คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 0 4 [แก้คำผิด]
04
“จินฮเย”
เสียงคุ้นหูดึงความสนใจเด็กน้อยไปจากหนังสือตรงหน้า “อ่านอะไรอยู่รึ ?”
พร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปให้อย่างเคยชิน
“ไม่รู้เหมือนกันครับ” เด็กชายตอบ
“ผมยังอ่านไม่คล่อง”
“อ้าว แล้วนั่งอ่านทำไม ?”
แจบอมถามอย่างไม่เข้าใจ “ใครแกล้งอีกหรือ ?”
“เปล่าครับ” จินฮเยไม่ยอมตอบ
“ยูคยอม ? ชยอนู ??”
แจบอมเอ่ยชื่อญาติผู้พี่ที่มักจะชอบแกล้งจินฮเยเป็นประจำ
“พวกเขาหาว่าผมเป็นเด็กผู้หญิง”
จินฮเยยอมฟ้องในที่สุด “พอผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาก็หาว่าเถียง ผมโดนลงโทษให้มาอ่านหนังสือที่นี่ครับ”
แจบอมหัวเราะ
ทั้งคู่ต่างก็โตๆกันแล้วแต่ยังชอบแกล้งเด็กสิบสองขวบ โตแต่ตัวกันจริงๆ
“ฉันได้หนังสือมาจากญี่ปุ่นเลยเอามาให้”
แจบอมยื่นถุงผ้าสีซีดให้จินฮเย มือน้อยรับมาก่อนจะรีบเปิดอย่างตื่นเต้น “ฉันอ่านหนังสือให้เธอฟังบ่อยแล้ว
ฉันไม่เก่งญี่ปุ่นเท่าไร อ่านให้ฟังบ้างได้หรือเปล่า ?”
จินฮเยพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วก่อนจะกางหนังสือลงกับพื้นหญ้า
แจบอมนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ลวดลายสวย
หลายครั้งที่เผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวกับความน่ารักและไร้เดียงสาของเด็กน้อย
“ฮื่อ. . . . . . . .”
จินฮเยลืมตาไม่ขึ้นในเช้าวันต่อมา
เด็กชายพยายามนึกย้อนกลับไป
คงเป็นตอนหัวค่ำที่เขาโดนแกล้งให้วิ่งตากฝนโดยสองพี่น้องนั่น ยูคอมกับชยอนู
สองพี่น้องตัวสูงที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่กลับร่วมมือสามัคคีกันแกล้งเขาได้ดีเหลือเกิน
และตอนนี้ก็คงสมใจสองคนนั้น
จินฮเยไม่สบายหนักแล้ว
“จะนอนทั้งวันเลยไหมล่ะ”
เสียงหมั่นไส้จากตัวร้ายในความคิดจินฮเยคนน้องดังขึ้นนอกห้อง
เงาสองคนนั้นทอดผ่านประตูไม้ที่ปิดด้วยกระดาษขุ่นแบบหนา “ปาร์คจินยอง
ฉันบอกให้ตื่นไง”
จินฮเยไม่มีแรงตอบ
ร่างเล็กได้แต่ขดตัวซุกกับผ้าห่มหนาแน่นขึ้น
เสียงเปิดประตูดังตามมา
คนที่ก้าวเข้ามาก่อนคือตัวร้ายคนพี่ในความคิดเด็กชาย
“เป็นอะไรน่ะ ?”
ชยอนูถามพลางขมวดคิ้วมองปากอิ่มแดงก่ำที่เหยอออกอย่างไม่เข้าใจ “ไม่สบายหรอ ?”
จินฮเยไม่มีแรงพูด
“เพราะพวกเราแกล้งเจ้านี่เมื่อค่ำหรือเปล่าพี่ชยอนู
?” ยูคยอมถามอย่างกังวล “ท่านลุงต้องโกรธมากแน่เลย”
“ไปตามหมอมา จินฮเยตัวร้อน”
เจ้าของชื่อชะงัก ปกติแล้วเขามักจะถูกเรียกว่าปาร์คจินยอง
และทุกครั้งที่เขาพยายามบอกให้สองคนนี้เรียกเขาว่าจินฮเย มันก็ไม่สำเร็จทุกครั้งไป
เขาไม่ชอบชื่อจินยอง ไม่ชอบสักนิด
ใครๆก็ไม่ชอบปาร์คจินยอง
เขาอยากเป็นแค่จินฮเย
แค่เด็กชายชาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ขอโทษนะ”
เสียงกระซิบเบาๆทำให้จินฮเยตื่นจากภวังค์ “ขอโทษที่แกล้งแรงไปหน่อย”
คนนี้ก็แปลกคน
ตกลงว่าจะชอบ
หรือจะไม่ชอบหน้าเขากันล่ะเนี่ย คนบ้านนี้น่ะ ?
ยูคยอมและชยอนูถูกคาดโทษไว้ว่าเมื่อกลับมา
ประมุขของบ้านจะลงโทษสองเด็กซนจนหลาบจำเลยทีเดียว
“ขอโทษนะ”
สองตัวร้ายในความคิดของจินฮเยนั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างฟูกนอน “นายน่าแกล้งนี่นา”
จินฮเยคิดว่าสองคนนี้คงมาขอโทษเพราะอยากให้เขาช่วยจะได้ไม่โดนดุ
“เราอยากเล่นด้วย แต่นายไม่ยอม
เราก็เลยแกล้ง” ยูคยอมกระพริบตาปริบ “อย่าโกรธเราเลยนะจินฮเย
จะให้ท่านลุงดุหรือตีหรือทำโทษอะไรเราก็ได้ แต่อย่าโกรธเราสองคนเลยนะ”
น้ำเสียงรู้สึกผิดนั่นทำให้เด็กชายลังเลใจ
คนเกาหลีเขาจะขี้โกหกกันทุกคนไหมนะ
?
จินฮเยนอนซมอยู่ราวสามวัน
ถึงกำหนดกลับบ้านของคณะเดินทางพอดี
“ได้ยินว่าโดนแกล้งจนป่วย”
แจบอมยิ้มบางเพราะขำกับเสียงโวยวายของสองแสบที่โดนประมุขของบ้านทำโทษอยู่ด้านนอก “เห็นคนขายเขาว่าเป็นของเล่นเด็กญี่ปุ่น
ไม่รู้จริงไหม”
“ที่นี่ก็มีเล่น” เด็กชายรับเจ้ากังหันลมสีม่วงอ่อนสบายตามาไว้ในมือก่อนจะค่อยๆพับปลายแหลมของมันลงเป็นรูปร่าง
กังหันกระดาษปกติมักจะมีแค่สี่ใบพัด
แต่อันนี้มีเยอะแยะจนจินฮเยขี้เกียจนับ
แม่เขาสอนให้พับเป็นทรงต่างๆมากมาย
แต่ทรงที่แม่ชอบที่สุดก็คือกลีบกุหลาบ
“แม่สอน”
เด็กชายเงยหน้าหลังจากพับเสร็จ แจบอมพินิจกุหลาบสีม่วงอ่อนที่เคยเป็นกังหันกระดาษอย่างแปลกใจ
ความประณีตและเรียบร้อยในชิ้นงานยากจะเชื่อว่าเด็กสิบสองขวบเป็นคนทำ
หากไม่ได้เห็นเจ้าตัวนั่งพับตั้งแต่เมื่อครู่ เขาคงไม่เชื่อง่ายๆ
คนเกาหลีไม่พับกังหันเป็นทรงแบบนี้ เด็กๆชอบเอาไปปักไว้ตามที่ต่างๆให้มันหมุนเวลาโดนลม
กุหลาบม่วงในมือจินฮเยหมุนช้าๆตามสายลมที่โอบอุ้มกลิ่นหอมของดอกมูกุงฮวาเข้ามาในห้อง
เสียงโวยวายของสองแสบที่ถูกท่านลุงทำโทษเงียบไปแล้ว
“แม่เธอสอนมาดีนะ”
แจบอมมองกุหลาบกระดาษในมือเล็กที่กำลังหมุนทีละน้อย “ที่นี่มีคนที่ไม่รังเกียจเธออยู่มากกว่าที่เธอคิด
อย่าเอาแต่อคติจนปิดกั้นมิตรดีๆเสียล่ะ จินฮเย”
เด็กชายมองอย่างเศร้าๆ
คนพูดไม่รู้หรอกว่าการอยู่ในบ้านแสนใหญ่โตหลังนี้มันเหงาเพียงใด
“ถึงสองคนนั้นจะชอบแกล้งไปหน่อย
แต่ก็ไม่ได้เป็นเด็กไม่ดีไปเสียทีเดียวหรอก”
แจบอมมองไปยังยูคยอมและชยอนูที่ลูบขาตัวเองด้วยใบหน้าจะร้องไห้อย่างน่าขัน “ถ้าเปิดใจรับ
พวกเขาก็จะไม่แกล้งอะไรเธอ”
“ผมอยากเรียนหนังสือ” เสียงเล็กพูดขึ้น
ตามองมาที่คนอายุมากกว่าอย่างเศร้าๆ “แม่บอกว่า การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ
แม่สอนผมเขียนหนังสือทุกคืน” เมื่อพูดถึงแม่
เสียงสะอื้นเล็กๆก็ตามมาอย่างหนีไม่ได้
แจบอมรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ฉันไม่รู้หรอกว่าที่โน่น
เวลามีใครร้องไห้เขาจะกอดปลอบใจกันแบบนี้ไหม” คนแก่กว่าพึมพำ “เดี๋ยวฉันสอนให้
เอาไหม ? ฉันจะมาหาบ่อยๆ แต่เรียนกับฉันนี่ยากนา จะไหวหรือเปล่า ?”
ชายหนุ่มถามเปลี่ยนบรรยากาศ
จินฮเยขยี้ตาอย่างน่ารัก
เด็กน้อยพยักหน้าแทบจะในทันที
“ทำไมคุณแจบอมใจดีกับผมจัง”
จินฮเยมองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังห้องใหญ่ที่มีคนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ “ที่นี่ไม่มีใครรักผมเลยสักคน”
เพราะเด็กคนนี้ดูคล้ายกับกุหลาบสีม่วงที่เจ้าตัวเพิ่งพับมันและวางอยู่ข้างกาย
หากแต่งตัวให้ดีเสียหน่อยก็รัศมีจับตา
สมกับเป็นนายน้อยของตระกูลปาร์ค ตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากในรั้ววัง แต่เจ้าตัวกลับชอบเสื้อสีมอตัวหนึ่งกับกางเกงแบบชนสามัญ
เมื่อหลายวันก่อน
ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ในระหว่างที่รอประมุขของบ้านหลังนี้เตรียมของ
เขาเห็นเด็กน้อยกำลังทำอะไรอยู่สักอย่างที่สวนกลางบ้าน ดอกมูกุงฮวาพากันอวดโฉมอย่างไม่น้อยหน้าความงามธรรมชาติของจินฮเย
น่าขัน
ความสวยงามของดอกไม้ถูกบดบังไปจากดวงตาของแจบอมทั้งหมด
มันเหลือเพียงความน่ารัก
ไร้เดียงสาและอ้างว้างในดวงตาของจินฮเย
กลีบสีขาวชมพูบางๆลอยลงมาตกบนปลายจมูกรั้นที่กำลังตั้งใจกับอะไรบางอย่างตรงหน้า
เด็กชายสะบัดมันออกเบาๆก่อนจะประคองนกสีขาวตัวหนึ่งที่มีธนูปักอยู่บนปีกขึ้นมาไว้ในสองมือ
อ่อนโยน ขี้สงสารและบริสุทธิ์
ความงามอย่างเรียบง่ายที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างน่าประหลาด
ไร้การแต่งแต้ม
ไร้การปกปิด
ราวกับดอกกุหลาบสีม่วงที่ชวนให้เข้าไปค้นหา
อะไรทำให้ดอกกุหลาบจากแดนไกลมีสีที่หายาก
มันคงจะน่าคิดหาคำตอบพอๆกับเด็กคนนั้น
แจบอมมองร่างน้อยในอ้อมกอดที่กำลังยิ้มให้เขา
ฉับพลัน
เสียงเรียกจากห้องใหญ่ตรงกลางบ้านก็ดังมาเป็นสัญญาณว่าสำรับอาหารเย็นถูกตั้งแล้ว
“ไปกินข้าวกัน จินฮเย”
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น