ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♦ Necessary ’ (HaeEun)

    ลำดับตอนที่ #7 : - Necessary #7 100%

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58


    Necessary #7

    C o m e B a c k H o m e.


    Note: ทำใจก่อนอ่าน  เราคิดว่าตอนนี้เราบรรยายไม่ค่อยโอเคเลย tt
    l ครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว 23.03.2015 l



     

     


     

     

     

     

     

     

    อี ทงเฮ ไม่ชอบเช้าวันเสาร์ วันหยุดของใครหลายๆคน มันเป็นวันที่เขาจะต้องเก็บสัมภาระกลับบ้านที่อยู่มกโพ หลังจากวันนั้นที่พ่อของเขาให้คนโทรมาตามให้กลับบ้านทุกอาทิตย์  เช้าวันเสาร์ก็จะมีรถคันใหญ่จากคนของพ่อมารอรับอยู่ทุกครั้งไป

     

    เขาไม่เข้าใจการกระทำของพ่อ ตลอดสิบกว่าปีที่ผมแยกตัวออกมาสร้างเนื้อสร้างตัวโดยรบกวนครอบครัวให้น้อยที่สุดหรือเรียกว่าไม่รบกวนเลยดีกว่านั่นมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ

     

    รถคันใหญ่แล่นออกจากหน้าร้านสู่ถนนใหญ่  การเดินทางโดยรถโดยสารธรรมดาในวันหยุดแบบนี้ระยะทางที่ไกลอยู่แล้วบวกกับการจราจรที่ติดขัดทำให้เด็กน้อยของเขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้ไม่ยาก หลายครั้งที่หัวกลมๆนั่นเซไปโดนกระจกรถเข้าจนเกิดเสียง ทงเฮยิ้มขำให้กับความเด็กของฮยอกแจก่อนจะใช้มือข้างนึงใช้เป็นที่รองให้คนตัวเล็กได้ใช้หนุนแทนกระจกแข็งๆนั่น

     

     

     

     

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะปล่อยให้หัวของเด็กตัวขาวนี่เซไปโขกกระจกรถจนกว่าจะตื่นมาหาที่นอนใหม่เองแล้วล่ะ..

     

     

     

     

     



     

    ใช้เวลาไปสักพักรถคันใหญ่ก็แล่นเข้าสู่ตัวบ้านแถบชานทะเล บ้านหลังใหญ่ที่ถูกสร้างออกมาให้เข้ากับบรรยากาศริมทะเล รั้วบ้านไม่ได้สูงปิดกั้นตัวบ้านเหมือนกับบ้านของคนใหญ่คนโตในละคร กลับกัน รั้วบ้านของตระกูลอี เป็นรั้วไม้สีขาวที่สูงเลยหัวของทงเฮไปนิดหน่อยเท่านั้น

     

     

    บ้านที่เขาเคยใช้อาศัยอยู่จนถึงอายุสิบห้าปี..

     

     

     

    สวัสดีครับพ่อ....แม่หลังจากรถจากรถมา อี คังซิก และอี แจริม พ่อและแม่ของเขาก็ออกมายืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านเหมือนกับว่ากำลังรอต้อนรับเขากลับมายังไงอย่างนั้น

     

    ประมุขตระกูลอีพยักหน้ารับพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้  ทงเฮดึงตัวฮยอกแจที่กำลังยืนหลบอยู่ข้างหลังให้ออกมาทำความเคารพพ่อและแม่ของเขา  อย่างน้อยฮยอกแจก็เป็นหลานของท่านคนนึง..

     

     

    สะ..สวัสดีครับ.. เด็กชายวัยสิบสี่ที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นยืนชิดทงเฮชนิดที่ว่ามดยังเดินผ่านไม่ได้แถมยังกำมือของทงเฮแน่นจนผู้อาวุโสของบ้านอดจะยิ้มขำไม่ได้

     

     

    อี  ฮยอกแจเป็นเด็กที่น่ารัก

     

     

    น่าเสียดาย..

     

     

     

    ฮยอกแจใช่มั้ยลูก.. ดวงตานั่นเขาได้แม่มาสินะทงเฮ..หญิงมีอายุเอ่ยถามลูกชายของตนพร้อมกับเดินเข้าไปหาฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    คงงั้นมั้งครับ ทงเฮเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเป็นคนจูงมือเด็กขี้กลัวเข้าบ้านด้วยตัวเอง   

     

    ทงเฮสั่งให้คนใช้ภายในบ้านพาฮยอกแจขึ้นไปจัดห้องและให้นำเสื้อผ้าของเขาไปไว้ในห้องเดียวกับฮยอกแจด้วย สาวใช้งงงวยในตอนแรกเพราะทงเฮเองก็มีห้องนอนที่ไม่ได้มาอยู่ตั้งแต่ออกจากบ้านครั้งสุดท้ายแต่ไม่นานก็พยักหน้ารับเมื่อเขาเอ่ยบอกว่า นี่คือสิ่งที่ต้องทำ

     

     

    คุยกันหน่อยได้ไหมอี ทงเฮ น้ำเสียงน่าเกรงขามแต่ทว่านี่เป็นน้ำเสียงปกติของอี คังซิก ประมุขตระกูลอี กล่าวขึ้นด้านหลังของร่างโปร่ง

     

    พ่อมีอะไรรึเปล่าครับ

     

    พ่อจะรอแกที่ห้องทำงาน ทงเฮ ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะพยักหน้ารับและเดินตามผู้เป็นพ่อไปยังห้องทำงานที่ว่า

     

     

     

     

     
     

    เริ่มเลยแล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา

     

    พ่อมีอะไรก็รีบๆพูดเถอะครับ ฮยอกแจไม่ชอบอยู่คนเดียวกับคนไม่สนิท

     

    หึ..เมื่ออาทิตย์ก่อนจงอุนมาหาพ่อถึงที่นี่ ชื่อของบุคคลที่สามถูกกล่าวขึ้นทันทีที่คังซิกเปิดประเด็น  จงอุน หรืออีกชื่อที่ใครหลายคนรู้จักกันก็คือ เยซอง ทงเฮขมวดคิ้วเข้าหากันทันที่ที่ได้ยิน เยซองมีเหตุผลอะไรที่จะมาหาพ่อของเขาด้วยตัวเองถึงที่นี่

     

    ไม่คิดจะถามอะไรหน่อยหรอทงเฮ

     

    ไม่ครับ  ผมรอให้พ่อพูดให้จบก่อน

     

    เขามาขอฮยอกแจ

     

    อะไรนะพ่อ! ขออะไร!? ฮยอกแจเพิ่งจะสิบสี่เองนะ แล้ว...

     

    ฟังให้จบก่อนสิทงเฮ  เขามาขอฮยอกแจคืน

     

    ขอคืนอะไร  พ่อหมายความว่ายังไง

     

    ฟังนะอี ทงเฮ.. ฮยอกแจเขาไม่ใช่ลูกของแก

     

    พ่อพูดบ้าอะไร!!!” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  สายตาที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ทำให้เขาเลือกที่จะเบนหน้าหันไปทางอื่น แต่ก่อนที่ขาจะก้าวเดินออกจากห้องนี้ไปเสียงทรงอำนาจก็ดังขึ้นก่อน

     

     

     

     

     
     

     

     

    จงอุนคือพ่อแท้ๆของฮยอกแจไม่ใช่ลูก!”

     

     

    ราวกับโลกของทงเฮมืดสนิทกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รับรู้ เขาควรจะดีใจที่ระหว่างเขากับฮยอกแจไม่มีกำแพงบ้าๆที่เขียนว่าพ่อลูกมากั้นหรือควรจะเสียใจที่ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาเยซองปกปิดเรื่องนี้ไว้อย่างแนบสนิท..

     

     

    ฮยอกแจจะอยู่กับผมเท่านั้น!” เหมือนกับเหตุการณ์เดิมกำลังจะเกิดขึ้นวนซ้ำเมื่อทงเฮตั้งใจจะเดินออกไปแต่ก็มีเสียงของประมุขของบ้านดังขัดไว้ก่อน  อีกทั้งยังมีแม่ของตนที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาใหม่อีกด้วย

     

     

     

    ส่งฮยอกแจคืนให้กับจงอุน หรือไม่ ก็จัดการหมั้นกับหนูคัง ซึลกิซะ!”

     

    พ่อ..

     

    แกไม่มีทางเลือกทงเฮ..กลับมาเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวได้แล้ว

     

    มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องให้เด็กที่ผมเลี้ยงมาสิบกว่าปีให้กับคนอื่นไปง่ายๆล่ะครับ?” น้ำตาหยดแรกของทงเฮไหลออกจากดวงตาข้างซ้าย มันอุ่นร้อนต่างกับร่างกายของเขาที่มันกำลังหนาวจับใจ แค่ลองคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับฮยอกแจพื้นที่ในอกข้างซ้ายมันก็ดูโหวงแปลกๆ

     

    ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเรา

     

    ผมไม่เคยต้องการ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขอแค่ฮยอกแจกับทงเฮสองคน........ไม่ได้หรอครับพ่อ

     

     

    สิ้นสุดประโยคที่ทงเฮเอ่ยอี คังซิกก็เดินออกจากห้องไปพร้อมๆกับร่างของทงเฮที่ทรุดลงนั่งกับพื้น น้ำตามากมายไหลลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แรงบีบที่หัวใจทำให้เขารู้สึกเจ็บและยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทางเลือก  ทางเดียวที่เขาจะไม่เสียฮยอกแจให้กับใครคือการที่ต้องยอมหมั้นกับใครที่เขาก็ไม่รู้จัก

     

     

    ทงเฮลูก.. อี แจริม เดินเข้าไปกอดลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ  หญิงสาวรู้สึกสงสารทงเฮจับใจ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ แม้จะเอ่ยค้านในตอนแรกที่รู้เรื่องแล้ว แต่คังซิกไม่มีทีท่าว่าจะยอมเลยแม้แต่นิด และยิ่งเธอเห็นความน่ารักและบริสุทธิ์ของอี ฮยอกแจแล้วมันเหมือนใครหลายๆคนกำลังตะโกนใส่เธอว่าเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุด ลูกชายของเธอร้องไห้ราวกับใจจะขาดมันก็เหมือนใครเอามีดที่มันไม่คมเป็นร้อยๆเล่มมากรีดลงที่ใจ มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บและทรมาน ถ้าเลือกได้เธอคงไม่มีวันให้ทงเฮมาพบเจออะไรแบบนี้แน่ๆ

     

    ฮึก  แม่ครับ ผมไม่อยาก..ทงเฮพูดออกมาอย่างลำบาก แจริมส่ายหน้าช้าๆและเริ่มกอดทงเฮอีกครั้ง

     

    แม่รู้...ทงเฮ  แม่รู้..

     

    ทำไมพ่อทำกับผมแบบนี้

     

    อดทนนะลูก  หมั้นแค่สองปีแล้วลูกค่อยถอนหมั้นก็ได้นะทงเฮ ผู้เป็นแม่โอบกอดตัวของลูกชายไว้และเริ่มลูบหัวนั้นเบาๆเมื่อทงเฮเริ่มสะอื้นอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมอยากให้วันนี้เป็นเมื่อวานแล้วไม่ต้องมีพรุ่งนี้อีก..

     

     

     

     

    N e c e s s a r y  (ต่อ)


     

     

    ร่างหนาเดินขึ้นบันไดอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก  ที่เคยสอนให้ฮยอกแจหัดขึ้นบันไดด้วยตัวเอง มาวันนี้ทงเฮเพิ่งได้รับรู้ความรู้สึกของฮยอกแจในวันนั้น

     

     

    ฮยอกแจตอนนั้นคงจะเหนื่อยมากๆ

     

    ต่างกันแค่ฮยอกแจคงจะเหนื่อยกายแต่ทงเฮนั้นเหนื่อยใจ แค่จะถอนหายใจยังลำบาก เรี่ยวแรงมันหมดไปเสียดื้อๆ

     

     

     

    แกร็ก..

    เขาเปิดประตูห้องนอนเข้าไปอย่างเบามือ เวลานี้ยังไม่ค่อยมืดมากเท่าไหร่ ภาษาชาวบ้านก็คงจะเรียกว่าโพล้เพล้ เด็กน้อยของเขาคงจะดูทีวีหรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือเป็นแน่

     

    บนโซฟาที่ถูกปรับให้เป็นเตียงนอนชั่วคราวมีร่างๆหนึ่งกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างใจจดใจจ่อ

     

     

     

    ทงเฮเดาผิดซะที่ไหน

     

     

     

    สองเท้าออกแรงเดินพาตัวเองมายืนเหนือศรีษะคนที่กำลังจริงจังอยู่กับเกมในสมาร์ทโฟน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่รู้ตัว

     

     

     

    "ฮยอกแจ"

     

    ตุ้บ!

     

    "โอ๊ะ!.."สองมือเล็กยกขึ้นลูบจมูกตัวเองที่มันกำลังเกิดรอยแดงขึ้นมาพลางยู่หน้าเข้าหากันไปด้วย

     

    ทงเฮยิ้มขำให้กับเด็กซุ่มซ่าม ใครสอนให้เล่นโทรศัพท์ไว้ใกล้หน้าแบบนั้นกันล่ะ

     

     

    "ทงเฮ.."

     

    "อะไร"

     

    "แดงเลย"

     

    "แล้วใครเป็นคนทำตก"

     

    "ทงเฮไง" เขายิ้มบางๆแล้วผลักหัวเล็กนั่นเบาๆ

     

    "ซุ่มซ่าม" ฮยอกแจเบนสายตาหันมามอง ชั่วครู่นึงที่เราสบตากัน แล้วก็เป็นผมเองที่ละสายตาออกก่อน  หันหลังทำท่าจะเดินไปที่อื่นแต่ก็มีมือหนึ่งมารั้งไว้

     

    "ทำไมตาแดง  ร้องไห้หรอ?"ผมสะดุ้งนิดๆก่อนจะตอบไปแบบไม่ใส่ใจนัก

     

    "เปล่าหรอก ลมแอร์มันเข้าตา"

     

    "โกหก"

     

    "บันไดมันเยอะอ่ะ....เหนื่อย"

     

     

     

    อุปสรรคระหว่างกูกับมึงมันเยอะเหมือนขั้นบันไดเลยฮยอกแจ..

     

     

    หัวกลมๆเอียงมองหน่อยๆพร้อมกับตาเล็กที่หรี่ลงอย่างสงสัยแต่ไม่นานก็เหมือนมีประกายในดวงตานั่นเกิดขึ้นพร้อมๆกับนัยน์ตาที่เบิกกว้างขึ้นมาเพียงเล็กน้อย

     

     

    "ถ้าเหนื่อยก็ต้องออกกำลังกายนะ จะได้แข็งแรงไง ทีนี้ทงเฮก็จะไม่เหนื่อยแล้ว" เขายิ้มและพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่เขาเองอยากได้คำตอบมากที่สุด คำถามที่จะเป็นตัวตัดสินใจให้เขาทำตามในสิ่งที่พ่อให้เลือก

     

     

     

    ถึงแม้จะไม่ได้อยากทำมันสักนิด

     

     

     

    "ถ้าวันหนึ่ง..พ่อมึงกลับมา.. มึง..จะกลับไปอยู่กับเขามั้ย?" ทงเฮกลั้นหายใจไปชั่วครู่ เสียงที่เคยหนักแน่นในตอนนี้ไปกลับสั่นเครือไปด้วยความรู้สึกกลัวในคำตอบอย่างน่าใจหาย มือเล็กของฮยอกแจยังคงจับมือของผมไว้แน่นแม้ว่ามันจะเริ่มชื้นเหงื่อแล้วก็ตาม

     

    ติดต่อพ่อได้แล้วหรอ?”

     

    อืม..ได้แล้วทงเฮลอบมองสีหน้าของฮยอกแจ  ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด แววตาใสๆวูบไหวก่อนมันจะกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง

     

    ถ้าทงเฮไม่ไปฮยอกก็ไม่ไปหรอกนะ

     

    “…………”

     

    ก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลยซักครั้ง.....แถมพ่อไม่ได้อยู่กับฮยอกมาตั้งแต่เด็กๆด้วย   เอาไว้ทงเฮว่างก็พาฮยอกไปหาพ่อด้วยกันนะ ทงเฮฝืนยิ้มรับคำพูดของฮยอกแจไว้  มันเป็นยิ้มที่ฝืนยิ้มให้ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ยิ้มที่ไม่มีความสุขเลยสักนิด

     

    ไม่รักพ่อหรือไง

     

    รักสิ........แต่อยากอยู่กับทงเฮมากกว่า นาทีนั้นทงเฮก็ไม่อยากที่จะนึกถึงอนาคตอีกแล้ว ในเมื่อฮยอกแจปฏิเสธที่จะไปอยู่กับพ่อแท้ๆของตัวเอง ทงเฮก็ขอเห็นแก่ตัวที่จะขอฮยอกแจไว้กับเขา

     

     

    มีอะไรอีกรึเปล่าทงเฮ

     

    ไม่ม่ะ...ทงเฮกำลังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ  เขากำลังจะปฏิเสธที่จะพูดเพื่อทำให้เด็กน้อยของเขาคลายความกังวลแต่ก็โดนมือเรียวเอื้อมมาแตะที่แก้ม ปลายนิ้วโป้งค่อยๆบรรจงเช็ดของเหลวสีใสออกไปจากใบหน้าคมที่ไม่รู้ว่ามันไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    เป็นคนขี้แงตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

     

    นั่นสิ....กลายเป็นคนร้องไห้ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...

     

    ฮยอกแจ..

     

    “………..”

     

    พ่อให้กูมาทำงานที่บริษัท

     

    “……ดีแล้วนี่ คุณปู่ต้องดูกิจการที่โรงเรียนอีกนะ มีทงเฮไปช่วยเรื่องบริษัทคุณปู่จะได้ไม่เหนื่อยไง เป็นครั้งแรกที่ทงเฮสังเกตเห็นว่าแววตาของฮยอกแจมันสั่นไหวผิดปกติและกำลังหลบเขาอยู่

     

    มันไกลจากโซลมึงก็รู้

     

    มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกไม่ใช่หรอ

     

    ไม่เอา   กูไม่อยากอยู่ที่นี่

     

    ทงเฮอา..ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ

     

    ถ้าการเป็นผู้ใหญ่แล้วมันทำให้กูต้องห่างจากมึงกูก็ไม่อยากเป็นมันหรอก เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆตามมา

     

    ทงเฮทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับร่างบางก่อนจะถือวิสาสะล้มตัวลงนอนบนตักนิ่มที่เขาคิดว่ามันนอนสบายกว่าหมอนราคาแพงบนเตียงนอนเป็นไหนๆ  ฮยอกแจไม่ได้ว่าอะไรแถมยังส่งมือเล็กๆมาลูบผมเขาเล่นๆ ถึงคนอื่นอาจจะมองว่าฮยอกแจปีนเกลียวหรือไม่มีมารยาทแต่สำหรับเขาแล้วเวลาที่ฮยอกแจทำแบบนี้มันทำให้เขายิ้มแบบไม่ต้องฝืน ยิ้มที่มันออกมาจากใจจริงๆ

     

    ฮยอกแจ..

     

    หือ

     

    จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไร กูขอให้มึงเข้าใจและห้ามโกรธกูนะ เขาเงยหน้าสบตากับคนตัวเล็กที่ใช้เป็นหมอนนอนชั่วคราว

     

    อือ ฮยอกจะเชื่อใจทงเฮ.. ทงเฮหลับตาลงอีกครั้ง ดึงมือของคนตัวเล็กให้มาเล่นผมของเขาเหมือนเดิมก่อนจะเอียงหน้าซุกเข้าหาหน้าท้องของเจ้าของตักที่ใช้หนุนอยู่จนโดนคนตัวเล็กกว่าตีเข้าที่แขน

     

    กูรักมึงนะฮยอกแจ....

     

    “…….”

     

     

     

     















     

     

     

     

     

     

    แต่กูกำลังจะหมั้น...

     

     

     

    N e c e s s a r y 1 0 0 %

     

    TALK : ไม่รู้ว่าบรรยายเป็นตัวอักษรแล้วคนอ่านจะเข้าใจที่เราสื่อรึเปล่า มันยากตรงนี้แหละ5555
    อยากให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครทุกตัวเลย.  ตอนเด็กพี่ทงให้ฮยอกขึ้นบันไดเองใช่มั้ย  มาตอนโตพี่ทงก็หัดขึ้นบันไดเองบ้างเนอะ  เราจะเป็นคนติ๊กถูกให้เอง 55555
    ปล.ถ้ายังจำตอนที่1ได้  พ่อพี่ทงเป็นเจ้าของโรงเรียนในโซลด้วยนะคะแต่มีกิจการที่อื่นอีก เลยเป็นสาเหตุให้ทงเฮต้องมาทำงานในส่วนอื่นๆแทน (เข้าใจมั้ยน้อออ) ส่วนเรื่องพี่เย่ขออุบไว้ก่อน เยซองมีเหตุผลนะถึงมันจะฟังไม่ค่อยขึ้นก็เถอะไว้ให้สองคนเขาเจอกันก่อนดีกว่า
    ปล2.ไม่ได้แก้คำผิด ถ้าอ่านเจอบอกเราได้นะคะ เวลาอ่านมันจะได้ไม่ติดขัดเนอะ
    ^^

     

    THANK YOU FOR YOUR COMMENT

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×