ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { R O S E } JINHYE #bnior #therosebn

    ลำดับตอนที่ #4 : 0 4 [แก้คำผิด]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 58


    04

     

    “จินฮเย” เสียงคุ้นหูดึงความสนใจเด็กน้อยไปจากหนังสือตรงหน้า “อ่านอะไรอยู่รึ ?” พร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปให้อย่างเคยชิน

     

    “ไม่รู้เหมือนกันครับ” เด็กชายตอบ “ผมยังอ่านไม่คล่อง”

     

    “อ้าว แล้วนั่งอ่านทำไม ?” แจบอมถามอย่างไม่เข้าใจ “ใครแกล้งอีกหรือ ?”

     

    “เปล่าครับ” จินฮเยไม่ยอมตอบ

     

    “ยูคยอม ? ชยอนู ??” แจบอมเอ่ยชื่อญาติผู้พี่ที่มักจะชอบแกล้งจินฮเยเป็นประจำ

     

    “พวกเขาหาว่าผมเป็นเด็กผู้หญิง” จินฮเยยอมฟ้องในที่สุด “พอผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาก็หาว่าเถียง ผมโดนลงโทษให้มาอ่านหนังสือที่นี่ครับ”

     

    แจบอมหัวเราะ ทั้งคู่ต่างก็โตๆกันแล้วแต่ยังชอบแกล้งเด็กสิบสองขวบ โตแต่ตัวกันจริงๆ

     

    “ฉันได้หนังสือมาจากญี่ปุ่นเลยเอามาให้” แจบอมยื่นถุงผ้าสีซีดให้จินฮเย มือน้อยรับมาก่อนจะรีบเปิดอย่างตื่นเต้น “ฉันอ่านหนังสือให้เธอฟังบ่อยแล้ว ฉันไม่เก่งญี่ปุ่นเท่าไร อ่านให้ฟังบ้างได้หรือเปล่า ?”

     

    จินฮเยพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วก่อนจะกางหนังสือลงกับพื้นหญ้า แจบอมนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ลวดลายสวย หลายครั้งที่เผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวกับความน่ารักและไร้เดียงสาของเด็กน้อย

     

     

     

    “ฮื่อ. . . . . . . .” จินฮเยลืมตาไม่ขึ้นในเช้าวันต่อมา

     

    เด็กชายพยายามนึกย้อนกลับไป คงเป็นตอนหัวค่ำที่เขาโดนแกล้งให้วิ่งตากฝนโดยสองพี่น้องนั่น ยูคอมกับชยอนู

     

    สองพี่น้องตัวสูงที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่กลับร่วมมือสามัคคีกันแกล้งเขาได้ดีเหลือเกิน และตอนนี้ก็คงสมใจสองคนนั้น

     

    จินฮเยไม่สบายหนักแล้ว

     

    “จะนอนทั้งวันเลยไหมล่ะ” เสียงหมั่นไส้จากตัวร้ายในความคิดจินฮเยคนน้องดังขึ้นนอกห้อง เงาสองคนนั้นทอดผ่านประตูไม้ที่ปิดด้วยกระดาษขุ่นแบบหนา “ปาร์คจินยอง ฉันบอกให้ตื่นไง”

     

    จินฮเยไม่มีแรงตอบ ร่างเล็กได้แต่ขดตัวซุกกับผ้าห่มหนาแน่นขึ้น

     

    เสียงเปิดประตูดังตามมา คนที่ก้าวเข้ามาก่อนคือตัวร้ายคนพี่ในความคิดเด็กชาย

     

    “เป็นอะไรน่ะ ?” ชยอนูถามพลางขมวดคิ้วมองปากอิ่มแดงก่ำที่เหยอออกอย่างไม่เข้าใจ “ไม่สบายหรอ ?”

     

    จินฮเยไม่มีแรงพูด

     

    “เพราะพวกเราแกล้งเจ้านี่เมื่อค่ำหรือเปล่าพี่ชยอนู ?” ยูคยอมถามอย่างกังวล “ท่านลุงต้องโกรธมากแน่เลย”

     

    “ไปตามหมอมา จินฮเยตัวร้อน” เจ้าของชื่อชะงัก ปกติแล้วเขามักจะถูกเรียกว่าปาร์คจินยอง และทุกครั้งที่เขาพยายามบอกให้สองคนนี้เรียกเขาว่าจินฮเย มันก็ไม่สำเร็จทุกครั้งไป

     

    เขาไม่ชอบชื่อจินยอง ไม่ชอบสักนิด

     

    ใครๆก็ไม่ชอบปาร์คจินยอง

     

    เขาอยากเป็นแค่จินฮเย แค่เด็กชายชาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง

     

    “ขอโทษนะ” เสียงกระซิบเบาๆทำให้จินฮเยตื่นจากภวังค์ “ขอโทษที่แกล้งแรงไปหน่อย”

     

    คนนี้ก็แปลกคน

     

    ตกลงว่าจะชอบ หรือจะไม่ชอบหน้าเขากันล่ะเนี่ย คนบ้านนี้น่ะ ?

     

     

     

    ยูคยอมและชยอนูถูกคาดโทษไว้ว่าเมื่อกลับมา ประมุขของบ้านจะลงโทษสองเด็กซนจนหลาบจำเลยทีเดียว

     

    “ขอโทษนะ” สองตัวร้ายในความคิดของจินฮเยนั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างฟูกนอน “นายน่าแกล้งนี่นา”

     

    จินฮเยคิดว่าสองคนนี้คงมาขอโทษเพราะอยากให้เขาช่วยจะได้ไม่โดนดุ

     

    “เราอยากเล่นด้วย แต่นายไม่ยอม เราก็เลยแกล้ง” ยูคยอมกระพริบตาปริบ “อย่าโกรธเราเลยนะจินฮเย จะให้ท่านลุงดุหรือตีหรือทำโทษอะไรเราก็ได้ แต่อย่าโกรธเราสองคนเลยนะ”

     

    น้ำเสียงรู้สึกผิดนั่นทำให้เด็กชายลังเลใจ

     

    คนเกาหลีเขาจะขี้โกหกกันทุกคนไหมนะ ?

     

     

     

    จินฮเยนอนซมอยู่ราวสามวัน ถึงกำหนดกลับบ้านของคณะเดินทางพอดี

     

    “ได้ยินว่าโดนแกล้งจนป่วย” แจบอมยิ้มบางเพราะขำกับเสียงโวยวายของสองแสบที่โดนประมุขของบ้านทำโทษอยู่ด้านนอก “เห็นคนขายเขาว่าเป็นของเล่นเด็กญี่ปุ่น ไม่รู้จริงไหม”

     

    “ที่นี่ก็มีเล่น” เด็กชายรับเจ้ากังหันลมสีม่วงอ่อนสบายตามาไว้ในมือก่อนจะค่อยๆพับปลายแหลมของมันลงเป็นรูปร่าง

     

    กังหันกระดาษปกติมักจะมีแค่สี่ใบพัด แต่อันนี้มีเยอะแยะจนจินฮเยขี้เกียจนับ

     

    แม่เขาสอนให้พับเป็นทรงต่างๆมากมาย แต่ทรงที่แม่ชอบที่สุดก็คือกลีบกุหลาบ

     

    “แม่สอน” เด็กชายเงยหน้าหลังจากพับเสร็จ แจบอมพินิจกุหลาบสีม่วงอ่อนที่เคยเป็นกังหันกระดาษอย่างแปลกใจ

     

    ความประณีตและเรียบร้อยในชิ้นงานยากจะเชื่อว่าเด็กสิบสองขวบเป็นคนทำ หากไม่ได้เห็นเจ้าตัวนั่งพับตั้งแต่เมื่อครู่ เขาคงไม่เชื่อง่ายๆ

     

    คนเกาหลีไม่พับกังหันเป็นทรงแบบนี้ เด็กๆชอบเอาไปปักไว้ตามที่ต่างๆให้มันหมุนเวลาโดนลม

     

    กุหลาบม่วงในมือจินฮเยหมุนช้าๆตามสายลมที่โอบอุ้มกลิ่นหอมของดอกมูกุงฮวาเข้ามาในห้อง เสียงโวยวายของสองแสบที่ถูกท่านลุงทำโทษเงียบไปแล้ว

     

    “แม่เธอสอนมาดีนะ” แจบอมมองกุหลาบกระดาษในมือเล็กที่กำลังหมุนทีละน้อย “ที่นี่มีคนที่ไม่รังเกียจเธออยู่มากกว่าที่เธอคิด อย่าเอาแต่อคติจนปิดกั้นมิตรดีๆเสียล่ะ จินฮเย”

     

    เด็กชายมองอย่างเศร้าๆ คนพูดไม่รู้หรอกว่าการอยู่ในบ้านแสนใหญ่โตหลังนี้มันเหงาเพียงใด

     

    “ถึงสองคนนั้นจะชอบแกล้งไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นเด็กไม่ดีไปเสียทีเดียวหรอก” แจบอมมองไปยังยูคยอมและชยอนูที่ลูบขาตัวเองด้วยใบหน้าจะร้องไห้อย่างน่าขัน “ถ้าเปิดใจรับ พวกเขาก็จะไม่แกล้งอะไรเธอ”

     

    “ผมอยากเรียนหนังสือ” เสียงเล็กพูดขึ้น ตามองมาที่คนอายุมากกว่าอย่างเศร้าๆ “แม่บอกว่า การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แม่สอนผมเขียนหนังสือทุกคืน” เมื่อพูดถึงแม่ เสียงสะอื้นเล็กๆก็ตามมาอย่างหนีไม่ได้

     

    แจบอมรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด

     

    “ฉันไม่รู้หรอกว่าที่โน่น เวลามีใครร้องไห้เขาจะกอดปลอบใจกันแบบนี้ไหม” คนแก่กว่าพึมพำ “เดี๋ยวฉันสอนให้ เอาไหม ? ฉันจะมาหาบ่อยๆ แต่เรียนกับฉันนี่ยากนา จะไหวหรือเปล่า ?” ชายหนุ่มถามเปลี่ยนบรรยากาศ

     

    จินฮเยขยี้ตาอย่างน่ารัก เด็กน้อยพยักหน้าแทบจะในทันที

     

    “ทำไมคุณแจบอมใจดีกับผมจัง” จินฮเยมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังห้องใหญ่ที่มีคนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ “ที่นี่ไม่มีใครรักผมเลยสักคน”

     

    เพราะเด็กคนนี้ดูคล้ายกับกุหลาบสีม่วงที่เจ้าตัวเพิ่งพับมันและวางอยู่ข้างกาย

     

    หากแต่งตัวให้ดีเสียหน่อยก็รัศมีจับตา สมกับเป็นนายน้อยของตระกูลปาร์ค ตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากในรั้ววัง แต่เจ้าตัวกลับชอบเสื้อสีมอตัวหนึ่งกับกางเกงแบบชนสามัญ

     

    เมื่อหลายวันก่อน ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ในระหว่างที่รอประมุขของบ้านหลังนี้เตรียมของ เขาเห็นเด็กน้อยกำลังทำอะไรอยู่สักอย่างที่สวนกลางบ้าน ดอกมูกุงฮวาพากันอวดโฉมอย่างไม่น้อยหน้าความงามธรรมชาติของจินฮเย

     

    น่าขัน ความสวยงามของดอกไม้ถูกบดบังไปจากดวงตาของแจบอมทั้งหมด

     

    มันเหลือเพียงความน่ารัก ไร้เดียงสาและอ้างว้างในดวงตาของจินฮเย

     

    กลีบสีขาวชมพูบางๆลอยลงมาตกบนปลายจมูกรั้นที่กำลังตั้งใจกับอะไรบางอย่างตรงหน้า เด็กชายสะบัดมันออกเบาๆก่อนจะประคองนกสีขาวตัวหนึ่งที่มีธนูปักอยู่บนปีกขึ้นมาไว้ในสองมือ

     

    อ่อนโยน ขี้สงสารและบริสุทธิ์

     

    ความงามอย่างเรียบง่ายที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างน่าประหลาด

     

    ไร้การแต่งแต้ม

     

    ไร้การปกปิด

     

    ราวกับดอกกุหลาบสีม่วงที่ชวนให้เข้าไปค้นหา

     

    อะไรทำให้ดอกกุหลาบจากแดนไกลมีสีที่หายาก มันคงจะน่าคิดหาคำตอบพอๆกับเด็กคนนั้น

     

    แจบอมมองร่างน้อยในอ้อมกอดที่กำลังยิ้มให้เขา

     

    ฉับพลัน เสียงเรียกจากห้องใหญ่ตรงกลางบ้านก็ดังมาเป็นสัญญาณว่าสำรับอาหารเย็นถูกตั้งแล้ว

     

    “ไปกินข้าวกัน จินฮเย”

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×