คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : - Necessary #10 50%
Necessary #10____50%
R E A L
Note : ไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ
“ถ้าไม่เป็นคนสำคัญ ก็เป็นคนอื่น”
หลังจากที่ทงเฮเอ่ยถามออกไป ร่างเล็กของเด็กวัยสิบสี่ย่างสิบห้าก็ขึ้นสีระเรื่อพร้อมๆกับหันหลังและวิ่งออกไปจากตรงนั้นมุ่งเข้าสู่ห้องน้ำอย่างไว แอบส่ายหน้าเสียดายหน่อยๆที่ไม่ได้ฟังประโยคที่หวังไว้จากปากเล็กนั่นแต่เอาเถอะได้เห็นหน้าแดงๆนั่นก็เหมือนจะเห็นคำตอบอยู่รำไร
ทงเฮนั่งรอฮยอกแจแต่งตัวจนเสร็จ ร่างเล็กออกมาในชุดนักเรียนเต็มแบบ ทงเฮใช้เวลาที่ฮยอกแจจัดตารางสอนใส่กระเป๋านักเรียนมองอย่างสำรวจ ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนทำเอาทงเฮสะดุดเล็กน้อย เมื่อก่อนยังตัวแค่เอวเขาอยู่เลย มาตอนนี้สูงเท่าอกเขาซะแล้ว
“ป่ะ!” ร่างเล็กออกมายืนตรงหน้าพร้อมกับกระเป๋านักเรียน แต่พอเห็นว่าเขายังอยู่นิ่งและเอาแต่มองทำให้เจ้าตัวทำหน้าเลิกลั่กก่อนจะเป็นฝ่ายปลีกตัวลงไปยังด้านล่างของร้านก่อน
ร่างหนาขับรถไปส่งฮยอกแจที่โรงเรียนในเวลาเก้าโมงเช้า แต่ก็โดนฮยอกแจเบรกเอาไว้ก่อนว่าให้ส่งลงแค่หน้าโรงเรียนก็พอ ในตอนแรกทงเฮขัดใจอยู่ไม่น้อยแอบคิดไปแล้วนิดนึงว่าเด็กน้อยของเขาจะโดดเรียนไปแอบงีบที่ไหนสักแห่ง แต่พอฟังคำอธิบายทงเฮก็จำใจยอมปล่อยส่งลงแค่หน้าโรงเรียน
‘ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเลยนะ..เดี๋ยวไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมอง ทีนี้ก็จะเรียนไม่รู้เรื่องถ้าเป็นแบบนั้นทงเฮพาฮยอกกลับบ้านดีกว่ายังไงความรู้ก็ไม่เข้าสมอง แถมยังจะหลับในคาบ บลาๆ.....’
อี ทงเฮล่ะเซ็ง..เด็กน้อยของเขาพูดมากขึ้นทุกวันๆ เห็นอนาคตอยู่ลางๆแล้วล่ะว่าต้องโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นฮยอกแจยังจะดูแลเขาอยู่มั้ยนะ ?
N e c e s s a r y
ฮยอกแจมองดูรถคันคุ้นตาที่แล่นลับตาไป ก่อนจะเดินข้ามฝั่งไปยังร้านขายข้าวแถวนั้น มือเรียวดึงเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลงไปแล้วเอากระเป๋าวางไว้บนเก้าอี้ตัวข้างๆ จัดการหันไปสั่งอาหารของตนและนั่งรอ..
..รอทั้งข้าว รอทั้งคน..
ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกทงเฮเลย เขาพูดความจริงออกไปเพียงแต่ว่าพูดมันไม่หมด..ทงเฮไม่ชอบมิโน และก็ดูเหมือนมิโนก็ไม่ได้จะชอบอีกฝ่ายเหมือนกัน เลี่ยงหน้าแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว อีกอย่าง เหตุผลที่มานัดกินข้าวที่หน้าโรงเรียนนั่นก็เพราะเมื่อวันหยุดที่ทงเฮพากลับบ้านเกิดนั้นฮยอกแจไม่ได้พกการบ้านไปทำเลยแม้แต่น้อย
ส่วนหนึ่งก็เพราะฮยอกแจบอกทงเฮไปว่าไม่มีการบ้าน
ก็วันหยุดก็ต้องพักผ่อนสิ ให้เอางานไปทำมันจะเป็นวันหยุดได้ไงเล่า..
“ได้แล้วจ้า” เสียงแม่ค้าใจดีปลุกฮยอกแจให้ตื่นจากความคิดนั่น ร่างเล็กหยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักกินไปพลางๆ นาทีนี้ข้าวผัดไร้ผักตรงหน้านั้นน่าสนใจกว่าอะไรเป็นไหนๆ
“แฮ่กๆ เรา..เรามา..แล้วแฮ่กๆ..” ร่างสูงของเพื่อนสนิทคนเดียวที่ฮยอกแจไว้วางใจวิ่งมานั่งฝั่งตรงข้ามจนตัวหอบโยน ฮยอกแจมองไปอย่างไม่เข้าใจ มิโนจะรีบวิ่งมาทำไมร้านข้าวมันไม่ขยับหนีไปไหนซะหน่อย
“น้ำมั้ย?”
“ขอบใจมาก” หนุ่มผิวสีแทนรับแก้วน้ำมาไว้ในมือก่อนจะจัดการซัดลงคอไปจนหมด
“มิโนกินข้าวยังอะ นี่เรากินไปจนจะหมดแล้วเนี่ย” ฮยอกแจยิ้มแหยไปให้พลางใช้ช้อนเขี่ยข้าวเล่นไปด้วย ถ้าอยู่กับทงเฮจะต้องโดนตีมือแล้วโดนบ่นว่าจะเขี่ยเล่นทำไม กินเข้าไปให้หมด
“ยังอะ” มิโนว่าแค่นั้นก่อนจะหันไปสั่งข้าวกับแม่ค้าแล้วจึงหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ
“อ่ะ..นี่การบ้าน ลอกหน้านี้หน้าเดียวส่งตอนพักเช้า” ฮยอกแจพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเกิดความสงสัยเมื่อวิชานี้มันอยู่คาบบ่ายและปกติก็ส่งท้ายคาบ แต่ทำไมวันนี้ดันให้มาส่งตอนพักเช้า
“ทำไมส่งตอนเช้าล่ะ”
“ก็วันนี้เลิกเรียนครึ่งวันนี่ ตอนบ่ายครูติดธุระอบรมเยอะน่ะ..เมื่อวันศุกร์ไม่ได้ฟังที่เขาประกาศหรือไงเนี่ยฮยอกแจ” มิโนบ่นอย่างยิ้มๆก่อนจะลงมือจัดการอาหารตรงหน้าบ้าง ปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งลอกการบ้านต่อไป
กริ๊งงงงงงงงงงงงง
12.00 น.
“ให้ไปส่งปะเนี่ย”
“เห้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวทงเฮว่า” ฮยอกแจตอบก่อนจะโบกมือให้กับคนที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นปั้นก่อนจะเดินออกไป
ออกห่างกันไป..
คำพูดของฮยอกแจฟังดูไม่มีอะไร แต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกเจ็บลึกๆที่หัวใจ
ไม่ว่ายังไงเหตุผลของฮยอกแจก็ยังคงเป็นทงเฮ..
พี่ทงเฮคนนั้นเขามีดีอะไรให้ฮยอกแจรักมากขนาดนั้นหรอ? ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือไม่ชัดเจนดูน่าอึดอัด กับอายุที่ห่างกันจนแทบเป็นไปไม่ได้
พี่ทงเฮเอาชนะใจฮยอกแจได้ยังไง ?
N e c e s s a r y
สองขาเล็กเดินนำพาร่างของตัวเองมาหยุดอยู่ที่ทางม้าลายถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านเบเกอรี่ที่ตนอาศัยอยู่ ดวงตาเรียวเหลือบไปเห็นทงเฮที่นั่งคุยอยู่กับคนในร้าน ฮยอกแจมองเห็นไม่ถนัดนักว่าเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่ามีผู้ชายหนึ่งคนที่สวมหมวกแก็ปกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่
ด้วยความที่ไม่อยากรบกวนให้เสียมารยาทฮยอกแจจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังร้านเพื่อที่จะไปพักอยู่บนห้องนอนเป็นการชั่วคราว เอาไว้ให้ทงเฮคุยกับแขกเสร็จเมื่อไหร่ค่อยลงมาช่วยงานก็ได้เพราะยังไงวันนี้ก็ไม่มีการบ้านอยู่แล้ว
?
“พี่เยซอง..?” ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาทันทีที่เดินเข้ามา อยู่ในมุมนี้มองเห็นสองคนที่คุยกับทงเฮได้ชัดเจนเพราะนั่งหันหน้ามาทางหลังร้าน ถึงจะรู้ว่าเป็นเพื่อนของพี่แต่ฮยอกแจก็เลือกที่จะแอบฟังต่อไปเงียบๆ..
“กูไม่ได้ตั้งใจจะใช้คู่นอนร่วมกับมึงหรอกนะทงเฮ มึงมั่นใจได้เลยว่าหลังจากที่กูนอนกับโซฮีไปแล้ว เขาก็ไม่ได้จะไปนอนกับมึงอีก” ประโยคของเยซองทำเอาคนแอบฟังสะอึกเล็กน้อย เพราะความที่ไม่เคยรู้ว่าทงเฮมีคู่นอน
“กูไม่ได้มีปัญหาตรงนั้น เยซอง..ฟังนะ เมียมึงอุ้มท้องมาหากูตอนท้องได้สามเดือน บอกกับกูว่าเขาท้องกับกูและเขาต้องการที่จะเอาออก เขาไม่มีปัญญาหาเลี้ยงดูลูกในท้อง มึงรู้มั้ย..ความคิดของกูตอนอายุสิบห้ามันตันแค่ไหน กูยอมรับผิดชอบเด็กในท้องของเขาแลกกับอิสระที่จะไม่ข้องเกี่ยวกันอีก เพราะกูคิดว่าแค่ทำเรื่องปิดข่าวก็น่าจะพอ พ่อกูทำได้อยู่แล้ว...”
ฮยอกแจกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เวลานี้พี่ยุนโฮกับพี่จองซูออกไปไหนเขาไม่รู้ รู้แค่ว่าบรรยากาศในร้านนี้มันเงียบมาก เงียบจนถึงแม้โต๊ะที่สามคนนั้นนั่งจะอยู่ห่างออกไปฮยอกแจเองก็ยังคงได้ยิน..เพียงแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ตอนนั้นกูคิดว่าเด็กในท้องจะต้องมีอนาคตที่ดีต่อไป ทำสัญญาเจ็ดเดือนหลังจากนั้นว่ากูจะเป็นคนเลี้ยงเขาเองคนเดียว”
“……..”
“แล้วกูก็มารู้เอาตอนทีหลัง...ว่าตลอดเวลาครึ่งชีวิตของกู กูเป็นแค่คุณพ่อจำเป็น..”
“....ทงเฮ กู..กูขอโทษ กูอยากจะบอกมึงตั้งแต่ครั้งแรกที่กูรู้เรื่องจากโซฮี...แต่ตอนนั้นกูไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย แม้แต่เงิน กูก็ใช้เงินของครอบครัว..”
“กู....เห็นแก่ตัว กูขอโทษ”
“เท่านั้นมันยังไม่น่าโกรธเท่าวันที่มึงเข้ามาบอกพ่อกูว่ามึงเป็นพ่อตัวจริง”
“…………”
“มึงทิ้งเขามาตั้งเกือบสิบห้าปี แล้วมึงจะมาขอเขาคืนให้ได้อะไรวะ!?” สีหน้าทงเฮดูมีแต่คำถามไม่ต่างจากสีหน้าของคนแอบฟัง คิ้วหนาขมวดกันมุ่น ทงเฮถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเสยผมระงับอารมณ์ของตนเอง
“มึงพูดเรื่องอะไรทงเฮ...กูไม่เคยขอให้ฮยอกแจมาอยู่กับกู กูขอแค่ได้มาหา มาคุยกับเขาบ้างก็แค่นั้น”
!!!!!!!!!!!!!!
ดวงตาเรียวของเจ้าของชื่อที่เยซองเอ่ยเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจผสมไปกับความสงสัย
เกือบสิบห้าปี ?
อีกไม่กี่เดือนฮยอกแจจะอายุครบสิบห้า
ตลอดครึ่งชีวิตของทงเฮ เป็นได้แค่คุณพ่อจำเป็น ?
ครึ่งชีวิตของทงเฮที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด
เยซองเป็นพ่อตัวจริง ?
ทงเฮ..พ่อจำเป็น
“มึงไม่ใช่หรอที่ไปขอฮยอกแจกับพ่อกู จนเขาตั้งข้อแลกเปลี่ยนบ้าๆนี่มา!? ถ้ากูไม่ให้ฮยอกแจไปกับมึง กูจะต้องหมั้น อีกไม่กี่เดือนกูจะต้องหมั้น..”
“มึงจะไม่เชื่อกูก็ได้ แต่กูไม่ได้ไปขอจริงๆ กูแค่ไปบอกให้เขาสบายใจว่ามึงไม่ได้ทำเรื่องให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างที่เคยมีข่าวออกมา กูพร้อมให้พ่อมึงออกมาแก้ข่าว”
“……….”
“มึงคิดว่ากูจะหน้าด้านไปขอลูกที่ตัวเองทิ้งไว้มาอยู่กับตัวเองหรอวะ หึ..มีสิทธิ์แค่ได้คุยก็ดีแค่ไหนแล้ว..”
“เชี่ย!! ต่อมสำนึกด้านดีของมึงมันทำงานผิดเวลาไปนะไอ้เหี้ย!”
บรรยากาศในร้านที่เคยอึมครึม ตอนนี้กลับดีขึ้นแต่ก็เพียงเล็กน้อย ต่างจากคนที่แอบอยู่ที่หลังร้านนี้ต่างหาก...ที่ความรู้สึกของเขา..กลับแย่ลง และแย่ลง..
ไม่รู้ว่าพาตัวเองถ่อสังขารขึ้นมาบนห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าน้ำตาที่พยายามปาดให้มันหยุดไหลตอนนี้กลับแห้งเหือดไปแล้ว..
ฮึก
ก้อนสะอึกมาติดอยู่ตรงคอจนเขาแทบจะร้องไม่ออก ฮยอกแจปวดคอไปหมดกับการกลั้นเสียงสะอื้น
เสียงที่ย้ำว่าเขา เกิดมาจากความไม่ตั้งใจจากคนให้กำเนิด..
แต่ในความคิดด้านดีกลับเถียงไปอย่างไม่ยอมกัน
อย่างน้อยพ่อกับแม่ของเขาก็ยังสำนึกไม่ใช่หรอ.. ?
อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยถามตัวเองอีกแล้วว่าที่ทิ้งเขาไปน่ะ..ไม่รักกันแล้วหรอ ?
อย่างน้อย..ก็ทำให้ฮยอกแจรู้ว่าเขายังมีครอบครัวอยู่..เหมือนกับคนอื่นๆ
อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าทงเฮ..ไม่เคยคิดจะทิ้งเขาไปแม้แต่นิดเดียว..
ไม่โกรธทงเฮเลยที่ไม่ยอมบอก ไม่ยอมเล่าเรื่องของพ่อแม่ให้เขาฟัง เพราะถ้าบอกไปก็คงเป็นอย่างนี้.. ฮยอกแจจะได้แต่รู้สึกแย่แบบนี้ ร้องไห้อยู่แบบนี้..
..ก็เพราะทงเฮชอบเห็นฮยอกแจมีความสุขไม่ใช่หรอ..
N e c e s s a r y 50 %
TALK : ที่มาของคำว่า Necessary ………........……… #จุดมากมายแทนความรู้สึก
ทำโครงงานเสร็จเมื่อไหร่จะมาต่อให้นะคะ เหนื่อยมากT/////////////T
ความคิดเห็น