ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Blood of Moonlight ราชันย์แห่งแสงจันทร์สีเลือด

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 ไดเมียว #1

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 58


     
     6

     

          หลังจากร่ำลากับเซโจเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เดินเข้าสู่ประตูนรกอีกครั้ง แค่ยังไม่ทันเปิดประตูบ้าน ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังออกมาซะแล้ว เมื่อไรฉันจะได้ไปจากที่นี่สักทีนะ ให้ตายสิ!
    "แกมันเกาะผู้หญิง วันๆเอาแต่กินเหล้า!!!"
    "โถ่...จะบ่นอะไรหนักหนา ยิ่งแก่ยิ่งหน้าเบื่อ"
    เสียงของป้าแมรี่กับสามีนั่นเอง ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาชื่ออะไร และก็ไม่คิดจะรู้ด้วย อีกอย่างพวกเขาสองคนก็ไม่เคยหันมามองฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันรีบเดินผ่านเขาทั้งสองคนไปโดยไม่ทักทายเพราะไม่อยากจะขัดจังหวะการทะเลาะของพวกเขา ขืนฉันอยู่ตรงนี้อีกไม่เกินสามนาที ฉันจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ


    ฉันเปิดเสียงเพลงให้ดังที่สุดเพื่อกลบเสียงน่ารำคาญทั้งหลาย ก่อนจะหยิบหนังสือที่ยับเยินเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน 'ราชันย์แห่งแสงจันทร์สีเลือด'
         ฮารุมะ ชินโซ บุรุษผู้เป็นตำนานนักรบซามูไรที่สามารถฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม ในคืนวันที่ ชินโซ บุกเข้าไปในพระราชวังเพื่อสังหารจักพรรดิผู้บ้าอำนาจ และเพื่อชิงดาบเรียวคิซาเมะ ในตำนาน แต่เดิมนั้น เป็นหน้าที่ของเหล่าทูตจิ้งจอกที่จะต้องคอยปกป้องรักษาดาบเล่มนี้ไว้ เพราะมันเป็นดาบที่ทรงพลังอำนาจมาก ใครที่ได้ครอบครองดาบนี้จะมีอิทธิฤทธิ์และอำนาจ
    เหนือผู้ใดในโลกและมีชีวิตเป็นอมตะ 
        ทันทีที่ชินโซลอบเข้าในพระราชวังได้ เขาก็ได้พบกับดาบเรียวคิซาเมะ เล่มนั้น แต่ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมานั้นเอง อิมุโนะคุจิ ไดเมียว ทูตผู้สืบทอดหน้าที่รักษาดาบ...ก็ได้เข้ามาขวางไว้
    "ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะเอาดาบเล่มนี้ไปไม่ได้!"
    "หึๆ ทูตจิ้งจอกไดเมียวรึ น่าสนุกนี่" ชินโซพูดพรางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาพุ่งเข้าใส่ไดเมียวที่ยืนขวางอยู่อย่างรวดเร็ว
    การต่อสู้อันดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งคู่ปะทะดาบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และในขณะนั้นเอง มิกะ ยูซายะ ก็ได้เข้ามา 
    "หยุดนะ ชินโซ!!!"
    "มิกะ?!" ไดเมียวใช้จังหวะที่ชินโซเผลอนั้น ฟาดดาบลงที่ใบหน้าของเขา แต่ชินโซไหวตัวทัน ทำให้ปลายดาบเฉียดใบหน้าเขาเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็นจากดวงตาข้างซ้าย แต่ชินโซก็ไม่ยอมแพ้เขาใช้ดาบของตัวเองเสียบทะลุร่างของไดเมียว จนไดเมียวไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหามิกะ 
    "เจ้าทรยศข้า!!!" เขาหันดาบไปที่มิกะและตะโกนใส่หน้าเธอ ขณะที่อีกมือกำลังกุมใบหน้าที่โชคเลือดอยู่
    "ข้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง!"
    "หึหึ...งั้นข้าจะสนองความถูกต้องให้เจ้าเอง!" 
    "ชินโซ กลับออกไปซะ" เธอพยายามขัดขวางเขาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะชินโซ สามารถฝ่าทะลุม่านพลังของมิกะเข้ามาประชิดตัวของเธอได้
    "อ๊ะ...?!!"
    "หลับไปซะ" เสียงของชินโซที่กระซิบที่ข้างหูของเธอ ก่อนที่ร่างของหญิงสาวสลบไป โดยมีอ้อมกอดของเขารับตัวเธอเอาไว้และค่อยๆวางเธอลง ก่อนจะไปชิงดาบออกมา

         เมื่อเขาเข้ามาถึงท้องพระโรงซึ่งเป็นที่ประทับชองจักพรรดิเคนโซ ผู้บ้าอำนาจ ร่างที่โชคเลือดนั้นบุกเข้าไปโดยไม่เกรงกลัวเพราะดาบที่เขาถืออยู่ในมือนั้นคือดาบเรียวคิซาเมะ แค่ตวัดดาบเพียงครั้งเดียว เหล่าทหารที่เฝ้าอารักษ์ขาองค์จักพรรดิก็พากันล้มตายเหมืออนหญ้าที่ถูกลมพายุซัดกระหน่ำ ไม่มีใครจะหยุดเขาได้อีกแล้ว
    "กะ แกต้องการอะไร เงินเหรอ...จะเอาเท่าไร บอกมาสิ ขออย่างเดียวอย่าฆ่าฉันเลยนะ" จักพรรดิร้องอ้อนวอนเขา 
    "แกมันน่าสมเพช...นั่งกินนอนกินอยู่บนความยากลำบากของชาวบ้าน คนอย่างแก มันไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่!"
    พูดจบเขาก็ฟันดาบตัดศรีษะและปลิดชีวิตของจักพรรดิในทันที...

         
        นั่นเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ยังไม่มีใครเคยพิสูจน์ความจริงว่าดาบเล่มนั้นมีอยู่จริงไหม แต่คนที่รู้เรื่องนี้ก็ได้เล่าต่อกันมาจนมีนักเขียนคนนึงหยิบเอาเรื่องของซามูไรคนนี้ออกมาเขียนเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งหนังสือการ์ตูนและนิยายวางขายตามตลาดทั่วไปโดยไม่มีใครรู้เลยว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่?

    เช้าวันต่อมา

         เริ่มต้นกับวันที่แสนจะหน้าเบื่ออีกวัน เซโจลากฉันเข้าไปเรียนจนได้ ให้ตาสิ เขาเริ่มจะทำตัวเหมือนพ่อฉันเข้าไปทุกวันแล้วนะ แต่ถึงฉันจะไม่ค่อยพอใจ ก็ต้องยอมรับว่าเขาทำถูกแล้วที่บังคับฉันให้เข้ามานั่งเรียนกับบรรดานกแก้ว นกขุนทองเหล่านี้ 
    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ นักเรียน...วันนี้ห้องของเราจะมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามานะ" อาจารย์มิซากิกล่าวแนะนำเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า
    มา เด็กหนุ่มรูปร่างสูง ไว้ผมสีเงินระต้นคอและนัยน์ตาสีเหลืองอ่อนนั้น ดูคุ้นตาเหมือนกับ...
    "นาย?!" ฉันเผลอลุกขึ้นชี้หน้าเขาก่อนจะหลุดปากออกไป ทำเอาคนในห้องพากันมองฉันเป็นตาเดียว
    "อ้าว เฌอเบลรู้จักกันเหรอจ๊ะ งั้นดีเลยอินุอิคุง ไปนั่งข้างๆเฌอเบลนะจ๊ะ" 
    "มะ ไมใช่แบบนั้นะคะ คือว่า..."
    "เอาล่ะ เรามาเริ่มเรียนกันเลยนะ"
         ฉันพยายามจะคัดค้านแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครฟังฉันเลย ฉันเหลือบหางตาไปมองหมอนั่นที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ ดูท่าทางเขาจะชอบใจเอามากๆที่ทำฉันหัวเสียได้
    "นายคิดจะทำอะไรกันแน่?" ฉันกระซิบถามเขา
    "ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันต้องให้เธอช่วยน่ะ"
    "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่นายต้องมาเรียนที่นี่ด้วย!"
    "ไว้จะอธิบายให้ฟังทีหลังนะ" พูดจบเขาก็ยิ้มหน้าตาเฉย เหมือนไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอะไร ขณะที่ฉันกลับรู้สึกสับสนและเริ่มจะกังวลกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับคำถามที่คาใจ 'เขาต้องการอะไรกันแน่?'

    หลังเลิกเรียน

         ฉันพยายามหลบจากพวกของเซโจ และลากนายจิ้งจอกนั่นกลับบ้านมาด้วย เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันแทบไม่ต้องเอ่ยปากขออะไรทั้งสิ้น เพราะป้าแมรี่กำลังง่วนกับการเก็บกวาดบ้านยิ่งรกว่ารังหนูอยู่น่ะสิ 
    "เอาล่ะ ทีนี้พูดมาได้ละ"
    "อันที่จริง เราเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว เธอรู้สึกไหม?"
     
         ฉันค่อยๆนึกย้อนไปถึงความฝันครั้งนั้น ตอนที่หนังสือเล่มนั้นถูกฉีกและฉันก็นั่งต่อมันจนเหมือนเดิม ก่อนจะเผลอหลับไปหรือนั่นจะไม่ใช่ความฝัน?

    "ข้าคืออิมุโนะคุจิ ไดเมียว เป็นทูตจิ้งจอกผู้สง่างาม"
    "ข้ามาตามหาเจ้าซามูไรโอหังที่มันขโมยของสำคัญของข้าไป"
    "ของสำคัญ?"
    "ดาบปิศาจ เรียวคิซาเมะ "

     
    'นั่นคือสิ่งที่ข้าเป็นคนทำ ข้าสามารถเข้าไปในจิตของเจ้า เข้าไปอยู่ในความฝันของเจ้าและทำใหเจ้าเห็นในสิ่งที่ข้าอยากให้เห็น ให้เจ้ารู้ในสิ่งที่เจ้าควรรู้'
          
         เสียงของไดเมียวดังก้องในหัวฉัน จนฉันเริ่งสับสน ทั้งๆที่เขายังอยู่ตรงหน้าฉันแต่เสียงของเขากลับดังก้องในหัว
    ขณะที่เขาไม่ได้เปิดปากพูดเลยสักนิด ไม่นานนักฉันก็เริ่มรู้สึกสลึมสลือ เหมือหัวฉันที่ถูกเหวียงไปมากำลังจะสงบลง
    "ฉันเพิ่งถอดจิตจากเธอ อาจจะรู้สึกมึนเล็กน้อย เหมือนเพิ่งตื่นนอนน่ะ "
    "นายเข้ามาในหัวฉัน นายทำได้ยังไง?"
    "เพราะฉันเป็นทูตจิ้งจอก" เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ 
    "นายจะให้ฉันช่วยอะไร ไดเมียว"
    "ก่อนอื่น เรียกข้าว่าอีวาน และห้ามบอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด" 
    "ทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอกด้วย?"
    "เพราะเจ้าอยากรู้ความจริง" 
     "..." ใช่ ความจริง...สิ่งที่เราอยากรู้ เขาอาจมีคำตอบสำหรับมัน 
    "อีกสามวัน จะถึงคืนจันทร์เต็มดวง ประตูมิติของโลกอดีตจะเปิดอีกครั้ง ข้าอยากให้เจ้าไปกับข้า"
    "ฉันจะไปกับนาย ถ้านายสัญญาจะบอกความจริงทั้งหมดกับฉัน"
    "..." เขานิ่งครุ่งคิดอยู่ครู่นึง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน "ได้ ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า"
    "งั้นตกลง ตามนั้น"  

        หลังจากเราคุยกันแล้ว อีวานก็ขอร้องฉันให้เขาพักที่ห้องฉันเพราะเขาไม่มีที่จะไป เขาสามารถแปลงร่างได้ อ่านจิตใจ คนอื่นได้หรือแม้กระทั่งควบคุมมัน แต่เขาไม่สามารถหาที่อยู่ให้ตัวเองได้ ฉันได้แต่คิดในใจแต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้เค้าพักอยู่กับฉัน 
    "นายต้องนอนตรงนี้นะ" ฉันพูดพรางชี้ไปที่ฟูกที่วางกองอยู่กับพื้น พร้อมกับหมอนและผ้าห่ม อีวานมองหน้าฉันก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับเบ้ปากเหมือนเด็กๆ
    "ฉันจะนอนบนเตียง"
    "มันจะมากไปแล้วนะ นายเป็นผู้ชาย จะมานอนร่มเตียงกับฉันได้ยังไง?!"
    "เมื่อก่อน เจ้าไม่เคยรังเกียจข้าเลยนะ ซายะ"
    "นั่นมันอดีต ตอนนี้ฉันไม่ใช่ ซายะ" ฉันพูดพร้อมกับชี้ให้เขาลงไปนอนแต่หมอนั่นกลับกระโจนขึ้นมาบนเตีบงฉัน 
    ฟลุ่บ! ร่างของเขาผลักให้เราล้มลงนอนบนเตียงพร้อมกัน 
    "ฮ้าาาาา นุ่มจัง"
    "นี่นาย!" ฉันกำลังจะหันไปว่า แต่หมอนั่นก็ชิงหลับซะก่อน ทำเป็นไม่ได้ยินที่ฉันพูด ทำให้ฉันต้องยอมนอนไปทั้งๆอย่างนั้น 
    "ราตรีสวัสดิ์ นายจิ้งจอก" ฉันพูดพรางมองหน้าเขาที่หลับตาพริ้มเหมือนเด็กๆ ใบหน้าของเขาดูสวยจริงๆ ทั้งจมูก ดวงตาและเส้นผมสลวที่ถึงแม้จะถูกตัดให้สั้น แต่เขาก็ยังดูงดงาม ตอนนี้เขาดูเหมือนคนบนโลกนี้จริงๆ ใครจะไปเชื่อล่ะว่านี่คือ 'อิมุโนะคุจิ ไดเมียว' ทูตจิ้งจอกในตำนาน...


         

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×