คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CRAZY CUPID : Chapter 6 : หวาน~~~~
CHAPTER 6
หวาน
ตึกหรูที่อยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองมากนัก...ภายในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งนี้กำลังมีเด็กหนุ่มหน้าตาดี 2 คน ส่งเสียงเอะอะไปทั่วบริเวณ
“นี่ฮีชอล.!.....เจ้าก็เห็นว่าทงเฮไม่ได้อยู่ ที่นี่ แล้วจะรอต่อไปทำไม !!”
“เจ้านี่หุบปากไปเลยนะ....ณ ที่แห่งนี้คือที่พักของน้องชายข้า อีกซักพักก็ต้องกลับมา” หนุ่มหน้าสวยในชุดผ้าสีสะอาดตาว่าขึ้น พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาสีขาวต่อ คนที่มาเป็นเพื่อนได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา
“แล้วจะรอต่อไปถึงเมื่อไหร่ ...หากท่านพ่อเจ้าจับได้ว่าเจ้ามาที่นี่ คงโดนมิใช่น้อย”
“อีทึก....ถึงจะโดน แต่คนที่โดนมันก็คือข้า...เจ้าอย่ามาขี้ขลาดไม่เข้าเรื่อง” อีทึกเดินไปนั่งข้างๆเพื่อนหน้าสวย พลางมองใบหน้าเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ
“งั้นเจ้าก็ลองบอกข้ามาสิ .... ว่าเจ้า...มาโลกมนุษย์เพราะอะไร ?”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง....” ภูติหน้าสวยยิ้มอย่างมีเสศนัย ก่อนจะเอนกายพิงไปกับโซฟาตัวยาว ..... หึ...เรื่องแบบนี้ ถ้าบอกไปก็ไม่สนุกน่ะสิ
“แกร๊ก แอดดดด! “ เสียงเปิดประตูลากยาวทำเอาภูติหน้าสวยทั้งสองต้องรีบหันขวับ ริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกสีแดงๆ เมื่อพบว่าตอนนี้ทงเฮมาถึงแล้ว
“พ....พี่ฮีชอล....” แต่ทำไมสีหน้าของผู้น้องกลับไม่รู้สึกปริติยินดีเหมือนผู้เป็นพี่เลย
“ทงเฮ.....นี่เจ้าทำไมกลับที่พักดึกดื่นแบบนี้ห๊ะ
” คนสวยเดินตรงเข้ามาหาน้องก่อนจะบีบไหล่เบาๆ ฮีชอลยังคงส่งยิ้มหวานๆให้น้อง ตามประสาพี่ที่รู้สึกเอ็นดู
“พี่รีบกลับไปเลยนะ... เดี๋ยวเพื่อนผมเขาจะมาที่นี่..ถ้าเจอพี่อ่ะเป็นเรื่องแน่”
“แล้วมันจะเป็นอะไร...ก็แนะนำไปสิว่าข้าเป็นพี่ชาย..จะเป็นผัวอะไรก็ว่าไป...” พูดปัดไปเรื่อย ...พลางโอบกอดน้องชายตัวเล็กเสียแน่น ....ก็ตอนนี้เค้ามีเรื่องต้องคุยกับทงเฮนี่นา... ไม่ว่าใครก็ห้ามขัดเด็ดขาด
“พี่ฮีชอล!!.........” ค้านสุดเสียง ก่อนจะดันตัวพี่ออก ทงเฮมองตรงไปยังคนข้างหน้า แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ก็ดูพี่แต่งตัวสิ..มันเหมือนมนุษย์เค้าใส่ที่ไหน แล้วฮยอกแจเค้าก็จะขึ้นมาที่นี่แล้วด้วย ฉะนั้นพี่รีบกลับขึ้นไปบนสวรรค์เลยนะ” คนเล็กจับเสื้อผ้าที่ดูประหลาดๆของฮีชอล ก่อนจะส่งสายตามองค้อนไปอีกดอก ... ผ้าเนื้อมันวาวสีขาว นวลไข่มุก ที่มันคงไม่ต่างจากชุดแซกของคนบนโลกเท่าไหร่ บริเวณเอวมีโซ่สีทองเล็กๆพันรอบอยู่ ส่วนตรงศรีษะก็มีมงกุฎดอกกุหลาบขาวสวมใส่อยู่อีก เหอะ....มันเหมือนคนเค้าใส่ที่ไหนกัน
“นี่ข้าเป็นพี่เจ้านะ!! ....”
“แกร๊ก..แอดดด..........” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อเสียงประตูบานเดิมก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกรอบ
“เอ่อ..........” ผู้เข้ามาใหม่ได้แต่ยืนงง พลางหันไปสบตากับบุรุษที่แต่งตัวพิลึกพิลั่นทั้งสอง
“คนนี้เพื่อนเจ้าเหรอทงเฮ.....ทำไมหน้าตามันช่างเหมือนสัตว์เลี้ยงของท่านพ่อนัก” คนสวยใจกล้าเปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งตรงไปยังหนุ่มหล่อผู้ที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าประตู เดินวนไปวนมารอบๆ ทำเอาฮยอกแจเริ่มรู้สึกไม่พอใจ กับสายตาจับผิดของคนประหลาดคนนี้
“หยุดมองชั้นแบบนี้ซักที!.” และแล้วลิมิตของฮยอกแจก็ถึงขีด จ้องหน้าฮีชอลกลับตาเขม็ง
“อ่า.....ฮยอกแจใจเย็นก่อนนะ...........พี่ลีทึกช่วยผมหน่อยสิ!” เดินเข้าไปพาร่างของพี่ออกมาจากจุดเกิดเหตุ ลีทึกเองก็รีบเดินเข้าไปดูอาการเพื่อน ส่วนทงเฮก็เอาแต่บีบไหล่ฮยอกแจไว้ให้อารมณ์เย็นลง
“ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะตนนี้มันเป็นเพื่อนเจ้าแน่เหรอทงเฮ!!” ฮีชอลว่ากราด พลางส่งสายตาดุดันเพิ่มไปอีก ฮยอกแจเองก็ไม่เกรงกลัวสายตาเหล่านั้นเลย
“ใครกันแน่ไม่มีสัมมาคารวะ....”
“เฮ้ย....ฮีชอล ใจเย็นหน่อยสิ!...” ลีทึกปรามเพื่อนเบาๆ
“ใช่ๆ...ใจเย็นกันก่อนนะ ฮยอกแจนายเองก็กลับไปรอชั้นที่ห้องเถอะ อาบน้ำเสร็จ เดี๋ยวไปหา...”
“อืม...” ตอบรับด้วยอารมณ์ขุ่นๆ ก่อนจะถอยเท้าก้าวออกไป
หล้งจากที่ฮยอกแจกลับไปยังห้องของตนแล้ว ทงเฮก็ถูกพี่ชายแสนแสบซักถามเสียยกใหญ่ ฮีชอลดึงทงเฮให้มานั่งที่โชฟา แล้วอีทึกก็รีบเดินตามมานั่งประกบข้าง
“ไอ้เจ้านั่นมันเป็นใคร.....นี่เจ้าไปรู้จักกับไอ้พวกอันธพาลนั่นเหรอ ทงเฮ..นี่ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ เวลาคบเพื่อนน่ะ หัดเลือกดูหน่อยสิ .... นี่ถ้าเกิดเจ้านั่นคิดร้ายคิดไม่ดีกับเจ้า จะทำยังไง !.....” ฮีชอลร่ายยาวราวกับอัดดั้นมานานนับปี ใช่ เพียงแค่แวบแรก เค้าก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับเพื่อนทงเฮคนนี้แล้ว ....
“ฮยอกแจไม่ได้เป็นแค่เพื่อนนะพี่ ...แต่เค้าคือคนที่ผมต้องมอบความรักให้” ความรักที่เค้าชักไม่มั่นใจแล้วสิ ว่าจะตัดได้ง่ายๆหรือเปล่า
“หะ ห๊า!!!......” ทั้งอีทึกและฮีชอล ร้องเสียงแหว อย่างคาดไม่ถึง
“ทำไมเจ้าถึงโชคร้ายแบบนี่เนี่ย ทงเฮ....คนไม่เป็นมิตรแบบนั้น เจ้าอย่าพยายามให้เสียเวลาเลย ไปขอร้องท่านพ่อให้เปลี่ยนเถอะ” ได้ทีก็โน้มน้าวใจน้องชาย เผื่อว่าจะโอนอ่อนไปกับคำพูดของเค้าบ้าง
“ฮีชอล!...เจ้าสอนน้องแบบนี้ได้ยังไง ความรักน่ะมันไม่เลือกปฏิบัติกับคนหรอกนะ” อีทึกกล่าวแนะ ซึ่งนั่นก็ทำเอาเพื่อนคนสวยหน้าจ๋อยไปหน่อยนึง
“เอ่อ..แล้วพี่สองคนมาที่นี่กันทำไมครับ ?
.”
“ข้าก็จะมาอยู่กับเจ้าไง น้องรัก! “ ฮีชอลว่าอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับตบไหล่น้องแถมไปด้วย
“ห๊ะ...???..........หมายความว่าไงอ่ะ!!”
“...เจ้าคิดอะไรของเจ้าอยู่กันแน่ ฮีชอล !” อีทึกเองก็ถามออกไปอย่างมึนงงเหมือนกัน .....
“จุ๊ๆ .....เอาน่า....ข้ามีอะไรบางอย่างต้องทำที่นี่”
“อะไรของเจ้า ???? “
“แล้วท่านพ่อล่ะ..ท่านพ่อรู้หรือเปล่าว่าพี่จะมานี่อ่ะ ?” ฮีชอลส่ายหน้ารัว เป็นคำตอบ แต่ก็ยังแอบยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่
“เจ้าห้ามบอกท่านพ่อเด็ดขาด เข้าใจไหม !! “
“แต่พี่มาอยู่นี่ ยังไงท่านพ่อก็ต้องรู้ ...ท่านพ่อน่ะคุยกับผมเกือบทุกวันเลย ท่านรู้ความเป็นไปในห้องนี้ทุกอย่าง ...เป็นไปไม่ได้ที่ท่านพ่อจะไม่รู้....” เว้นก็เสียแต่ว่าจะไม่ได้มาอยู่กับเค้า
“แล้วใครบอกว่าข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า ... ข้าจะไปอยู่ที่..............”
“ I wanna love you I really miss you ~~” จู่เสียงเพลงหวานๆกลับดังขึ้นมาขัดจังหวะ การสนทนา ทงเฮรีบล้วงเข้าไปที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะกดรับอย่างไม่รีรอ
“ทงเฮอ่า........ฮึก...เมื่อไหร่นายจะมาซักที. ฮือๆ..”
“อ๊า!!....จะรีบออกไปแล้ว ซองมิน รอแปบนะ นายเป็นอะไร หิวเหรอ หรืออยากเข้าห้องน้ำ ...บอกคยูฮยอนก่อนก็ได้ ....” ร่างเล็กสปริงตัวขึ้นมายืนตรงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งพรวดเข้าไปในห้องนอน กระชากประตูตู้เสื้อผ้าออก แล้วรีบหยิบชุดนอนในนั้นมาอย่างไม่คิด..เท้าเรียวเล็กวิ่งออกไปข้างนอก โดยที่มือก็ยังไม่วางจากเครื่องมือสื่อสาร
“ฮึกๆ...ฮือๆ...มาเร็วๆนะ...” ยิ่งได้ยินเสียงซองมินร้องไห้ ใจดวงน้อยก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เค้าเผลอปล่อยซองมินไว้นานขนาดนั้น ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะรีบมา
“พี่ฮีชอล พี่อีทึก ผมไปก่อนนะ !!!... ปัง !!” ทงเฮตะโกนบอกพี่ชายที่ยังนั่งงงอยู่บนโซฟา พลันรีบก้าวออกมาจากห้องของตนเอง
“รีบไปไหนของมัน....??
” ปล่อยให้คนแก่ 2 คนมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“อ๊ะ!!... ฮยอกแจ!!!
” ตกใจเล็กน้อย เมื่อพบว่าลิฟท์ที่เค้ากดเมื่อกี้เปิดออกมาแล้วพบเข้ากับฮยอกแจ “นายขึ้นมาทำไม ?...” ก็ในเมื่อบอกว่าจะลงไปหาที่ชั้น 8 เอง แล้วฮยอกแจจะขึ้นมาชั้น 9 ทำไม
“ก็ซองมินโทรมาหาชั้น.. ถามว่าทำไมนายไม่มาซักที” ว่าพรางดึงแขนเรียวของคนเล็กให้เข้ามาอยู่ในลิฟท์ด้วยกัน แล้วกดปุ่ม G เพื่อลงไปชั้นล่างสุด
“อ่างั้นเหรอ....โทรมาหาเมื่อกี้เหมือนกัน .... ซองมินกำลังร้องไห้..... ทำไมชั้นเป็นเพื่อนที่แย่แบบนี้เนี่ย ....” ร่างบางทรุดนั่งพิงลงไปกับผนังลิฟท์อย่างหมดแรง ... ชุดนอนในมือกลับถูกใช้ขึ้นมาซับน้ำตาที่มันพาลจะไหล
“ทงเฮ.....นาย....” ฮยอกแจไม่พูดต่อ เขาค่อยๆก้าวไปหาคนเจ้าน้ำตา ก่อนจะลูบศรีษะเบาๆ ”ใครว่านายเป็นเพื่อนที่แย่....ดูก็รู้ว่านายรักซองมินมาก....ไม่เป็นไรหรอกน่า..หยุดร้องได้แล้ว”
“นี่นายอ่อนโยนกับชั้นเหรอ....” ทงเฮค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพูด แต่น้ำตาที่คลออยู่เต็มหน่วงกลับทำไมฮยอกแจนึกขำ
“นายขำอะไร !...” พยายามเข่นเสียงดุ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เจ้าน้ำตามันก็ไม่ยอมหยุดไหล
“เฮ้อ......ไปเร็ว ลิฟท์เปิดแล้วว....” ฮยอกแจไม่ตอบ เขาหยัดตัวขึ้น พลันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าทั้งสองข้างเพราะอากาศภายนอกที่เริ่มหนาว ก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์ ทงเฮเห็นดังนั้นก็รีบหอบผ้าหอบผ่อน (ชุดนอน) วิ่งตามไปด้วยความเร็วจี๋
ค่ำคืนอันเงียบสงัดของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งนั้น ภายในห้องคนไข้แบบ วีไอพี กลับมีเสียงสะอื้นไห้ดังมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ... นางพยาบาลที่เดินผ่านไปมาก็อยากเข้าไปดูอาการใจจะขาด แต่ โจคยูฮยอน ลูกชายของคนที่ได้สมยานามว่ามีอิทธิพลคนหนึ่งของเกาหลีใต้ ดันสั่งว่าใครก็ห้ามเข้ามาจนกว่าจะได้รับอนุญาตนี่สิ ก็เลยไม่มีใครใจกล้าเข้าไปดูอาการซักคน
“ฮึก......ออกไป.......ออกไป..... อย่ามาอยู่ใกล้ผม ....ฮือๆ” หนุ่มหน้าหวานได้แต่ร้องขอออกมาเบาๆ เมื่อคยูฮยอน ชายใจโหดในสายตาเค้าพยายามจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายนะ ....ใจเย็นหน่อยสิ.... โอ่ะ” ปากหนาอยากจะพูดให้ซองมินใจเย็นลง แต่ก็ต้องรีบเอามือกุม มุมปากที่มีเลือดไหลซิบๆ อยู่ ......... แน่ล่ะ ก็ที่ฮยอกแจเรียกเขาออกไปตอนนั้น ก็เพราะหมอนั่นเดาเรื่องทุกๆอย่างออกหมดแล้ว เขาเลยโดนมายกนึงแบบนี้ไง
“ฮือๆ......คุณไม่มีบ้านอยู่เหรอ....กลับบ้านคุณไปเถอะ ฮึก~
.”
“กลับก็ได้...แต่รอให้ทงเฮมาก่อนนะ” คนในชุดนอนว่า ท่าทางซองมินคงจะเหนื่อยโวยวายแล้ว ถึงยอมพูดดีๆกับเค้าแบบนี้
“ฮึก...เมื่อไหร่ทงเฮจะมา....ฮือๆ....” ใจนึงก็กลัวคยูฮยอน แต่ก็เผลอคุยกับเค้าไปซะงั้น .... เพราะนิสัยน่ารักๆแบบนี้ไง ใครๆเค้าถึงหลงรักซองมินโดยไม่รู้ตัว
“อีกซักพักล่ะมั้ง...รอหน่อยนะคนดี.....” อยากจะเติมคนดีของพี่คยุฮยอนใส่เข้าไปจริงๆ คนอะไรว่ะ ร้องไห้ยังน่ารัก โอ๊ย น่ารักๆๆ ยิ่งจมูกแดงๆเวลาร้องไห้นี่ มันน่าโดนอีกซักรอบ
“อย่าเข้ามาใกล้ซี่.!
” ซองมินร้องห้ามไว้ เมื่อคยูฮยอนเริ่มเดินเข้ามาประชิดที่ขอบเตียงอีกแล้ว
“อ่า~ไม่ใกล้ก็ได้ครับ.....” ก็คุยกันดีๆแล้วนี่หว่า ยังจะกลัวอะไรอีกเนี่ย ... บางทีเค้าควรจะหาวิธีที่ทำให้ซองมินเลิกกลัวเขาได้แล้ว ขืนยังเป็นอยู่แบบนี้เขาคงเรียนไม่รู้เรื่อง เขายังอยากที่จะสัมผัสกระต่ายน้อยตัวนี้อยู่เรื่อยๆนะ แต่ถ้าซองมินยังกลัวเขาอยู่แบบนี้มันก็จบเห่
“ซองมิน.ครับ.....” ชายโจเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
“หื้ม........” ซองมินเองก็ครางตอบ พรางเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เปรอะอยู่ทั่วใบหน้า
“คือเรื่องนั้น.........ที่ฉันเผลอทำอะไรนายไป .....เอาเป็นว่า....”
“คุณคงไม่รับผิดชอบผมหรอกใช่ไหม... ฮึก ผมรู้แล้ว
คุณไม่ต้องพูดหรอก ฮึก ฮือๆ ” จากที่คิดว่าจะหยุดร้อง พอคยุฮยอนพูดเรื่องจี้จุดขึ้นมา เขาล่ะยิ่งอยากจะร้องให้มันใจขาดตายกันไปข้าง ถึงยังไง คนๆนี้ ก็คงไม่รับผิดชอบเขาหรอก ลูกชายเจ้าของบริษัทใหญ่โตในเกาหลี เค้าคงไม่รับผิดชอบ หรือ ร่วมหัวจมท้ายกับผู้ชายที่มีฐานะปานกลางแบบเขาแน่ๆ
“ห๊ะ.... รับผิดชอบ ?..จะให้ฉันรับผิดชอบด้วยวิธีไหนล่ะ....”
“ผมเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ ..คุณได้ผมแล้ว คุณก็ต้องดูแลผมไปตลอดชีวิตสิ”
“ง่ะ ??........” คำพูดที่ออกจากปากของซองมิน ทำเอาคุณชายโจ ถึงกับไปไม่ถูก ยอมรับว่าตอนนี้เค้ารู้สึกชอบซองมินจริงๆ แต่ผ่านไปนานๆเข้า เขาเองก็อาจจะเบื่อเหมือนผู้หญิงคนอื่นก็ได้ แล้วยิ่งเรื่องอนาคต คู่ครอง อยากจะบอกว่า เขายังไม่คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
“ฮึก....ฮือๆ ........”
“แต่ว่า.....”
“ฮือๆๆๆ!!!!........” คราวนี้คนเจ้าน้ำตาบีบน้ำตาร้องไห้หนักขึ้นมากกว่าเดิม แค่ได้ยินคำว่า แต่ว่า หัวใจอันแสนบอบบางก็แทบสลายเป็นเสี่ยงๆแล้ว
“อ่าๆ...โอเคครับๆ.... ชั้นจะรับผิดชอบนายก็ได้......”
“ ฮึก....จริงนะ ?...”
“จริงสิครับบ.....โอ๋ๆไม่ร้องนะ ......”แล้วคุณชายก็ลองเนียนดูอีกรอบ ซึ่งมันก็ ซัคเซสฟูล ซองมินไม่มีท่าทีต่อต้านอะไรเค้าอีกแล้ว “นายร้องไห้ เยอะขนาดนี้ นายไม่เหนื่อยหรือไง” ร่างสูงจับแขนเรียวที่กำลังถูไถใบหน้าหวานๆออก ก่อนจะใช้มือกรีดคราบน้ำตาที่ไหลมาเป็นทางให้
“ฮึก......แต่คุณห้ามบอกใครนะ...ว่าเรา......” ปากตุ่ยๆว่าเสียงเบาก่อนที่คำสุดท้ายจะถูกกลืนลงคอไป เพราะอายเต็มทน
“เข้าใจแล้วครับ....แต่ก่อนอื่น นายเลิกเรียก ผมๆ คุณๆ ได้แล้ว นี่เราอายุเท่ากันนะ” คยูฮยอนยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนป่วย พร้อมกับเริ่มสำรวจใบหน้าสวยๆจนครบทุกอณู
“นี่!!....อย่ายื่นหน้ามาใกล้นักซี่....” คนสวยดันใบหน้าของคนหื่นกรามออก พรางเบี่ยงหน้าไปด้านข้างแทนเพราะความขวยเขิน ริมฝีปากอิ่มแอบยกยิ้มเบาๆ ใบหน้าหวานเริ่มแต้มสีแดงระเรื่อ
“ขอโทษครับ.....”
“ย๊า!!!!!!!!!!!!! ซองมิน....ฉันมาแล้ววว แฮ่กๆๆ.........” จู่ๆเสียงของคนที่ซองมินเฝ้ารอมาตลอดทั้งคืนก็ดังขึ้น หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลทงเฮก็รีบวิ่งขึ้นมาหาซองมินอย่างไม่คิดชีวิต คนเหนื่อยหอบ เดินโซเซเข้าไปซบกับไหล่เพื่อน ก่อนจะปล่อยเสียงหอบใส่ต่อ
“น้ำซักแก้วไหมทงเฮ ?......” เสียงหวานถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง พรางค่อยๆหยัดตัวขึ้นแล้วนั่งพิงกับหัวเตียงแทน
“อ่า.....ก็ดีเหมือนกัน”
“คยู~.....ขอน้ำให้ทงเฮหน่อยสิ”
“ได้ครับได้......” ชายโจตอบรับเสียงนุ่มก่อนจะเดินไปรินน้ำใส่แก้วให้หนุ่มตัวเล็ก “อ่ะนี่ น้ำ......ท่าทางจะเหนื่อยนะเนี่ย “ คยูฮยอนแอบแซวทงเฮนิดๆ พรางยื่นแก้วน้ำไปให้
“ขอบใจน้า คยู~~~ “ ร่างเล็กหยัดตัวขึ้นมายืนตรงก่อนจะซัดน้ำซะหมดแก้ว “อืออ.....อึก”
“ว่าแต่ นายร้องไห้ทำไมซองมิน....จมูกกับปากแดงไปหมดแล้วเนี่ย~~”
“ก็ฉันคิดถึงนายนี่....ฉันกลัวนายไม่มา” ซองมินยิ้มหวานตอบเพื่อนไป ทงเฮได้แต่หมั่นไส้เลยบิดจมูกรั้นๆนี่ไปที
“เอ้อ....แล้วฮยอกแจล่ะ ทงเฮ ?...” หนุ่มร่างสูงเอ่ยถามไปบ้าง เมื่อมองซ้าย-ขวา กลับไม่พบเพื่อนตัวแสบที่เพิ่งต่อยเค้ามายกนึง
“มาส่งฉันที่โรงพยาบาลเสร็จ....ก็ขับรถออกไปแล้วล่ะ...”
“งั้นเหรอ.....”
“อื้มม..ว่าแต่แผลที่นายบอกว่าหกล้ม เมื่อไหร่นายจะไปทำแผลซักที ฉันเห็นแล้วเจ็บแทนจริงๆ” ทำสีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นคราบเลือดแห้งกรังเกาะอยู่ที่มุมปาก
“เอ่อ..นั่นสิ.......งั้นฝากนายดูซองมินด้วยแล้วกัน ฉันไปก่อนนะ”
“ไปเถอะ....”
“โห....หมดประโยชน์แล้วไล่เชียวนะ ทงเฮ~~
. ฝันดีนะครับ ซองมิน.....” หันไปทำท่าแยกเขี้ยวใส่ทงเฮ แต่กลับทำมาเป็นยิ้มหวานให้กับคนป่วยข้างๆ อาการหน้าม่อของคยูฮนอนมันเลยไปกระตุ้นต่อมไม่พอใจของคนตัวเล็กเข้า
“ไปเลยไป......ให้ตายซองมินก็ไม่หลงนายหรอกกก !!!...”
กระจกเงาราบจากภาพที่เคยสะท้อนคนสวยตรงหน้ากลับค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพของคนอีกคน คิมฮีชอลเพ่งบุคคลที่ค่อยๆปรากฏออกมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นภาพของคนสูงอายุที่ดูน่าเกรงขามก็ปรากฏขึ้น
“เจ้าเห็นแล้ว.ใช่ไหม ? “ เสียงที่ค่อนไปทางดุ เอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ผมเห็นแล้ว.....จะให้ผมเริ่มงานเลยไหมครับ”
“เอาไว้ซักพักก่อน....”
“ได้ครับ.....จะว่าไป เจ้านั่นก็ดูใช้ได้นะท่านพ่อ...ท่าทางไม่เกรงกลัวใครดี”
“หึ....อย่าเพิ่งชะล่าใจไป...ดูไปซักพักก่อนเถอะ”
แสงแดดเปรี้ยงๆยามที่พระอาทิตย์เดินทางมาถึงกลางหัวย่อมเรียกให้หนุ่มหน้าหวานต้องตื่นขึ้นมาเพราะทนกับแสงแดดที่แรงๆนี่ไม่ไหว
ซองมินขยี้เปลือกตาตัวเองเบาๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตากลมโตเบิกโพลงราวกับไม่เชื่อว่า ตอนนี้มันเที่ยงแล้วจริงๆ......ให้ตายเถอะ นี่เค้าไม่เคยตื่นสายอะไรแบบนี้เลยนะ .....คนสวยพลิกตัวไปด้านข้าง มองตรงไปยังคนที่นอนขลุกอยู่บนโซฟา.....เพื่อนขี้เซาของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย แหม~ หลับปุ๋ยเชียว.....
ซองมินคลี่ยิ้มออกมาบางๆ แต่ก็ต้องตกใจกับเสียงของใครบางคน
“ตื่นแล้วเหรอครับ....ทันมื้อเที่ยงพอดีเลยนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับถาดโจ๊กที่อยู่ในมือ คยูฮยอนยิ้มหวานให้กับซองมินที่กำลังหยัดตัวขึ้นมานั่ง ก่อนจะวางถาดข้าวไว้ข้างโต๊ะ แล้วหันมาช่วยพยุงซองมินอีกแรง
“ขอบใจนะ..คยู”
“คนป่วยนี่ตื่นสายแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่าครับ?....”
“วันแรกของฉันน่า....แล้วนี่นายมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ?”
“ก็นานพอที่จะเห็นคนป่วยแถวนี้นอนหลับน้ำลายยืดนั่นแหละ” ก็ซองมินนอนน้ำลายยืดจริงๆนี่นา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็น่ารักไปอีกแบบ ร่างสูงลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้เตียงคนไข้ ก่อนจะยกถาดข้าวลงมาวางไว้บนตัก
“นี่!.....ฉันไม่ได้นอนน้ำลายยืดซักหน่อย อย่ามาหลอกกันนะ” พองแก้มพองลมซะจนคนมองแทบอดใจไม่ไหว
“ถึงยังไงฉันก็รักอยู่ดี.....เอาเป็นว่ามาทานโจ๊กร้อนๆกันดีกว่านะครับ” คำพูดที่ออกจากปากคยูฮยอน เรียกรอยยิ้มขวยเขินให้ซองมินได้เป็นอย่างดี...แน่ล่ะเกิดมาเคยโดนใครพูดแบบนี้ให้ที่ไหน มันคือครั้งแรก และมันก็คือรักแรกของเขาด้วย
“อ่ะ...อื้มมม”
เวลาแห่งความหวานเริ่มมากขึ้นทุกที เมื่อคยูฮยอนเล่นป้อนข้าวแถมยังจ้องหน้าซองมินแบบไม่วางตา...คนป่วยเลยได้แต่บิดเตียงแก้เขิน ...
“รีบเคี้ยวหน่อยซี่....เดี๋ยวโจ๊กมันจะเย็นหมดนะครับ” คยูฮยอนแอบแกล้งคนสวยพอเป็นพิธีนิดหน่อย ซองมินก็เองก็รีบเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะกลืนข้าวทั้งหมดลงคอ
“แต่ฉันทานไม่ไหวแล้วนะ.....พอเถอะคยู~
.” ซองมินรีบดันช้อนซุปคันโตออกห่างเมื่อคยูฮยอนทำท่าจะป้อนเขาอีกรอบ คนป่วยอารมณ์ดีส่ายหน้าเบาๆ เพราะเขารู้สึกอิ่มเต็มทนแล้ว คยูฮยอนเองเมื่อเห็นดังนั้นก็ต้องตามใจ....เขาค่อยๆหยิบแก้วน้ำแล้วส่งไปให้ซองมิน ซองมินรับเอาไว้อย่างเต็มใจก่อนจะยกขึ้นดื่ม
“หายดีแล้วใช่ไหมครับ ......”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ.....”
“แล้วอยากกลับบ้านหรือยัง...ให้ฉันไปส่งนะ”
“อยากกลับก็อยากนะ....แต่ทงเฮล่ะ.. ฉันปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ...” แล้วเพื่อนที่แสนน่ารักของเค้าล่ะ เล่นนอนหลับปุ๋ยอยู่แบบนี้จะให้ทำยังไง
“เจ้าตัวเล็กนี่คงไม่มีปัญหาหรอกครับ....คงต้องให้คนของเขามาจัดการ”
“นายหมายถึงฮยอกแจน่ะเหรอ ?....”
“ก็จะมีใครอีกล่ะครับ........”
“อ่า...เอางั้นก็ได้.........”
“งั้น นายไปอาบน้ำเถอะ....ส่วนฉันเดี๋ยวโทรหาฮยอกแจให้มารับทงเฮเอง”
“อื้มมม..............”
“ส่วนเสื้อผ้า ฉันเตรียมเอาไว้ให้นายแล้วนะ มันแขวนอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ”
“ขอบใจมากนะ คยู” ซองมินตอบรับเบาๆ แล้วค่อยๆก้าวลงมาจากเตียงโดยที่มีคยูฮยอนคอยช่วยพยุงอยู่ไม่ห่าง หนุ่มหน้าหล่อเดินไปส่งคนสวยถึงหน้าห้องน้ำก่อนจะส่งยิ้มทรงเสน่ห์ไปให้อีกเป็นของแถม
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนแสนแสบ ฮยอกแจก็รีบบึ่งไปที่โรงพยาบาลคังเซทันที ...แต่เมื่อเข้ามาในห้องก็ไม่พบทั้งซองมินและคยูฮยอน จะเหลือก็แต่ไอ้ก้อนกลมๆที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟานี่แหล่ะ ที่เขาต้องจัดการ
“เฮ้!!......ตื่นได้แล้ว!!!..... ถ้าจะนอนขนาดนี้ก็ไปตายซะไป......” ผ้าห่มที่คลุมร่างทงเฮจนเหลือนดักแด้ เขาเลยไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตอนนี้เขาเขย่าส่วนไหนของทงเฮอยู่
“นี่มันบ่าย. 2 แล้วนะ.!.....”
“ลีทงเฮ!.....”
ฮยอกแจพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงคนไข้ ดวงตาคมมองตรงไปที่ก้อนดักแด้ก้อนเดิม ...
“นี่ฉันรู้สึกกับนายแบบไหนกันแน่” ใช่แล้วล่ะ บางทีเขาก็คิดว่าการเป็นเพื่อนกับทงเฮมันคงพอแล้ว แต่ในอารมณ์เดียวกันนั้นเอง มันก็อยากเป็นมากกว่าเพื่อน...ตอนนี้เขายังตอบหัวใจของตัวเองไม่ได้ ก็คงได้แต่เฝ้ารอเวลา ให้มันมาตัดสินว่าความรู้สึกที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร
“อื้มมม.........” จู่ๆ เจ้าก้อนกลมๆ ก็เริ่มดิ้นขลุกขลักไปมา.... ฮยอกแจเลยแกล้ง โดยการเดินเข้าไปดึงผ้าที่ห่มไว้ ไม่ให้ร่างเล็กนี้สอดสายตาออกมามองโลกภายนอกได้
“อื้ออออ....................” เสียงคนในผ้าเริ่มดิ้นแรงขึ้น
“ไอ้บ้า ใครมาทำกับกูแบบนี้ว่ะ !!!....” ทั้งแรงดิ้นอันมหาศาลผนวกกับการที่เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้ทงเฮเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว
“อื้ออออ...ปล่อยนะว้อยยย !!!..........”
“อ๊าก !!!!!!!!!!!! อ่ะ แฮ่กๆๆๆ..............ไอ้ฮยอกแจ ไอ้หน้าไก่ นาย!!!!!!!!!! “
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบอกแค่ว่า ฟิคเรื่องนี้กิ๊ฟจะไม่มีวันทิ้งเด็ดขาดนะค่ะ แล้วก็ขอโทษที่อัพช้าค่ะ TT
ความคิดเห็น