คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CRAZY CUPID : Chapter 5 : พลาดพลั้ง ?............. 100%
CHAPTER 6
พลาดพลั้ง ?
เหมือนความหวาดหวั่นใจจะเริ่มเข้าครอบงำจิตใจคนที่กำลังเดินอย่างไร้จุดหมายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...จากปากที่เคยบอกเพื่อนว่าจะมาห้องพยาบาล...แต่บัดนี้ร่างของคนที่เคยเอ่ยคำพูดนั้นกลับเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียนของตนเอง .... ห้องเรียนซึ่งไร้ผู้คน.....ซองมินพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้า เข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะ .
“ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนั้น...” เสียงแหบพร่าของคนป่วยบ่นกับตัวเองอย่างปวดใจ .....ตอนนี้ร่างกายของเขามันเหมือนกำลังโดนฉีกด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล ...แม้กายจะปราศจากแผลใดๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันมีร่องรอยที่น่าขยะแขยงเต็มไปหมด
“ฮึก.....ทำไม...” คนปวดใจทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน
ซองมินเฝ้าตั้งคำถามกับตัวเองมากมาย ว่ามันเพราะอะไรที่ทำให้เขาต้องหวนกลับมาเจอผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนั้นอีกครั้ง .......ทั้งๆที่ตั้งใจจะลืม .. ตั้งใจจะไม่จดจำ..เพราะถือว่าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นเพียงเพราะความผิดพลาด เพียงเพราะนิสัยปฎิเสธคนไม่เป็น .... หรือแท้จริงแล้ว สวรรค์เบื้องบนกำลังคิดจะกลั่นแกล้งเขากันแน่
ร่างกายอ่อนแอค่อยๆนอนฟุบไปกับโต๊ะ..แล้วปล่อยให้สายธารของความเสียใจหลั่งไหลออกมา
“กรึบ ....กรึบ.....กรึบ” จู่ๆเสียงก้าวเท้าที่ก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า ของใครบางคนก็ดังขึ้น ทำเอาหนุ่มน้อยเจ้าน้ำตาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ......ดวงตาที่ชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำใสๆ เบิกโพลง เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า
“ คะ.คุณ...”
“ตกใจที่เห็นฉันขนาดนั้นเลยเหรอ...ซองมิน” หนุ่มร่างสูงว่าพรางก้มต่ำไปมองคนที่นั่งอยู่ ....บางทีการที่มีซองมินอยู่ที่นี่ มันก็สนุกดีเหมือนกัน..จากตอนแรกที่คิดจะมาเคลียร์ปัญหาให้เข้าใจ แต่พอได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของคนตัวอวบ เขากลับยิ่งรู้สึกชอบใจ .....นายช่างเป็นกระต่ายที่น่าแกล้งที่สุดในโลกเลยรู้ไหมซองมิน
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่..” น้ำเสียงสั่นเครือพยายามตะคอกบอก
“ต้องการ ?.....สิ่งที่ฉันต้องการก็คือร่างกายของนายไง” ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเชยคางเรียวมนให้เชิดสูงขึ้นมา คยูฮยอนก้มลงไปมองใบหน้าหวานให้ชัดๆ จนจมูกโด่งสันแนบชิดติดกัน แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าขนลุก
“รวมถึง..ตอนนี้ด้วย......”
“อื้ออ !!
.” สิ้นคำจากมือแกร่งที่เพียงประคองใบหน้าไว้กลับบีบเข้าที่กรามเล็ก ...แล้วฉกจูบด้วยความไวแสง .....คนที่โดนรุกอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงปล่อยให้ให้ลิ้นร้อนๆแทรกผ่านเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว......
.
รสจูบอันหนักหน่วงที่ร่างสูงได้มอบให้..สร้างความหวาบหวามให้ซองมินได้อีกครั้ง..แต่ก็เพียงชั่วครู่..ตอนนี้สมองของคนป่วยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ....แม้จะเกลียดคนตรงหน้าเพียงใด ... แม้จะรู้สึกขยาดขนาดไหน ....แต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยพิษไข้ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธผู้ชายคนนั้นได้เลย ......
ลิ้นร้อนไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กอย่างสนุกปาก ...คยูฮยอนแอบแค่นยิ้มในใจเมื่อเห็นว่าซองมินไม่มีท่าทีปฏิเสธ .... ปากก็พูดเหมือนไม่ชอบ..แต่เวลาทำจริงก็ไม่เคยปฏิเสธ ..... แบบนี้ฉันจะเรียกว่านายสมยอมแล้วกันนะลีซองมิน
“ปะ...ปล่อยผม....” คนหน้าซีดเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ขณะที่คยูฮยอนถอนจูบออก ....ยามนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาต่อกรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ...มันรู้สึกปวดหนึบไปทั่วหัว .... แค่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นเขายังมองไม่ชัดเลย
“ชอบไม่ใช่เหรอ ....” ชายหนุ่มลากเสียงกวน ก่อนจะเคลื่อนโต๊ะที่เกะกะอยู่นี่ออก.......ดวงตาปรือๆ ...ใบหน้าที่ผุดไปด้วยเหงื่อ มองยังไงมันก็ช่างดูเซกซี่ยั่วยวนใจ .....ร่างสูงโปร่งเดินตรงมาหาคนที่นั่งเอนอยู่กับเก้าอี้เหล็กด่วยท่าทางที่เหมือนจะหมดแรง ..แต่ถึงกระนั้นคยูฮยอนก็ไม่ได้สนใจ ..เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซองมินกำลังป่วยอยู่ ...โจคยุฮยอนคิดเพียงว่า ท่าทางที่ซองมินกำลังแสดงอยู่ตอนนี้ มันเป็นการยั่วยวนเขาชัดๆ
“ปล่อยย.....”
“ซองมิน.......อ่า...” คยูฮยอนจับซองมินให้ลุกขึ้นก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้เหล็กตัวนั้นแทน หลังจากนั้นก็จับคนไร้เรี่ยวแรงที่ตนคิดว่าสมยอม มานั่งคร่อมบนตักของตัวเอง .... ใบหน้าหวานแนบไปกับบ่าแกร่งทันทีที่ได้นั่งลง ..ใช่ .. เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ไหวแล้ว ....มันไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา....ไม่คิดแล้วว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ... ตอนนี้เขารู้สึกเพียงแค่อยากหลับเต็มที .
ส่วนคนจัดการทุกอย่างก็เอาแต่ดูดไล้โลมไปทั่วลำคอระหงส์ที่โชว์ตระหง่านอยู่ตรงหน้า ..ยิ่งเห็นว่าซองมินไม่ขัดขืนก็ยิ่งได้ใจ .. ปาหยักกดจูบหนักๆที่ลำคอขาว ไซร้ตามมาที่ซอกหู ขบกัดเข้าเบาๆตามอารมณ์ตน มือแกร่งข้างนึงก็รั้งเอวบางไว้ไม่ให้เสียสมดุล อีกข้างก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อพละสีครีม ขยี้เน้นแรงๆที่เม็ดติ่งไตของคนสมยอม
“ซองมิน.....อื้มม. ......” เปลือกตารูปงามหลับพริ้ม รู้สึกผ่อนคลายที่ได้ลูบไล้ไปตามร่างกายน่ากินนี่ ....คยูฮยอนจับเข้าที่ท้ายทอยของซองมินก่อนจะดันให้ใบหน้าของทั้งสองเผชิญหน้าต่อกัน ...คยูฮยอนทำท่าจะเข้าไปช่วงชิงจูบอีกรอบ แต่ทว่า....
“.!.....ซ..ซองมิน”
คนใจเด็ดกลับส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ เมื่อคนที่เขากำลังคิดว่าสมยอมด้วยกับแน่นิ่งไปเสียดื้อๆ ...ใบหน้าขาวบัดนี้มันไม่มีแม้แต่เลือดฝาดขึ้นมาประดับ ...
“ซองมิน ซองมิน.....” ร่างสูงเขย่ากายบางเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่คนที่หลับตาพริ้มอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อน....มิหนำซ้ำร่างกายที่เขาสัมผัสอยู่นี่กลับร้อนขึ้นมาดั่งไฟที่กำลังร้อนลุ่มอยู่
“นาย...เป็นอะไรน่ะ ?” หน้าย่นคิ้วขมวดเมื่อไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
“ซองมิน ซองมิน..นี่นายอย่ามาแกล้งหลับนะ !...” มีอย่างซะที่ไหนเล่นมาชิ่งหลับระหว่างการมีเซกส์กับคุณชายโจคยูฮยอน
“ลีซองมิน...ฉันสั่งให้นายตื่นเดี๋ยวนี้!” เมื่อเห็นว่าไม่ตื่นก็เขย่าร่างอวบๆนี่ให้แรงขึ้นอีก
“.... ซองมิน...” เสียงที่เคยตะคอกกลับเบาหวิวลง เมื่อรู้ว่าซองมินคงไม่สบายเข้าจริงๆ ...คยูฮยอนจับร่างของซองมินให้ลุกออกก่อน ส่วนตัวเองจะลุกตามแล้วคอยพยุงคนป่วยไม่ห่าง ...แต่คนไข้ก็ดูท่าว่าจะเข่าอ่อนเหลือเกิน ... คยูฮยอนจึงเลือกแก้ไขปัญหาทุกอย่างโดยการอุ้มซองมินขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ...แล้วพาคนป่วยไปยังห้องพยาบาล ที่ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ตรงไหน
. หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ 3 เกลอ อย่าง ทงเฮ เรียวอุค และฮยอกแจ ก็ต้องไปรวมตัวกันที่โรงยิมอีกครั้ง ...... ทั้ง สามเดินมาเข้าแถวตามห้อง โดยแบ่งเป็นชายหญิง และทันทีที่นั่งลงเสียงแหลมๆของคนที่ทงเฮไม่อยากจะได้ยินก็ดังขึ้น
“ฮยอกแจค่ะ...คุณรู้ไหมว่าภาคบ่ายเรามีกิจกรรมอะไร..?” หญิงสาวนามว่าฮยอนจีซุกเข้ามาถามอย่างคลอเคลีย พรางคล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าของไปด้วย คนที่นั่งข้างหน้าผู้ซึ่งเป็นตัวจริง จึงอดไม่ได้รีบหันขวับมาหาทันที
“ฮยอนจี...ปล่อยมือเธอออกจากแขนฮยอกแจนะ” ร่างเล็กเข่นเขี้ยวใส่
“ฮยอกแจเขายังไม่เห็นว่าฉันเลย...แล้วนายมีสิทธิ์อะไรห๊ะ” หญิงสาวสวนกลับ มิวายยังเอนศรีษะซบกับบ่ากว้างของคนข้างๆอีก
“ฮยอกแจ....งั้นนายเปลี่ยนที่กับฉันเดี๋ยวนี้เลย!” ทงเฮดันหัวของหญิงเจ้าปัญหาออก ก่อนจะรีบดึงแขนฮยอกแจให้ขยับมานั่งในที่ของตน ส่วนตัวเองก็นั่งคุมอยู่ด้านหลัง ... ทงเฮหันไปแลบลิ้นใส่ หญิงข้างกายอย่างซะใจ คิคิ...เธอไม่รู้ซะแล้ว ฮยอนจี๊... ว่าเธอกำลังเล่นกับใคร
“นาย....โอ๊ยย....” ฮยอนจีโวยวายอย่างไม่พอใจ..ดูก็รู้ว่าฮยอกแจเองก็ไม่ได้สนใจทงเฮซักนิด ..มีแต่ทงเฮนี่แหละที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนน่าหมั่นไส้
“แบร่ๆๆ.........” แลบลิ้นให้อีกทีดั่งผู้มีชัย ..ก่อนจะสอดมือนุ่มๆทั้งสองโอบรอบเอวคนร่างหนาตรงหน้า แล้วเอนกายซบเข้าที่แผ่นหลังกว้าง...ตาหวานหลับพริ้ม ทำท่าแลดูมีความสุขซะเหลือเกิน
เด็กแสบกอดไว้ไม่ยอมปล่อย จนฮยอกแจต้องแกะมือนิ่มนี่ออก แล้วหันมาพูดด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนจะเย็นชา แต่มันก็ไม่ใช่
“อยู่นิ่งๆได้ไหม..... ซนแหมือนลิงเลยนะนาย”
“ก็ฉันหวงนายนิ .... นายบอกฮยอนจีไปสิ ว่าเราเป็นแฟนกัน”
“อืม.... ฮยอนจี....เธอเองก็เลิกยุ่งกับฉันซักทีได้ไหม...” คำพูดหน้าตายๆของชายหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวไม่ไปถูก
“ฮยอกแจค่ะ.........” ฮยอนจีครางยาวออกมา
“หวังว่าเธอคงจะฟังรู้เรื่องนะ” ตอกย้ำเข้าอีกรอบ....ทำเอาฮยอนจีหน้าชาเข้าไปใหญ่
“ได้ยินไหมฮยอนจี......ไปชิ่วๆเลยไป.....” ได้ทีเจ้าเด็กแสบก็ทับถมคืนบ้าง
“ฮยอกแจ นายมันบ้าจริงๆ.....แล้วนายจะรู้ว่าซักวัน ทงเฮมันจะต้องทิ้งนาย เหมือนที่มันทำกับคนอื่น!!! “ ฮยอนจีว่าใส่อย่างสุดอารมณ์ ก่อนจะหอบร่างของตัวเองเดินหนีไปต่อแถวด้านหลังใหม่ ....... ใช่ เพราะคนอย่างทงเฮ รู้กันดีว่าไม่เคยจริงใจกับใครซักคน คบคนนู้นคนนี้เป็นว่าเล่น
ผ่านไปได้ซักระยะเมื่อทุกคนมารวบตัวกันหมดแล้ว ....... เหล่าสตาฟผู้เป็นหัวหน้างานของกิจกรรมครั้งนี้ ก็เอ่ยปากพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนพากันหัวเราะ เมื่อได้ยินอะไรตลกๆจากเรื่องที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง แต่ก็คงจะมี 1 หนุ่มละมั้ง ที่ไม่สนุกด้วย
“โอ๊ยยย พี่เยซอง...ผมต้องทำกิจกรรมกับเพื่อนในโรงยิมนะ!!” เรียวอุคส่งเสียงรำคาญออกมาอย่างสุดทนก่อนจะสะบัดมือของพี่ชายข้างบ้านที่ดันมาเป็นสตาฟของงานในวันนี้ออกเต็มแรง
“ก็เราน่ะ....เมื่อวานไปนอนที่ไหนมา...” พี่ชายที่แสนหวงน้องไถ่ถามออกไปอย่างเป็นห่วง
“ผมจะไปนอนที่ไหนก็เรื่องของผม พี่ไม่ต้องยุ่ง!”
“แล้วรู้ไหมว่าแม่เราเป็นห่วงขนาดไหน” ก็เมื่อเช้าขณะที่เขากำลังขับรถออกจากบ้าน จู่ๆก็พบกับแม่ของเรียวอุค พอลงจากรถไปถามดู ก็พบว่าเมื่อคืนเรียวอุคไม่ได้กลับบ้าน แม่ติดต่อไปตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ยอมรับสาย
“อย่ามาจุ้นเรื่องของครอบครัวคนอื่นได้ไหมพี่เยซอง”
“เรียวอุค...” เยซองกดเสียงต่ำดุ..... พรางจ้องหน้าน้องตัวแสบด้วยอารมณ์จริงจัง “งั้นหลังจบค่าย นายต้องกลับบ้านกับพี่” ว่าต่ออีกครั้งเล่นเอาเด็กรักอิสระ ทำหน้าเหยเก อย่างไม่พอใจ
“พี่อย่ามายุ่งกับผมได้ไหม “
“พี่ก็ไม่ได้อยากยุ่งกับนาย...แต่พี่เป็นห่วงแม่นายต่างหาก ”
“แม่ไม่เป็นไรหรอก...”
“ก็นิสัยแบบนี้ไง แม่ท่านถึงได้เป็นห่วง”
“แล้วพี่รู้จักแม่ผมดีขนาดนั้นเลยเหรอ....เค้าไม่ได้เป็นห่วงผมหรอก” เรียวอุคค้อนเสียงถามอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในโรงยิมเสียดื้อๆ ทิ้งไว้ให้ผู้เป็นพี่ได้แต่มองตามอย่างเหนื่อยหน่าย...เมื่อไหร่เด็กคนนี้จะรู้จักโตซักทีนะ
ทางด้านของฝั่งคนที่อยู่ในโรงยิม ที่ตอนนี้กำลังนั่งประดิษฐ์ เครื่องบินเล็กอยู่ โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่มละ 6 คน ทุกคนพากันง่วนอยู่กับการนั่งตัดกระดาษเพื่อประกอบเครื่องบินลำนี้
“ทงเฮ....แล้วซองมินไปไหนล่ะ ?...” เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนึงในกลุ่มสะกิดไหล่เพื่อนตัวเล็กที่กำลังนั่งทากาวอยู่เพื่อไถ่ถาม เมื่อพบว่าร่างอวบๆของคนน่ารักตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่ทุกคนต่างก็เข้ามารวมตัวกันที่โรงยิมแล้ว ทงเฮหันไปมองอย่างงงๆ แล้วก็หันมาสนใจกับเครื่องบินที่ตนเองกำลังประกอบต่อ แต่ปากเล็กก็ยังบอกเพื่อนหน้าตาดีคนนั้นไป
“ซองมินไปห้องพยาบาลน่ะ....มีอะไรเหรอ ?”
“ซองมินเป็นอะไร !! “
“อุ๊ยๆ...ตกใจเกินไปหรือเปล่า ฮันกยอง...เห็นไหมเครื่องบินมันจะพังแล้วเนี่ย.!!....” ทงเฮหันไปอารมณ์เสียใส่เพื่อนตัวดี ที่เกือบจะทำเครื่องบินที่คนในกลุ่มนั่งตัดมาเป็นชั่วโมงพัง
“ฉันขอโทษ.... เอ่อ แล้วซองมินเป็นอะไรล่ะ” ฮันกยองเริ่มใช่น้ำเสียงอ่อนโยนถาม
“ซองมินไม่สบาย ..ตอนนี้ไปพักอยู่ห้องพยาบาลแล้ว”
“เป็นมากหรือเปล่า ??
” เค้ารู้ว่าทงเฮคงเริ่มรำคาญเค้าแล้วล่ะ แต่ทำยังไงได้ ก็เค้าเป็นห่วงซองมินหนิ
“ไม่มากหรอก ..เดี๋ยวตอนเย็นก็มาแล้ว.” ตอบไปก็หยิบชิ้นส่วนอื่นมาประกอบเข้ากับตัวเครื่องบินต่อ
“ดูเหมือนว่าฮันกยองจะเป็นห่วงซองมินมากเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ ..” เพื่อนในกลุ่มต่างแซวยกใหญ่ คนโดนแซวเองก็หน้าแดงไปตามๆกัน นี่เค้าแสดงออกมากขนาดนั้นเชียวเหรอ
“ก็..ก็ซองมินเป็นเพื่อนชั้น ชั้นก็ต้องห่วงสิ! “
ทงเฮไม่สนใจกับกระแสฮันมินที่เพื่อนๆกำลังนั่งนินทาเลยซักนิด ร่างเล็กเอาแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับเครื่องบินที่ตนเองแสนภูมิใจ เมื่อเห็นว่าจะประกอบกันยังไง มันก็ไม่ยอมติดซักที สายตาเฉียบแหลมเลยไล่กวาดไปทั่วบริเวณเพื่อหากาวที่จะสามารถใช้ประกอบเครื่องบินลำนี้ได้
“ฮยอกแจ...มีกาวแบบอื่นอีกไหม อันนี้มันต่อไม่อยู่เลย”
“หื้ม ?...... “ คนที่เกือบจะไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่บ่าย ครางออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดที่มาจากหัวไหล่
“มันต่อไม่อยู่อ่ะ มีกาวแบบอื่นอีกไหม” คราวนี้ทงเฮเล่นยื่นเครื่องบินให้คนเพิ่งตื่นดูพร้อมกับส่งเสียงเน้นย้ำอีกครั้ง
“อื้ม....อยู่นี่ไง ไม่เห็นเหรอ ?
.” ฮยอกแจเปลี่ยนท่าจากที่เคยเอามือเท้าคางโดยใช้แขนชันกับต้นขาเปลี่ยนไปคลำหาถุงที่จำได้ว่าอาจารย์เคยเอามายื่นให้ แล้ววางไว้ใกล้ๆเค้า
“อ่า. ขอบใจนะ..นายหลับต่อเถอะ..” ร่างเล็กฉีกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมเค้าดูมีความสุขกับการทำเครื่องบินขนาดนี้นะ ทั้งๆที่คนอื่นส่วนมากสภาพไม่ต่างจากฮยอกแจเท่าไหร่เลย ทำไมกัน การทำเครื่องบินมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ?
“อ่า..เครื่องบินจ๋า.... ใกล้จะเสร็จแล้วสินะ” ทงเฮว่าด้วยอารมณ์แสนสุข ก่อนจะบีบแท่งกาวลงบนฝ่ามือตัวเองเบาๆ แล้วแปะเข้าตามลำตัวเครื่องบินเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่หลุดจริงๆ บีบเข้าที่ฝ่าตัวเองอีกครั้ง แล้วป้ายลงไปที่ปีกเครื่องบินต่อ ร่างเล็กเหลือบไปเห็นฝ่ามือใหญ่ๆของคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะลอบอมยิ้มออกมา ทงเฮจับมือของฮยอกแจข้างนึงที่ชันแขนไปกับพื้น ขึ้นมา ก่อนจะ ประกบเข้าเบาๆที่ลำตัวเครื่องบิน
“เครื่องบิน ของ ฮยอกแจ กับ ทงเฮ..อิอิ ...”
“ทำอะไรน่ะ ?
.” คนที่เพิ่งหลับไปเมื่อครู่ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกแปลกๆเหมือนมีคนมาจับมือตัวเองอยู่ แล้วก็พบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“ก็แค่อยากให้นายมีส่วนร่วมในการทำเครื่องบินเฉยๆ เราอยู่กลุ่มเดียวกันนะ” ทงเฮว่าพลางดึงมือฮยอกแจออกจากตัวเครื่องบิน แต่ก็ยังจับมือฮยอกแจไว้แน่นอยู่
“อืม..จะทำอะไรก็ทำเถอะ” ฮยอกแจตอบพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ทำไมเค้ารู้สึกว่ากิจกรรมของทางโรงเรียนมันน่าเบื่อแบบนี้นะ สู้ไปนั่งเรียนในห้องยังดูสนุกกว่าอีก
หลังจากที่นั่งจับมือฮยอกแจจนอิ่มใจแล้ว ร่างเล็กก็กวาดสายตามองไปรอบๆ พรางเอนหัวซบเข้าที่ไหล่ของคนนอนอยู่อย่างเนียนๆ ทงเฮจ้องหน้าเพื่อนเสียงแหลมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่เอาแต่นั่งหน้าบูดมาทั้งชั่วโมง ก่อนจะเอ่ยเรียกออกไป
“อุคกี้....”
“เรียวอุค ....”
“รยองกู !!”
ต้องเรียกถึง 3 ครั้งกว่าเพื่อนรักคนนี้จะมีสติ เรียวอุคส่ายหน้าเบาๆก่อนจะมาทำตาโตใส่ทงเฮ
“เรียกอะไรดังขนาดนั้น ชั้นได้ยินแล้วน่า!
”
“ได้ยินเหรอ.ชั้นเรียกนายตั้ง 3 รอบเลยนะอุคกี้ ...มีอะไรหรือเปล่า ?
.”
“เปล่าหรอก....”
“แน่นะ ?
.”
“นายไปจู๋จี๋กับแฟนนายเถอะน่า.... ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เรียวอุคพูดออกไปส่งๆ ก่อนจะก้มหน้าลง นิ้วป้อมๆขีดเขียนไปมาบนพื้น เพื่อคลายความเครียดที่คราคั่งอยู่ทั่วหัว ทงเฮเห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะคลานเข้าไปปลอบเพื่อน แล้วพูดเคลียร์กันให้รู้เรื่องว่าเรียวอุคเป็นอะไรกันแน่ แต่ทว่า
“โอ๊ยย!!!... “ ร้องเสียงหลงทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆที่ฝ่ามือ และมันก็เป็นมือข้างที่เค้าทาบทับอยู่บนหลังมือของฮยอกแจนั่นเอง ....... ทงเฮพยายามดึงมือของตัวเองออกจากคนที่หลับลึกอยู่ในภวังค์อีกรอบแต่มันก็ไม่ได้ผล
“เฮ้ยยย.....เอาไม่ออกอ่ะ” คนน่ารักเบ้หน้าร้องบอกเพื่อนในกลุ่ม ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พรางยกมือข้างที่สมานกันกับชายร่างหนาขึ้นมาให้เพื่อนดู
“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะทงเฮ...” เพื่อนคนนึงในกลุ่มพูดขึ้น ก่อนจะคลานเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วลองจับมือของทงเฮขึ้นมา แต่ก็เป็นอันว่ามือของฮยอกแจก็ลอยติดขึ้นมาด้วย เพื่อนหนุ่มคนนั้นรีบถอยกรู เพราะกลัวว่าฮยอกแจจะตื่น เค้าล่ะกลัวสายตาเย็นชาจากผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“ติดกาวไอ้นี่แน่เลย ?....” เรียวอุคพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะยกหลอดกาวที่มีสรรพคุณเหนียวหนึบยิ่งกว่าพลังช้างสารขึ้นมา ทงเฮเริ่มหน้าจ๋อย เพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็เป็นเช่นกัน
“กาวอะไรอ่ะเรียวอุค .....แล้วทำไมมันติดหนึบขนาดนี้”
“ฉันก็ไม่รู้จักยี่ห้อนี้เหมือนกัน แต่อ่านดูจากข้างหลอดมันเขียนว่า เหนียวหนึบ ทนนาน” เรียวอุคว่าเสียงเรียบแต่นั่นมันกลับยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของทงเฮเต้นตุ๊บๆไม่เป็นจังหวะ
“ฉันว่านายปลุกฮยอกแจก่อนดีไหม “ ฮันกยองเป็นฝ่ายเสนอ ซึ่งทงเฮก็ยอมทำตาม
“ฮยอกแจ ...!! ฮยอกแจจจ!!!” ทงเฮเขย่าไหล่คนนอนเต็มแรง เล่นเอาคนที่อยู่แถวนั้นหวาดกลัวไปตามๆกัน ว่าเจ้าชายเย็นชาจะตื่นขึ้นมาในสภาพไหน
“จิ๊...อะไรอีก !!......” จิ๊ปากเป็นเชิงเสียอารมณ์แต่ก็ยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมารับรู้เหตุการณ์ภายนอก ฮยอกแจใช้มือข้างที่ไม่ถูกพันธนาการยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าทงเฮด้วยสายตาที่ทุกๆคนต่างก็คาดเดากันถูก
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นนะ ....ดูนี่ก่อน แล้วจะด่าอะไรก็ด่า”
“หื้ม ?........”
ทงเฮค่อยๆยกมือของตนเองขึ้นมา ก่อนจะยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อให้คนที่นั่งอยู่ข้างกายดู
“แล้วนายจะจับมือชั้นทำไมล่ะ ก็ปล่อยสิ”
“ก็ไม่ได้จับซักหน่อย .. แต่เพราะว่ากาวมันนน.........”
ฮยอกแจรู้สึกว่าเหมือนลางร้ายกำลังใกล้เข้ามา สายตาคมจ้องมองไปยังมือเรียวที่บัดนี้กำลังจับหลังมือเค้าไว้อยู่ เพ่งมองอย่างสงสัย ก่อนจะชำเลืองไปมองใบหน้าหวานของคนข้างๆ
“กาวอะไร...... ก็ปล่อยสิ” คราวนี้ไม่รอให้ทงเฮได้อธิบาย ชายหนุ่มกลับดึงมือของตนเองออก แต่ทว่า มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะมือของทงเฮกลับปลิวหวือมาตามแรงด้วย
“ก็บอกว่ากาวมันติด. มันเลยเอาออกไม่ได้....” ทงเฮพูดหน้าเจื๋อนๆ
“ห๊ะ ? อย่ามาตลก
” ใช้มืออีกข้าง มาจับมือทงเฮออกอีกที แต่ยิ่งดึงเท่าไหร่มันก็ดึงไม่ออก ร่างสูงเริ่มเข่นเคี้ยวอย่างไม่พอใจ พลางหันไปค้อนมองคนหน้าหวานอีกครั้ง
“นายเล่นบ้าอะไรอีก !!
..” เสียงตะวาดที่ถึงจะไม่ดังมากนัก กลับพาให้เพื่อนๆในกลุ่มต้องเกาะรวมกันอยู่เพราะกลัวว่าตัวเองจะซวยไปด้วย ทุกคนต่างก็พากันสอดส่องสายตาว่า เด็กใหม่คนนี้จะทำอย่างไรต่อไป ร่าเงล็กชักสีหน้าไม่พอใจเช่นกันเมื่อถูกตวาดใส่ ก่อนจะเอ่ยเรียบๆออกมา
“ขอโทษ....ก็ไม่นึกว่ามันจะติดหนึบขนาดนี้นี่”
“นายนี่จริงๆเลย....” ฮยอกแจลดแขนลงวางกับพื้นก่อนจะมองหน้าทงเฮอีกครั้ง เพื่อถามเป็นในๆว่าจะทำอย่างไร หลังจากนี้
“อย่ามามองหน้าแบบนี้นะ....งั้นไปเข้าห้องน้ำกัน เอาน้ำถูๆมันอาจจะออกมั้ง”
“ออกบ้านอากงนายสิ ..... ไอ้กาวแบบนี้มันต้องใช้สารเคมีจากโรงพยาบาลเท่านั้นแหล่ะ ถึงจะออก” ว่าใส่อีกครั้งก่อนจะขว้างไอ้กาวที่เค้าเพิ่งหยิบมาพิจราณาเมื่อครู่ ปาลงกับพื้น ...
“งั้นพวกนายก็ไปโรงพยาบาลเถอะ....เดี๋ยวฉันบอกอาจารย์ให้เอง” ฮันกยองพูดเพื่อให้บรรยากาศรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ....... ไม่นาน 2 ร่างที่ทุกคนต่างจับตามก็เดินหายออกไป
“แล้วฉันจะขับรถยังไงเนี่ย.....” ก็ในเมื่อมือข้างซ้ายของเขาดันมาติดกับมือข้างขวาของทงเฮ แล้วรถฝั่งคนขับก็ดันมาอยู่ด้านซ้ายซะด้วย นี่ถ้ามันติดฝั่งมือขวาเค้าก็จะไม่บ่นซักคำหรอก แต่แบบนี้ จะให้เขาขับรถยังไง แล้วจะขับท่าไหนล่ะ
“คือถ้าเป็นแบบนี้ ชั้นต้องขับแทนนายใช่ไหม....” ร่างเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ขณะที่อยู่หน้ารถเก๋งสีดำคันหรู
“แล้วนายขับได้ไหมล่ะ “
“เอ่อ....ขับได้ แต่ขับไม่เป็น.....” ทงเฮก้มหน้าหงุดๆ ดูก็รู้ว่าตอนนี้ฮยอกแจกำลังอารมณ์เสียสุดๆ ....... ง่า เค้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ซะหน่อย
“อื้ม...ให้มันได้แบบนี้สิ ..งั้นนายมานี่!!....” ฮยอกแจรีบเดินมาฝั่งที่นั่งคนขับก่อนจะกระชากประตูรถออกแล้วทรุดตัวเข้าไปนั่งเต็มเบาะ ส่วนคนที่ยืนอยู่นอกรถข้างๆก็เอาแต่มองงงๆ แล้วมันมีที่ให้เค้านั่งตรงไหนกัน ..นี่คงไม่หวังลากเค้าไปตามพื้นถนนเหมือนหนังซีรีย์ฝรั่งโหดๆหรอกนะ
“แล้วฉันจะนั่งตรงไหน ?...”
“เมื่อก่อนฉลาดนักไม่ใช่เหรอไง เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก” ฮยอกแจว่าเสียงกร้าวก่อนจะ ใช้มืออีกข้าง ดึงร่างของคนน่ารักให้เข้ามาในตัวรถ ทงเฮเองก็ยังมึนงงอยู่ว่าฮยอกแจจะทำอะไร จนในที่สุดเมื่อภาคปฎิบัติจบลงเสร็จสรรพ ทงเฮถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว เค้าต้องนั่งบนตักของฮยอกแจแบบนี้นี่เอง
“ นั่งแบบนี้แล้วนายจะขับรถยังไง มองทางเห็นเหรอ....” ก็ใช่น่ะสิ ถึงตัวเค้าจะเล็ก แต่ถ้าให้มานั่งบนตักแบบนี้ รับรองว่าบังทิวทัศน์การมองเห็นของฮยอกแจไปเต็มๆ
“เอนตัวลงแล้วซบที่ไหล่ซ้ายชั้น.....” ทงเฮรีบทำตามที่ฮยอกแจบอก แต่ก็แอบคิดไม่ดีอยู่ในใจ “อิอิ..แบบนี้มันโรแมนติกเกินไปแล้วนะ” แต่ทำไมใจเราถึงต้องเต้นแปลกๆด้วยล่ะ แค่ซบไหล่ผู้ชายแค่นี้ ขนาดจูบคนอื่นหัวใจยังเต้นไม่แรงเท่านี้เลย อ๊ากก ทงเฮนี่นายเป็นอะไรเนี่ยยย
“อยู่แบบนี้จนถึงโรงพยาบาลเลยแล้วกัน.....” ร่างสูงใช้มือข้างที่มีมือทงเฮติดอยู่ด้วยเสียบกุญแจเข้าไปในช่องก่อนจะบิด แล้วเหยียบคันเร่งเพื่อสตาร์ทรถ ไม่นาน เขม่าควันสีขาวก็พุ่งออกมา เป็นสัญญาณว่ารถคันนี้เตรียมพร้อมที่จะออกสู่ถนนแล้ว
ณ โรงพยาบาลชื่อดัง ใจกลางกรุงโซล
“ฮยอกแจจ....อย่าเพิ่งไปหาหมออ ชั้นปวดฉี่ ไม่ไหวแล้ววววววววว !!!!!”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เงียบหน่อยซี่ ทำไมตะขอกางเกงมันปลดยากจังเนี่ย !....” เมื่อมาถึงโถฉี่ ก็ทำการปลดตะขอกางเกงออกด้วยมือเพียงข้างเดียว ... อาจเป็นเพราะความไม่ถนัดทงเฮจึงไม่สามารถปลดมันออกได้ซักที
“จะทำอะไรก็รีบทำ.....”
“ฮยอกแจ..... ..” ใบหน้าหวานเอียงมองไปหาคนข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ดูน่าสงสาร... ก่อนจะเอ่ยต่อ..” แบบว่ามันปลดตะขอไม่ถนัด ชั้นขอใช้อีกมือแล้วกันนะ”
“ทำอะไรก็ทำเถอะน่า....ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ ไม่มีใครเห็นหรอก”
ทงเฮเลื่อนมือที่ติดอยู่กับฮยอกแจมายังบริเวณขอบกางเกง..... ทำท่าครุ่นคิดเพราะความเขินอายอยู่สักพักก็ต้องก้มลงไปปลดตะขอกางเกงตัวเองออก ...... จะไม่ให้เขินได้ยังไง ก็มืออีกข้างที่ช่วยแกะน่ะมันเป็นมือของฮยอกแจชัดๆ ...ก็มือเค้าติดอยู่ด้านบน มันจะแกะได้ยังไงล่ะ
ร่างเล็กทิ้งอวัยวะที่ถูกพันธนการไว้ข้างกาย ก่อนจะใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในซับในสีอ่อนของตัวเอง
“หลับตาดิว่ะ.....” เสียงเล็กๆออกปากสั่ง เล่นจ้องเค้าแบบนี่ มีหวังฉี่มันคงรดหดในแน่ๆ
“จะหลับทำไม... ฉี่ไปเถอะน่า..ของๆนายอันแค่ไหน ฉันก็เห็นมาแล้ว ..ทำไม....เกิดอายขึ้นมาเหรอ..ทีตอนไปทำอะไรในห้องครัวชั้นล่ะ ไม่นึกอาย....” คนที่จู่ๆกลับพูดมากยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ เพื่อเป็นการเย้ยหยันเล็กๆ
“เออๆ..... ก็ได้ๆ.....” ทงเฮไม่สนใจเสียงนกเสียงกา เขยิบร่างให้เข้าไปชิดโถฉี่มากขึ้น แล้วล้วงทงเฮน้อยของตนออกมา ...ดวงตากลมโตค่อยๆหลับพริ้มลง เนื่องจากรู้สึกผ่อนคลาย
“ฉ่า..............” เมื่อเสียงกิจวัตรของคนหน้าหวานสิ้นลง ทงเฮก็รีบจัดการกับอาภรณ์ช่วงล่างทันที .แต่มันก็คงจะมีแต่ปัญหาเดิมๆนั่นแหละ ก็คือตะขอของกางเกงตัวหรู
“รู้อย่างนี้ ชั้นเปลี่ยนไปใส่กางเกงพละตั้งนานแล้ว” พร่ำบ่นไปก็ก้มหน้าหงุดๆอยู่กับการใส่ตะขอ ..ด้วยความสามารถมือเดียวของตัวเองต่อ
เวลาผ่านไปเริ่มนานเข้า ..จนร่างหนาเริ่มนึกรำคาญอยู่ในใจถึงความเงอะงะ เฟอะฟ่ะของคนอวดเก่ง ฮยอกแจจับเอวบางทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงเพื่อจับร่างบางให้หันมาประจันหน้า
“เอ๋....นายจะทำอะไร”
“ก็แค่ใส่ตะขอแค่นี้มันนานอะไรนักหนา........” จบคำสองมือแกร่งก็ตรงเข้าไปใส่ตะขอกางเกงให้เสร็จสรรพ ...... มันรวดเร็วซะจนทงเฮตั้งตัวไม่อยู่ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ..ใบหน้าขาวรู้สึกร้อนวูบวาบ เลือดในกายสูบฉีดเสียเต็มที ภายในหัวไม่คิดอะไรทั้งนั้น มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเรียกซะแล้ว
“จะหน้าแดงทำไม.....ไปหาหมอได้แล้ว ..........”
“อ่ะ....อื้ออออ........”
อีกฝากหนึ่ง ณ บริเวณเดียวกัน
“หมอครับ...เพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง!
..” หลังจากที่พาร่างอวบๆของเพื่อน? ส่งเข้าห้องตรวจได้ซักพัก หมอหนุ่มในชุดกราวน์สีขาวก็ออกมา คยูฮยอนรีบปรี่ไปจับที่ต้นแขนของหมอ ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างร้อนรน
“ตอนนี้คนไข้ ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ..เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายอ่อนแอมาก รวมถึงยังมีไข้ขึ้นสูง ยังไงวันนี้คงต้องนอนที่โรงพยาบาลไปก่อนเพื่อดูอาการนะครับ” หมอหนุ่มพูดจาอย่างสุภาพพลางจับที่บ่าของหนุ่มรูปงามไว้
“ครับ........งั้นช่วยย้ายไปที่ห้องพิเศษด้วยนะครับ..ผมจะเฝ้าเค้าเอง”
“ได้ครับ....”
หลังจากที่คุณหมอก้าวเดินจากไปแล้ว คยูฮยอนก็ทิ้งตัวนั่งกับเก้าอี้ ปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามสภาพกายของตัวเอง ใบหน้าคมเงยมองผนังฝ้าสีขาวสะอาดตา ... รู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกซ้ายมันบีบรัดแปลกๆ ..... เพราะอะไรกัน... ทำไมผมต้องรู้สึกผิดแบบนี้ด้วย
หลังจากที่เดินหาห้องพยาบาลในโรงเรียนอยู่นาน.....อนึ่งอาจเป็นเพราะโรงเรียนแห่งนี้มันกว้างเกินไปละมั้งเค้าถึงหามันไม่พบ ......คยูฮยอนเลยตัดสินใจพาซองมินมาที่โรงพยาบาลแทน ...ในชีวิตจริง เค้าไม่จำเป็นต้องแคร์ด้วยซ้ำว่าคนๆนี้จะเป็นหรือตาย ..แต่มันเพราะอะไรล่ะที่ทำให้เค้าเป็นห่วงซองมินได้ถึงขนาดนี้ .....เพราะซองมินเป็นเพื่อนทงเฮงั้นเหรอ ...เหตุผลข้อนี้มันอาจจะใช่ ....แต่มันก็คงไม่ทั้งหมด ...ซึ่งตัวเค้าเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
มือแกร่งล้วงเข้าไปในกางเกงแสลคสีเข้มของตัวเอง แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา นิ้วยาวเรียวกดไปยังหน้าจอมือถืออยู่หลายทีก่อนจะยกขึ้นมาแนบหู
“ครูใหญ่ครับ....วันนี้ผมกับลีซองมิน ขอไม่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ของโรงเรียนนะครับ”
“โอเคครับ...ขอบคุณมากครับครูใหญ่”
แน่นอนว่าเรื่องแค่นี้สำหรับเค้ามันเล็กน้อยมาก... อำนาจของพ่อเค้ามันใหญ่ล้นประเทศขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ตามแต่ ก็คงไม่กล้าหือ
“เฮ้ออ............นายนี่ไม่อายหมอเค้าบ้างเหรอไง เล่นแหกปากลั่นโรงพยาบาลซะขนาดนั้น” หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว ฮยอกแจก็เอ่ยปากดุ ก็ตอนที่หมอเค้าเทน้ำยาอะไรซักอย่างใส่ ไอ้คนอวดดีนี่ก็ร้องครวญครางจะเป็นจะตายให้ได้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เจ็บซักนิด
“นายไม่เจ็บแต่ชั้นเจ็บนี่นา...ของนายน่ะมันแค่หลังมือ แต่ของชั้นน่ะมันทั้งฝ่ามือเลยนะโว้ยย!!!” ไม่ว่าเปล่ายังโชว์ฝ่ามือขวาของตัวเองให้คนขับรถดูเป็นขวัญตา
“ก็แค่เป็นรอยลอกนิดเดียวเอง....เดี๋ยวมันก็หาย..”
“ถ้ามันไม่หาย เดี๋ยวชั้นจะกระโดดเตะตูดนายเลยคอยดู”
“ทีอย่างนี้ล่ะเก่ง .....”
“ชิ.....แล้วไอ้เพื่อนตัวดีของนาย หายหัวไปไหนซะแล้ว คงไม่ได้ตามไปนอนห้องพยาบาลกับซองมินหรอกนะ” เพราะคำพูดของทงเฮ ทำให้ฮยอกแจต้องฉุดคิดว่าเค้าเผลอลืมเพื่อนตัวแสบไว้แล้วจริงๆ ร่างแกร่งรีบสวมใส่บลูทูธที่หู ก่อนจะกดโทรออก ไม่นานเสียงสัญญาณ ตื้ดๆๆ...ก็แปรเปลี่ยนเป็นคำพูดที่ดูร้อนรนของคนปลายสาย
“เฮ้ยมึง..ซองมินไม่สบายว่ะ”
“กูรู้แล้ว....แล้วนี่มึงอยู่ไหน......” ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคยูฮยอนต้องทำน้ำเสียงร้อนใจแบบนี้ด้วย ใครๆก็รู้ว่าซองมินกำลังป่วย แล้วตอนนี้ก็คงนอนอยู่ที่ห้องพยาบาล
“กูอยู่โรงพยาบาลคังเซ ...กูพาซองมินมาโรงพยาบาล”
“เฮ้ยย..แล้วซองมินเป็นอะไร!!”
“เอ่อ.คือ.....กูไม่รู้ว่ะ ตอนกูเดินตามเค้าออกไปจะเข้าห้องน้ำ กูเห็นเค้าเป็นลม แต่กูหาห้องพยาบาลไม่เจอ กูเลยพาเค้ามาส่งโรงพยาบาล แต่ตอนนี้หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ให้นอนโรงพยาบาลไปก่อน ” เค้ารู้ว่าสิ่งที่เค้าพูดออกมา ล้วนแล้วแต่เป็นคำโกหก เพราะเค้าเองไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายกันไปใหญ่ .....รู้ว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ....แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว ...บางทีซองมินก็คงคิดเหมือนกับเค้า
“แล้วทำไมมึงไม่พาซองมินมาหากูก่อน!”
“ ก็กูกลัวซองมินเป็นอะไรนี่หว่า..อีกอย่างห้องน้ำกับโรงอาหารมันก็ห่างกันคนละโยชน์”
“แล้วนี่มึงจะเอายังไง”
“กูจะนอนเฝ้าซองมินที่นี่......ส่วนเรื่องโรงเรียน ช่างแม่งเหอะ กูเคลียร์กับครูใหญ่เรียบร้อยแล้ว”
“เออแม่ง...กูก็เบื่อโรงเรียนเหมือนกัน”
“ก็ไม่ออกมาว่ะ อยู่ทำซากอะไร ... พ่อมึงก็ใหญ่ไม่ใช่เหรอ...หรือเค้าไม่รู้ว่ามึงเป็นลูกใคร”
“เออ...บอกไปเดี๋ยวก็แม่งมาประจบสอพอกูอีก กูรำคาญ งั้นมึงช่วยบอกแทนกูกับทงเฮด้วย กูจะได้ไม่เข้าโรงเรียน”
“ได้ๆ ...... แต่มึงกับทงเฮนี่ไวไฟดีนะ .....กูไม่ได้เห็นมึงรักคนมานานแล้วนะฮยอกแจ.....ท่าทางทงเฮสุดสวยคงต้องมีอะไรเด็ดๆแน่”
“เงียบปากไปเลยไอ้เวร....เดี๋ยวกูจะแวะไปเยี่ยมซองมินนะ แล้วมึงน่ะ ..อย่าไปทำอะไรเค้าล่ะ ซองมินเค้าสะอาด ไม่สมควรกับมึงหรอก.!!!...”
“โอ๊ยย กูรู้น่า..... หวงๆจริงนะซองมินเนี่ย แฟนมึงน่ะทงเฮไม่ใช่เหรออ...”
“กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว ....แค่นี้นะเว้ย!!! “
ฮยอกแจบ่นอย่างอารมณ์เสียก่อนจะกระชากบลูธูทออกจากหู ตาคมหันไปจ้องคนน่ารักที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะเอยเสียงเรียบออกมา
“ไม่ต้องไปเข้าไอ้ค่ายบ้าๆนั้นแล้วนะ ...เดี๋ยวชั้นจะพานายไปหาซองมิน”
“ซองมินเป็นอะไร !!....” ทงเฮพูดหน้าตื่นๆ ยิ่งได้ฟังสิ่งที่ฮยอกแจพูดคุยกับคยุฮยอนเมื่อครู่ก็พอจะเดาออกอยู่บ้างว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นกับซองมิน
“คงไม่สบายหนัก ...ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลคังเซ”
“นายรีบพาชั้นไปหาซองมินเลยนะ !..”
ร่างกายซีดเซียวของคนไร้สติที่นอนซมอยู่บนเตียงคนไข้มานาน จู่ๆกลับรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่กำลังรินรดอยู่บริเวณหน้าผากของตัวเอง ซองมินค่อยๆปรือตาขึ้นมา มืออวบอิ่มค่อยๆยกขึ้นไปสัมผัสหน้าผากที่เปียกชื้นของตน ดั่งกับว่ามีคนมาเช็ดหน้าผากให้เค้าด้วยน้ำอุ่นๆอย่างนั้นแหละ แต่ทว่า เมื่อมองดูซ้ายขวา กลับไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิต คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม กับสิ่งที่ตนกำลังสงสัย ซองมินกระพริบตาปริบๆอีกที ก็เพิ่งมานึกได้ว่า สถานที่ที่ตนเองกำลังนอนอยู่นี้ มันคือโรงพยาบาลนั่นเอง คนไข้น่ารักก้มต่ำไปสำรวจเสื้อผ้าของตนก็พบว่ากำลังใส่ชุดคนไข้อยู่จริงๆ ขณะที่กำลังก้มลงมองอยู่นั้น ดวงตาหวานดันพบเข้ากับร่องรอยแปลกๆที่โผล่ขึ้นมาบริเวณคอเสื้อ...... ..... รอยแดงๆนั่นมัน ....... ซองมินได้แต่นึกคิดในใจ แล้วภาพที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายก็เริ่มไหลเข้ามาในหัวของตัวเองเป็นฉากๆ
“อึก........คยูฮยอน....”
เสียงแหบพร่าว่าพร้อมกับมีน้ำใสๆเริ่มคลออยู่ที่หน่วงตา.........พลันคิดในใจว่า ผู้ชายเลวๆแบบนั้น เค้าจะไม่มีวันญาติดีด้วยเป็นอันขาด ผู้ชายที่ทำให้เค้าต้องแปดเปื้อน ผู้ชายที่ทำให้เค้าต้องนึกรังเกียจร่างกายอันแสนสกปรกของตนเอง
“แกร๊ก แอดดด...............อ้าว ! ตื่นแล้วเหรอครับ........ซองมิน”
ซองมินหันควับไปตามแหล่งกำเนิดเสียงทันที ผู้ชายที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพชุดนอนลายทางแสนหรู ...... คนป่วยเริ่มกัดปากตัวเองจนมันห้อเลือด ก่อนจะเอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแหบลงทุกที
“ออกไปเดี๋ยวนี้!!!......”
“อะไรกัน ซองมิน นี่ฉันเป็นห่วงนายนะ” ร่างสูงพูดจาอย่างสุภาพ แล้วก้าวเดินเข้ามาใกล้คนป่วยเรื่อยๆ
“ออกไปเลย... ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” ซองมินเอ่ยไล่ด้วยสรรพนามที่ดูห่างเหิน พรางเริ่มถดตัวเอง ให้หนีห่างจากคนตรงหน้า น้ำตาแห่งความกลัวว่าคยุฮยอนจะทำอะไรอีกก็ไหลแหมะออกมาไม่หยุด ..... คยูฮยอนยืนนิ่ง เมื่อเห็นสภาพของคนน่ารัก แววตาสวยหวานสั่นระริกเพราะความกลัว ร่างกายอวบอิ่มน่ากินเองก็สั่นเทาแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่ซองมินกลัวเขาขนาดนั้นเลยหรือไง ?
“ซองมิน.......ฉันไม่ได้ตั้งใจ .” ร่างสูงพูดเสียงเบาหวิว
“ฮึก ฮือๆ.......อย่าเข้ามานะ ฮือๆๆ ได้โปรด อย่าทำอะไรผม......” ซองมินร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้แน่น แล้วซุกหน้าลงไปทั้งอย่างนั้น แต่สายตาที่หวาดกลัวก็ยังเฝ้ามองคนใจร้ายคนนั้นอยู่
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย...ฉันแค่มาดูแลนาย...ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำอะไรนายอีกแล้ว..โอเคไหม ?” ว่าให้คนป่วยคล้อยตาม พลางก้าวเดินเข้ามาชิดเตียงคนไข้อีกครั้ง คยูฮยอนหย่อนก้นนั่ง ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบศรีษะคนน่ารัก แต่ซองมินกลับสะดุ้งโหยงไปทั้งกาย พร้อมกับเขยิบหนี ทำตัวลีบตัวแบนกว่าเดิมซะอีก
“อย่ามาแตะต้องผม ฮึก..ฮือๆ.....” ร้างทั้งร่างสั่นจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ทำไมเค้าถึงรู้สึกกลัวคนตรงหน้าเหลือเกิน
“เลิกร้องได้แล้วซองมิน.......พักผ่อนเถอะนะ” คยูฮยอนมองคนป่วยอย่างแสนห่วง
“ ฮือๆ....ออกไป......”
“ฉันขอโทษ........” ร่างสูงลุกขึ้นเต็มความสูงแต่ก็ยังไม่ออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้ เค้ายังคงเฝ้ามองคนป่วยที่นั่งตัวสั่นอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
.....
............
....................
............................
“ซองมิน เป็นยังไงบ้าง !!............” เสียงพรวดพราดของคนนอกที่บุกเข้ามา ทำเอาคยุฮยอนและซองมินต้องหันไปมอง........... และก็ไม่ต้องนึกให้นานว่าเป็นใคร
“ทงเฮ !!.........” เพื่อนรักทั้งสอง โผกอดเข้าหากันแน่น ซองมินซุกหน้าลงกับไหล่เล็กของเพื่อน ก่อนจะปล่อยให้น้ำตามากมายไหลออกมามากกว่าเดิม ทงเฮลูบแผ่นหลังที่สั่นเทิ้มของคนป่วยเพื่อปลอมปละโลม ถึงแม้ว่าเค้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
“นายเป็นอะไร ?...”
“ฮึกๆ....ฉันกลัว....ฉันกลัวจังเลยทงเฮ .ฮือๆ.....”
“คยูฮยอน...มึงออกมาคุยกับกูหน่อย !!..” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากถามต่อ จู่ๆเสียงของฮยอกแจก็ดังขัดขึ้น พร้อมทั้งกระชากคอของคยูฮยอนออกไปนอกห้อง แต่ถึงกระนั้นทงเฮก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่ก็ในเมื่อเค้าเป็นห่วงซองมินที่สุด
“ซองมินกลัวอะไร....ฉันอยู่นี่ทั้งคน....ไม่ต้องกลัวอะไรนะ”
“กลัว....ฮึก.....กลัว.........” ซองมินเอาแต่พร่ำเพ้อว่ากลัวจนทงเฮนึกแปลกใจ....อะไรกันที่ทำให้ซองมินต้องกลัวขนาดนั้น
“กลัวอะไรซองมิน......” ทงเฮผละซองมินออกจากไหล่ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เพื่อน พร้อมทั้งจับไหล่อันสั่นเทาของซองมินไว้ทั้งสองข้าง ทงเฮมองตรงไปที่ดวงตาอันสั่นระริกของคนป่วย แววตาที่แสนเจ็บปวดแบบนั้น มันคืออะไร นี่ซองมินที่น่ารักของเค้าเป็นอะไรกันแน่
“กลัวๆ.....ฮึก....ฉันกลัว.....” คนป่วยยังไม่ยอมบอกว่ากลัวอะไร ใช่ แม้มันอยากจะบอก แต่ว่าก็แสนอายตัวเอง ถ้าคนอื่นได้รู้ว่าร่างกายของเค้ามันไม่บริสุทธิ์แล้ว ...แม้นทงเฮจะเป็นเพื่อนรัก เค้าก็ยังอายอยู่ดี เค้าไม่อยากให้ใครรับรู้ทั้งนั้นว่าบัดนี้ร่างกายของเค้ามันแปดเปื้อนแล้ว
“งั้นเดี๋ยวค่อยบอกฉันทีหลังก็ได้ ถ้านายพร้อม....แต่ตอนนี้นายป่วยอยู่นะ พักผ่อนซะเถอะ”
“ทงเฮอยู่กับฉันนะ......อยู่เป็นเพื่อนซองมินนะ ฮือๆ” แม้จะเอนตัวนอนราบไปกับเตียงแล้ว แต่ซองมินก็ยังจับมือทงเฮไว้แน่น ยามเมื่ออยู่กับทงเฮ เค้ารู้สึกว่าเค้าปลอดภัยที่สุดแล้ว
“อ่า...ได้สิ........นี่คยูฮยอนก็กะจะนอนเฝ้านายเหมือนกันนะ”
“ไม่เอา.....ฮือๆ.....ไม่ได้นะ.....” คนป่วยส่ายหัวรัว พร้อมกับท่าทีปฏิเสธเต็มที
“ทำไมล่ะ.ก็ตอนนายเป็นลม คยูฮยอนเค้าพานายมาส่งโรงพยาบาลเลยนะซองมิน .....” ก็หลังจากที่ฮยอกแจเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนดีจริงๆ แม้นิสัยภายนอกจะดูเจ้าชู้ประตูดินเกินไปก็เถอะ
“ยังไงก็ไม่.....ฉันอยากให้ทงเฮ นอนเฝ้าฉันแค่คนเดียว ฮือๆๆ”
“อ่าก็ได้.......แต่เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำที่คอนโด ก่อนได้ไหม... อาบเสร็จเดี๋ยวรีบมานอนเป็นเพื่อนเลย”
“เอางั้นก็ได้..แล้วเรียวอุคล่ะ..ฮึก..เรียวอุคไปไหน ?...”
“เรียวอุคติดอยู่ที่โรงเรียนน่ะ..พี่เยซองไม่ให้ออกมา...ส่วนฉันกับฮยอกแจที่ออกมาได้เพราะคยูฮยอนไปขอร้องครูใหญ่ไว้”
“งั้นทงเฮรีบไปอาบน้ำเถอะ..แล้วรีบมาหาซองมินนะ ซองมินจะรอ” คนป่วยที่อาการค่อยยังชั่วเอ่ยกับเพื่อนรักก่อนจะปล่อยมือออก..ทงเฮส่งยิ้มให้บางๆ แล้วก้าวเดินออกไป
“แล้วฉันจะรีบมานะ!!”
โอ๊ยย โดนโกรธแน่ๆเลยย ขอโทษนะค่ะ ㅆㅆ
ความคิดเห็น