ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS HYUNGWON & MONSTA_X

    ลำดับตอนที่ #15 : OS WONHO x HYUNGWONHO : Autumn in My Heart #ฤดูฮยองวอนโฮ #WONRABBITDAY

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 60


    © themy butter

    WONHO BIRTHDAY PROJECT

     


    -SEASON of HYUNGWONHO-

     

     

    ฤดูใบไม้ร่วง ถือเป็นฤดูของความเปลี่ยนแปลง

    เปลี่ยนแปลงจากใบไม้ที่แสนสดใส กลายเป็นใบไม้สีแห้งกร้าน รอวันที่จะร่วงหล่นไปตามกาลเวลา

    ทว่า ..ใบไม้ที่กำลังจะร่วงเหล่านั้น กลับมีความสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ

    และเมื่อได้เปลี่ยนแล้วหนึ่งครั้ง หากเก็บรักษาเอาไว้ดีๆ ก็จะไม่เปลี่ยนอีกเลยตลอดไป

    เฉกเช่นกับความรัก..


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ wonho ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ autumn ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ hyungwon

     

    Autumn in My Heart

     

                -2017, SEOUL-


                ภายในห้องที่ปิดมืดสนิท แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ผ้าม่านสีดำทึบอย่างหนาก็สามารถกั้นไม่ให้มีแสงสว่างลอดเข้ามาได้ บนเตียงกว้างที่มีสีเดียวกันกับผ้าม่าน เจ้าของห้องนอนอยู่ คลุมโปงจนมิด แม้ว่าจะตื่นนานแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะลุกจากที่นอน


                เขาไม่ได้ชอบนอน..


                แต่เขาไม่ชอบทุกๆอย่างของโลกใบนี้


                เปลือกตาหนาปิดสนิท เคลิ้มเกือบจะเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่แล้วภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในครั้งนั้นก็ตามกลับเข้ามาหลอกหลอน เสียงเบรกที่ดังสนั่น เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงไซเรน


                ทุกๆอย่างเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว


                และวันนี้มันวนกลับมาครบรอบหนึ่งปีแล้ว


                ชินวอนโฮ ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ฝ่ามือหนายกขึ้นขยุ้มหัวของตัวเองแรงๆ ความเจ็บมันไม่ได้ครึ่งของความเจ็บปวดในหัวใจ อยากจะเจ็บให้มากกว่านี้ ให้ดีตายไปเลยก็ได้


                ไม่ใช่ว่าวอนโฮไม่เคยมีทำ เพราะเคยลองทำแล้ว แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จะต้องมีคนเข้ามาช่วยอยู่ทุกครั้ง มันคงเป็นเวรกรรมล่ะมั้ง เวรกรรมที่ ชินโฮซอก ได้สาปเอาไว้ ให้ต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานตลอดไป


                “ฮึก.. ฉันขอโทษ”


                ร่างหนาล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

     



                “หัดทำตัวให้เหมือนโฮซอกหน่อยได้ไหม!!!! ทำไมไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้ เรียนจบก็ต้องมาช่วยงานกันสิ ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่น”


                “ก็มีโฮซอกแล้วไม่ใช่หรือไง!! พ่อจะยังมาต้องการอะไรผมอีกอ่ะ”


                “วอนโฮ อย่าพูดกับพ่อแบบนั้นสิ”


                “ก็ฉันไม่ใช่นายไงโฮซอก ถ้าอยากจะทำตัวเป็นลูกที่ดี ก็ทำไปคนเดียว ฉันมันลูกนอกคอกอยู่แล้วนี่ ไม่มีฉันสักคน พ่อกับแม่คงไม่อกแตกตายหรอก!!!!


                “ไอ้วอนโฮ!!!!! แกไสหัวออกไปจากบ้านของฉันเลยนะ ฉันไม่มีลูกอย่างแก!!!!!!


                “เออ!! ผมไปก็ได้”


                “วอนโฮ อย่าไปนะ วอนโฮ นี่ กลับมาเถอะ ถ้านายไปตอนนี้ พ่อต้องโกรธมากแน่ๆ รอพ่ออารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยไปคุยนะ ฉันขอร้อง วอนโฮ!!!

     



                “วอนโฮ!!!


                เฮือก


                “โฮซอก!!!!!


                วอนโฮลุกขึ้นมานั่ง หอบหายใจด้วยความเหนื่อย ความชื้นจากเหงื่อที่มือ อาการใจเต้นแรงเกิดขึ้นในทุกๆวันเมื่อตื่นขึ้นจากฝัน..


                ใช่ หรือว่าบางทีมันอาจจะเป็นแค่ความฝัน


                แกร๊ง


                เสียงที่ดังออกมาจากนอกห้องนอนทำให้ดวงตาคมสั่นระริก มันต้องเป็นฝันแน่ๆ นี่เขาฝันบ้าบออะไรอยู่ได้ตั้งนาน ฝันร้ายชะมัดเลย ร้ายที่สุดในชีวิต


                วอนโฮลงจากเตียงนอน สวมสลิปเปอร์แล้วรีบวิ่งออกไป ตรงไปยังห้องครัว มุมที่มักจะพบคนที่หน้าตาเหมือนเขาได้ที่นั่น และครั้งนี้ก็เหมือนกัน


                “โฮซอก ทำกับข้าวเหรอ ฉันฝันโคตรร้ายเลยรู้ปะ ฝันว่านะ..”


                “หวัดดีวอนโฮ”


                “..นาย ไม่ใช่โฮซอก”


                “...”คนมาใหม่ยิ้มบางๆ “ฉันจะใช่โฮซอกได้ไง ในเมื่อโฮซอก ..เขาไม่ได้อยู่กับเราแล้วนะ”


                วอนโฮกำมือแน่น สิ่งที่ได้ยินเป็นการตอกย้ำให้รู้ ว่าที่ผ่านมามันไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นมาตลอด ความเจ็บปวดเหล่านั้นคือของจริง


                แชฮยองวอน มองใบหน้าที่โทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัดของวอนโฮ แววตาคมมีน้ำใสๆเอ่อคลออยู่แทบจะตลอดเวลา เห็นแบบนั้นร่างบางก็ขยับเข้าไปใกล้ วางมือลงไปเบาๆบนหลังมือกร้าน ที่มีร่องรอยการทำร้ายตัวเองอยู่มากมาย


                “ไม่เป็นไรนะวอนโฮ”


                วอนโฮกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรงจนรับรู้ถึงรสชาติของเลือด เงยหน้ามองสบกับดวงตากลมโตที่มองมาอย่างอบอุ่นด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะสะบัดมือออกอย่างแรง


                “ไปให้พ้น!!!


                “วอนโฮ”


                “กล้าดียังไงมาพูดแบบนั้นกับฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร ไสหัวไปให้พ้น”


                “ไม่ว่านายจะไล่ฉันอีกกี่ร้อนกี่พันครั้ง ฉันก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่!!


                “งั้นก็เชิญ!! ฉันไปเอง”


                ฮยองวอนมองแผ่นหลังหนาที่เดินออกไปจากห้อง ถอนหายใจออกมาเบาๆ การเยียวยาจิตใจของวอนโฮมันไม่ง่ายเลย เพราะเขาเอาแต่โทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาฝังตัวเองเอาไว้กับความเจ็บปวด ฮยองวอนพยายามแล้วที่จะดึงเขาขึ้นมา พยายามจนท้อ แต่จะไม่มีวันถอย


                ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากให้วอนโฮคนเดิมกลับมา คนที่เคยใจดีมากกว่านี้ อ่อนโยนมากกว่านี้


                วอนโฮ โฮซอก และฮยองวอนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวของพวกเขาสนิทกัน วอนโฮและโฮซอกเป็นฝาแฝด ที่หากใครมองก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ฮยองวอนไม่เคยจำทั้งสองคนสลับกันเลย ฮยองวอนจำได้ดีว่าคนไหนคือวอนโฮ และคนไหนคือโฮซอก


                ทั้งสามคนสนิทกันเรื่อยมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าเรียนมหาลัย ช่องว่างระหว่างวอนโฮ กับโฮซอกและฮยองวอนก็เพิ่มมากขึ้น เพราะวอนโฮเป็นคนติดเพื่อน ได้มีเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ หลงผิดไปกับอิสระที่ได้รับจนกู่ไม่กลับ การที่เรียนจบมาได้ ก็เพราะครอบครัวใช้เงินยัดเข้าไป มหาลัยเองก็คงไม่อยากได้คนแบบวอนโฮสักเท่าไหร่ ก็เลยถีบให้จบๆมาพร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน


                โฮซอกเรียนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เข้าไปทำงานในบริษัทเต็มตัว และแน่นอนว่าทำได้ดีเท่ากับที่ทุกคนคาดหวัง


                ฮยองวอนเรียนจบช้ากว่าทั้งสองคน เพราะเลือกเรียนแพทย์ สาขาที่เลือกเรียนก็เป็นจิตแพทย์ ตอนนี้ก็ได้เป็นสมใจ ฮยองวอนรักงานนี้ และไม่เคยคาดคิด ว่าในวันหนึ่ง จะได้มาเป็นจิตแพทย์


                รักษาเพื่อนตัวเอง


                ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เกิดอุบัติที่เหตุที่คร่าชีวิตลูกชายคนเล็กของครอบครัวชินไปอย่างไม่มีวันกลับ โฮซอกเกิดอุบัติเหตุ รถประสานงากับรถบรรทุก และเสียชีวิตคาที่ สร้างความเศร้าโศกให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก


                และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็คงเป็นวอนโฮ..


                ฮยองวอนไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าวอนโฮทะเลาะกับพ่อของเขาหนักมาก แล้วก็ขับรถออกมาจากบ้าน แต่โฮซอกขับตามมาแล้วก็กลายเป็นแบบนั้น..


                วอนโฮหายไปสามอาทิตย์เต็มๆ ไม่มาแม้แต่ตอนฝังโฮซอก แต่สุดท้ายฮยองวอนก็ไปเจอวอนโฮกำลังนั่งร้องไห้อยู่กับหลุมศพของน้องชายฝาแฝดตัวเองทีหลัง


                หลังจากนั้นวอนโฮก็ออกมาอยู่คนเดียวตามลำพัง ขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอน พยายามจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ฮยองวอนก็มาช่วยเอาไว้ได้แทบจะทุกครั้ง จนตอนนี้วอนโฮคงถอดใจไปแล้ว การมาอยู่ที่นี่ แม้จะทำให้เจ้าของห้องไม่พอใจ แต่ฮยองวอนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น


                จนกว่าเพื่อนของเขาจะกลับมา


                โฮซอกจากไปแล้ว ..ฮยองวอนไม่อยากเสียวอนโฮไปอีกคน


                “เมื่อไหร่จะรู้สักที ว่าทุกคนเขารักและเป็นห่วงนายมากแค่ไหน ..วอนโฮ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     





                ใบไม้สีเขียวชอุ่ม เริ่มกลายเป็นสีส้ม และร่วงหล่นลงมาตามช่วงฤดูกาล วอนโฮเดินไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ท่ามกลางผู้คนมากมาย สุดท้ายปลายทางของเขา ก็ไม่พ้นวนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง


                “...”


                วอนโฮยืนมองร่างบางที่นั่งหลับคอพับอยู่กับพื้นหน้าประตูห้องนิ่งๆ ฮยองวอนนั่งอยู่ตรงนี้ ก็คงจะเหมือนเดิม ที่ออกมาแล้วห้องล็อค ไม่มีกุญแจจะไขเข้าไป วอนโฮไม่ได้ปลุกแค่เดินผ่านเข้าไปในห้อง ไม่คิดจะหันไปสนใจไยดีอะไรฮยองวอนแม้แต่น้อย


                กลับมายังห้องที่มืดสนิทของตัวเองอีกครั้ง มองภาพถ่ายที่ถูกอัดใส่กรอบเอาไว้อย่างดี แม้จะโดนเขวี้ยงจนแตกแทบไม่เหลือชิ้นดี แต่วอนโฮก็เอามาประกอบใหม่ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนเดิมเลยก็ตาม


                “..จนวันที่นายไม่อยู่ ฉันก็ไม่เคยเอาชนะนายได้เลยโฮซอก”


                แม้จะเป็นฝาแฝดที่มีหน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยกลับต่าง ตั้งแต่เด็กจนโต วอนโฮได้รับความสนใจทั้งจากคนในบ้านและนอกบ้านน้อยกว่าโฮซอกเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน กีฬา หรือความาสามารถด้านต่างๆ ก็แพ้มาตลอด โฮซอกแทบไม่ต้องพยายามทำอะไรเลยก็เป็นที่หนึ่งของระดับชั้น แต่ว่าวอนโฮนั่งอ่านหนังสือทั้งคืน ก็ยังเป็นอันดับกลางๆ


                พ่อและแม่รักและเอ็นดูโฮซอก ไม่ว่าอะไรก็จะให้โฮซอกเป็นคนเลือกเสมอ หรือแม้แต่ฮยองวอน..


                ก็ยังรักโฮซอกมากกว่า


                เรื่องเดียวที่วอนโฮมั่นใจ ว่าไม่มีทางแพ้โฮซอกแน่นอน ก็คือความรักที่มีให้ฮยองวอน วอนโฮรักฮยองวอนมากที่สุด แต่ก็ถูกมองข้ามเสมอ ถึงตอนนี้ฮยองวอนจะมาอยู่ตรงนี้ ข้างๆกับเขา แต่วอนโฮกลับรู้สึกว่าที่ฮยองวอนมา ก็เพื่อโฮซอก


                ทุกอย่างก็ทำเพื่อคนที่จากไปแล้วทั้งนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ฮยองวอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเป็นตอนเช้าแล้ว อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อพบว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้อง ไม่ได้นั่งหลับหลังแข็งอยู่หน้าห้อง


                ทุกครั้งที่อยากจะถอดใจ แต่วอนโฮก็ทำให้ฮยองวอนลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งเสมอ เพราะสิ่งที่เขาทำ มันก็แสดงให้ฮยองวอนได้เห็น ว่าวอนโฮคนเดิมไม่ได้จากไปไหน


                วันนี้อาจจะเหมือนทุกวัน ก็คือวอนโฮผู้หม่นหมอง เมื่อคืนตอนที่นั่งรอวอนโฮกลับมาอยู่หน้าห้อง ฮยองวอนได้วางแผนเอาไว้ ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง ค่อยๆรักษาคงไม่มีประโยชน์อาจต้องใช้หลักสูตรเร่งรัดสักหน่อย วอนโฮน่าจะดีขึ้น


                “วอนโฮ ตื่นเถอะ”


                “...”


                ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมา ฮยองวอนยิ้มมุมปาก เดินไปมุมห้องแล้วจัดการกระชากผ้าม่านให้เปิดออก แสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เปลือกตาหนาหยีอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้วยความหงุดหงิด


                “อะไรของนาย”


                “สายแล้วนะ ตื่นเถอะ”


                “อย่ามายุ่ง”


                “ไม่ยุ่งไม่ได้สิ”ฮยองวอนส่ายหน้ารัวๆ ดึงแขนของวอนโฮให้ลุกขึ้นยืน แต่วอนโฮกลับขืนตัวเอาไว้ กระชากแขนเพื่อจะให้หลุด แต่มันกลับได้ผลรับที่ตรงกันข้าม เพราะนอกจากจะไม่หลุดแล้ว ฮยองวอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เซล้มลงมาทับที่ร่างของวอนโฮเต็มแรง


                “...”


                “...”


                ไม่มีเสียงพูดใดๆออกมาจากทั้งคู่ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ และหัวใจของทั้งคู่ที่ต่างเต้นแรงไม่แพ้กัน ยามที่ริมฝีปากอิ่มของฮยองวอนแตะลงไปบนแก้มสากของวอนโฮแนบสนิท


                ฮยองวอนที่รู้สึกตัวก่อนรีบดันตัวลุกขึ้น กระแอมสองสามครั้งก่อนจะพูดตะกุกตะกัก


                “วะ วันนี้อากาศดีนะ อย่าเอาแต่อยู่ในห้องเลย เราออกไปเที่ยวกันเถอะ”


                “...”


                “ฉันไปรอข้างนอกนะวอนโฮ อย่าให้ฉันรอเก้อล่ะ”


                พูดจบก็รีบเดินออกมาเก้อๆ ตอนแรกคิดว่าวอนโฮคงไม่สนใจจะทำตามที่ขอ แต่สิบนาทีต่อมากลับเห็นอีกฝ่ายเดินออกมาด้วยสีหน้าเหมือนเดิม ก็คือแทบจะไร้ความรู้สึก เห็นแบบนั้น ริมฝีปากของฮยองวอนก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้


                ในเวลาไม่นานมากนักทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงเกาะยอดนิยมในช่วงฤดูกาลนี้ของเกาหลี ..เกาะนามิคือสถานที่ที่สวยที่สุดในเวลาแบบนี้ มีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศมาเยี่ยมชม แต่คนก็ไม่ได้เยอะมากจนน่าอึดอัด ฮยองวอนพาวอนโฮเดินเล่นไปเรื่อยๆ


                ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยเยียวยาจิตใจของวอนโฮไปทีละนิด แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนัก ว่าสิ่งที่จะทำในวันนี้จะได้ผล แต่ในเมื่อลองมาหมดทุกวิธีแล้ว ก็คงต้องใช้วิธีนี้สักที


                “สวยเน๊อะ”


                “...”


                “ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีล่ะ นายรู้หรือเปล่า ว่าฤดูใบไม้ร่วงคือฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงนะ”


                “...”


                “จากร้อน ไปสู่หนาว ..จากความอบอุ่น ไปสู่ความหนาวเย็น แต่นั่นแหละนะ ฉันว่านายคงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะนายชอบฤดูร้อนนี่”


                “...”วอนโฮไม่ได้ตอบ ไม่แม้แต่จะหันไปมอง แต่ก็ไม่คิดจะแย้ง ปล่อยให้ฮยองวอนพูด


                ฮยองวอนยังคงจำได้ ว่าวอนโฮชอบฤดูร้อนมากกว่าฤดูหนาว ในขณะที่โฮซอกชอบฤดูหนาวมากกว่า แต่สำหรับฮยองวอนผู้ซึ่งอยู่ตรงกลาง กลับชอบช่วงฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด


                ถ้าเราชอบเหมือนกันทุกคน มันก็ไม่สนุกเวลาที่จะเถียงกันน่ะสิ ^^


                “อ๊ะ”ฮยองวอนร้องออกมาเบาๆ เมื่อระหว่างที่เดิม ใบเมเปิ้ลสีส้มก็ร่วงลงมาใส่ที่หัวพอดี รอยยิ้มกว้างประดับที่ใบหน้าหวานอีกครั้ง วอนโฮมองนิ่งๆ พริบตาเดียวก็รีบเบนสายตาไปทางอื่น “นี่วอนโฮ”


                “..อะไร”


                “ใบเมเปิ้ลร่วงมาหาฉันพอดีเลยล่ะ ดีจัง”


                “...”


                “รู้ไหมว่าใบเมเปิ้ลน่ะ ถ้าร่วงลงมาใส่ใคร ไม่ว่าจะขอพรอะไรก็สัมฤทธิ์ผลหมดเลยนะ”


                “...”


                “ฉันให้นาย”


                วอนโฮมองใบเมเปิ้ลที่ถูกยื่นมาตรงหน้าอย่างสงสัย “ให้ฉันทำไม มันร่วงใส่นายนี่”


                “ก็ฉันอยากให้พรของนายเป็นจริงนี่ เอาไปสิ ฉันให้”


                “...”


                “อื้อ เอาไปเลย”


                “..ไร้สาระ”วอนโฮปัดมือของฮยองวอนออกอีกครั้ง เดินผ่านไปโดยไม่หันกลับ


                ฮยองวอนย่นจมูก และถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจตัวเอง ในเมื่อวอนโฮไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร ขอเองก็ได้


                มือเล็กกำใบเมเปิ้ลไว้แน่น หลับตาลงช้าๆแล้วเริ่มขอ เมื่อขอพรเสร็จแล้ว ก็เก็บใบไม้แห้งที่ดูเหมือนจะไร้ค่าใส่กระเป๋าไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะรีบวิ่งตามวอนโฮที่เดินนำไปไกล


                “รอด้วยสิวอนโฮ!!!!


                ได้แต่หวังว่าพรที่ขอไปจะเป็นจริง

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวันอย่างสนุกสนานแล้ว หมายถึงมีแค่ฮยองวอนคนเดียวที่สนุก ระหว่างทางกลับ วอนโฮก็ผล็อยหลับไปอีก ก่อนจะมารู้สึกตัวตื่น มองไปรอบๆอย่างงงงวยเพราะมันไม่ใช่ทางกลับบ้าน และเมื่อเห็นว่าปลายทางที่ฮยองวอนกำลังจะไปคือที่ไหน ดวงตาคมก็กร้าวขึ้นมา ก่อนที่มือหนาจะจับที่ข้อมือเล็กอย่างแรง


                “มาที่นี่ทำไม!!!


                “วะ วอนโฮ ฉันเจ็บ”


                “กลับเดี๋ยวนี้นะ”


                “...”


                “ฉันบอกให้กลับ”


                ฮยองวอนจอดรถ วอนโฮเม้มปากแน่น เมื่อรถจอดสนิทก็รีบเดินลงมา ย้อนกลับไปเส้นทางเดิม แต่ฮยองวอนรีบวิ่งตามลงมาแล้วคว้าที่มือหนาเอาไว้


                “วอนโฮ ขอร้อง..”


                “...”


                “แค่แป็บเดียวก็ได้ ได้โปรด”


                วอนโฮเม้มริมฝีปากแน่น หันไปมองฮยองวอนที่ดวงตากลมโตเอ่อไปด้วยน้ำตา กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา สุดท้ายก็ยอมเดินขึ้นไปบนเนินเขาพร้อมกับฮยองวอน จุดสูงสุดของที่นี่ มีแท่นหินแกะสลักสวยงามตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ใบไม้แห้งร่วงปกคลุมเนินดินที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย


                ฮยองวอนเดินเข้าไปใกล้ วางช่อดอกลิลลี่สีขาวที่คนที่นอนอย่างสงบใต้นี้ชอบ ยิ้มบางๆ


                “มาหาแล้วนะโฮซอก”


                ...


                “วันนี้ฉันไม่ได้มาคนเดียวด้วยล่ะ นายดูสิว่าฉันพาใครมา ดีใจไหม วอนโฮเขามาหานายด้วยนะ”


                “ฉันจะกะ..”


                “วอนโฮเขามีเรื่องตั้งมากมายที่อยากจะคุยกับนายน่ะ เขาอยากเล่าเรื่องต่างๆ อยากพูด อยากคุยกับนายตั้งเยอะ แต่เขาไม่ค่อยว่างเลย นายเข้าใจเขานะ ที่เขาไม่ได้มาหา”


                “...”


                ฮยองวอนยิ้ม หันไปมองวอนโฮที่ยืนกำมือแน่นไม่ปล่อย “..วอนโฮ โฮซอกเขาอยากรู้นะ ว่านายจะพูดอะไร”


                “...”


                “มีเรื่องมากมายที่อยากจะบอกเขาไม่ใช่เหรอ บอกสิ ฉันว่าโฮซอกคงรอฟังอยู่แน่ๆ”

     



                “วอนโฮ นายอย่าใจร้อนได้ไหม ทำตัวให้มันมีเหตุผลหน่อยสิ แบบนี้ใครเขาจะอยากอยู่กับนาย”


                “ไม่มีใครอยากอยู่ก็ไม่ต้อง ฉันอยู่คนเดียวได้”


                “แม้แต่ฮยองวอนน่ะเหรอ”


                “...”


                “ถ้านายยังใจร้อนอยู่แบบนี้ สักวันฮยองวอนคงทนไม่ไหวแน่”


                “...”


                “ฮยองวอนชอบคนใจเย็น แล้วก็มีเหตุผลนะ”


                “เห๊อะ แบบนายอ่ะเหรอ”


                “ฉันไม่ได้หมายความวะ..”


                “ก็เอาดิ เอาไปให้หมดเลยโฮซอก ยังไงซะ ฉันมันก็ไม่มีค่าในสายตาใครอยู่แล้วไง เอาไปให้หมดเลย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งฮยองวอน!!!



     

                “วอนโฮ ทำไมไม่พะ..”


                “เลิกทำบ้าๆแบบนี้สักทีเหอะ”


                “ฉัน..”


                “แล้วก็เลิกมายุ่งวุ่นวายกับคนเหี้ยๆอย่างฉันสักที แม่งโคตรเปล่าประโยชน์”


                ฮยองวอนลุกขึ้นยืน เดินอ้อมไปยืนอยู่ข้างหน้าวอนโฮ “เมื่อไหร่นายจะตื่นสักทีวอนโฮ”


                “...”


                “ตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมาจากหลุมที่นายขุดฝังตัวเองเอาไว้ได้แล้ว โฮซอกเขาไม่อยู่แล้วนะ คุณลุงคุณป้าท่านเหลือนายแค่คนเดียว เมื่อไหร่จะได้สติแล้วกลับมาทำหน้าที่ลูกสักทีล่ะ”


                “...”


                “การที่โฮซอกจากไปมันไม่ใช่เพราะนาย มันเป็นแค่อุบัติเหตุ เลิกโทษตัวเองสักทีได้ไหม”


                “คนนอกอย่างนายมันจะไปรู้อะไรวะ!!!!


                “..ฉะ ฉันเป็นคนนอกสำหรับนายเหรอ”


                “เออไง!!! นายแม่งไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง เสียใจมากไหมล่ะ ที่คนที่ตายเป็นโฮซอก รู้อะไรไหม!! ถ้าหากว่าฉันเลือกได้ ฉันอยากเป็นคนที่ตายๆไปให้พ้นซะ ทั้งพ่อแม่ รวมถึงนายจะได้มีความสุขไงล่ะ”


                “...”


                “เลิกเสแสร้งสักทีแชฮยองวอน ฉันรู้ว่านายเองก็เกลียดฉัน เกลียดที่ฉันทำให้คนดีๆอย่างโฮซอกต้องตาย”


                “ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ!!!


                “เหรอ ..เห๊อะ ฉันควรต้องเชื่อไหม”


                “...”


                “ควรเชื่อไหมว่านายรู้สึกดีที่ฉันยังอยู่ นายคงรักฉันมากเลยสินะ สำหรับนายฉันคงเป็นคนที่มีค่ามากเลยใช่ปะ งั้นพิสูจน์หน่อยไหมล่ะ พิสูจน์ว่านายรักฉันมากกว่าที่นายรักไอ้โฮซอกน่ะ!!


                “วอนโฮ จะทำอะไร อย่านะ!!!”ฮยองวอนร้องเสียงหลง พยายามเบี่ยงหน้าหลบวอนโฮที่ก้มลงมา


                จมูกโด่งซุกไซร้ลงมาที่ลำคอระหง กดจูบลงไปซ้ำๆ มือหนารวบมือทั้งสองข้างของฮยองวอนเอาไว้ ในขณะที่อีกมือก็รั้งท้ายทอยบางไม่ให้หนีไปไหน แต่สุดท้าย ฮยองวอนสะอื้นจนตัวสั่น เลิกดิ้นเพราะสู้แรงวอนโฮไม่ไหว แต่สุดท้าย..


                “ไม่มีใครที่เกิดมาเพื่อเป็นของฉันเลยสักคน”


                “...”


                “ทุกคนเป็นของโฮซอกทั้งหมด ..รวมทั้งนายด้วย”


                “ฮึก..”


                ร่างบางทรุดลงไปนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น ในขณะที่วอนโฮเดินจากไป ฮยองวอนกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ก่อนที่สุดท้ายจะเดินไปนั่งอยู่ตรงหน้าโฮซอกอีกครั้ง


                “ขอโทษนะโฮซอก”


                ...


                “ฉันทำไม่ได้ ฮึก.. ฉันทำให้วอนโฮกลับมาไม่ได้”


                ทุกๆอย่างในวันนี้มันเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็เป็นฮยองวอนเองที่รีบร้อนจนทำให้ทุกอย่างวกกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง วอนโฮยังคงปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมให้ฮยองวอนเข้าไปในพื้นที่ของเขา หนำซ้ำยังไล่ให้ฮยองวอนออกมา แบบนี้ฮยองวอนจะทำอะไรได้อีก


     


                “เข้าใจวอนโฮหน่อยนะ เขาก็ใจร้อนแบบนี้แหละ”


                “แต่เขาก็ไม่น่าพูดแบบนั้นกับฉันนี่โฮซอก เขาไม่รู้หรือไงว่าฉันน่ะชอ..”


                “หึๆ เขาจะรู้ได้ไง ในเมื่อนายไม่เคยบอกเขา”


                “...”


                “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เรากลับไปแก้ไขในสิ่งที่มันผ่านมาไม่ได้ วอนโฮถูกคนรอบข้างเปรียบเทียบกับฉันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”


                “...”


                “เขาถูกกดดันมากเกินไป มากเกินจนรู้สึกว่าไม่มีใครรักเขา แต่เขาไม่รู้หรอกว่าทุกคนรักเขา และเป็นห่วงเขามาก”


                “โฮซอก..”


                “แม้แต่นาย ก็ยังรักเขาเลย ใช่ไหม”


                “...”


                “อย่ายอมแพ้นะฮยองวอน ถ้าไม่มีนายอีกคน วอนโฮก็คงรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่มีใครเลย อย่าทิ้งเขานะ สัญญากับฉันได้ไหม ต่อให้เขาจะไล่นาย ถ้านายยังรักเขา ก็อย่าไปไหน”



     

                ...


                “ฉันขอโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวนะโฮซอก”


                ...


                “ถ้าวอนโฮยังคงไม่ต้องการอีก ฉันเองก็ไปต่อไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ฮยองวอนกลับมาถึงที่คอนโดของวอนโฮก่อนเจ้าของห้อง ได้แค่ยืนรอเพราะเข้าไปไม่ได้ จนถึงเกือบเที่ยงคืน วอนโฮก็กลับมา สายตาว่างเปล่า และเดินผ่านฮยองวอนไปราวกับว่าผ่านอากาศ แต่ฮยองวอนก็รีบสาวเท้าตามเข้าไป คว้าที่ข้อมือหนาไว้อีกครั้ง


                “วอนโฮ ..ฉันขอโทษนะที่พานายไป ทั้งที่นายยังไม่พร้อม”


                “...”


                “ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก”


                “..ปล่อย”


                “อะ อื้ม”ฮยองวอนยอมปล่อยมือ เพราะคิดว่าวอนโฮจะยอมฟังเขาอธิบาย ทว่าร่างหนากลับเดินเข้าใปในห้องนอนแล้วล็อคประตูทันที


                ฮยองวอนถอนหายใจเบาๆ น้ำตาหยดแหมะลงบนหลังมืออีกครั้ง ยืนชิดอยู่กับประตูแล้วพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกไป หวังว่าวอนโฮจะรับรู้มัน


                “ครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับพวกนายสองคน ตอนนั้นก็เป็นฤดูนี้นะ นายจำได้หรือเปล่า นายเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหา แล้วก็จับมือฉัน พาฉันไปเล่นกับพวกนาย”


                ...


                “ฉันเคยแยกพวกนายสองคนจากเสื้อผ้าที่ใส่ แต่แล้ววันหนึ่งจู่ๆพวกนายก็สลับเสื้อผ้ากัน เพราะคิดว่าฉันจะไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ แต่ฉันน่ะเก่งนะ ฉันรู้ถึงแม้ว่าพวกนายจะแต่งตัวเหมือนกัน ทำผมเหมือนกัน ฉันก็รู้ว่าคนไหนคือวอนโฮ คนไหนคือโฮซอก”


                ...


                “แววตาของพวกนายไม่เหมือนกัน โฮซอกใจดี เขายิ้มสวย ส่วนนายชอบทำหน้าดุๆ แต่สายตานายมองแค่ฉันคนเดียวมาเสมอ”


                ...


                “ฉะ ฉันรู้นะ ว่านายรู้สึกยังไง ..มีแต่นายที่ไม่รู้เลยวอนโฮ”


                ...


                “ถ้านายจ้องเข้ามาในตาของฉัน นายก็จะรู้ ว่าคนเดียวที่ฉันมองเสมอก็คือนาย ..สำหรับฉัน โฮซอกเป็นพี่ชายของฉัน แต่กับนาย ..ฉันไม่รู้”


                ...


                “ฉันรู้แค่ว่าฉันอยากจะอยู่กับนายในทุกๆวัน อยากดูรอยยิ้มของนาย ฉันชอบเวลาที่นายสัมผัสฉัน ชอบเวลาที่นายดุที่ฉันไม่ยอมกินผัก แล้วก็ชอบ.. ทุกๆอย่าง ฉันชอบทุกอย่างที่ชินวอนโฮเป็น และฉันก็คิดถึงเขามากๆด้วย”


                ...


                “..กะ กลับมาหาฉันไม่ได้เหรอวอนโฮ ให้ฉันได้กลับเข้าไปยืนในพื้นที่ของนายอีกครั้งไม่ได้เหรอ อย่าไล่ฉันออกมาได้ไหม เพราะฉันไม่อยากไปไหน ต่อให้ไม่มีใครรักนาย แต่ฉันไม่เคยไม่รักนายนะ ที่จริงแล้วไม่มีใครที่ไม่รักนายเลยด้วยซ้ำ”


                ...


                “ไม่มีใครโทษว่ามันเป็นความผิดของนายเลย คุณลุงคุณป้ารอให้นายกลับไปที่บ้าน ไปเป็นลูกชายของพวกท่าน นายรู้ไหมว่าโฮซอกบอกฉันตลอด ว่าเขาอิจฉานายที่สุด ..เพราะนายไม่ต้องถูกคาดหวังอย่างเขา นายสามารถเป็นตัวของนายเอง จะทำอะไร คิดอะไรก็เป็นอิสระ แต่กับโฮซอก เขาถูกวางกรอบให้ไปตามทางที่ผู้ใหญ่เลือก ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง”


                ...


                “รองลงมาจากฉัน ..โฮซอกคงรักนายมากที่สุดเลยนะ”


                “...”


                “วะ วอนโฮ”


                “ไปกับฉัน”


                “นายจะไปไหน”


                ฮยองวอนถาม แต่ไม่ได้คำตอบ หนำซ้ำยังถูกกระชากให้เดินไปตามแรงลากของอีกฝ่าย ตอนแรกฮยองวอนไม่เข้าใจ แต่เมื่อวอนโฮขับรถมาจอดที่นี่ น้ำตาที่หยุดไหลไปก็รื้นขึ้นมาอีกรอบ


                วอนโฮกลับมาที่ที่โฮซอกอยู่


                ฮยองวอนได้แต่ยืนมองแผ่นหลังหนาที่ยืนนิ่งอยู่หน้าหลุมมาสักพักใหญ่แล้ว จึงเดินเข้าไปใกล้ วางมือลงไปเบาๆบนหลังมือของเขา ส่งยิ้มให้กำลังใจ


                วอนโฮกัดริมฝีปากอีกครั้งครั้งนี้ไม่ได้สะบัดมืออกเหมือนอย่างเคย แต่เปลี่ยนเป็นกุมมือเล็กไว้แน่น


                “โฮ ..โฮซอก”


                ...


                “ตั้งแต่เด็ก เราสองคนอยู่ด้วยกันมาตลอด พวกผู้ใหญ่เอาแต่เปรียบเทียบเรา จนบางทีฉันก็คิดว่านายเป็นคู่แข่งของฉันมากกว่าเป็นพี่น้องซะอีก ขอโทษนะที่เคยคิดบ้าๆแบบนั้น แล้วก็ขอบคุณที่นายทำเพื่อฉันมาตลอด ..ฉันรู้ว่านายเป็นคนไปขอร้องอาจารย์ไม่ให้ไล่ฉันออก ฉันรู้ว่านายจงใจทำคะแนนแย่ จนถูกพ่อตีตอนเราเรียนอยู่เกรดสิบ เพราะนายอยากให้พ่อหันมาชมฉันบ้าง หึๆ แต่ฉันมันห่วยเองอ่ะ ขนาดนายทำคะแนนแย่ขนาดนั้น ฉันก็ยังทำได้แย่กว่านายอีก สรุปเราก็เลยโดนตีกันทั้งคู่”


                ...


                “ฉันรู้ว่านายไม่ได้ป่วย ตอนที่จะต้องขึ้นไปเล่นเปียโนในงานเลี้ยงของบริษัท แต่นายก็แกล้งป่วย เพื่อให้ฉันได้ขึ้นไปเล่นแทน ตอนนั้นฉันรู้สึกดีชะมัดที่ทุกคนหันมาสนใจฉันบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจว่าฉันเป็นนายก็เหอะ”


                ...


                “..ฉันขอโทษ สำหรับทุกอย่าง”


                “วอนโฮ..”


                “เราควรจะเป็นพี่น้องที่รักกันมากกว่านี้ แต่เพราะฉันเอาแต่ถือทิฐิ ทั้งที่นายรักและทำเพื่อฉันตั้งมากมาย ฉันกลับจ้องแต่จะเอาชนะนายจนลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกของนาย”


                ...


                “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงมาตั้งนานนะ ..รู้ใช่ไหม ว่าฉันเองก็รักนายเหมือนกัน”


                ฮยองวอนยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจที่ในที่สุดวอนโฮก็ยอมเปิดใจพูดทุกๆสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจของเขามานานแสนนาน ในขณะที่วอนโฮ เมื่อได้พูด ก็รู้สึกโล่งใจ ราวกับได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาจากพันธนาการที่เป็นคนสร้างจนหนาแน่นด้วยตัวเอง


                วอนโฮหันไปมองฮยองวอนที่ยืนร้องไห้ ยิ้มบางๆแล้วยกมือขึ้น ใช้หลังมือเกลี่ยน้ำตาที่แก้มใสออกอย่างเบามือ..


                “ขอโทษนะฮยองวอน ฉันไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของนายเลย”


                “ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธ”


                “..แต่ฉันอยากจะให้นายถามใจตัวเองดูให้ดีๆ ว่าคนที่นายรักเป็นฉันจริงๆหรือเปล่า”


                ฮยองวอนมองวอนโฮอย่างจริงจัง มือเล็กยกขึ้น แนบไปที่แก้มทั้งทั้งสองข้างของเขา “คนบ้า ฉันก็มองแต่นายมาตั้งแต่แรกแล้วนี่”


                “หึ”


                “แน่ใจสิ ..ฉันแน่ใจ”


                วอนโฮพยักหน้า เลื่อนมือลงไปกุมที่มือเล็กอีกรอบ “กลับบ้านกันนะ”


                “อื้อ”


                ทั้งสองคนเดินลงจากเนินเขามาด้วยกัน จับมือกันแน่น แม้ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด


                ฮยองวอนวางมือลงบนกระเป๋าเสื้อของตัวเอง ใบเมเปิ้ลใบเดิมยังอยู่ในนั้น


                รู้สึกขอบคุณที่ทำให้คำขอของเขาเป็นจริง


                ขอให้วอนโฮคนเดิมกลับมา ..ตอนนี้เขากลับมาแล้วนะ โฮซอก


                ฮยองวอนอาสาเป็นคนขับรถกลับ และวอนโฮก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่อให้ตอนนี้ยังไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้เต็มร้อย แต่มันก็เป็นสัญญาณที่ดี ว่าในไม่ช้า เขาคนเดิมจะกลับมา


                แม้จะยังกลัวๆ ว่าพ่อกับแม่จะยังต้องการลูกแย่ๆแบบเขาอยู่อีกไหม แต่ถ้าหากมีฮยองวอนอยู่ข้างๆ วอนโฮก็เชื่อว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย วันนั้นวอนโฮจะบอกฮยองวอนเอง


                ว่ารัก ..มาแค่ไหน


                ...


                ปรี๊นๆๆๆ


                โครม!!!


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                มือหนาที่เต็มไปด้วยสีแดงสดจากเลือดสั่นเทาจนห้ามไม่ได้ ดวงตาคมสั่นระริก จะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกอึดอัดจนแทบระเบิดอยู่แบบนี้


                เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว เมื่อจู่ๆก็มีรถบรรทุกพุ่งเข้ามาชนที่รถของฮยองวอนอย่างจัง วอนโฮไม่ได้หมดสติ และบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทว่าเมื่อหันไปมองคนข้างๆ กลับพบว่าตามตัวของร่างบางเต็มไปด้วยเลือดจนแทบจะมองไม่เห็นผิวขาวๆ ฮยองวอนหมดสติ ฟุบอยู่กับพวงมาลัย..


                ภาพของโฮซอกในวันนั้นลอยกลับเข้ามาในหัว มันเหมือนกัน.. เหมือนกันทุกๆอย่าง


                ฤดูใบไม้ร่วงที่พรากคนที่วอนโฮรักไป


                “ไม่.. อึก ไม่จริง มะ มันต้องไม่เกิด”


                มันจะพรากไปทุกๆอย่างไม่ได้


                “วอนโฮ!!!!


                “..มะ แม่”


                “ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม”


                วอนโฮนิ่ง เมื่อถูกผู้เป็นแม่ดึงเข้าไปกอดแน่น สายตาสบเข้ากับแววตาแข็งกร้าวที่เหมือนกับของตัวเองไม่มีผิดของผู้เป็นพ่อ คิดเอาไว้ว่าคงจะโดนด่า โดนไล่ไปให้พ้นอีก ทว่า..


                “โล่งอกไปที”


                มือหนาที่เริ่มเหี่ยวไปตามวัยกลับลูบที่หัวของวอนโฮอย่างแผ่วเบา แววตาคู่นั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มันแดงก่ำแต่ก็รู้สึกได้ถึงความโล่งใจ


                “พ่อ.. แม่”


                วอนโฮอยากจะดีใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อฮยองวอนยังคงอยู่ในห้องไอซียู ทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่กอดให้กำลังใจกัน ไม่นานพ่อกับแม่ของฮยองวอนก็มา แม่ของวอนโฮเดินไปปลอบใจคุณนายแชที่ร้องไห้จนเกือบจะหมดสติ


                “หมอ!!


                ทุกๆคนต่างกรูกันไปยืนอยู่ตรงหน้าหมอเจ้าของไข้


                “ลูกชายผม ละ ลูกผมเป็นไงบ้าง”


                “..หมออยากให้ทำใจนะครับ ตอนนี้คนไข้อาการสาหัส โอกาสรอดมีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์”


                “มะ ไม่จริง”คุณนายแชปล่อยโฮ แล้วหมดสติไปในทันที


                วอนโฮยืนตัวสั่น น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย


                ไม่จริง..


                มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ..


                มันจะต้อง..


                ไม่เป็นแบบนี้อีกครั้ง


                “คุณหมอคะ ชีพจรคนไข้ต่ำค่ะ”


                “หมอขอตัวก่อนนะครับ”


                วอนโฮไม่รับรู้ความวุ่นวายรอบข้างอีกต่อไป ไม่ได้ยินเสียงอื้ออึงใดๆ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามายืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่


                ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ก่อนที่มือหนาจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบใบเมเปิ้ลแห้งขึ้นมามอง..


                มันร่วงลงมาใส่ตอนที่เขาเดินหนีฮยองวอนเอาไว้


                มันจะเป็นจริงใช่ไหม..


                “อย่าเอาฮยองวอนไปจากฉันได้ไหมโฮซอก ..ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง ได้โปรด”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ...


                ความปวดเมื่อยนี่มันคืออะไรกันนะ ทำไมถึงรู้สึกเจ็บที่แขนจนแทบจะขยับไม่ได้แบบนี้ เปลือกตาก็หนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ทรมานจนทนไม่ไหวเผลอร้องออกมา


                “งืม.. อ๊ะ วอนโฮ!!!!


                เสียงใสๆดังขึ้นอยู่ข้างหู แต่วอนโฮก็ยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมองได้ เสียงนี้คุ้นเคยอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าน่ารักของเจ้าของเสียงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ อยู่ในทุกๆวินาทีที่หายใจ


                “วอนโฮฟื้นแล้วครับ ทุกคน!! วอนโฮฟื้นแล้ว”


                “เจ็บ..”วอนโอพึมพำออกมาเบาๆ เบ้หน้าอย่างเจ็บปวด


                “นี่ฮยองวอน ไปเขย่าแขนวอนโฮแบบนั้นได้ไงอ่ะ เขาเจ็บนะ”


                “ง่า ก็ดีนี่โฮซอก ขอโทษนะวอนโฮ..”


                โฮซอกเหรอ..


                ฮยองวอนเหรอ..


                “พ่อครับ วอนโฮตื่นแล้ว”


                “มีอะไรจะพูดกับลูกก็พูดไปนะคะคุณ”


                พ่อกับแม่ก็ด้วย


                “ฮยองวอน นี่โตแล้วนะลูก ทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้ คนไข้มาเห็นเขาจะอยากมารักษาด้วยไหมเนี่ย”


                “โธ่แม่ครับ ก็ผมดีใจนี่”


                “ดีใจให้มันน้อยๆหน่อยลูก”


                เสียงพ่อแม่ของฮยองวอนด้วย.. เสียงหัวเราะของทุกๆคน


                วอนโฮกัดฟันข่มความเจ็บปวด แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพพร่ามัวเพราะไม่คุ้นชินกับแสง แต่เมื่อปรับตัวได้แล้วก็มองไปรอบๆ


                ที่นี่คือโรงพยาบาล ..และทุกๆคนก็อยู่ที่นี่


                พ่อ แม่ทั้งของวอนโฮและฮยองวอน ..โฮซอก ฮยองวอน ทุกๆคนกำลังยิ้มให้เขาอยู่


                “ไง ได้นอนเต็มอิ่มเลยนะนายน่ะ”


                “โฮซอก..”


                “หือ ก็ฉันอ่ะดิ นายเห็นฉันเป็นใครอ่ะ”


                “ทะ ทำไมนาย ..ทำไมมาอยู่ที่นี่”


                “เอ้า ก็นายเจ็บอยู่ หลับไปตั้งเจ็ดวัน นายจะให้ฉันไปไหนนอกจากมาเฝ้านายเนี่ยฮะ”


                “..ฮะ ฮยองวอน”


                “อื้อ เป็นไงบ้างวอนโฮ ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่แน่ะ”


                วอนโฮมองไปรอบๆด้วยความสับสน จิกมือของตัวเองก็รู้สึกเจ็บ และทุกๆคนก็สามารถสัมผัสได้ มันไม่ใช่ความฝัน ทุกๆอย่างคือความจริง ไม่ว่าจะกระพริบตากี่ครั้ง พวกเขาก็ไม่หายไป


                “วอนโฮ”


                “..พ่อ”


                “พ่อขอโทษนะ ที่บังคับแกเกินไป ขอโทษที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของแก ..พ่อไม่เคยไม่รักแกเลยนะ แกทั้งสองคน คือลูกชายที่พ่อรักและภูมิใจมากที่สุด”


                “แม่ก็เหมือนกันจ้ะ”


                ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เข้ามากอดเขา เช่นเดียวกับโฮซอก วอนโฮไม่ได้พูดอะไร เพราะยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่ในที่สุดทุกคนจะแยกย้าย เพราะวอนโฮปลอดภัยดีแล้ว หลังจากหลับไปนานถึงเจ็ดวัน


                เหลือก็เพียงแค่ฮยองวอน ที่ยังนั่งหน้าแป้นอยู่ข้างเตียง


                “ฮยองวอน”


                “หืม นายอยากได้อะไรเหรอ”


                “วันนี้ ..วันที่เท่าไหร่”


                “อ่า ..ก็วันที่ 7 ตุลาน่ะ ปี 2016


                “สะ สองพันสิบหกเหรอ”


                “อื้ม นายหลับไปเจ็ดวันเลยนะ รู้ไหม”


                ปี 2016..


                “นายทะเลาะกับคุณลุงหนักมากเลย แล้วก็ขับรถออกมาจากบ้าน หลังจากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุ โฮซอกขับรถตามนายไป เขาเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น โฮซอกร้องไห้ตั้งหลายวันแน่ะ ตอนนี้ก็คงหลบไปร้องไห้อยู่ล่ะมั้งงงงง”


                “ให้มันน้อยๆหน่อยครับคุณแชฮยองวอน ..คนที่ร้องไห้หนักกว่าผมก็คุณนี่แหละ”


                “ชิ!! ก็ฉันเป็นห่วงวอนโฮนี่”


                วอนโฮมองโฮซอกที่เดินมายืนอยู่ข้างๆกับฮยองวอน ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นโดยได้รับความช่วยเหลือจากฮยองวอน ยื่นมือไปแตะที่แขนของโฮซอกแผ่วเบา


                “..นาย..”


                “อะ อะไร ทำหน้าแปลกๆ”


                “ฉันขอโทษ โฮซอก ..ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง”


                “...”


                “ฉัน.. ฉัน”


                “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนายน่ะวอนโฮ ..ฉันไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของนายเลย ขอโทษนะ”


                ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความเข้าใจ ฮยองวอนที่นั่งอยู่ระหว่างทั้งสองคนคลี่ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปวางลงบนมือของทั้งคู่


                “ฉันดีใจนะ ที่พวกนายสองคนเข้าใจกันสักที”


                “..ฮยองวอน”


                “หือ..”


                “ฉันรักนาย”


                “อื้ม”


                “...”


                “ฮะ เฮ้ย!!!”ฮยองวอนร้องเสียงหลง หน้าร้อนขึ้นมาทันทีกับคำสารภาพรักแบบจู่โจมของวอนโฮ


                โฮซอกอมยิ้ม ยกมือขึ้นแล้วถอยออกไปเงียบๆอย่างเข้าใจเหตุการณ์ ทั้งวอนโฮและฮยองวอนต่างก็เป็นคนที่โฮซอกรัก ถ้าทั้งคู่จะมีความสุข


                โฮซอกก็ยินดี


                เมื่ออยู่กันตามลำพัง ฮยองวอนก็ยืนเอียงไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าวอนโอจะพูดมันออกมาง่ายๆแบบนั้น ส่วนวอนโฮที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็อดยิ้มไม่ได้


                ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทั้งหมดมันคือความฝัน ..และความฝันนั้นก็ให้บทเรียนกับเขามากมาย มันสอนให้รู้ว่าถ้าหากเขายังเป็นแบบเดิม เขาจะไม่เหลือใครเลยจริงๆ และตอนนี้ก็ควรจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนสักที


                “นายไม่รักฉันเหรอ”


                “...”


                “หรือว่ารักโฮซอก”


                “ปะ เปล่า คือว่าฉัน..”ฮยองวอนอึกอัก ไม่กล้าสบตากับวอนโฮ “ฉัน ฉันก็รัก ..รักนายนะ แต่ว่า ..แบบ”


                “อะไร”


                “เขินง่ะ”


                “หึ”


                วอนโฮหัวเราะในลำคอ กระตุกแขนฮยองวอนเบาๆ ร่างบางก็ปลิวลงมานั่งอยู่ข้างๆ มือหนาวาดไปโอบที่รอบลำตัวบางไว้ เอาคางเกยที่ไหล่ของอีกฝ่าย กลิ่นหอมๆจากฮยองวอนคือกลิ่นที่วอนโฮไม่เคยเบื่อเลย


                “จูบได้ไหม”


                “อะ เอ่อ..”


                “ไม่สน”


                วอนโฮก็ยังเป็นวอนโฮ คนที่เอาแต่ใจ และอยากได้อะไรก็ต้องได้ มือหนายกขึ้นจับที่ปลายคางของฮยองวอนให้หันมา กดริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอิ่มสีเชอร์รี่อย่างแผ่วเบา แล้วเริ่มรุกหนักถือวิสาสะเข้าไปกวาดต้อนเอาความหอมหวาน กอบโกยออกมามากที่สุด


                ฮยองวอนหลับตาแน่น ไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมา รู้สึกอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของวอนโฮ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ไม่คิดว่าวอนโฮจะมองเห็นฮยองวอนแล้ว ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฮยองวอนเกือบจะขาดอากาศหายใจ ดีที่วอนโฮยอมละออกมาอย่างอ้อนอิ่ง แต่ก็ยังแถมด้วยการจุ๊บลงมาอีกรอบเสียงดัง


                ตอนนี้แก้มฮยองวอนคงแดงมากแน่ๆ เพราะมันร้อนเหมือนเอาไฟมานาบเลย..


                “รักนะครับ”


                “..ระ รักเหมือนกัน”


                วอนโฮยิ้ม ฝังปลายจมูกไปที่แก้มนิ่มอีกรอบ กอดลำตัวบางเอาไว้ มองออกไปข้างนอก ..ใบไม้จาดทางด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีส้ม มันดูแห้งๆ แต่วอนโฮกลับรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ ..ต้นเมเปิ้ลตั้งตะหง่านอยู่ตรงนั้น ใบของมันเริ่มร่วงโรยไปตามกาลเวลา..


                “หือ..”


                “มีอะไรเหรอ”ฮยองวอนถามเมื่อจู่ๆวอนโฮก็ร้องออกมา “เจ็บเหรอ”


                “...”


                “วอนโฮ”


                “..เปล่า ไม่มีอะไร”วอนโฮตอบ ยิ้มให้คนในอ้อมแขน เมื่อฮยองวอนหันไปมองนอกหน้าต่าง คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน


                มีใบเมเปิ้ลแห้งอยู่ในกระเป๋าเสื้อของวอนโฮ..


                หรือที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน ..แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และวอนโฮได้รับโอกาสให้ย้อนกลับมาแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดได้จริงๆ


                ขอบคุณอะไรก็ตามที่ให้โอกาสเขาอีกครั้ง


     



                ถ้าถามวอนโฮในตอนนี้ว่าชอบฤดูอะไร วอนโฮคงเปลี่ยนคำตอบ


                เขาชอบฤดูใบไม้ร่วง ..ชอบที่สุดเลย


















    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ cake png


    แฮ่ มาปิดท้ายกันเลยทีเดียว ..ตอนแรกจะลงก่อนสี่ทุ่ม แต่ไม่ทันจริงๆ

    อย่างน้อยก็ลงก่อนเที่ยงคืนนะ ><

    ขอบคุณน้องๆทุกคนเลย ที่ให้โอกาสพี่ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจ็คนี้

    ได้ทำในสิ่งที่รัก ให้กับคนที่รัก.. 

    ดีที่สุดคือต้องอ่านให้ครบทุกฤดูกาลนะเออ สนุกๆ มีไรท์เตอร์เก่งๆทั้งนั้นเลย


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ wonho gif


    ขอให้พี่วอนโฮมีความสุขตลอดไป เป็นกระต่ายน้อยที่สดใสแบบนี้ไปตลอดเลย

    พวกเรามอนเบเบ้ และชาวเรือฮยองวอนโฮจะอยู่เคียงข้างตลอดไปเลยเน๊อะ..


    รักทุกคนมากๆนะคะ


    #원호형시

    #WONRABBITDAY

    #ฤดูฮยองวอนโฮ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×