คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Another Time : C H A P T E R S 1 1
Chapters 11
ผมหิ้วของเข้ามาในบ้านเต็มสองมือ แต่มันยังไม่หมด
เพราะวอนโฮที่เดินตามมาก็ถือของพะรุงพะรังไม่แพ้กัน
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดของเราสองคน แต่ผมก็ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้า
เพื่อจะออกไปตลาดสดโดยไม่ลืมที่จะปลุกวอนโฮให้ไปด้วยกัน
กว่าจะซื้อของที่ต้องการได้ครบ ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆ เหนื่อยจนแทบไม่อยากทำอะไรแล้ว
แต่พอนึกได้ว่าสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่เช้าเพื่ออะไร มันก็ฮึดขึ้นมาอีก
“เอาไปวางไว้ตรงนั้น
แล้วนายไปนอนต่อก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ฮยองวอนยังไม่บอกพี่เลยนะ
ว่าไปซื้อของพวกนี้มาทำไม”
“วันนี้วันเกิดพี่มินฮยอกน่ะสิ
ก็เลยว่าจะทำอาหาร แล้วก็เตรียมปาร์ตี้เล็กๆไว้ให้เขาสักหน่อย”
“..งั้นเหรอ”
ผมพยักหน้าแล้วหันไปยุ่งวุ่นวายกับการรื้อของสดออกมา
ตอนแรกพี่มินฮยอกจะมารับผมแล้วพาออกไปหาอะไรอร่อยๆกิน แต่ว่าผมอยากจะเซอร์ไพรส์เขา
เลยบอกให้เขามาหาผมที่บ้าน แบบนี้น่าจะดีกว่าเยอะเลยเน๊อะ
“พี่ช่วย”
ผมชะงัก
เมื่อมือหนาอีกคู่ยื่นเข้ามาช่วยผมจัดของ ผมลอบมองวอนโฮที่ช่วยผม
ก่อนจะรู้สึกผิดเล็กๆ ผมรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผม เมื่อกี้ผมก็พูดไปไม่ทันคิด
ทำอะไรก็ไม่ทันคิดด้วย เขาจะรู้สึกแย่ไหมนะ
โครก
เอาล่ะ
ขอบคุณจริงๆที่เสียงท้องร้องของวอนโฮมาช่วยชีวิตผมเอาไว้
ผมดันเขาให้ออกไปจากห้องครัวก่อนจะบุ้ยปาก “นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่
ไปนั่งรอก่อนเถอะ เดี๋ยวต้มรามยอนให้”
“ไม่เป็นไร
พี่ชะ..”
“เถอะน่า”
อย่างน้อยให้ผมต้มรามยอนเป็นการไถ่โทษให้ก็ยังดี
วอนโฮยอมเดินไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ผมเลยหันไปหยิบหม้อมาเติมน้ำ
ต้มจนเดือดก่อนจะใส่เส้นรามยอนลงไป ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที รามยอนร้อนๆก็ส่งตรงจากผมไปยังวอนโฮสำเร็จ
หายรู้สึกผิดละ
ผมเดินกลับมาที่ห้องครัว
แล้วกางสมุดสูตรอาหารที่จดเอาไว้ เริ่มทำตามลำดับขั้นตอนของมัน
พี่มินฮยอกชอบกินบุลโกกิ ผมลงทุนนั่งหาสูตรทั้งคืนแทบไม่ได้นอน เอาล่ะ
เริ่มเลยแล้วกัน
ผมใช้เวลาในห้องครัว ลองผิดลองถูกให้วุ่นวายไปหมด บุลโกกิเสร็จก็ตามด้วยบิบิมบับ ข้าวผัดกิมจิ และที่สำคัญขาดไม่ได้สำหรับงานวันเกิดก็คือซุปสาหร่าย วอนโฮเองก็อยู่ช่วยผมตลอด บอกให้ไปนอนพักก็ไม่ยอมไป ผมเกรงใจนะ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่าๆเอง ยังไม่ได้เคลียร์สถานที่เลย จะทันพี่มินฮยอกมาหรือเปล่า
“วอนโฮ
นายเห็นหม้อใบเล็กไหม”
“เดี๋ยวพี่หยิบให้”เขาพูดแล้วเดินไปที่ตู้
ผมมองขำๆก่อนจะเดินตามหลัง ตัวก็เตี้ยยังจะกล้าเสนอตัวหยิบหม้อที่อยู่สูงเกินเอื้อมอีกนะ
“ทำไมถึงได้สร้างให้มันสูงขนาดนี้ อ่ะ ได้แล้ว”
ผมหัวเราะ
หัวเราะโดยที่ลืมไปว่าตัวเองเดินตามมาใกล้มากแค่ไหน เสียงหัวเราะของผมค่อยๆหายไป
เมื่อใบหน้าของผมอยู่ห่างจากวอนโฮไม่ถึงคืบ
มันใกล้ซะจนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
“เอ่อ..”ผมตะกุกตะกัก
ทำท่าจะถอยหนี ทว่าวอนโฮกลับใช้มือข้างที่ว่างดึงแขนผมให้หันกลับไป
แถมยังจับแขนผมไว้ไม่ปล่อย “ทะ ทำอะไร”
“ที่พี่ช่วยฮยองวอน
ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรนะ”
“...”
“พี่เจ็บที่เห็นฮยองวอนรักคุณมินฮยอก
แต่พี่ทนได้ ถ้าสิ่งนั้นทำให้ฮยองวอนมีความสุข พี่ไม่ได้ยอมแพ้เรื่องของเรา
และต่อให้ฮยองวอนจะรักเขามากแค่ไหน
มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักของพี่ที่มีลดลงไปแม้แต่นิดเดียว”
พูดจบเขาก็ปล่อยแขนผมแล้วหันไปเปิดน้ำใส่หม้อ
“แค่นี้พอไหม”
“..อะ
อื้อ”ผมพยักหน้าแบบคนสติหลุด
วอนโฮนี่ก็บ้าเหมือนกัน
หลังจากพูดแบบนั้น ก็หันไปทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง เขาทำได้ไง
ในขณะที่ผมยืนเอามือทาบอกพร้อมกับผ่อนลมหายใจอยู่แทบตาย
ใบหน้าของผมมันร้อนผ่าว
หัวใจก็เต้นแรงมากเหมือนกับมันกำลังจะหลุดออกมาจากอกอย่างงั้นแหละ
บอกตรงๆว่านี่คือครั้งแรก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ในกรณีพี่มินฮยอก
อย่างมากผมก็แค่หน้าแดงเวลาที่เขิน แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เลย
ภาพแววตาของเขาที่สื่อออกมาอย่างจริงจังกับสิ่งที่พูดยังติดตาผมไม่หายไปไหน
ผมเหลือบมองวอนโฮที่เปิดแก๊ซแล้วเอาหม้อวางก่อนจะหันมาหยิบมีดแล้วหั่นสาหร่ายให้มันกินง่ายกว่าเดิม
แต่สมาธิไม่ได้อยู่ที่การทำอาหารอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ผมร้อนจนจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย
“เอาไปใส่เลยไหม”
“นาย..
ไปนั่งเถอะ เหลือแค่อย่างเดียวก็เสร็จแล้ว ฉันทำเองได้”ผมพูดแล้วเอาสาหร่ายทั้งหมดใส่ลงหม้อเอง
ไม่หันไปสนใจอีกคน
ขอบคุณที่วอนโฮยอมฟังเพราะเขาเดินออกไปจากห้องครัว
ผมได้ยินเสียงบางอย่างเลยหันไปมอง ก็เห็นว่าเขากำลังเก็บกวาดบ้านที่สกปรกอยู่
แถมยังเอาป้ายวันเกิดออกมาแล้วติดที่ประตูให้ผมอีก
ผมส่ายหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง
ทำไมต้องเอาแต่มองตามเขาไปทั่ว นี่มันโคตรไร้เหตุผลเลย
“ซุปสาหร่าย
ซุปสาหร่าย”ผมพูดคำเดิมซ้ำๆ เพื่อเป็นการเตือนสติให้ผมจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ควร
ในที่สุดอาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยสักที ผมหันไปมองนาฬิกา อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพี่มินฮยอกน่าจะถึง
ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ผมเลยเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเขา
ไม่นานนักปลายสายก็รับ “พี่มินฮยอก ถึงไหนแล้ว”
(ใกล้ถึงแล้วล่ะ
อีกประมาณยี่สิบนาที)
“โอเคครับ รีบมานะครับ ผมรออยู่”ผมกดวางสาย วิ่งเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุด หลังจากนั้นผมก็ออกมา เห็นว่าวอนโฮสวมเสื้อโค้ท เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก “นาย ..จะไปไหน”
“พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก
ฮยองวอนจะได้อยู่กับคุณมินฮยอกตามลำพัง”
“เอ่อ
มะ ไม่ต้องก็ได้นะ ความจริงเราฉลองด้วยกันก็ได้”
“อย่าเลย
เดี๋ยวจะอึดอัดใจซะเปล่าๆ”เขาพูดพร้อมกับระบายรอยยิ้ม “ยังไงก็ขอให้มีความสุขนะ”
“..ไม่ใช่วันเกิดฉันซะหน่อย”ผมพึมพำก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหาร
“นี่ กินอะไรก่อนสิ นายเอาแต่ช่วยฉัน”
“เดี๋ยวไป..”
“เถอะน่า
มาช่วยชิมหน่อยเร็ว”
จะว่าไปผมก็เป็นคนทำอาหารที่แย่เหมือนกัน เพราะผมเอาแต่ทำ โดยไม่ได้ชิมเลยสักอย่าง แถมนี่ก็ครั้งแรกทั้งนั้น รสชาติจะใช้ได้ไหมยังไม่รู้เลยเนี่ย
วอนโฮเดินตามผมมาที่ห้องครัว
ก่อนจะตักข้าวผัดกิมจิที่ผมแบ่งไว้ขึ้นมากิน ผมมองอย่างลุ้นๆ
ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้ผมรู้ ผมเลยกระทืบเท้าเบาๆ
“ย๊า
ทำหน้าแบบนี้ตกลงมันอร่อยไหม”
“..อร่อยดี”เขาพูดพร้อมชูนิ้วโป้งให้ผม
ก่อนจะเริ่มตักจานต่อๆไป แล้วก็ทำแบบเดิม “อร่อยทุกอย่างเลย”
“งั้นฉันชิมบ้างดีกว่า
จะว่าไปก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย”ผมพูด หันไปหยิบช้อนมาเตรียมชิม
“อย่า!!!!”
“- - ทำไม”ผมถามเมื่อจู่ๆวอนโฮก็ร้องห้ามเสียงหลง
“ทะ
ทำไมไม่รอกินพร้อมคุณมินฮยอกล่ะ”
“ก็ฉันอยากชิมนี่”ผมไม่สนใจ
หันไปตักข้าวผัดกิมจิขึ้นมาชิม ทันทีที่เข้าปากผมก็สำลักทันที “แค่กๆๆๆ แหยะ
ทำไมมันเค็มงี้อ่ะ”
“เอ่อ..
น่าจะเป็นตอนที่ฮยองวอนใส่เกลือแล้วมันหกเยอะเกินมั้ง”
ผมหันไปคว้าแก้วน้ำมาดื่มก่อนจะหันไปที่จานต่อไป
และต่อไป ผลที่ได้ก็คือ
“ฮือออออออ
เทให้หมามันยังไม่กินเลย ทำไมรสชาติห่วยขนาดนี้”ผมโอดครวญ
หันไปหาวอนโอที่ทำหน้าแหยๆ “มันอร่อยที่ไหนฮะ นายกินเข้าไปได้ไง”
“มันก็..
เป็นรสชาติที่พี่กินเป็นปกติ”เขาพูด เกาคางตัวเองไปด้วย “รามยอนก็รสชาติแบบนี้”
“ห๊า!!!”ผมอุทานเสียงดัง “เค็มๆแบบนี้อ่ะนะ”
อีกฝ่ายพยักหน้า
นั่นทำให้ผมลมแทบจับ “แล้วทำไมนายไม่เคยบอก ทนกินไปได้ไง ฉันก็ว่าอยู่
ขนาดฉันยังไม่กล้สกินฝีมือตัวเองเลย ไอ้เราก็นึกว่าพัฒนาขึ้น”
“อะไรที่ฮยองวอนทำ
พี่ก็ว่าดีหมดแหละ”
“แต่อะไรที่มันไม่ดีก็บอกว่ามันไม่ดีก็ได้นะเว้ย
แบบนี้จะทำไงอ่ะ พี่มินฮยอกก็จะถึงแล้ว จะทำใหม่ทันได้ไง”ผมโวยวาย
คิดหาทางออกให้วุ่น “หรือว่าจะออกไปซื้อดี ฉันว่าออกไปซื้อดีกว่า”
หมับ
ผมก้มมองมือของตัวเองที่ถูกจับเอาไว้
“อะไร ฉันรีบนะ”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก”
“ทำไม”
“ถ้าเขารักฮยองวอน
เขาจะกินมันได้อย่างอร่อยเลยล่ะ เพราะฮยองวอนใช้ใจทำ
และเขาจะสัมผัสมันด้วยใจของเขา”
“...”
“เหมือนอย่างที่พี่เป็น”
ผลสุดท้ายผมก็เชื่อวอนโฮ
แม้จะกังวลมากๆว่าพี่มินฮยอกกินมันเข้าไปแล้วจะตายไหม แต่ผมทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ
หวังว่าพี่มินฮยอกจะรับรู้ถึงใจของผมก็แล้วกัน
วอนโฮออกจากบ้านไปแล้ว
และตอนนี้พี่มินฮยอกก็น่าจะมาถึงแล้วด้วย แต่รอเกือบครึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่มาสักที
ผมหันไปหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรหาเขา แต่จู่ๆเขาก็โทรมาซะก่อน
“พี่มินฮยอก
ตอนนี้อยู่ไหนแล้วครับ”ผมถามทันทีที่รับสาย
แต่ปลายสายที่ตอบมากลับกลายเป็นเสียงของผู้หญิง ไม่ใช่เสียงของพี่มินฮยอก
(คุณเป็นคนรู้จักกับเจ้าของเครื่องใช่ไหมคะ)
“ครับ..
แล้วคุณเป็นใคร”
(ตอนนี้คุณเจ้าของเครื่องประสบอุบัติเหตุอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ
เราเห็นว่าเบอร์ของคุณเป็นเบอร์โทรล่าสุดก็เลย..)
เหมือนหูผมอื้อ
ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ผมออกมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมออกมาทั้งๆที่ใส่รองเท้าแตะด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆผมก็ล้มลงไปกับพื้น
ไม่รู้อีกด้วยว่าตอนนี้ผมถือโทรศัพท์แนบหู พร้อมกับรอการตอบรับจากปลายสาย
(ฮยองวอน
มีอะไรเหรอ)
“วะ
วอนโฮ.. ช่วยด้วย”
(เกิดอะไรขึ้น
ฮยองวอน ตอนนี้อยู่ที่ไหน)
“ขะ
เขา เขาโทรมาบอกว่า ฮึก พี่มินฮยอก.. อยู่โรงพยาบาล”
(ฮยองวอน
ตั้งสติก่อน ตอนนี้อยู่ที่ไหน)
“ฮือ..
หนะ หน้าบ้าน”
ปลายสายตัดไป
ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ผมเกลียดการสูญเสีย ผมเคยสูญเสียคนสำคัญมาพร้อมๆกันสองคนแล้ว
และพี่มินฮยอกก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน
ผมจะไม่สูญเสียเขาไปใช่ไหม
#องครักษ์ชิน
ความคิดเห็น