ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♦ Necessary ’ (HaeEun)

    ลำดับตอนที่ #6 : - Necessary #6

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


     

    Necessary #6

    M i n e .

    Note : ตันมากแต่ขอให้สนุกนะคะ.


     

     

     

     

    อี ฮยอกแจตื่นมาช่วงเช้ามืดของวันนี้ ร่างเล็กค่อยๆขยับตัวออกจากผ้าห่มที่ใช้นอนร่วมกับพี่ชายอย่างอี ทงเฮ

     

     

    มันเสียเวลาก็ตอนจะลุกนี่แหละ ต้องไม่ให้ทงเฮตื่น

     

     

     

    เมื่อก้าวพ้นจากเตียงนอนแล้วฮยอกแจก็ไม่รีรอที่จะรีบจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จเพื่อที่จะได้ไปโรงเรียนทันเวลา เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้เกียจก็ว่าได้เพราะถึงแม้โรงเรียนจะอยู่ไม่ไกลจากร้านเบเกอรี่นี่มาก ก็ยังคงให้ทงเฮขับรถไปส่งอยู่ดี อีกทั้งตารางสอนที่เด็กส่วนมากจะจัดในช่วงค่ำของเมื่อคืน แต่อี ฮยอกแจกลับมาจัดกระเป๋าเรียนในช่วงเช้าที่แสนเร่งรีบของทุกวัน

     

    จะว่าไปฮยอกแจคิดว่าตัวเองมีหลายมุมมองแล้วแต่คนจะมอง อย่างคนที่โรงเรียน พวกคุณครูจะชอบหาว่าเขาเป็นพวกแต่งเรียงความอะไรทำนองนี้เก่ง ผลงานของผมที่ส่งไปก็มักจะได้คำชมทุกครั้งไป แต่งานทั้งหมดนั่นทงเฮก็ช่วยผมอยู่ดี ทงเฮเรียนทางด้านนี้มานี่นะ..

     

     

    แต่สำหรับเพื่อนๆผมว่าผมเป็นคนที่นิ่งๆออกจะเข้ากับคนอื่นได้ยากไปนิดนึงเลยทำให้พวกเขาคิดว่าผมหยิ่ง อะไรแบบนั้น แต่ถึงแบบนั้นอี ฮยอกแจก็ไม่ได้แคร์เลยสักนิด มีเพื่อนสนิทไว้คนสองคนก็พอแล้ว..

     

     

     

    "ทงเฮ"

     

     "...."

     

    "ทงเฮ~~"

     

    "ทงเฮ~ จะเจ็ดโมงแล้วตื่นมาทำกับข้าวซักที"

     

     "อื้อ กูอยากนอนต่ออะ"

     

    "ก็ลุกไปทำให้ก่อนค่อยมานอนต่อสิ"

     

    "กูมึนหัว...อยากนอน" ฮยอกแจขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน ทงเฮมึนหัวงั้นหรอ คนมึนหัวก็ต้องกินยากันไว้ใช่มั้ย คิดได้ดังนั้นร่างเล็กก็เดินตรงไปยังตู้ยาที่ทงเฮเคยบอกแล้วหยิบยาพารามาพร้อมกับแก้วน้ำที่กดน้ำใส่แล้วเรียบร้อย

     

    "ทงเฮ.. มึนหัวก็ต้องกินยานะ ลุกมากินยาก่อนเร็วๆ"

     

    "ไม่กินได้มั้ย ขม.."คนตัวเล็กส่ายหัวทันที ตัวโตกว่าเขาตั้งเยอะแต่ความคิดทงเฮนี่มันเด็กห้าขวบชัดๆ

     

    "ขมเป็นยาไง"

     

    "ยาขมกูไม่กิน" ทงเฮยันตัวเองลุกจากที่นอนเปลี่ยนมาเป็นพิงกับหัวเตียงแทน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทงเฮนั่งอยู่บนเตียงนอนในขณะที่ฮยอกแจยืนขนาบอยู่ข้างๆเตียง

     

    "แล้วจะหายได้ไงเล่า" ไม่บ่อยเลยที่ทงเฮจะป่วย แต่ป่วยทีก็ได้แต่งอแงเหมือนเด็กคนนึง นอนซีดเป็นผักต้มอยู่ในห้องทั้งวันไม่ไปไหน

     

     

     

     

    เหมือนมีลางว่าวันนี้จะไปโรงเรียนสาย....

         

     

     

     

    หรืออาจจะไม่ได้ไปเลย...

     

     

     

     

    "ไม่กินไม่ได้หรอ.... นะฮยอกแจนะ กูไม่กินยานะมันขม" ทงเฮวัยยี่สิบเก้ากำลังทำหน้าบูดเหยเกเพราะไม่อยากกินยาขมๆ ช่างไม่เหมากับอายุอานามเสียจริง

     

    "ไม่กินก็ไม่หาย แล้วก็จะติดผมด้วย!"

     

    "ดี มึงจะได้เป็นแทนกู"

     

    "เถียงเก่งนี่ แสดงว่าหายแล้ว"

     

    "ไม่ใช่นะ! ฮยอกแจอ่า.. วันนี้อยู่ดูแลกูไม่ได้หรอ"

     

    "ทงเฮโตแล้ว"

     

    "ไม่มีแรงนี่ ป่วยอยู่นะ" พูดพร้อมยกมือขึ้นมาจับแขนอีกข้างแต่ว่าพอเอามือข้างที่จับออกแขนอีกข้างก็ร่วงลงมาวางแหมะอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม เหมือนกับว่าแค่ยกแขนยังไม่ขึ้นเลย

     

    "สัญญาก่อนว่ากินข้าวแล้วต้องกินยา" ฮยอกแจยื่นข้อเสนอ ทงเฮนิ่งคิดซักพักก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม

     

    "สัญญา"

     

     

    ทันทีที่ทงเฮรับคำร่างเล็กในชุดนักเรียนก็รีบไปเปลี่ยนจากชุดนักเรียนที่สวมอยู่กลับเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ เสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สามส่วนขาดๆที่ทงเฮไม่ชอบนักไม่ชอบหนาเวลาที่เขาหยิบมาใส่ทงเฮก็เอาแต่ถามว่า ‘ใส่อะไรเนี่ย?’ ‘แต่งตัวไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ และอีกหลายอย่างที่เขาเคยได้ฟังมัน

     

     

     

     

     

    หลังจากที่เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ฮยอกแจก็เดินไปหาซื้อข้าวต้มร้อนๆมาให้คนป่วยที่นอนซมอยู่ที่บ้าน  เช้าๆแบบนี้มักจะมีร้านอาหารที่เปิดไว้สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้กินข้าวออกมาจากบ้านอยู่แล้ว ส่วนมากจะเป็นพวกโจ๊ก ข้าวต้ม หรือน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ อาหารที่กินง่ายๆไม่หนักท้องมาก

     

     

     

     

     

     

     

    ทงเฮ ข้าวมาแล้วฮยอกแจเดินขึ้นมายังชั้นสองที่เป็นห้องนอนของเขาทั้งสองคน โดยไม่ลืมที่จะหยิบถ้วยและช้อนจากด้านล่างมาด้วย จากนั้นก็จัดการเทข้าวต้มใส่ถ้วยก่อนที่จะนำไปให้คนป่วยที่รออยู่ด้านใน

     

    ลุกมากินเร็ว  กำลังร้อนๆเลย

     

    ร้อนก็ลวกปากกูอะดิ ทงเฮตอบทั้งที่ยังนั่งเอาหลังพิงเตียงและหลับตาอยู่แบบนั้น

     

    ก็เดี๋ยวเป่าให้

     

    ป้อนด้วย ร่างบนเตียงยังคงพูดต่อ

     

    แต่ทง..

     

    นี่ป่วยอยู่นะยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะพูดจบทงเฮก็ย้ำขึ้นมาทันที ทำเอาฮยอกแจได้แต่เบ้ปาก

     

     

    นี่ทงเฮตั้งใจจะแกล้งกันชัดๆ!

     
     

    สองมือเล็กค่อยๆยกถ้วยข้าวต้มใส่จานรองใบเล็กก่อนจะหยิบช้อนตักข้าวต้มแล้วเป่าเบาๆสองสามทีแล้วยื่นทิศทางของช้อนไปยังคนป่วย 

    ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นทงเฮหลับตาปี๋เพราะว่าข้าวต้มนั้นมันยังคงร้อนอยู่จนได้สายตาค้อนๆมองมาจากคนบนเตียงจึงได้แต่กลั้นยิ้มเอาไว้

     

     

     

     

     
     

    ทงเฮได้แต่แผ่รังสีอะไรก็ไม่รู้ที่คนตัวเล็กไม่ได้มีท่าทีกลัวเลยแม้แต่น้อย อี ฮยอกแจนี่นับวันยิ่งติดนิสัยเขาเข้าไปใหญ่แล้ว ไหนนิสัยน่ารักตอนเด็กๆมันหายไปไหนหมด ทงเฮได้แต่คิดในใจ ขืนพูดออกไปมีหวังไม่มีคนดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำจะทำยังไง

     

    อิ่มแล้วผมบอกเขาที่กำลังตักข้าวอีกคำมาให้ผม

     

    งั้นกินยา

     

    งือ..

     

    สัญญาแล้วนะ

     

    ฮยอก...อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่จะได้อ้อนก็มีมือของคนที่ทั้งผมและคุณก็รู้ว่าใครจัดการจับยายัดใส่ปากเข้ามาทั้งแบบนั้นก่อนจะยื่นแก้วน้ำมาให้ผมรับและดื่มตามเข้าไป

     

     

     

     

    อี ฮยอกแจ มันเด็กแสบ!

     

     

     

     

    นอนพักซะนะน้องเงย์~~~~” มือเล็กๆของเด็กตรงหน้าเอื้อมมาบิดแก้มของผมไปมาอย่างน่าหมั่นเขี้ยว

     

     

    สาบานว่าเมื่อกี้ผมเห็นฮยอกแจยักคิ้วให้!!

     

     

    ฝากไว้ก่อนเหอะ เด็กแสบ!

     

     

     

    -------------------------------------

     

     

    ในช่วงเย็นของวัน..

     

    อากาศในตอนนี้จะเรียกว่าหนาวก็ใช่ จะมีก็แค่บางวันที่ฝนตกลงมาตามที่พยากรณ์อากาศในทีวีได้บอกมา ลมมรสุมอะไรบ้างก็ไม่รู้ลอยพัดผ่านเข้ามายังประเทศ แต่ช่างเถอะผมไม่ได้สนใจอะไรนั่นหรอก เพราะตอนนี้สิ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้านของผมมันน่าสนใจกว่าเยอะ

     

     

    อี ทงเฮในเสื้อโค้ชตัวหนาที่ตอนนี้ได้เคลื่อนย้ายตัวเองลงมานั่งด้านล่างของร้านเบเกอรี่เป็นที่เรียบร้อยหลังจากนอนเปื่อยเป็นผักต้มอยู่บนห้องกินเวลามากกว่าครึ่งค่อนวันกำลังนั่งจ้องมองเด็กตัวขาวที่ทำหน้าที่เป็นเด็กพาร์ทไทม์ให้กับร้านที่มีเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย

     

     

    ทำยังไงดีอะ  อี ทงเฮ อยากแกล้งเด็ก...

     

     

     

     

    น้อง...น้องผู้ชายตัวขาวปากแดงนั่นน่ะ ได้ผล  เมื่อสองมือเล็กที่กำลังเช็ดกระจกร้านอยู่ชะงัก คนทั้งร้านหันมามองต้นเสียงซึ่งนั่นก็คือผมและมองจากสายตาของผมตรงไปยังเขา

     

     

    ฮยอกแจค่อยๆหันมาช้าๆโค้งหัวให้ลูกค้าภายในร้านก่อนจะเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วเลิกคิ้วใส่ สายตาที่กำลังระงับอารมณ์โมโหของเขาทำให้ผมนึกสนุกที่จะแกล้งเขาต่อ

     

    ผู้ใหญ่เรียกก็เดินมาหาสิ คิ้วเล็กของเขากระตุกทันทีที่ผมพูดจบ ถอนหายใจแรงๆไปหนึ่งครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหาคนยั่วโมโหอย่างผม

     

    ว่า

     

    อยากกินโกโก้ร้อน

     

    อืม เดี๋ยวไปทำมาให้

     

    พูดไม่เพราะเลย ผมทำหน้าตางอง้ำใส่เขา อาจจะแปลกไปหน่อยแต่เชื่อเถอะไอ้การที่ผมมาทำอะไรที่เด็กๆแบบนี้ คนอื่นไม่เคยที่จะได้เห็นมันเลย

     

    เหมือนทงเฮนั่นแหละ

     

    ง่ะ.. ผมรั้งแขนของเขาไว้ตอนที่เขากำลังจะเดินหนีเพื่อที่จะง้อแต่ฮยอกแจกลับกลอกตาขึ้นลงอย่างเบื่อหน่าย

     

    ผมแค่จะไปเอาผงโกโก้หลังร้าน ตรงนี้มันหมดแล้ว เขาพูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะปล่อยแขนเขาให้เป็นอิสระ

     

     

     

     

    กริ๊ง

     

     

    ทงเฮหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ เขาลุกขึ้นและพาตัวเองไปยังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้คนทำหน้าที่ไปเอาของอยู่หลังร้านแล้ว  เป็นเจ้าของร้านที่ดีก็ต้องทำตัวเป็นประโยชน์ซะบ้างใช่มั้ยล่ะ

     

    เอ่อ... เขาขมวดคิ้วให้กับเด็กผู้ชายที่กำลังอ้ำอึ้งอยู่ตรงหน้า ถ้าเดาไม่ผิดอายุก็ไม่น่าจะเกินเลขสิบหกหรอกแม้ว่าขนาดตัวจะสูงเกือบเท่าเขาแล้วก็เถอะ

     

    มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ?”

     

    เอ่อครับ..คือ...ฮยอกแจอยู่ที่นี่รึเปล่าครับคิ้วหนายิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีกเมื่อคนตรงหน้าถามหาถึงเด็กแสบที่เขาเพิ่งแกล้งไป

     

    อืม  อยู่...มีอะไรหรือเปล่า

     

    ผมเห็นว่าวันนี้เขาหยุดเรียนไปเลยจะเอาสมุดมาให้เขาลอกตามงานน่ะครับ ผมพยักหน้าเข้าใจเมื่อร่างสูงของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของฮยอกแจพูดบอก

     



     

     

    ทำไมสูงแบบนี้วะ ! ..

     

     

     

    เอาเถอะ  เด็กสมัยนี้โตไวจะตาย..

     



     

     

    อ่ะ  ทง.. อ้าว มิโน!” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดตอบเด็กผู้ชายตรงหน้าหรือหันไปเรียกฮยอกแจ  ร่างเล็กของคนที่ขึ้นชื่อว่าลูกก็เดินออกมาจากหลังร้านพร้อมถ้วยโกโก้ร้อนที่จัดใส่จานไว้เรียบร้อย   ผมรับแก้วโกโก้มาวางไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนที่สมองจะนึกได้ว่า..

     

     

     

     

     

     

     


     

    เด็กที่ชื่อมิโนนี่มันคนเดียวกับที่ส่งข้อความมาหาฮยอกแจวันก่อน!!!

     

     

     

     

    เอ้อนี่ ทงเฮพี่ชายเราที่เคยเล่าให้ฟังฮยอกแจแนะนำผมกับคนตรงหน้า ซึ่งเขาก็พยักหน้าสองสามทีก่อนจะโค้งให้

     

    ทงเฮนี่มิโนเพื่อนผมเอง ฮยอกแจชี้ไปยังมิโนก่อนจะยิ้มให้ ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มให้ตามมารยาท  จากนั้นฮยอกแจก็พามิโนอะไรนั่นไปนั่งก่อนจะเดินมายังเคาน์เตอร์เพื่อที่จะทำเครื่องดื่มให้เพื่อนล่ะมั้ง  ผมคิดว่านะ

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งของเจ้าของร้านเดินไปยังโต๊ะที่เพื่อนของฮยอกแจนั่งอยู่ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงฝั่งตรงข้าม จนคนที่นั่งอยู่ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือขึ้นมามอง..

     

     








     

     

     

    แล้วก็ก้มลงไปต่อ

     

     

     

     

     

     

     

     

    เด็กนี่มันกำลังกวนตีนเขาอยู่!!

     

     

     

     
     

     

    เกิดมาจนอายุยี่สิบเก้าทงเฮสาบานว่าถึงตอนวัยรุ่นเลือดเขาจะแรงมากแค่ไหนก็ไม่เคยอยากจะประทับรอยเท้าไว้ที่ใครมากขนาดนี้มาก่อน ไม่มีใครสอนมันหรือไงว่าต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่กับผู้ใหญ่น่ะ!

     

     

     

     

    นาย...

     

    “..?..”

     

     

     

    ชอบฮยอกแจงั้นหรอ?” มิโนเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาเรียบเฉยแต่รอยยิ้มที่มุมปากนั่นมันเป็นตัวกระตุ้นให้เอ็นที่เท้าผมกระตุกได้ดีเลยล่ะ

     

    เดาเอาสิครับ

     

     

     

     
     

    ให้ตาย! อี ทงเฮเกลียดทุกประโยคที่เด็กนี่พูดออกมา ย้ำว่าทุกประโยค มีปุ่มกดบล็อกไหม เอามาไว้บนหน้ามันทีจะกดแม่งทุกวันเลย

     

     





     

    เสียใจด้วย....

     

     

     

     

     

     

     

    คนนี้

     

     

     

     

     



     

     

     

    พี่จองแล้วว่ะ

     

     

     

     




     

     

    อ่า..ขอโทษครับ  ผมไม่เห็นป้ายจองนี่

     

     

     

    ทงเฮกำลังสะกดอารมณ์ไม่ให้เล่นไปตามเกมของเด็กนี่ เขาจะแพ้สิ่งที่มิโนกำลังยั่วโมโหเขาอยู่ไม่ได้

     

     

     

    ไม่ มี วัน !

     

     

     

     

     

    ทงเฮลุกหยิบโพสท์อิทสีเหลืองที่มีวางไว้อยู่ทุกโต๊ะขึ้นมาพร้อมกับปากกาแล้วบรรจงลายมือที่คิดว่าตัวเองเขียนสวยที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมาลงไป

     

     

    และเมื่อฮยอกแจยกสิ่งที่เตรียมมาให้กับอีกคนที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันเสร็จ  จังหวะที่ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาทงเฮก็จัดการ..

     

     

     

     

     

     

    แปะ!

     

     

     

     

     

    โพสท์อิทสีเหลืองนีออนถูกแปะไว้ข้างแก้มของฮยอกแจเต็มๆโดยที่คนทำก็ได้แต่นั่งยิ้มอยู่แบบนั้น ส่วนคนที่โดนก็ได้แต่ยืนทำหน้างง ขอคำตอบที่เขามาทำอะไรแบบนี้

     

     

    ผมยื่นโทรศัพท์ที่เข้าแอพกล้องถ่ายรูปพร้อมเปิดกล้องหน้าก่อนจะยื่นมันให้กับฮยอกแจ  เขารับและเอามาเพื่อดูสิ่งที่ผมเขียน    ผมยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นแก้มที่โดนโพสอิทแปะนั่นมันขึ้นสีแดงระเรื่อ

     

     

     

     

    ส่วนมิโนอะไรนั่นก็อึ้งไปแล้วเมื่อเห็นฮยอกแจกับหน้าแดงๆนั่น ผมยักคิ้วให้เขาก่อนจะเดินกลับเข้าไปหลังร้าน พร้อมกับแก้วโกโก้ร้อนที่ตอนนี้มันเย็นชืดไปแล้ว

     

     

     

     

    ตัวอักษรในโพสท์อิทนั่นมันก็แค่อักษรภาษาอังกฤษสี่ตัวเรียงกันเป็นคำสั้นๆ แต่สื่อได้หลายความหมาย

     

     

     





     

     

     

     

     

     

     

     

    ‘ m i n e ‘

     

     

     

     

     

     

     

     

    เขาเป็นของผม

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นทุกๆอย่างของผม J

     

     

     

    N e c e s s a r y

     

     

    TALK : ความโหดอะไรของพี่ทงเฮนี่ไม่มี๊  ทงเฮไม่เคยโหดนะ  ขอพื้นที่ให้คนซึนได้ออกตัวบ้างอะไรบ้าง  มิโนยังเร็วไปนะ....คิดจะจีบลูกเขาก็ต้องผ่านพ่อเขาไปก่อนนะ55555555

    ประกาศคนที่ได้พรล.2*3ที่เราอยากแจก *เราสุ่มเอาน้า* คือคนด้านล่างนี้เลย
     

    ถ้าเห็นแล้วรบกวนติดต่อเราที่ทวิตเตอร์ทีจ้าา @HYJELF  จุดมาก็ได้เราตอบหมด
    ถ้าไม่ติดต่อมาถึงพรุ่งนี้เที่ยงเราสุ่มใหม่น้า  สุ่มจนกว่าจะมีอะ 55555

    เราแจกเรื่อยๆตราบใดที่เรามีของที่อยากแจก555555

     

     

     

     

     

     

     

     TO BE CON..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×