ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { R O S E } JINHYE #bnior #therosebn

    ลำดับตอนที่ #1 : 0 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 58


    01

     

    เสียงระเบิดทำให้เด็กชายซุกตัวเข้ากับคนเป็นแม่แน่นขึ้น

     

    ข้างในมันช่างเบียดเสียด มันแออัดไปด้วยผู้คนที่หนีตายมาเช่นกันกับเขา

     

    เสียระเบิดจากที่ไกลๆดังลั่น เขาพยายามจินตนาการถึงบ้านที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ มันจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม รูปของพ่อ จักรยานของเขา ซามิเซ็งของแม่ กลองเกาหลีที่พ่อทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

     

    “กลัวหรอ จินฮเย ?” คุณลุงข้างบ้านที่เหงื่อออกจนชุ่มผ้าปิดปากไม่แพ้เด็กชายเอ่ยถาม “เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว อดทนหน่อยนะ” พวกเขาหลายสิบชีวิตหอบหายใจอยู่ในที่มืดๆและอากาศไม่ถ่ายเท

     

    ต้นเดือนสิงหาคม วันที่ลิตเติ้ลบอยถูกหย่อนลงใจกลางฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นวันที่อากาศร้อนและผู้คนบางส่วนอพยพหนีไปตั้งแต่ช่วงสงคราม

     

    กระนั้น แม้จะเดินมาไกลพอสมควร เสียงระเบิดที่ดังลั่นก็ยังคงถูกซึมซับโดยโสตประสาท ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมผู้ลี้ภัยที่แออัดกันอยู่ในซอกเขาเล็กๆ แทบไม่มีอากาศหายใจ

     

    น้ำดื่มมีไม่เพียงพอ ผู้ใหญ่หลายคนเสียสละให้เด็กเล็กได้ดื่ม

     

    “จินฮเย” แม่เรียกเขาเบาๆ “ลูกมีคุณย่าอยู่ที่เกาหลีนะ”

     

    “. . . . .” จินฮเยเงียบ เขาพยายามฟังแม่ เสียงแหบพรานั่นอ่อนแรงเหลือเกิน

     

    “ลูกข้ามฝั่งไปเกาหลีได้ ชาวเรือคนหนึ่งรู้จักพ่อของลูก แม่ส่งจดหมายไปหาพวกเขาตั้งแต่สงครามมีวี่แววว่าจะยืดเยื้อ” เธอหอบหายใจ เด็กชายเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

     

    เมฆถูกลมพัดให้หลบจากฟ้า มันทำให้จินฮเยเห็นใบหน้าแม่เขาชัดเจนขึ้น

     

    ปากของแม่แห้งผาก ผิวซีด รอยคล้ำใต้ดวงตาแจ่มชัด จินฮเยบีบมือแม่ตัวเองอย่างกังวล ผิวส่วนที่ถูกบีบไม่คืนรูปเดิม มันแห้งกร้านและยับย่นอย่างผิดปกติ ชีพจรเต้นรัวอย่างผิดมนุษย์

     

    และเช้าวันต่อมา แม่ก็ไม่ยอมตื่นเพื่อเดินทางต่ออีกเลย

     

     

     

    จินฮเยไม่ชอบพูดเป็นทุนเดิม เขาชอบที่จะเงียบ ฟัง ผงกหัวหรือส่ายหน้าเป็นคำตอบ

     

    และยิ่งตอนนี้ จินฮเยก็แทบไม่พูดกับใครอีก

     

    “จินฮเย” เพื่อนบ้านคนสนิทของเขาเรียก “ไม่เป็นไรนะ”

     

    ตาสวยที่คลอไปด้วยน้ำตาตลอดเวลามองเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างเจ็บปวด เขาเสียแม่ไปอย่างไม่ทันคิด และต้องทิ้งแม่ไว้ในซอกเขานั่นก่อนจะเดินทางต่อ พวกเขาจะไปที่ท่าเรือและพ่อของจินฮเยเป็นที่รู้จักดีของคนแถวนั้น หากไม่มีเขาหรือแม่ คนเรือคงจะไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ

     

    อี้เอิ้น” เด็กชายซบหน้าลงกับเข่า เขาไม่อยากให้ใครเห็นสภาพน่าเกลียดของตัวเอง “ผมคิดถึงแม่”

     

    ณ ที่นี่ การเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นกับเชื้อชาติอื่นจะถูกรังเกียจ มีเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่เกือบนอกเขตฮิโรชิมะที่ชาวบ้านเรียบง่าย ใจดีและเป็นกันเอง

     

    จินฮเยมีพ่อเป็นชาวเกาหลี อี้เอิ้นมีแม่เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่กับพ่อ พ่อของอี้เอิ้นเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ร่างกายแข็งแรง เขาพาคนในหมู่บ้านหนีออกมาก่อนระเบิดลูกใหญ่นั่นจะลงได้ไม่ถึงสี่สัปดาห์ แม้จะเดินเท้าแต่ก็มาได้ไกลจนปลอดภัยในระดับหนึ่ง

     

    “ไม่เป็นไรนะ” มือผอมลูบหัวคนที่อายุน้อยกว่าไม่กี่ปี “จินฮเยจะได้ไปเจอคุณย่าไง แม่ของจินฮเยสบายแล้วนะ แต่ถ้ายังร้องไห้แบบนี้ แม่ของจินฮเยต้องคิดมากแน่ๆ”

     

    “แม่อยู่ในเขานั่น” จินฮเยสะอื้นจนตัวโยน “ผมอยากพาแม่มาด้วยกัน มันไม่ถูกต้อง ผมเป็นลูกที่ไม่ได้ดูแลแม่เลย” จินฮเยมองไปยังเด็กวัยรุ่นที่คอยช่วยเหลือคนแก่หลายคน พวกเขาบ้างก็ไม่มีพ่อหรือแม่ แต่กล่องไม้เล็กๆที่เก็บกระดูกนั้นยังถูกพกไปด้วยตลอดเวลาเสมอ

     

    จินฮเยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ทำอย่างนั้น

     

    เขาทำได้แค่ขุดหลุดตื้นๆหลุมหนึ่งเท่าที่กำลังเด็กวัยสิบสองจะทำได้ เขาขอทำมันด้วยตัวเองแม้มีคนอาสาจะช่วย วางร่างแม่ลงไปและกลบด้วยก้อนหินจนกลายเป็นเนินเล็กๆ หลุมศพหญิงนิรนามที่ตัวแห้งจากการขาดน้ำ

     

    “ไม่ต้องคิดมาก จินฮเยเป็นเด็กที่น่ารักที่สุด แม่ของจินฮเยพูดให้ฉันฟังบ่อยๆ แม่จินฮเยไม่โกรธหรอก” อี้เอิ้นปลอบใจเด็กตัวเล็กที่ซึมมาหลายวันแล้ว พวกเขาพักกันอยู่ตรงตีนเขาที่มีธารสายเล็กไหลมา “เราจะไปบ้านแม่ฉันที่จีนด้วยกัน จินฮเย”

     

    เด็กตัวเล็กกว่ามองมือที่ยื่นมาตรงหน้า จินฮเยไม่ลังเลเลยที่จะจับมือนั้นไว้ กระชับแน่นดั่งคำสัญญา

     

    “อี้เอิ้นต้องสัญญานะ” จินฮเยร้องไห้ “ผมไม่เหลือใครแล้ว”

     

    ในตอนนั้นจินฮเยคิดว่า

     

    อ้อมกอดผอมๆของอี้เอิ้น มันอบอุ่นที่สุดเลย

     

     

     

     

    “ไม่. . . . .” จินฮเยพูดเสียงแผ่ว “ไม่ ไม่!!!

     

    ร่างเล็กพยายามดิ้นแต่กลับไม่หลุดจากพันธนาการ พ่อของเขาที่ไม่เคยได้เจอหน้ารวบตัวเด็กชายไว้ในอ้อมกอด

     

    ทันทีที่เหยียบท่าเรือ พ่อของจินฮเยก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

     

    อี้เอิ้นกำลังจะโดนแยกออกไปที่เรืออีกลำ พวกเขาบอกว่าเรือลำนั้นจะไปที่จีน ครอบครัวฝั่งแม่ของอี้เอิ้นส่งมันมารับตัวลูกชาย

     

    พ่อของอี้เอิ้นเสียชีวิตลงในป่าเมื่อสองวันก่อน

     

    ผู้ลี้ภัยที่เหลือรอดได้รับการช่วยชีวิตและดูแลจากผู้คนละแวกนั้น

     

    จินฮเยและอี้เอิ้นเหลือกันเพียงแค่สองคน

     

    จินฮเยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก แต่คนเดียวที่เขาไว้ใจในตอนนี้มีแค่อี้เอิ้น

     

    “อี้เอิ้น! อี้เอิ้น!!!” มือเล็กทั้งสองคู่ไม่ยอมปล่อยออกจากกัน “ปล่อยผม!! อี้เอิ้น!!!

     

    “จินฮเย!!” อี้เอิ้นพยายามโอบกอด เขาเจ็บไปหมดเมื่อจินฮเยเผลอจิกมือลงกับหลังเขา เขาต้องพยายามไม่ทำให้จินฮเยรู้สึกเจ็บ “ฉันจะไปหานะ เชื่อฉัน” เขารู้ว่าพ่อของจินฮเยไม่มีวันยอมให้เด็กน้อยมาอยู่กับเขา และแม่ของเขาก็คงไม่ยอมให้เขาหายไปไหน

     

    สำหรับคนจีน ลูกชายสำคัญที่สุด

     

    และคนจีนกับคนเกาหลีก็ไม่ค่อยชอบกัน เห็นได้จากที่พ่อของจินฮเยมองเขาอย่างไม่ไว้ใจแม้เด็กชายจะเกาะเขาแจ

     

    อี้เอิ้นคิดถึงหมู่บ้านเล็กๆชานเมืองฮิโรชิมะ หมู่บ้านที่มีแต่คนใจดี ไม่รังเกียจสายเลือดของเขา ไม่มีใครคิดมากว่าเขาจะมีเลือดคนจีนหรือจินฮเยจะมีเลือดคนเกาหลี ทุกคนปฏิบัติต่อเขาและจินฮเยอย่างเท่าเทียมและอ่อนโยน

     

    หากแต่ตอนนี้ มันคงไหม้เป็นตอตะโกอยู่ใต้หมอกควันของระเบิดปรมาณู

     

    “อี้เอิ้น” จินฮเยเรียกแต่ชื่อเขา อี้เอิ้นลูบหลังเด็กชายเพื่อปลอบโยน

     

    “เดี๋ยวฉันจะส่งจดหมายไป ตกลงไหม ?” อี้เอิ้นพูด “แม่จินฮเยให้ที่อยู่พวกเขามาสำรองกับฉัน ฉันเขียนจดหมายไปหาได้ ไม่ต้องกลัวนะ พวกเขาคือครอบครัว เขาไม่ทำร้ายจินฮเยหรอก”

     

    “อี้เอิ้น” จินฮเยเรียกเสียงแผ่วเมื่อมือที่โอบเขาไว้คลายออก ร่างน้อยค่อยๆถูกดึงไปตามแรงจากด้านหลัง “อี้เอิ้น!!!

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×