คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - Conscience - 1
ตั้งแต่จำความได้ ช่วงที่ผมอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดมีอยู่แค่ 2 ครั้ง
ครั้งแรก มันเป็นตอนที่ผมอยู่ชั้นประถม ผมจำได้ว่าตัวเองนึกสนุกออกไปปีนต้นไม้ตามคำชวนของเด็กข้างบ้าน
โชคไม่ดีเท่าไหร่ ผมพลัดตกจากต้นไม้จนแขนหัก ต้องเข้าเฝือกอยู่เป็นเดือน แต่ที่แย่น่ะ พอถอดเฝือกมาแล้ว
แขนข้างที่ไม่ได้โดนแสงโดนลมมาเป็นเดือนของผมมันดันสั้นกว่าแขนอีกข้างอยู่ 1 เซน นั่นถือเป็นวามผิดพลาด
ครั้งที่สอง มันได้ว่า ผมทำให้แม่ร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของท่าน ปกติแม่เป็นคนเข้มแข็ง แต่ท่านต้อง
เสียน้ำตา เพราะลูกไม่เอาไหนอย่างผม เพราะความหัวดื้อเอาแต่ใจของผม มันทำให้ท่านต้องร้องไห้ ต้องเสียใจ
ผมอยากจะแก้ไขมัน ไม่อยากต้องเห็นท่านต้องร้องไห้อีก...
นอกจากนั้น ผมก็ไม่คิดว่ามีเรื่องไหนที่ต้องนึกเสียใจจนอยากย้อนเวลาไปแก้ไข ทำแล้วก็แล้วไปสิ จะมัวไปนั่ง
เสียใจกับมันอยู่ทำไม....
....ฮยอกแจ....
นายจะต้องเสียใจทำไม ในเมื่อนายทำไมมันไปแล้ว นายต้อง... ไม่เสียใจสินะ?
.......................................................................................................................
1
“พี่คะ ฉันทำอะไรผิดหรอคะ? พี่ถึงอยากเลิกกับฉัน” เสียงเล็กของเด็กสาวคนนึงเอ่ยออกมาหลังจากฟังประโยคยุติความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นานจากชายหนุ่มตัวสูง มือเล็กของเธอกำสายสะพายกระเป๋าที่เอามาด้วยจนแน่น
“.....” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยังคงนิ่งเงียบ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจ จะว่าไป เขาไม่มีเหตุผลที่ดีพอจะบอกกับเธอ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้จะบอกเลิกกับเธอ
“....พี่คะ ฉะ..ฉันรักพี่มากนะคะ ถ้าฉันทำอะไรผิด ฉันขอโทษพี่ก็ได้ อย่าทิ้งฉันเลยนะคะ”
ขายาวก้าวเข้าไปหาคนข้างหน้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเม็ดใสที่ร่วงลงมาจากดวงตาที่ดูเศร้าหมอง ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้เธอ ก้มหน้าลงเพียงนิดเพื่อแตะริมฝีปากที่หน้าผากของเด็กสาว
“ลาก่อนนะ ขอให้โชคดี” รอยยิ้มยังคงไม่หายไปจากดวงหน้า เขาก้าวเดินจากไปแล้ว ในขณะที่เด็กสาวหน้าน่าตาน่ารักปล่อยโฮออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดไร้เยื่อใยนั่น
ทิ้งไปอีกคนแล้วสินะ ไม่ไหวๆ ฉันต้องโดนนายบ่นจนหูชาอีกแน่เลย...
..
“คิมคิบอม!! นายมันเลว”
“มากมั้ย?”
“มาก มากๆ”
“อืม” คนฟังขานรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับชื่อ ‘คิมคิบอม’ นั่น ไม่ใช่ชื่อของเขา
“ฉันอยากจะฆ่านายจริงๆ แล้วฉันจะมองหน้าพี่ชายของมินอาได้ยังไง หมอนั่นต้องโกรธมากแน่ๆ ฉันไม่น่าแนะนำให้นายรู้จักกับมินอาเลยจริงๆสิ ให้ตาย” คิบอมเหลือบตามองเพื่อนสนิทตัวเล็กที่มีท่าทีร้อนรนและโกรธจัดที่เขาเพิ่งจะบอกเลิกกับรุ่นน้องน่ารัก ซึ่งตัวเองเป็นคนแนะนำให้รู้จัก เพื่อนตัวเล็กจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ลุกปึงปังจากเก้าอี้และยันมันด้วยเท้าไปจนติดกำแพง เก้าอี้เคราะห์ร้ายถูกรังแกทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด คิบอมมองมันอย่างนึกสงสาร คนใจร้ายก้าวฉับๆ มาทางเขาก่อนจะคว้าหนังสือไปจากมือ คิบอมไม่ได้ว่าอะไร นึกขำในใจที่เขามักจะเดาอะไรไม่ค่อยผิด คาดไว้แล้วว่าเพื่อนตัวไม่สูงต้องโกรธเขามากแน่ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้น
“โกรธมากเลยหรอ?”
“ใช่ นายบอกฉันว่าจะจริงจังกับน้องเค้า นายมันคนโกหก”
“ไม่ได้โกหก จริงจังแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะจริงจังนาน”
“นายมัน...”
“เลว รู้แล้ว ฉันมันเลว ขอบคุณคนแสนดีอย่างนายที่ยอมมาเป็นเพื่อนกับคนเลวอย่างฉัน” ส่งยิ้มให้อีกคนอย่างเจ้าเล่ห์ เพื่อนผู้น่ารักของเขาไม่เคยโกรธนาน ยิ่งโกรธมาก ก็ยิ่งหายเร็ว เขารู้ เขารู้ทุกอย่างแหละ 7 ปีแล้วนะที่เป็นเพื่อนกันมา นิสัยใจคอเพื่อนเป็นยังไง เขารู้ดี
“ประชดหรอ?”
“เปล่า”
“.....”
“ฮยอกแจ”
“อะไรเล่า!!”
“เลี้ยงไอติมมั้ย? เมื่อวานบอกว่าอยากกินนี่”
“เห็นฉันเห็นแก่กินหรอ? มากเกินไปแล้วนะ คิมคิบอม!!”
“^^”
..............................................................................................
“เอาสตอเบอร์รี่ทรีโอครับ ^^” หนุ่มตัวผอมยิ้มแย้มบอกเมนูโปรดกับพนักงานร้านไอติมอย่างอารมณ์ดี แล้วหันมากทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนตัวใหญ่ที่นั่งยิ้มล้อๆ ส่งมาให้เขา
“เลิกมองได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเค้าก็หาว่าเราเป็นแฟนกันหรอก” ปากเล็กบอกเพื่อนสนิทอย่างไม่ชอบใจที่ถูกอีกฝ่ายจับจ้องโดนไม่ได้รับอนุญาต
“คิดไปสิ นายแคร์ตั้งแต่เมื่อไหร่? หื้ม?” สายตายียวนมองเขาอย่างไม่น่าไว้ใจ ยิ้มร้ายกระตุกขึ้นที่มุมปาก เขาละหวั่นใจจริงๆ นี่เขาทนคบกับไอ้คนร้ายกาจแบบนี้ไปได้ยังไงทั้ง 7 ปี
เขาจะเล่าเรื่องคร่าวๆของเพื่อนวายร้ายคนนี้ให้ฟัง ชื่อจริงคือ คิมคิบอม ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรม 5 ดาวชื่อดังในกรุงโซล ฐานะทางบ้านร่ำรวยเป็นเศรษฐี ไม่ขยัน แต่หัวดี ชอบกลั่นแกล้งยียวนกวนประสาทเขาเป็นชีวิตจิตใจ และที่สำคัญ ด้วยเพราะความที่หน้าตาพระเจ้าสร้างมาอย่างลำเอียงให้คนนิสัยไม่ดีหล่อเหลาจนน่าอิจฉา จึงมีสาวๆมาล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาดสาย เพื่อนสนิทเขาเคยมีแฟนมากี่คนแล้วน่ะหรอ? อาจต้องขอยืมนิ้วมือนิ้วเท้าแม่บ้านพ่อบ้าน คนสวน คนขับรถ และบอร์ดี้กาดร์ของพ่อคิบอม ให้ช่วยนับด้วย เพราะแค่นิ้วมือและนิ้วเท้าของเขาคนเดียวคงนับไม่พอ และรายล่าสุดที่ไอ้คาสโนว่าหน้าตายเพิ่งทิ้งไปสดๆร้อนๆ ทั้งที่เพิ่งคบกันไม่ถึง 2 อาทิตย์ด้วยซ้ำ มินอาผู้น่าสงสาร รุ่นน้องที่น่ารักของเขา พี่ชายขอโทษจริงๆนะมินอา
“หายโกรธยังก็ไม่รู้ ไอติมง้อนายได้รึป่าวนะ” เหมือนจะเป็นประโยคบอกเล่า แต่ดูก็รู้ เพื่อนตัวโตกำลังถามเขาแบบตรงๆเลยต่างหาก
“คิบอม เมื่อไหร่จะเลิกสักทีนะ ไอ้นิสัยนี้น่ะ น้องเค้าไม่ดีตรงไหนล่ะ บอกฉันหน่อยสิ”
“ไม่ใช่ไม่ดี แต่ไม่ได้รัก”
“รู้จักด้วยหรอ คำนี้น่ะ นึกว่ารู้จักแต่ ‘ฟัน’ “
“ฉันไม่ได้’ฟัน’มินอาซะหน่อย คิดมากไปได้นะ ลีฮยอกแจ” ตาคมเหลือบมองข้ามหัวฮยอกแจไป ร่างเล็กหันไปมองตามสายตาของเพื่อน กลุ่มหญิงสาว 3 คนกำลังนั่งกินไอติมกันอย่างสนุกสนาน ดูจากชุดนักเรียนน่าจะเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกัน หนึ่งในสามของกลุ่มนั่งหันหน้ามาทางเรา เธอมีหน้าตาสะสวย ผมยาวที่ดูเข้ากับหน้า และเธอก็กำลังส่งสายตามาที่คิบอมเหมือนกัน
ฮยอกแจหันกลับมามองหน้าเพื่อนจอมเจ้าชู้ที่ยังคงจับจ้องไปที่โต๊ะนั่นอย่างปลงๆ ไอติมถ้วยยาวถูวางลงตรงหน้าเขา ในถ้วยมีไอติมสตอเบอร์รี่อยู่สามลูก เขาลงมือจ้วงไอติมอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อระงับความโกรธที่เริ่มเดือดปุดๆ อยู่ที่ขมับข้างซ้าย เขาไม่อย่างเชื่อจริงๆ ตอนกลางวันหมอนี่ยังเพิ่งบอกเลิกมินอาไปแท้ ตกเย็นไอ้คิบอมคนหน้าด้านก็เริ่มเหล่สาวใหม่อีกแล้ว ไม่ๆ ลีฮยอกแจคนนี้รับไม่ได้จริงๆ
คิบอมหยิบกาแฟปั่นขึ้นมาดูดอย่างใจเย็น สายตาคมมีเสน่ห์ยังไม่ละไปจากที่เดิม เขามักจะเจอสาวถูกใจอยู่เรื่อย ๆ และเขาก็ได้ควงพวกหล่อนอยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน มันไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่ส่งยิ้มนิดหน่อย สาวๆพวกนั้นก็แทบจะเข้ามาหาเขาเองด้วยซ้ำไป สาวโต๊ะข้างๆ สวย ต้องใช้คำนี้เพราะเธอไม่ได้ดูน่ารักเลย แต่เธอสวยมากๆ และเธอก็กำลังส่งยิ้มให้เขาเหมือนกัน คิบอมละสายตาจากโต๊ะข้างๆ มาสนใจเพื่อนตัวขาวตรงหน้าที่กำลังสวาปามไอติมอย่างโหดร้าย ฮยอกแจเขวี้ยงค้อนให้เขาเป็นระยะๆ จนถ้ามันเป็นค้อนจริงๆ เขาอาจจะหัวแตกตายไปแล้ว
“ไอติมถ้วยนั้นไม่ใช่ฉันหรอก โกรธมันทำไม”
“อิ่มแล้ว กลับเถอะ” เสียงใสที่มีอารมณ์ขุ่นเคืองพูดขึ้นหลังจากวางช้อนแล้วหยิบกระดาษมาเช็ดปาก
“เอาสิ”
เพื่อนตัวสูงเดินไปจ่ายเงินที่เคาร์เตอร์ ฮยอกแจหันไปมองที่สาวสวยคนนั้นอีกครั้งนึง เธอกำลังชะเง้อคอมองตามคิบอมไป เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แล้วเดินออกไปรอที่นอกร้าน เพื่อนตัวดีเดินออกมาสมทบในเวลาไม่ช้า เขาเงยหน้ามองเพื่อนที่ตัวสูงกว่าแล้วขมวดคิ้วผูกมันเป็นปรมที่กลางหน้าผาก คิบอมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร เขานึกสงสัยว่าทำไมคิบอมถึงได้ไม่จีบยัยนั่น ก็เห็นนั่งมองนั่งจ้องกันอยู่นานสองนาน
“ไม่ไปคุยกับเขารึไง เธอมองนายนะ”
คิบอมยักไหล่อย่างไม่สนใจ แล้วก้าวเดินนำ แต่ก่อนที่จะเดินไปได้ไกล เขาทั้งคู่ก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงของผู้หญิงคนนั้น
“นี่เดี๋ยวสิ!!”
ฮยอกแจเห็นคิบอมยกยิ้มอย่างพอใจ เหอะ!! นี่นายคงคาดไว้แล้วสินะ ไอ้คนหน้าด้านหลงตัวเอง เพื่อนหน้าด้านปั้นหน้าให้เป็นปกติ แล้วหันหลังกลับไป ฮยอกแจรู้สึกวิงเวียนเกินกว่ายืนอยู่ตรงนี้ได้ เขาบอกกับคิบอมว่าจะกลับก่อน แต่หมอนั้นบอกให้เขารอที่ร้านหนังสือใกล้ๆนี่ แล้วทำไมเขาต้องทำตามด้วยเนี่ย ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้ร่างกายเล็กๆ ก็มายืนอยู่ในร้านหนังสือเรียบร้อยแล้ว เขาโมโหตัวเองอีกแล้วที่ต้องคอยเชื่อฟังคิบอมเสมอ บางทีเขาอาจจะหัวอ่อนเกินไป เขาควรจะปฎิวัตตัวเองดีมั้ย เปลี่ยนเป็นลีฮยอกแจจอมดื้อบ้าง
ดวงตาที่เรียวกวาดมองหาหนังสือที่อยากอ่าน แล้วเขาก็สะดุดที่หนังสือเล่มสีดำเล่มนึง หน้าปกเขียนว่า
- .เมื่อผมชอบผู้ชาย....-
มือเล็กคว้าหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา พลิกไปที่หน้าแรกแล้วเริ่มอ่านตัวหนังสือบนนั้น
-ผมควรทำยังไงดี นี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย ผมถามตัวเองหลายครั้ง นี่เราชอบผู้ชายหรอ? คำตอบก็คือไม่ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมชอบเขา แค่เขาคนเดียว ผมห้ามตัวเองแล้ว บอกกับมันว่าไม่ได้นะ ชอบเขาไม่ได้ เขาเป็นผู้ชาย เขาเป็นเพื่อน คิดบ้าอะไรอยู่ เลิกคิดซักที นี่เรากำลังจะเป็นเกย์หรอไง แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย ผมอยากกอดเขา ผมอยากจูบเขา
.-
พรึ่บ!!~
ผมปิดหนังสือลงอย่างแรง เฮ้ย!!! นี่เรากำลังอ่านอะไรเนี่ย หนังสือเกย์ชัดๆ ไอ้ฮยอกแจ นายมันวิตปริตไม่เข้าเรื่อง คนตัวขาววางหนังสือเล่มนั้นลงอย่างหวาดกลัว นึกขนลุกในใจอยู่หลายทีแล้วเปลี่ยนไปยืนที่มุมอื่นของร้านแทน
ฮยอกแจเลือกมายืนอยู่ที่มุมหนังสือจำพวกบ้านและสวน เขาหยิบเล่มนึงในร้อยเล่มออกมากกางดู อันที่จริงเขามีความฝันว่าอยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ สำหรับแม่และน้องสาวของเขา น้องสาวของเขาจะ 7 ขวบแล้ว กำลังช่างพูดน่ารัก นึกขึ้นมาได้เขายังไม่ได้โทรบอกที่บ้านเลยว่าจะกลับเย็น มือเล็กล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง เขาก้าวถอยหลังโดยไม่ทันมองทำให้บังเอิญกระแทกกับร่างๆ นึงเข้า ฮยอกแจหันไปก้มหัวเป็นการขอโทษ สีหน้าผู้กระทำผิดสำนึกและแสดงความเสียใจ ร่างนั้นส่งยิ้มมาให้ เป็นเชิงว่าไม่ได้หนักหนาอะไร รอยยิ้มนั้นดูน่ารักจัง สดใสและดูใจดี ผมสวยยาวเรียบตรง ตัวเล็กดูบอบบาง ดวงตากลมโตสีน้ำตาล ‘น่ารักจัง’ คิกคิก ฮยอกแจนึกเขินอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สนใจเขาอีกแล้ว เธอก้มหน้าอ่านหนังสือในมือเธอต่อไป ใบหน้าใสลอบมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะอมยิ้ม แล้วส่ายหัวไล่ความคิดไม่ดีออกไป นี่เขาอยู่กับคิบอมมากไปจนติดนิสัยชอบม่อสาวมาจากหมอนั่นรึไงกัน
เขากดหาเบอร์ของผู้เป็นแม่ แล้วโทรหาเธอ ปลายสายไม่ปล่อยให้รอนาน คนเป็นแม่บ่นเรื่องที่กลับช้าแล้วก็เรื่องที่ให้คิบอมจ่ายค่าไอติมให้อีกแล้ว เขาล่ะอยากจะบอกจริงๆ ว่าไอ้เพื่อนหน้าด้านของเขาน่ะทำอะไรไว้บ้าง ถึงต้องมาเลี้ยงไอติมเป็นการขอโทษเขา แต่คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่พูดแล้วกดวางสายไปหลังจากบอกแม่ขี้เกรงใจว่าเดี๋ยวคงจะกลับแล้ว ว่าแต่หมอนั้นทำอะไรอยู่นะ ปล่อยให้เขารอจนจะเฉาตายอยู่แล้ว
สองมือใหญ่วางเท้ากับชั้นหนังสือคร่อมร่างที่ตัวเล็กกว่าให้อยู่ตรงกลางระหว่างแขนสองข้าง แล้วก้มหน้าลงไปกระชิบเบาข้างหูของคนที่ยืนหันหลังอยู่
“คิดถึงฉันรึป่าว? เพื่อนรัก” คนฟังสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ สองมือเล็กหันมาผลักที่อกของเขาให้ถอยห่าง และกร่นคำด่าใส่หน้าเขาเป็นการใหญ่
“ไอ้บ้า! เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง ตกใจนะเว้ย” เพื่อนตัวเล็กของเขาหน้าเบ้ไม่พอใจ แทนที่มันจะน่ากลัว มันกลับดูน่าแกล้งมากกว่า
“แหม ขวัญอ่อนเป็นผู้หญิงไปได้”
“ใครผู้หญิง ผู้ชายเว้ย ผู้ชายตกใจไม่ได้รึไง” ฮยอกแจเดินผ่านหน้าเขาออกจากร้านหนังสือไป คิบอมเดินตามไป เพื่อนขวัญอ่อนยังคงทำหน้ามุ่ยเหมือนลูกแมวอารมณ์เสีย วันนี้มันเป็นวันไม่ปกติรึไง เพื่อนของเขาถึงได้หงุดหงิดง่ายนัก ถ้าฮยอกแจเป็นผู้หญิงเขาต้องคิดว่านี่เป็นวันนั้นของเดือนแน่นอน
..
“แล้วไงล่ะ เป็นไปตามแผนมั้ย?”
“หือ? เรื่องอะไร?”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อย ก็เรื่องสาวที่ร้านไอติมน่ะ”
“เอ๋อ ก็ดี ทิฟฟานี่ก็ดี ดูเธอใจกล้าดีน่ะ”
“ใครกัน? ทิฟฟานี่?”
“ก็สาวที่ร้านไอติม”
“อ้อ!!!” ฮยอกแจพยักหน้างึกๆ เหมือนเด็กที่เพิ่งเข้าใจโจทย์เลข เขานึกด่าทอเพื่อนรักในใจ แหม แป็บเดียวก็รู้ชื่อแล้วนะ เรื่องอย่างนี้ล่ะไวจริงๆ เขาคงไม่ต้องถามต่อว่าจะคบกับเธอมั้ย เพราะถ้าคิบอมไม่สนใจคงไม่จำชื่อให้เสียเวลา
รถประจำทางแล่นมาถึงป้ายที่เพื่อนตัวขาวต้องลงแล้ว ฮยอกแจเดินไปที่ประตูทางลง หันมาแยกเขี้ยวใส่เขาแล้วเดินเข้าซอยบ้านตัวเองไป ชายหนุ่มยิ้มขำกับอาการงอนไม่เลิกราของเพื่อนรัก
รถประจำทางคันเดิมพาเขามาส่งที่ปากซอย เดินไปไม่ไกลก็ถึงคอนโดสูง 12 ชั้น เขาขอพ่อแยกมาอยู่คนเดียวด้วยข้ออ้างที่ว่ามันใกล้โรงเรียน เดินทางสะดวก เขาไม่ได้อึดอัดหรือไม่อยากอยู่ที่บ้านแต่อย่างใด ข้ออ้างที่ว่าใกล้โรงเรียนนั้นเป็นเรื่องจริง เขาไม่ชอบนั่งรถนานๆ ไม่ชอบที่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่ชอบบอดี้กาดร์ของพ่อที่เดินกันเต็มบ้านไปหมด อันที่จริงคิบอมกับพ่อไม่ได้โกรธเคืองอะไรกันนักหนา แต่ก็ไม่ได้สนิทกันจนพูดได้ทุกเรื่อง บ้างครั้งที่กลับไปบ้าน ส่วนใหญ่พ่อจะคอยถามเขาเรื่องเรียน มีเงินพอใช้มั้ย หรือแม้กระทั่ง ฮยอกแจสบายดีมั้ย แต่กับบางคำถามที่เขาอยากได้ยินจากผู้เป็นพ่อ เขากลับไม่เคยฟังมันจากปากผู้ชายคนนี้เลยสักครั้ง ‘กินข้าวรึยังลูก?’
คิบอมก็ไม่ใช่เด็กขี้ใจน้อยอะไรหรอกนะ แต่บางอย่างที่มันน้อยเกินไปก็ทำให้รู้สึกโหวงเหวงได้เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรท่าน คงจะเหนื่อย คงจะยุ่ง ทุกสิ่งที่ทำก็ล้วนแต่เพื่ออนาคตข้างหน้าของเขาทั้งนั้น เขาควรจะขอบคุณพ่อแล้วทำตัวเป็นเด็กดีเหมือนที่ฮยอกแจพร่ำบอกเขา แต่เขาก็ไม่ได้เลวอะไรนี่ แม่ที่อยู่บนสวรรค์อาจจะไม่ชอบใจที่เขาชอบหักอกผู้หญิงเหมือนหักกิ่งไม้ แต่เรื่องอื่นเขาก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง เขาก็คิดว่าตัวเขาก็ดีเท่าที่จะดีได้ ไม่ต้องพยายามอะไรให้มากมาย เพราะยังไงอนาคตก็คงไม่ได้เป็นของเขาอยู่ดี
เขาเดินออกจากลิฟต์ที่ชั้น 8 ก้าวเท้าผ่านทางเดินที่คุ้นเคยมุ่งไปสู่ห้องของเขา คิบอมเปิดไฟที่ห้องนั่งเล่น วางกระเป๋าลงตรงโซฟา มือขวาข้างถนัดคายเนคไทแล้วปลดกระดุมเสื้อออก
ร่างสูงยาวทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียงนอนที่ใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียว พอกลับถึงห้องคิบอมก็ทำแบบนี้แทบจะทุกวัน เหงา การอยู่คนเดียวมันช่างเงียบเหงาจริงๆ มือใหญ่ล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง จะโทรหาฮยอกแจดีมั้ย? แต่ป่านนี้ที่บ้านของเพื่อนรักคงกำลังกินข้าวแล้วพูดคุยกันตามภาษาครอบครัวอบอุ่น เขาควรจะโทรไปขัดหรอ ไม่ เขาไม่คิดอย่างนั้นหรอก นิ้วมือยาวกดไล่รายชื่อไปเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรออก วันนี้เขาเพิ่งจะเจอสาวสวยมา นี่คนอย่างคิมคิบอมลืมได้ยังไง คิบอมกดโทรหาคนที่เพิ่งจะได้เบอร์มาวันนี้ ปลายสายกดรับในเวลาไม่นานน้ำเสียงฟังดูเหมือนไม่อยากคุยกับเขา หึ! แค่นี้เขาก็รู้อะไรเพิ่มอีกอย่าง ว่าผู้หญิงคนนี้ก็คงหักอกผู้ชายมาแล้วอย่างโชกโชนเหมือนกัน เพราะเธอรู้วิธีเล่นตัว ให้ตัวเองไม่ดูไร้ค่านัก อย่างนี้ก็น่าสนุกหน่อยล่ะ
“ทิฟฟานี่ครับ เราออกไปข้างนอกกันมั้ย คืนนี้น่ะ....”
...........................................................................................................
“มินแจ พี่บอกแล้วไง ว่าพี่จะดูช่องนี้น่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กไปเข้านอนได้แล้วไป พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ?”
“ก็หนูขอแม่แล้วนี่นาว่าจะดูการ์ตูนให้จบก่อนแล้วจะนอน พี่ฮยอกแจนั่นแหละที่ต้องไปนอน เพราะพี่ยังไม่ได้ขออนุญาตแม่เลยนะ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้พี่ก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกันนั่นแหละ”
เสียงใสๆของเด็กหญิงตัวเล็กต่อบอกต่อคำกับพี่ชายอย่างไม่ลดละ การยื้อแย่งรีโมตระหว่างสองพี่น้องยังคงดำเนินต่อไป เด็กหญิงที่ถูกพี่ชายเรียกว่า ‘มินแจ’ ตัวสูงแค่เอวของคนเป็นพี่ พี่ชายกับน้องสาวอายุห่างกันถึง 11 ปี แต่ถ้าคนภายนอกมาเห็นภาพนี้เข้าคงจะคิดว่าทั้งคู่คงอายุห่างกันไม่มาก เพราะพี่ชายที่ดูเหมือนจะโตแต่ตัว น้องสาวตัวเล็กกำลังแย่งรีโมตจากมือพี่ชายตัวผอม รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าของหญิงคนนึงที่ทั้ง 2 พี่น้องเรียกว่า ‘แม่’ เธอกำลังยืนจัดดอกไม้ในแจกันขณะที่มองพี่น้องเปิดศึกกันกลางบ้าน
“ฮยอกแจ คิบอมเป็นไงบ้างล่ะลูก ช่วงนี้ไม่เห็นมาที่บ้านบ้างเลย”
“หมอนั่นน่ะหรอ แม่อย่าไปพูดถึงไอ้หน้าบวมนั่นเลย” ลูกชายคนโตของเธอทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจเพียงแค่ได้ยินชื่อของคิบอม ในขณะที่มินแจอ้าปากจะงับมือพี่ชายที่ไม่ยอมละออกจากรีโมต
“ทำไมซะละ ทะเลาะกันหรอ ไหนว่าเมื่อเย็นไปกินไอติมด้วยกันไง”
“มันก็ใช่ แต่ถ้าแม่อยากรู้ว่าหมอนั่นสบายดีมั้ย แม่คงต้องรอถามเขาเองแล้วล่ะครับ มินแจ เชิญเธอดูการ์ตูนบ้าบอของเธอไปคนเดียวเลยนะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาเล่าให้พี่ฟังล่ะ เพราะพี่จะไม่ฟังเธอ!!” ฮยอกแจต่อว่าน้องสาวจอมดื้อแล้วเดินกลับขึ้นห้องไป
ร่างเล็กนั่งลงที่เตียงนอนเล็กในห้องนอนเล็กๆของเขา มือเรียวลูบท้องอย่างอึดอัดเพราะเพิ่งกินข้าวจานโตจนอิ่มแตร่ ในใจนึกถึงเพื่อนรักที่อยู่คนเดียวว่าป่านนี้จะหาอะไรใส่ท้องรึยังนะ? กะจะชวนมากินข้าวด้วยกัน แต่พ่อคาสโนวาหน้าบวมกลับทำตัวน่าหมั่นไส้จนชวนไม่ลง รอยยิ้มไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดนั้นมันชวนให้เขาโมโหจริงๆ
เบอร์ที่คุ้นเคยถูกกดลงไปบนแป้นพิมพ์ ฮยอกแจไม่ได้ใจร้ายอะไรนัก แม้จะโกรธยังไงก็ยังเป็นห่วงอีกคนอยู่ดี โทรไปถามซะหน่อยว่ากินข้าวรึยัง คงไม่เสียฟอร์มมากหรอกมั้ง?
เสียงเพลงอึกถึกดังออกมาจากปลายสาย ร่างผอมแยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูพลางลูบมันด้วยความสงสาร
เขามองไปที่มือถือตัวเองอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่ได้กดเบอร์ผิด ก็ไม่ผิดนี่นา
“ฮัลโหล!! คิบอมนายอยู่ไหนน่ะ!! ทำไมเสียงดังอย่างนี้ล่ะ?!!!”
“ฮัลโหล!! นั่นใครวะ? นายเป็นใครฮะ? เจ้าบ้า!! กล้าดียังไงถึงเอาโทรศัพท์เพื่อนฉันมาโทรน่ะฮะ!! อยากตายใช่มั้ย?!!”
“นายนั่นแหละอยากตายใช่มั้ย!! ไอ้เพื่อนบ้า นายเมาหรอ? อยู่ที่ไหน? แล้วไปกับใครฮะ?!!”
“ฉันมากับทิฟฟี่จัง ไอ้คนขี้ขโมย!! นายอย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ ถ้าฉันเจอนายเมื่อไหร่ฉันจะต่อยนายแน่ๆ”
“ฉันต่างหากจะต่อยนายให้ฟันร่วงหมดปากเลย จะกลับบ้านยังไง เมาอย่างนี้น่ะ อยู่ที่ไหน ให้ฉันไปรับมั้ย แล้วทิฟฟี่จังอะไรนั่นเมาด้วยรึป่าว ไอ้บ้านายทำให้ฉันเป็นห่วงนะ!!” น้ำเสียงร้ายกาจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นเสียงใสสั่นๆ ที่แสดงออกว่าคนพูดเป็นห่วงเพื่อนรักที่ปลายสายจริงๆ คนฟังเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบที่เขาชอบพูด
“...ฮยอกแจ ฉันกลับได้ ไม่ได้เมา จะกลับแล้วถ้าทำให้นายเป็นห่วงน่ะ”
“ไอ้คิบอม เล่นแบบนี้อีกแล้วนะ กลับบ้านซะเลย พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”
“อื้ม^^ แต่คงต้องพาทิฟฟี่จังไปด้วย ตอนนี้เธอกอดฉันแจเลย จะทิ้งไว้นี่ก็ดูใจร้ายไงไม่รู้เนอะฮยอกแจ ฉันนี่เป็นคนดีจริงๆเลย”
“เรื่องของนายสิ!!!”
ฮยอกแจกดวางสายลง ‘คนดี’ หรอ? ผู้ร้ายน่ะสิไม่ว่า นี่มันอะไรกัน แค่เจอกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะชวนกันขึ้นเตียงแล้วหรอ คนพวกนี้นี่ยังไงกันนะ ฮยอกแจรับไม่ได้
.................................................................................................................
“ไปแล้วนะครับ!!” เสียงใสกระโกนบอกคนในบ้านให้รู้ว่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาจะแบกหน้าหล่อๆ ไปโรงเรียนแล้ว
“พี่ฮยอกแจ เมื่อวานนะการ์ตูนเรื่องที่หนูดูอ่ามัน....”
“อ่ะ!! หยุดๆ ไอ้กระต่ายอ้วน พี่บอกแล้วไง ว่าพี่ไม่อยากฟังการ์ตูนที่เธอจะเล่าหรอกนะ แบ่ร~”
“อ่า แม่ พี่ฮยอกแจใจร้ายอ่ะค่ะ หือๆ “ ดวงตากลมใสของมินแจคลอไปด้วยน้ำ ยกมือขึ้นมาเช็คที่ขอบตาอย่างน่าสงสารมืออีกข้างกอดเอวคนเป็นแม่อย่างอ้อดอ้อน
“โอ้ๆ น่าสงสาร เด็กน้อยจอมมารยา เย็นนี้พี่จะไม่ซื้อขนมมาให้เธอแน่!!”
“ฮยอกแจ น้องร้องจริงๆแล้วนะ” คุณแม่คนสวยว่ากล่าวลูกชายที่ชอบแกล้งน้องสาว แต่พ่อตัวดีก็วิ่งแจ้นออกจากรั้วบ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอส่ายหน้าเบา หันมาปลอมลูกสาวเจ้าน้ำตาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มใจดีถูกส่งไปให้ลูกคนเล็ก พลางบอกเธอว่าพี่ชายไม่ได้โกรธมินแจจริงๆหรอก
...............................................................................................................................
“คิมคิบอม!! ไอ้คนนิสัยไม่ดี”
ทันทีที่คิบอมก้าวเท้าเข้ามาในห้องเรียนเดิมๆ เสียงเดิมๆก็พ่นคำด่าใส่หน้าเขาเหมือนเดิม เมื่อวานก็ คิมคิบอม นายมันเลว มาวันนี้ก็ คิมคิบอม ไอ้คนนิสัยไม่ดี เขาล่ะอยากรู้นักว่าวันพรุ่งนี้เพื่อนช่างคิดจะหาคำๆไหนมาต่อท้ายชื่อของเขาให้มันดูน่าฟังขึ้นไปอีก
ร่างสูงนั่งลงที่ข้างๆกับเพื่อนหน้ามุ่ย ลูกแมวน้อยวันนี้ต้องไม่ได้กินข้าวเช้ามาแน่ๆเลย
“หิวอาหารแมวหรือไง โมโหแต่เช้าเชียว”
“นายนั่นแหละ ไอ้หมาในล่าเนื้อ เมื่อวานนายทำให้ฉันเป็นห่วงแทบตาย แถมยังปิดเครื่องใส่ตอนที่ฉันโทรไปด้วย”
“แทบตายเลยหรอ? ฉันมีค่าขนาดนั้นเชียว” ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเพื่อนรักที่ทำหน้าจริงจังเกินเหตุ
“เมื่อคืนกลับถึงห้องกี่โมง”
“ตีสาม”
“กลับรถอะไร?”
“มอเตอร์ไซค์ของฉันไง”
“...แล้ว ...สาวคนนั้นล่ะ กลับไปกับนายด้วยหรอ” คำถามนี้เบากว่าทุกคำถามที่เพื่อนจอมโวยวายของเขาถามมา อีกแล้ว คิมคิบอมคนนี้แอบขำลีฮยอกแจในใจอีกแล้ว อีกคนอยากรู้เรื่องอะไรเขาพอจะเดาออก แต่อดขำไม่ได้ที่เพื่อนไม่ยอมถามอออกมาตรงๆ
“ใช่”
“อ้อ!”
“แต่ฉันพาเธอไปส่งที่บ้านเธอน่ะ แล้วฉันก็กลับห้องของฉัน คนเดียว” คิบอมเน้นคำสุดท้ายให้เพื่อนตัวเล็กได้ยินแบบชัดเจน ดวงตาสีดำมีเสน่ห์จ้องตาสีน้ำตาลเข้มของฮยอกแจไม่ยอมละ ร่างเล็กเองก็มองคนตัวใหญ่อยู่เหมือนกัน ต่างคนต่างจ้อง ไม่มีความหมาย ไม่มีคำจำกัดความของเกมจ้องตานี้ สุดท้ายคนที่แพ้ก็คือเพื่อนหน้าใสที่หลบสายตาก่อน แสร้งทำเป็นสนใจมองรอยขีดเขียนบนโต๊ะเรียนมากกว่าสายตาชวนให้คิดไกลคู่นั้น
“แล้วมาบอกทำไมเล่า ไม่เห็นอยากรู้เลย”
“อืม” ฮยอกแจหยิบหนังสือออกมากางเตรียมพร้อมจะเรียนวิชาแรกอย่างมุ่งมั่น คิบอมสะบัดหน้าแรงๆ สองที เพื่อไล่ความคิดไม่ดีออกไป เมื่อกี้มันอะไรกันนะ จ้องเพื่อนแบบนั้นทำไม คิดอะไรอยู่กันคิมคิบอม ร่างสูงก้มหน้าลงกับโต๊ะตั้งท่าจะงีบหลับ ร่างที่ตัวเล็กกว่าหันมองเพื่อนแก้มป่องหลับตาพริ้มหลังจากแกล้งทำเป็นสนใจหนังสือวิชาคณิตศาสตร์อยู่นาน ทำท่าจะถวายกำปั้นเล็กไปที่แก้มบวมๆนั่น รอยยิ้มบางผุดขึ้นมาที่ใบหน้าขาวใส ลีฮยอกแจ คิดอะไรอยู่เนี้ย บ้าชัดๆ
....ไอ้ความคิดบ้าๆ....
..................................................................................
“คิบอมคะ ฉันอยากกินผักกาดในจานของคิบอมจัง ฉันกินได้มั้ยคะ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนส่งยิ้มหวานให้กับคนที่นั่งใกล้เธอ และไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่มาให้คนตัวผอมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย
“ก็เอาสิครับ อยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น” คนตัวสูงไม่รังเกียจอีกทั้งยังยินดี พร้อมส่งสายตาแพรวพราวไปให้หญิงสาวเป็นของแถมคู่กับผักกาดในจาน ฮยอกแจที่นั่งดูคู่รักคู่ใหม่ออเซอะกันไปมาอย่างรู้สึกพะอืดพะอม อะไรมันจะเวอร์กันปานนั้นวะ ทำอย่างกับรักกันมาซัก 20 ปี และด้วยเพราะเขาไม่สามารถจะทนดูหนังรักแอคติ้งกินขาดนี้ได้อีกต่อไปจึงรีบกวาดข้าวในจานของตัวเองให้หมดโดยเร็ว
“เอ่อ ฮยอกแจคะ อยากกินน้ำอะไรมั้ย เดี๋ยวฉันจะไปซื้อน่ะค่ะ” ทิฟฟี่จังของคิบอมเอ่ยอย่างเป็นมิตร ดวงตากลมโตมองเขาอย่างรอคำตอบ ร่างบางเงยหน้าจากจานข้าวที่ตนกำลังตีสนิทอยู่ ฮยอกแจส่ายหน้าเบา ส่งยิ้มคืนให้ทิฟฟานี่บ้าง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเธอว่าเขากำลังจะอิ่มแล้วไม่รบกวนเธอดีกว่า หญิงสาวเดินละออกไปจากโต๊ะโดยไม่ลืมหันมาขยิบตาให้เพื่อนหน้าหล่อของเขา อุวะ! ลีฮยอกแจคนนี้คลื่นไส้ยังไงชอบกล
เพื่อนตาหยีของเขากำลังยิ้มแป้นแล้น หันมายักให้คิ้วให้เขาหนึ่งทีแล้วเริ่มตักข้าวในจานใส่ปากตัวเอง ฮยอกแจยัดข้าวคำสุดท้ายเข้าปากตัวเขาบ้าง ปากเล็กเคี้ยวข้าวที่คำใหญ่เกินไปจนแก้มทั้งสองข้างกลายเป็นก้อนกลมๆ ดูน่ารัก คิบอมมองเพื่อนรักอย่างเห็นใจก่อนจะส่งแก้วน้ำไปให้ ฮยอกแจกระดกน้ำจนหมดแล้วยืนขึ้นเดินไปเก็บจานข้าว คว้ากระเป๋าตัวเอง ตั้งท่าจะเดินผ่านเลยคิบอมไป แต่ไม่ทันเพื่อนมือไวที่คว้ามือเขาไว้ได้ก่อน
“จะไปไหน?”
“ห้องสมุด”
“จะทิ้งรึไง ไปด้วย”
‘ทิ้ง’ ฮยอกแจอยากจะเอากระเป๋าตัวเองยัดปากไอ้เพื่อนตัวดีที่พูดจาไม่คิดคนนี้จริงๆ ใครกันแน่ทิ้งใคร พอพักกลางวันปุ๊บก็โทรไปชวนแฟนคนใหม่ให้มาร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน แถมยังอี๋อ๋อออเซอะกันจนไม่เห็นหัวเพื่อนตัวเตี้ยคนนี้แล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาทิ้งอีกหรอ มากไปแล้วนะ คิมคิบอม!!
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไปอ่านหนังสือ นายอยู่กับทิฟฟี่จังของนายเถอะ”
“ตามใจ เจอกันบนห้องนะ เด็กดี”
คิบอมส่งคำล้อให้เพื่อนรักที่รู้นิสัยดีว่าไม่ชอบอ่านหนังสือ วันนี้ลูกแมวน้อยทำตัวแปลกๆอีกแล้ว นึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงจะไปอ่านหนังสือ หรือว่าจะโกรธที่เขาพาทิฟฟานี่มากินข้าวด้วย ไม่หรอก หมอนั้นน่าจะชินได้แล้วน่ะ ทิฟฟานี่ไม่ใช่แฟนคนแรกของเขาสักหน่อย
...........
.........
........
.......
......
.....
....
...
..
.
To Be con..
ความคิดเห็น