คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Lovely Enemy :: Chapter 1 ศัตรูตัวฉกาจ
Chapter 1
...ศัตรูตัวฉกาจ...
เมื่อซักประมาณห้านาทีก่อนหน้านี้ซีวอนยังรู้สึกมีความสุขอยู่เลย
การเจอหน้าฮีชอลมักจะทำให้ซีวอนอารมณ์ดีเสมอมาแต่ไหนแต่ไร แค่ได้มานั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกันแม้จะอยู่ในบรรยากาศจอแจเพราะเป็นโรงอาหารส่วนกลางของมหาวิทยาลัย เขาก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลานั่นได้
แต่ก็อย่างทีบอกนั่นแหละ..ว่ามันเมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้
ก่อนที่มีจะมารร้ายย่างกรายเข้ามา
“พี่ฮีชอล พี่อีทึก ผมนั่งด้วยคนนะครับ” เสียงของมารร้ายดังแว่วมาก่อนที่ซีวอนจะทันเห็นตัวเสียอีก “นี่รุ่นพี่ ขยับไปหน่อยเด่ จะนั่ง”
โจคยูฮยอนไม่เคยมีมารยาทกับซีวอนอยู่แล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันเลยก็ว่าได้ ปากน่ะก็เรียกอยู่หรอกว่ารุ่นพี่ๆ แต่ไอ้เด็กบ้านั่นไม่เคยแสดงเคารพนับถือเขาออกมา(จากใจ)เลยซักครั้งเดียว
“ที่เหลืออีกตั้งเยอะนายจะให้ฉันขยับไปไหน” ซีวอนแย้งออกมาอย่างเหลืออด
“อ้าว! รุ่นพี่ไม่เห็นถาดข้าวในมือผมเหรอครับ? ผมต้องใช้พื้นที่ในการกินนะ”
“ถ้ามันยากขนาดนั้นนายก็ไปนั่งตรงอื่นซิคยูฮยอน ที่ว่างตั้งเยอะแยะ”
“ไม่เอาอ่ะ ก็ผมอยากอยู่ใกล้ๆนางฟ้าของผมนี่นา” พูดจบคยูฮยอนก็เหลือบมองไปทางฮีชอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับซีวอน โดยมีอีทึกนั่งอยู่ข้างๆด้วย
“เอาน่าซีวอน ขยับให้น้องมันหน่อยก็แล้วกัน” ฮีชอลบอกอย่างตัดปัญหา ไม่งั้นก็ยืนเถียงกันอยู่อย่างนี้จนบ่ายอ่ะเชื่อซิ สองคนนี้ยิ่งขึ้นชื่อเรื่องไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่ด้วย
“ฮีชอลอ่า” ซีวอนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ ส่วนคยูฮยอนก็เอาแต่แอบหัวเราะคิกๆอย่างชอบใจที่ถูกเข้าข้าง ซีวอนเห็นท่าทางแบบนั้นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่แต่ก็ยอมขยับตัวออกมาเพื่อให้คยูฮยอนนั่งแต่โดยดี เขาไม่เคยขัดใจอะไรฮีชอลได้ซักอย่างอยู่แล้ว
“แล้วนี่ชางมินเพื่อนซี้ตัวติดกันของนายไปไหนซะล่ะคยูฮยอน ทำไมไม่มากินข้าวเที่ยงด้วยกัน”
“กลับบ้านไปแล้วครับพี่ฮีชอล เห็นว่ามีธุระต้องไปทำ พอเลิกคลาสก็รีบกลับไปเลย ผมก็เลยไม่มีเพื่อนกินข้าว โชคดีจังเลยที่ได้เจอพี่กับพี่อีทึก”
ซีวอนหลุดเสียง ‘เห๊อะ’ ออกมาเบาๆในลำคอ แต่ดูเหมือนว่ารุ่นน้องของเขาหูดีเสียเหลือเกิน ไอ้เด็กคยูฮยอนนั่นถึงเหล่มองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปเจื้อยแจ้วเจรจากับฮีชอลต่อ ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไร
“วันนี้พี่ฮีชอลเลิกเรียนกี่โมงครับ?” คยูฮยอนชวนคุยเสียงใส
“ประมาณสี่โมงเย็นมีอะไรหรือเปล่า?”
“สี่โมงเย็นเหรอ? ดีเลยครับ ผมว่าจะชวนพี่ฮีชอลไปดูหนังด้วยกันซักหน่อย มีหนังเรื่องนึงเพิ่งเข้าแล้วผมอยากดูมากๆเลย ไอ้ชางมินก็ดันมาชิ่งหนีกลับบ้านไปซะก่อน ถ้าอย่างนั้นพี่ฮีชอลไปดูหนังกับผมนะครับ”
“ไม่ได้!!!” ซีวอนตวาดแย้งออกมาเสียงดัง ร่างสูงหันขวับมามองจ้องรุ่นน้องด้วยสีหน้าที่บ่งชัดถึงความไม่พอใจ คยูฮยอนไม่ได้หวั่นเกรงอะไรกับท่าทางแบบนั้น กลับกัน..ไอ้เด็กจอมแสบยังมีหน้ายักคิ้วหลิ่วตาอย่างเจตนากวนตีนไปให้ซีวอนอีกต่างหาก
“ผมถามพี่ฮีชอลป่ะ? รุ่นพี่ยุ่งอะไรด้วยครับ”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้”
“แล้วรุ่นพี่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนพี่ฮีชอลล่ะ?”
“มีน่ะมีแน่โจคยูฮยอน เพราะวันนี้ฮีชอลมีนัดกับฉันแล้วยังไงล่ะ” ซีวอนตอบคำถามรุ่นน้องอย่างอดกลั้น เขาพยายามสะกดโทสะที่คุกรุ่นอยู่ในใจด้วยการนับหนึ่งถึงสิบ ถึงจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ก็เหอะ
“จริงเหรอครับพี่ฮีชอล?” เด็กแสบร้องถามตาโตเสียงดังประหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ ราวกับว่าคำพูดของซีวอนคือการหลอกเด็กว่าซานตาคลอสมีอยู่จริงยังไงยังงั้น
“อืม” คำตอบของฮีชอลทำเอาคยูฮยอนถึงกับหางลู่หูตก ซีวอนที่ชำเลืองมองอยู่ถึงกับยกยิ้มสะใจ นานๆทีเขาจะสามารถทำให้ไอ้เด็กบ้านี่หงอยได้ ขอเก็บความรู้สึกดีๆนี่ไว้ซักพักแล้วกัน
“ค่อยไปวันหลังไม่ได้เหรอครับพี่ฮีชอล ผมน่ะ..ผมน่ะอยากดูหนังเรื่องนั้นกับพี่มากๆเลยนะครับ” คยูฮยอนช้อนสายตากลมโตขึ้นถามด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แถมยังเพิ่มดีกรีความน่าสงสารด้วยหยาดน้ำที่คลออยู่ในหน่วยตานั่นด้วย
เล่นละครเก่งนักล่ะ!!
ฮีชอลหันไปมองหน้าอีทึกเพื่อนสนิทที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างกันอย่างงงๆ ส่งสายตาขอความคิดเห็นก็ได้รับเพียงการยักไหล่เป็นเชิง ‘ไม่รู้เหมือนกัน’ กลับมาแทน ฮีชอลรับปากกับซีวอนแล้วว่าวันนี้จะพาไปเลือกซื้อรองเท้าบาสคู่ใหม่แต่เขาก็ใจไม่แข็งพอที่จะเอ่ยคำว่าไม่กับคยูฮยอน ก็ดูสายตาของเจ้าเด็กช่างอ้อนคนนั้นซะก่อนซิ
“ฮีชอลรับปากผมแล้วนะครับ” ซีวอนเอ่ยปากเมื่อเห็นท่าทีลังเลใจของฮีชอล ได้ยังไงกันล่ะ เขาเป็นคนชวนก่อนนะ ทำไมเขาต้องยอมถอยให้ไอ้เด็กบ้านี่ด้วย
“ผมไม่มีเพื่อนไปจริงๆนะครับ นั่งดูคนเดียวต้องเหงามากแน่ๆเลย”
“อย่ามาทำตัวน่าสงสารหน่อยเลยน่า ฮีชอลเขารับปากจะไปกับฉันแล้วนายก็ต้องยอมรับความจริงขอนี้ซิ นายมาทีหลังนายก็ต้องรู้จักถอยซะบ้าง”
“ยอมรับความจริงอะไรครับรุ่นพี่ แล้วการมาก่อนมาหลังมันแตกต่างกันยังไงเหรอครับ? ผมว่ารุ่นพี่อย่ายึดติดกับอะไรไร้สาระพวกนี้หน่อยเลย มาก่อนชวนก่อนแล้วไง มันไม่สำคัญหรอกครับ สิ่งที่สำคัญน่ะมันอยู่ตรงที่ว่าพี่ฮีชอลเขาอยากไปกับใครต่างหากล่ะ”
“นายนี่มัน!!”
“ผมทำไมคร้าบบบ” คยูฮยอนตอบกลับหน้าตากวนประสาท
“หยุดทะเลาะกันได้แล้วพวกนาย ชักรำคาญแล้วนะ” ฮีชอลทนเสียงทะเลาะที่เริ่มจะดังมากขึ้นทุกทีๆไม่ไหว ตบโต๊ะเสียงดังไปหนึ่งฉาดใหญ่ เรียกเสียงจอจอทั้งหลายแหล่ในโรงอาหารเงียบกริบทันที
รวมถึงตัวต้นเรื่องทั้งสองคนนี่ด้วย
ฮีชอลองค์ลง งานนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะ
“ทะเลาะอะไรกันเป็นเด็กไปได้ โตๆกันแล้วจะกัดกันทำไมหนักหนา ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะรำคาญบ้างหรือยังไง? ฉันกับอีทึกจะไม่เจริญอาหารก็เพราะพวกนายสองคนนี่แหละ ไป๊! ออกไปตกลงกันให้รู้เรื่อง ตกลงกันได้ว่ายังไงค่อยมาบอกฉัน เอ้า! ยังจะมามองหน้าอีก ออกไปคุยกันดิ มองหน้าฉันแล้วจะตกลงกันได้งั้นเหรอ?”
ซีวอนกับคยูฮยอนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งสองคนไม่อยากออกไปไหนทั้งนั้น ข้าวก็ยังทานไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำแต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งจากฮีชอล ซีวอนกับคยูฮยอนก็ได้แต่จำใจลุกเดินออกไปแต่โดยดี ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังฮีชอลของขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“น่ารำคาญจริงๆเลยเจ้าพวกนี้ คนยิ่งหิวๆข้าวอยู่ มาทะเลาะอะไรกันอยู่ได้ไร้สาระ” ฮีชอลบ่นอย่างหงุดหงิด อีทึกเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ยิ้มแหยๆ
“เอาน่า นายก็อย่าไปอารมณ์เสียกับพวกน้องๆมันนักเลย”
“เดี๋ยวนี้เข้าข้างคนอื่นมากกว่าฉันงั้นเหรออีทึก?” ฮีชอลถามเสียงเย็นจนคนฟังเสียววาบที่ไขสันหลัง อารมณ์ร้ายขึ้นๆลงๆของฮีชอลคงแต่มีอีทึกเท่านั้นแหละที่รับมือไหว
“ไปใหญ่แล้วฮีชอลอ่า ฉันเห็นว่านายกำลังหิวเฉยๆต่างหากล่ะเลยไม่อยากให้อารมณ์ไม่ดี รีบๆกินเร็วเข้าเหอะ ป่านนี้สองคนนั้นไม่ฆ่ากันตายไปแล้วเร๊อะ”
“ใครสน” ฮีชอลสะบัดหน้าหนีก่อนจะก้มทานอาหารในจานของตัวเองต่อ
“ให้มันจริงเหอะ” อีทึกพูดเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆให้ความกับปากแข็งของเพื่อนตัวดี ภายนอกฮีชอลดูเป็นคนแสนหยิ่งและไม่เคยแคร์ใครแต่ความจริงแล้วฮีชอลเป็นคนอ่อนไหวง่ายมาก เรื่องนี้มีแต่อีทึกเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใคร
~+.*-:...Lovely Enemy...:-*.+~
“แล้วนี่รุ่นพี่จะเดินไปถึงไหนเนี่ยเหนื่อยแล้วนะเว้ย” คยูฮยอนส่งเสียงโวยวายตามหลังร่างสูงที่เอาแต่เดินจ้ำอ้าวไม่หยุดโดยไม่ยอมหันมาบอกกันซักนิดเลยว่าคิดจะทำอะไร
“ก็ไปหาสถานที่ทำข้อตกลงระหว่างเราสองคนไง”
“แล้วจะไปไหนล่ะคร้าบ? ไม่บอกกันซักนิด ผมไม่รู้ความคิดรุ่นพี่หรอกนะ”
“สนามบาส” ซีวอนตอบโดยที่ขายาวก็ยังคงก้าวต่อไปไม่หยุด ร่างโปร่งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาได้แต่บ่นแช่งชักหักกระดูกอยู่ในใจ โด่วว นึกว่าขายาวมากใช่ป้ะ?
“เฮ้ย! ไปสนามบาสทำไม?” คยูฮยอนร้องถามพร้อมกับเร่งสปีดความเร็วของตัวเองขึ้นมาจนทันรุ่นพี่ตัวสูง มือขาวเอื้อมจับท่อนแขนแข็งแรงของซีวอนเอาไว้ก่อนจะรั้งให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากัน
อย่านะ อย่าเป็นอย่างที่คิดนะ
“ไปแข่งบาสกันไง ใครชนะวันนี้ก็ได้ไปเดทกับฮีชอล” คำตอบที่ได้มาทำให้คยูฮยอนตัวแข็งทื่อ เขาเห็นลางร้ายลอยมาแต่ไกลตั้งแต่ได้ยินคำว่าสนามบาสแล้วล่ะ
“ซวยแล้วไงกู” คยูฮยอนบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ทำไม? นายมีปัญหาอะไรอีก?”
“รุ่นพี่จะทำงี้ไม่ได้นะเว้ย” คยูฮยอนโวยวายเสียงดัง
“ทำไมจะทำไม่ได้?”
“แบบนี้พี่ฮีชอลจะคิดยังไง เขาจะไม่คิดว่าเราเห็นเขาเป็นแค่สิ่งของที่โยนไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบงั้นเหรอ? เรื่องเดทเย็นนี้ให้พี่ฮีชอลเป็นคนตัดสินใจเองดิวะ”
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็เออดิ”
“แล้วถ้าฮีชอลเลือกจะไปกับฉันแทนที่จะเป็นนาย นายก็จะยอมถอยออกไปง่ายๆใช่ไหม?”
“จะบ้าเร๊อะ! ใครจะยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นล่ะ”
“แล้วนายจะเอายังไงคยูฮยอน โน่นก็ไม่ยอมนี่ก็ไม่ได้ ฮีชอลให้เราสองคนมาตกลงกันเองนะว่าจะเอายังไง ถ้าไม่รีบเคลียร์กันให้เรียบร้อยมีหวังวันนี้ได้ชวดกันทั้งสองฝ่ายแน่ๆ ซึ่งฉันจะไม่มีวันยอมสูญเสียช่วงเวลาที่มีฮีชอลเพราะนายแน่ๆ รีบๆทำให้มันจบๆไปเหอะ ฉันเสียเวลากับนายมามากเกินไปแล้ว”
“โห่ นี่คิดว่าตัวเองเสียเวลาอยู่คนเดียวงั้นดิ? ผมเองก็เบื่อจะเห็นหน้ารุ่นพี่เต็มแก่แล้วเหมือนกันนั่นแหละ แทนที่จะได้กินข้าวกระหนุงกระหนิงกับพี่ฮีชอล กลับต้องมาติดแหง็กอยู่กับรุ่นพี่แบบนี้ ผมคงมีความสุขหรอกนะ เห๊อะ!”
“ก็ดี” ซีวอนยืดตัวตรงเต็มส่วนสูงอย่างสง่าผ่าเผย แผ่รังสีเจ้าชายกระจายว่ายวนรอบตัวเสียจนคยูฮยอนตาพร่า บ้าชิบ! เกิดเป็นคนเหมือนกันแต่ทำไมเขากับไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนี่ถึงได้แตกต่างกันนักนะ พระเจ้าโครตจะไม่ยุติธรรม
“ตามฉันมาให้ทันก็แล้วกัน” ซีวอนทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับและผละตัวเดินนำออกไปอีกครั้ง คยูฮยอนยังยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่เลยไอ้รุ่นพี่บ้านั่นก็เดินจ้ำอ้าวไปไกลแล้ว “ยังไม่ตามมาอีก กลัวจะแพ้ฉันมากเลยหรือไงคยูฮยอน?”
ร่างโปร่งถึงกับอารมณ์ปรี๊ดจนแทบสติแตกหลังจากได้ยินประโยคที่ซีวอนหันกลับมาตะโกนถาม บ้าเอ๊ยย อย่ามาดูถูกท่านโจแบบนี้นะเฟ้ย คนอย่างคยูฮยอนฆ่าได้หยามไม่ได้นะจะบอกให้ เดี๋ยวเหอะๆ เดี๋ยวจะสั่งสอนให้รู้ว่ามาลบหลู่คยูฮยอนจะต้องเจอกับอะไร
คราวนี้ได้เห็นดีกันแน่ไอ้ขี้เหร่ไม่มีใครเกิน
ยี่สิบนาทีต่อมา
“จะแข่งอีกซักเกมส์ก็ได้นะไอ้หนู” ร่างสูงยิ้มกริ่มพลางชายตามองคนขี้แพ้ที่นั่งหมดสภาพอยู่กับพื้นสนามด้วยความสะใจปนสมเพช “แต่ถึงจะแข่งอีกซักกี่รอบ นายก็คงไม่มีวันชนะหรอกว่ะ”
“วันพระไม่ได้มีหนเดียวเว้ย แฮ่ก.. คราวนี้ฝากไว้ก่อนเหอะ คราวหน้ารุ่นพี่จบไม่สวยเหมือนคราวนี้แน่” คยูฮยอนบ่นปนหอบ หายใจแทบไม่ทันแต่ก็ยังไม่วายปากดีไปท้าทายอีกฝ่าย
“เออ แล้วฉันจะรอก็แล้วกันนะ” ซีวอนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “แต่วันนี้ฉันขอรับตัวฮีชอลไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องนัดล้างตาถ้านายกล้าที่จะท้าฉันแข่งบาสอีกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ฉันจะเตรียมตัวรอ ไปก่อนนะ” ร่างสูงขยับตาให้อย่างกวนประสาทก่อนจะเดินหนีไปพร้อมกับฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดีสุดๆ
“โธ่เว้ยย ทำไมต้องแพ้มันอยู่เรื่อยเลยวะ” คยูฮยอนทุบกำปั้นไปที่พื้นสนามด้วยความฉุนเฉียว ทั้งเจ็บใจทั้งอับอายที่ตัวเองดันแข่งบาสแพ้ไอ้รุ่นพี่ขี้เหร่นั่นแบบย่อยยับ
เออ!!! ความผิดเขาเองทั้งนั้นแหละยอมรับก็ได้วะ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่เนี่ยคยูฮยอนเคยเล่นกีฬากับเขาเป็นเสียที่ไหนล่ะ สมัยประถมก็วิ่งแข่งได้ที่โหล่ของห้อง ขนาดเพื่อนผู้หญิงเขายังไม่มีปัญญาวิ่งชนะซักคน ไม่ต้องพูดถึงกีฬาลูกผู้ชายอย่างฟุตบอล บาสเกตบอลหรือแม้กระทั่งเบสบอลนะ แค่ยืนอยู่ในสนามได้โดยไม่โดนบอลอัดยับนี่ก็ถือว่าขั้นเทพสำหรับคยูฮยอนมากแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ทำไมเขาเป็นคนปากเร็วอย่างงี้วะ แล้วไอ้โรคโดนดูถูกไม่ได้นี่เมื่อไหร่จะแก้หายซักที ก็รู้อยู่แก่ใจนะว่าตัวเองโครตจะอ่อนด๋อยเรื่องกีฬาแต่พอโดนหยามซักนิดก็หน้ามืดตามัวรับคำท้าไม่เลือก ไม่ได้เจียมบอดี้ตัวเองเล๊ยยย
ยี่สิบสองต่อศูนย์...
มันเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตลูกผู้ชายของคยูฮยอนเลยทีเดียว ไม่เห็นหน้าไอ้รุ่นพี่ซีวอนตะกี้หรือยังไงล่ะ หน้าตาแม่งมีความสุขมากอ่ะ นี่มันคงคิดว่าเขาเป็นหมูให้เชือดได้ง่ายๆไปแล้วซินะ
เห๊อะ!! มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเว้ย
งานนี้ยังไงท่านโจก็จะต้องแก้แค้นให้จงได้!!! เขาเอาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเป็นเดิมพันเลย ถ้าเขาทำให้ไอ้รุ่นพี่ซีวอนคนขี้เหร่อับอายขายขี้หน้าเหมือนเขาวันนี้ไม่ได้ เขาจะไม่เลิกตามจองเวรมันเป็นอันขาดคอยดู
หลายวันต่อมา
“พี่ฮีชอลครับ” เสียงเรียกคุ้นเคยที่สุดแสนจะระคายหูแว่วดังมาแต่ไกล ซีวอนอดกรอดตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อหน่ายไม่ได้ มีซักครั้งไหมที่ซีวอนจะได้อยู่กับฮีชอลอย่างสงบสุขซักวันโดยไม่ต้องมีมารตามมารังควานอย่างทุกวันนี้
คยูฮยอนวิ่งหน้าระรื่นมาทางซีวอนกับฮีชอลโดยที่สายตาจับจ้องอยู่แค่ใบหน้าอันงดงามของรุ่นพี่ที่ชอบเท่านั้น เสมือนหนึ่งซีวอนเป็นเพียงอากาศที่ไร้ตัวตน “พี่ฮีชอลจะไปไหนครับ?”
“พาซีวอนไปซื้อหนังสือ มีอะไรหรือเปล่าเรา?”
“ได้ไงกันครับ พี่ยังติดค้างเรื่องจะไปดูหนังกับผมอยู่เลยนะครับ”
“วันนี้พี่ไม่ว่างแล้วนี่นาคยูฮยอน นายไปดูกับชางมินเพื่อนนายก่อนซิ เอาไว้เรื่องหน้าพี่จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงหนังนายเองก็ได้”
“ได้ยังไงกันครับ” คยูฮยอนเบ้หน้า “ผมไม่ไปดูกับชางมินเพราะคิดว่าพี่จะไปดูเป็นเพื่อนผม ผมอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่เราสองคนจะว่างตรงกันนะครับ”
“แต่ว่าพี่... เอาไงดีล่ะ?”
“ฮีชอลนัดกับผมไว้ก่อนแล้วนะครับ” ซีวอนประท้วงทวงถามความยุติธรรมให้ตนเองเมื่อเห็นว่าฮีชอลเริ่มลังเล
“แต่คราวก่อนพี่ฮีชอลก็ไปกับรุ่นพี่แล้วนี่ครับ วันนี้ก็ให้ผมบ้างซิ”
“ครั้งที่แล้วนายแข่งแพ้ฉันเองนี่ มันช่วยไม่ได้ไม่ใช่หรือยังไง?”
“ถ้างั้นวันนี้เรามาแข่งกันใหม่ไหมล่ะ?”
“นายกล้า?” ซีวอนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ หลังจากแข่งบาสกันเมื่อวันก่อน ซีวอนถึงได้รู้ว่าไอ้รุ่นน้องกวนประสาทนี่ไม่เก่งเรื่องออกกำลังเลยซักนิด ต่อให้แข่งอีกกี่สิบรอบผลมันก็ออกมาอีหรอบเดิมอยู่ดีนั่นแหละ
“แล้วรุ่นพี่กล้าป่ะล่ะ?” คยูฮยอนเชิดหน้าท้าทาย ไม่มีร่องรอยของความประหม่าหรือหวั่นกลัวแม้แต่น้อย ซีวอนเห็นความแข็งกร้าวในดวงตากลมคู่นั้นแล้วก็เกิดคำถามกับตัวเองในใจ อะไรที่ทำให้ไอ้เด็กนั่นมั่นใจขนาดนั้นว่าต้องชนะเขาได้แน่ๆ
“ตกลง” ซีวอนตกปากรับคำโดยไม่ทัดทานอะไร เขาอยากรู้จริงๆว่าไอ้เด็กคยูฮยอนมันจะแน่แค่ไหน คงไม่ใช่ว่าดีแต่ปากหรอกนะ
“ดี งั้นก็ไปสนามบาสกันเลย”
“กติกาเอาเหมือนคราวที่แล้วก็แล้วกัน แข่งสิบห้านาที ใครแต้มมากกว่าก็ได้ไปเดทกับพี่ฮีชอล”
“สิบห้านาทีมันคงนานเกินไปนะสำหรับการเอาชนะคนอย่างนาย”
“เหอะ อย่ามั่นใจมากนักเลยครับรุ่นพี่ ไม่มีอะไรง่ายดายเหมือนคราวที่แล้วแน่”
“นายดูจะมั่นใจมากนะว่ายังไงนายก็ต้องชนะแน่”
“ครับ มั่นใจมากด้วยว่ายังไงวันนี้คนที่จะได้ไปกับพี่ฮีชอลต้องเป็นผม ไม่ใช่รุ่นพี่”
“งั้นก็เริ่มเลยซิ ฉันไม่อยากปล่อยให้ฮีชอลต้องรอฉันนาน”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เริ่มเลยดีกว่า เสียเวลามามากพอแล้ว”
“ฉันให้นายบุกก่อน”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
การแข่งบาสระหว่างซีวอนกับคยูฮยอนจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีฮีชอลนั่งรออยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลออกนัก คยูฮยอนเป็นฝ่ายเริ่มบุกก่อนแต่ก็เหมือนหนังม้วนเดิมที่ถูกฉายซ้ำ ไม่ว่าคยูฮยอนพยายามจะทำอะไรก็ถูกซีวอนสกัดไว้อย่างง่ายดาย
ร่างสูงเริ่มทำแต้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่เดินผ่านไปทุกๆนาที ซีวอนประเมินแล้วว่าทักษะการเล่นบาสเกตบอลของคยูฮยอนไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมเลยซักนิด แต่กระนั้นคยูฮยอนก็ยังคงยกยิ้มกริ่มตลอดเวลา
ไอ้เด็กนั่นวิ่งชนซีวอนอย่างจงใจหลายครั้งเวลาที่ซีวอนกำลังจะทำแต้ม แถมยังมีหน้ามาตีหน้าใสซื่อเสมือนไม่รู้เรื่องอะไรอีกต่างหาก
คิดจะเล่นสกปรกอย่างนั้นใช่ไหม? ได้..เดี๋ยวชเวซีวอนจัดให้
พลั่ก!!!
“โอ๊ยยย” ไอ้เด็กคยูฮยอนร้องลั่นทันทีที่ถูกเขากระแทกล้มลงไปกองกับพื้น ลูกบาสที่อยู่ในมือไอ้เด็กนั่นกระเด็นกระดอนออกไปไกลแต่ไม่มีใครสนใจตามไปเก็บมัน
“คิดจะโกงฉันเหรอ? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ”
“รุ่นพี่พูดเรื่องอะไรครับ? ผมไม่รู้เรื่อง” ซีวอนยืนเท้าเอวฟังคำแก้ตัวที่เหมือนหลุดออกมาจากละครน้ำเน่ะเป๊ะแล้วอดเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
“คยูฮยอน ซีวอนนี่มันอะไรกัน?” ฮีชอลรีบวิ่งเข้ามาในสนามบาสหลังจากได้ยินเสียงร้องของคยูฮยอนดังลั่น
“แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่มีอะไรครับ” คยูฮยอนตอบทั้งที่ยังก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นสนาม
“นิดหน่อยอะไรกันคยูฮยอน เมื่อกี้พวกเธอชนกันแรงมากเลยนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ไหนลองลุกขึ้นมาซิ” ฮีชอลถามพร้อมกับย่อตัวลงมาประคองคยูฮยอนยืนขึ้น
“โอ๊ยย” ร่างโปร่งทำท่าจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องทรุดตัวลงนั่งลงไปบนพื้นสนามอีกครั้ง
“ข้อเท้านายแพลงหรือเปล่าคยูฮยอน” ฮีชอลถามอย่างเป็นกังวลพร้อมกับนั่งลงตรงหน้าคยูฮยอน มือเรียวจับเข้าที่ข้อเท้าขวาของรุ่นน้องและคยูฮยอนก็ร้องโอดโอยขึ้นมาอีกครั้งทันที
“ข้อเท้าแพลงจริงๆด้วย” ฮีชอลส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของสองคนนี้ อยากแต่จะเอาชนะอีกฝ่ายโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา “ทำไมต้องเล่นกันรุนแรงแบบนี้ด้วยซีวอน?”
“ฮีชอล” ซีวอนร้องเสียงหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไหงเรื่องนี้กลายมาเป็นความผิดของเขาได้ล่ะ “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“นี่ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรนะคยูฮยอนถึงกับล้มกระแทกข้อเท้าแพลง แล้วถ้าเกิดทำอะไรขึ้นมาไม่เล่นกันจนคอหักตายไปข้างเลยเหรอ?”
“พี่ฮีชอลอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ผมผิดเองที่ไม่ทันระวังตัว”
“ซีวอนจงใจชนนายนะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ มันคงเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เรื่องกระแทกกระทั้นกับกีฬาบาสมันเป็นของคู่กันอยู่แล้วนะครับ รุ่นพี่ซีวอนคงไม่ได้เจตนาจะชนผมหรอกครับ”
“เอาล่ะๆช่างมันก่อน ตอนนี้พี่ว่านายไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า ลุกไหวไหมคยูฮยอน?”
“พอไหวครับ”
“มา พี่ช่วย” ฮีชอลประคองคยูฮยอนลุกขึ้นช้าๆ “เท้าซ้ายไม่ได้เจ็บใช่ไหม?”
“ไม่เจ็บครับ”
“งั้นก็ดี” ฮีชอลเข้าพยุงคยูฮยอนจากทางด้านขวาและจับแขนเรียวของคยูฮยอนพาดไหล่ตัวเอง “ไม่ต้องลงน้ำหนักเท้าขวานะ เดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาล”
“ฮีชอลครับ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ซีวอน ส่วนเรื่องไปซื้อหนังสือเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน” ฮีชอลบอกอย่างโกรธจัด ดูท่าเจ้าตัวคงจะโกรธมากจริงๆนั่นแหละ ถึงขนาดไม่ยอมมองหน้าซีวอนเลยซักนิด
“ไปกันเถอะคยูฮยอน”
“ครับ”
“ช้าๆนะ ถ้าเจ็บมากขึ้นก็บอกพี่แล้วกัน” คยูฮยอนถูกฮีชอลพยุงปีกเดินออกไปจากสนามบาสท่ามกลางความมึนงงไม่หายของซีวอน นี่มันอะไรกัน? ไอ้เด็กบ้านั่นเจ็บตัวแล้วมันใช่ความผิดของเขาที่ไหนกันล่ะ? ทำไมเขาต้องถูกฮีชอลโกรธขนาดนั้นด้วย
ร่างสูงมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายเขาจึงได้รู้ว่าตัวเองถูกเตะตกหลุมพรางของไอ้เด็กแสบเข้าให้แล้ว พอฮีชอลไม่ทันสังเกตคยูฮยอนก็หันกลับมาส่งยิ้มหวานให้เขาพร้อมกับทำปากพะงาบๆจับใจความได้ว่า
‘ช่วยไม่ได้นะรุ่นพี่ คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดกว่า’
คยูฮยอนหยักคิ้วหลิ่วตาให้ซีวอนอย่างกวนประสาท ใบหน้าขาวแต้มระบายไปด้วยความสะใจที่แผนการของตัวเองสำเร็จลุล่วงลงได้ด้วยดี
คิดจะแหยมกับท่านโจยังเร็วไปสิบปีนะครับรุ่นพี่ (หัวเราะ)
To Be Continue.
ความคิดเห็น