                “นี่อาจารย์มาทำไม”ผมไม่ได้สนใจแม่ แต่หันไปถามคนที่นั่งคุยกับพ่อผมอย่างงงๆ ร่างสูงลุกขึ้นยืน หันไปก้มหัวให้พ่อกับแม่ของผมก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่ผมจำได้ว่ามันคือกระเป๋าผมเอง แถมยังเดินมาหาแล้วจับมือผมไว้

     

                “งั้นผมไปก่อนนะครับ คุณพ่อ คุณแม่”

     

                “ค่ะ ฝากด้วยนะคะอาจารย์”

     

                “มินฮยอก ตั้งใจนะ อย่าดื้อรู้ไหม”

     

                “ฮะ นี่มันอะไรอ่ะพ่อแม่ แล้วทำมะ เหวอ..”

     

                ไม่ทันให้ผมได้ถามอะไร ผมก็ถูกมือหนาดึงกึ่งกระชากผมให้ตามไป แถมยังเหวี่ยงกระเป๋าผม แล้วตามมาเหวี่ยงผมเข้าไปในรถโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ

     

                เฮ้ย ..คืองงอ่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมกลับมาที่คอนโดของอาจารย์อย่างมึนๆงงๆ เพราะตลอดทางไม่ว่าผมจะถามอะไร เขาก็แค่ขับรถไม่หันมามอง และไม่อธิบายเลย จะโทรถามพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์แบตหมด สุดท้ายเลยได้มานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม

     

                บรรยากาศมันดูอึมครึมกว่าวันแรกที่ผมมาที่นี่มาก ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่เหมือนอาจารย์จะไม่พอใจอะไรผมอยู่ ดูได้จากหัวคิ้วของเขาที่มันขมวดจนแทบจะมาผูกกันได้อยู่แล้ว

     

                “รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรผิด”

     

                “..ผม ไม่แน่ใจ”ผมตอบอึกอักเหมือนเคย สุดท้ายก็ต้องนั่งท่าเดิมเพราะอาจารย์ขยับหน้ามาใกล้ผมเหมือนครั้งนั้นเลย แถมครั้งนี้เขากางแขนกั้นเอาไว้ด้วยเพื่อกันผมหนี “ผะ ที่ผมไม่ได้ไปหาเหรอครับ”

     

                “นั่นก็ส่วนหนึ่ง”

     

                “แล้ว..”

     

                “คุณเป็นอะไร หลบหน้าผมทำไม คุณมินฮยอก”

     

                “...”

     

                “มีเรื่องอะไร ทำไมคุณไม่พูดกับผมล่ะ คิดว่าการหนีมันเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกหรือไง”

     

                ผมเม้มปาก พอรู้ถึงสาเหตุแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม เขาจะโกรธทำไม ก็แค่นักศึกษาที่ไม่ได้มีความสำคัญคนหนึ่งหายไป มันก็ไม่ได้มีผลกับชีวิตเขาสักหน่อย

     

                อีกอย่างจะให้ผมพูดได้ยังไง จะให้ผมบอกเขาเหรอว่าที่ผมหลบหน้าก็เพราะผมไม่อยากเจอเขา ผมกลัวว่าผมจะร้องไห้ เห็นหน้าเขามันก็ยิ่งตอกย้ำสิ ว่าความรักของผมมันเป็นไปไม่ได้ จะให้ผมบอกเหรอว่าเพราะผมรักเขา แบบนั้นผมไม่เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเหรอที่ต้องเห็นเขามองผมอย่างรังเกียจ ในเมื่อตอนนั้นเขาก็พูดมันชัดแล้ว ว่าเขาไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น

     

                จู่ๆผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันรู้สึกอึดอัดแล้วก็กดดันไปหมดเลย

     

                “ผมถามให้คุณตอบ ไม่ใช่ให้คุณมาร้องไห้นะ”

     

                “...”

     

                “ลีมินฮยอก ตอบมาเดี๋ยวนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ!!!

     

                สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พรั่งพรูทุกๆอย่างที่อยู่ในใจออกมาจนหมด

     

                “ก็เพราะผมรักอาจารย์ไง ผมแอบรักอาจารย์มาตั้งนานแล้ว อาจารย์จะให้ผมทนเห็นหน้าอาจารย์ได้ไง ในเมื่ออาจารย์ก็มีแฟนอยู่แล้ว ให้ผมยืนมองอาจารย์รักกับแฟนอ่ะเหรอ ให้ผมยืนโง่อยู่ตรงนั้นเหรอ ผมมีความรู้สึกนะอาจารย์ จะให้ผมทนยืนอยู่ที่เดิมได้ไง เห็นหน้าอาจารย์ ผมก็ต้องคิดอะไรเยอะแยะไปหมด แฟนอาจารย์เป็นยังไง อาจารย์รักเขามากไหม อาจารย์ดูแลเขาดีหรือเปล่า ผมก็อยากได้ความรู้สึกแบบนั้นบ้าง แต่มันเป็นไปไม่ได้ แล้วอาจารย์จะให้ผะ..อุ๊บ”

     

                คำพูดของผมถูกปิดด้วยริมฝีปากหนาที่กดลงมาจนแนบสนิท มือหนารั้งท้ายทอยของผมที่พยายามจะขยับหนี และเมื่อเห็นว่าผมยอมสงบและไปตามทางที่เขาวางเอาไว้แล้ว เขาก็ผ่อนแรงจูบลงกลายเป็นอ่อนโยน ค่อยๆแทรกซึมผ่านเข้ามาเกี่ยวกระหวัดความหวาน ที่ทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตอยู่ตลอด

     

                ดวงตาของผมมันพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำตาที่มาปกคลุม มีหลายอย่างในหัวของผม แต่ที่มันชัดมากที่สุดก็คือผมอยากรู้ว่าเขาจูบผมทำไม

     

                เขาไม่ได้คิดอะไรแล้วเขาจูบทำไม

     

                เขาทำทำไมในเมื่อเขาก็มีแฟนอยู่แล้ว

     

                “ฮึก..”

     

                เมื่อริมฝีปากของผมเป็นอิสระ ผมก็ปล่อยก้อนสะอื้นออกมา ถูกมือหนารั้งร่างเข้าไปจมอยู่ที่อ้อมแขนกว้างของเขา

     

                “ร้องไห้ทำไม”

     

                “ฮึก ..ทำแบบนี้ทำไม”

     

                “...”

     

                “อาจารย์ก็มีแฟนอยู่แล้ว อาจารย์จูบผมทำไม เล่นกับความรู้สึกผม สนุกเหรอ”

     

                “ไปเอามาจากไหนว่าผมมีแฟนแล้ว”

     

                “..ผมได้ยิน ฮึก ได้ยินอาจารย์คุยโทรศัพท์ อาจารย์เรียกว่า ทะ ฮึก ที่รัก”

     

                ผมได้ยินเสียงหัวเราะ แต่ผมไม่ได้เงยหน้ามองเพราะหน้ายังจมอยู่กับอกของเขา มือหนาลูบหัวผมเบาๆเหมือนต้องการปลอบโยน

     

                “คุณรู้ไหมว่าที่บ้านผม ผู้หญิงคนเดียวในบ้านก็คือแม่ แล้วทั้งผมและพ่อก็รักเธอมากที่สุด”

     

                “...”

     

                “แม่เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน เพราะงั้น พวกเราเลยเรียกเธอว่า ..ที่รัก”

     

                ผมรีบดีดตัวเองออกมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น รู้สึกได้ยินเสียงหน้าตัวเองแตกอีกรอบ

     

                “งะ งั้นอาจารย์จะบอกว่า..”

     

                “ที่รักคนเดียวของผมก็คือแม่ แต่ตอนนี้ผมอยากมีที่รักเพิ่มอีกสักคน”

     

                “...”

     

                จู่ๆก็รู้สึกร้อน เมื่อไปเผลอมองริมฝีปากที่เพิ่งเปิดซิงจูบแรกของผมไป เลยต้องรีบหลบตาเขา “ผม..”

     

                “ที่หายไปก็เพราะแบบนี้ใช่ไหม”

     

                “..คือว่า ..ครับ”

     

                “รู้ไหมว่าผมรู้สึกแย่แค่ไหน จู่ๆคนที่คอยตามผมมาตลอด คนที่มักอยู่ในสายตาผมมาสามปีก็หายไป รู้หรือเปล่าว่าผมรู้สึกโคตรแย่ ที่คนสำคัญของผม ไม่ได้อยู่ในสายตาของผม”

     

                “อะ อาจารย์..”

     

                “คุณคิดว่าตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมามีแค่คุณเหรอที่แอบมอง คิดว่ามีแค่คุณเหรอที่ต้องอยู่กับความรู้สึกแอบรักมาตลอด”

     

                ผมอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น มือหนาดึงมือของผมไปกุมเอาไว้หลวมๆ ดวงตาคมมองผมอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบลงมาอีกรอบแต่เป็นแค่การแตะเบาๆ ถึงจะแค่แตะ แต่เมื่อเขาผละออกก็เหมือนเขากระชากวิญญาณผมออกไปด้วยเลย

     

                “ต่อไปนี้ห้ามหายไปไหนอีกนะ ..อยู่รักผม และให้ผมรักได้ไหม มินฮยอก”

     

                ผมถึงกับพูดไม่ออก ให้เดาคือตอนนี้หน้าคงแดงมากแน่ๆ เพราะมันวูบไปหมดเลย นี่คือการสารภาพรักใช่ไหม ไม่ใช่ฝัน แต่มันคือความจริง

     

                “ผม.. ครับ จะไม่ไปไหน”

     

                “ครับ”

     

                “ตะ แต่ ..ยังไงผมก็ต้องกลับบ้าน”

     

                “ไม่ต้องกลับหรอก ผมไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่คุณมาแล้ว”

     

                “ฮะ?”

     

                “นักศึกษาในคลาสของผมสอบตก ผมเรียกพบก็ไม่ยอมมา ผมก็ต้องไปพบผู้ปกครองสิ”

     

                “-o- บะ แบบนี้พ่อแม่ไม่ด่าผมตายเลยเหรอ”

     

                “ไม่หรอก เพราะผมขอตัวลูกชายพวกท่านมาติวเป็นการส่วนตัว จนกว่าผลการเรียนของคุณจะดีขึ้น คุณก็ต้องอยู่กับผม”

     

                “แบบนี้ ..ไม่อยากเรียนดีขึ้นเลยนะเนี่ย”ผมพูดเขินๆ และเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้ เขาหยิกแก้มผมเบาๆก่อนจะจูบที่หลังมือของผม

     

                “เอาไว้ผลการเรียนดีขึ้นแล้ว ผมจะไปขอจากคุณพ่อคุณแม่เลยแล้วกัน”

     

                “>//////<

     

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”

     

                “ทะ ทำไม..”

     

                “คุณนี่ทำมาจากคอปเปอร์กับแทลลิเรียมหรือไง”

     

                เขาพูดแค่นั้น หัวเราะแล้วก็เดินหนีผมไป ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่กับที่อย่างงงๆ อะไรนะ คอปเปอร์ แทลลิเรียมเหรอ มันคืออะไรวะ นี่เขาลืมปะเนี่ยว่าผมมันโง่ จะมาพูดจาภาษาเคมีแบบนี้กับผมไม่ได้นะ

     

                ด่าผม ผมไม่ว่านะ แต่ต้องให้ผมเข้าใจด้วยดิ ไอ้คอปเปอร์นี่มันหน้าตาเป็นไง แล้วไอ้แทลลิเรียมนี่มันแย่เหรอ

     

                เพราะทนสงสัยไม่ไหว ผมก็เลยต้องเอาโทรศัพท์มาชาร์จ พอแบตมาเริ่มเปิดเครื่องได้ผมก็ต่อสายหาเพื่อนที่เรียนเคมีเก่งโคตรๆโดยเร็ว

     

                “กีฮยอน!!

     

                (มีไร โทรมาซะดึก)

     

                “มีเรื่องจะถามหน่อย คือ เมื่อกี้มีคนพูดกับฉันว่าฉันทำมาจากคอปเปอร์กับแทลลิเรียมหรือไง นี่หมายความว่าไงอ่ะ เขาด่าฉันเหรอ ฉันน่าเกลียด หรือว่า ฉัน..”

     

                (โอ๊ยมินฮยอก คราวหลังก็ตั้งใจเรียนให้มันมากกว่านี้หน่อยนะ แค่สูตรเคมีนายยังจำไม่ได้เลยเหรอเนี่ย)

     

                “เออน่า บอกมาสักทีเถอะ เขาด่าฉันว่าไร”

     

                (โห่ฟายยยยยยยย ด่าบ้าบออะไรล่ะ เขาชมโว้ย)

     

                “ฮะ?”

     

                (Copper ในตารางเคมีก็ Cu ส่วน Tellurium ก็เป็น Te เอาไปต่อกันเองแล้วกัน หวังว่าจะโง่แค่วิชาเคมีนะ อังกฤษอย่าโง่นะเว้ย)

     

                แล้วมันก็วางสายไปทันที ผมเหวอไปพักหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าจะเห่อร้อนขึ้นมาอีกรอบ

     

                Cu กับ Te ต่อกันก็เป็น Cute นะ นี่.. อาจารย์ชมว่าผมน่ารักเหรอ

     

                เหยยยยยยยยยยยยยยย

     

                “จะนั่งบิดอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมคุณ ผมไม่อยากมีแฟนโง่นะ มาติวหนังสือได้แล้ว”

     

                ผมหันไปมองตามเสียง ก็เห็นว่าอาจารย์ยืนยิ้มให้อยู่ตรงประตู ทำหน้าเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปในห้องนอนของเขา

     

                บ๊ะ!!!! ชวนเข้าห้องแล้วเว้ย

     

                งั้นผมขอจบลงแค่นี้แล้วกันนะ ผมจะไปติวหนังสือแล้ว..

     

                ติวจริงจริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โอ๊ยยยย เกลียด รู้สึกหมั่นไส้นังหนูมินมากกกกกกกกกกกกก

    ไปๆๆ ไปจับอาจารย์ทำผ.ได้ละ.. คิคิ

    เนื่องจากมันเป็น OS เน๊อะ ก็เลยรวบรัด กระชับไปสักหน่อย แต่ฟินอ่ะ เขินๆ ฮาๆไปตามประสา

     

    ฟิคเรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปร์เจ็ค  ซึ่งมีฟิคอยู่ในโปรเจ็คนี้ทั้งหมด 6 เรื่อง

    เรื่องของไรท์เป็นเรื่องที่ 5 ซึ่งหาสาระไม่ค่อยเจอ ฮ่าๆๆๆ มีฟิคสนุกๆให้ไปตามอ่านนะคะ พรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องสุดท้ายของโปรเจ็คแล้วแหละ

    อยากให้อ่านครบทุกเรื่องเลย ไรท์เตอร์เก่งๆทั้งนั้นเลยนะ

     

    ขอบคุณที่พาเข้าร่วมโปรเจ็คค่ะ รักนะคะ

     

    #314TimeOfLove

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×