ตอนที่ 9 : ENGINEER 8 [100%]
“อยู่กับพี่ลิซอย่าสนใจอย่างอื่นสิคะ”
“อยู่กับพี่ ก็ต้องสนใจแค่พี่สิ ถึงจะถูก”
ฉันเอ่ยประโยคที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะได้พูดออกไปเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมร่างกายฉันถึงได้รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างก็เป็นได้อยู่ในร่างอย่างกับคุณริวจิตสัมผัสมาเอง – ความกล้าแบบนี้มันอะไร – ฉันคิดเพียงชั่วครู่ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้น้องจำเป็นที่ตอนนี้ถ้าได้มองหน้าใครก็รู้ว่าอีกคนกำลังรู้สึกยังไง
หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศแหนะ
“ลิซ...พี่ลิซ...” เสียงสั่นอันแผ่วเบาของพี่จีซูกำลังทำให้ฉันใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
มันสั่นไหวยิ่งกว่าแผ่นดินไหวปีห้าสี่ที่ญี่ปุ่นเสียอีก
ลมหายใจที่กำลังติดขัดของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ฉันอยากจะจับใบหน้าน่ารักมาจูบให้รู้แล้วรู้รอด กระเช้าลอยฟ้ายังคงหมุนอยู่เรื่อยๆ ต่างจากห้วงเวลาของเราทั้งสองที่มันกำลังหยุดนิ่ง
การวัดใจตัวเองในเรื่องแบบนี้... มันยากนะคะ
“...อึก”
แค่เสียงกลืนน้ำลายมันก็มากพอแล้วที่จะใช้เป็นกรรไกรบั่นเส้นฟางแห่งความอดทนที่กำลังจะขาดอยู่รอมร่อ
และฉันคงไม่เผลอตัดเชือกด้วยของมีคมสองแฉก หากพี่ไม่เกิดอาการปากแห้งตอนนี้ - ลิ้นเล็กๆ ที่ยื่นออกมาเลียริมฝีปากเพียงนิดเดียว กับฟันคมที่กำลังขบกับริมฝีปากล่าง
แค่นี้มันก็...
ครืดดดดๆ
เสียงสั่นจากไอโฟนหกเอสของพี่ที่อยู่ในมือของฉันทำให้พี่ละความสนใจไปอยู่ที่มัน เหมือนมันเป็นตัวการสำคัญที่สามารถทำให้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นได้
“เจนนี่โทร.มานี่...งั้น...ขอรับ...”
“อื้อ!”
แต่ครั้งนี้ฉันขอให้พี่จดจ่ออยู่กับฉันแค่คนเดียวได้มั้ย
ฉันกดริมฝีปากอิ่มของตนลงไปบนส่วนเดียวกันของอีกคนหนักๆ เลื่อนนิ้วชี้ไปตัดปัญหาที่อยู่ในมือทิ้งแล้ววางมันลงกับเบาะนั่ง อาการร้อนผ่าวที่เป็นทั้งร่างกายมันเป็นเพราะพี่...
เพราะพี่จีซูคนเดียวเลย...
จากที่ตอนแรกพี่จีซูเหมือนจะพยายามดันฉันให้ออกห่าง ตอนนี้กลับกำลังดึงแขนฉันไปวางไว้บนต้นขาของพี่แทนซะอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าไล้มือขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่บนไหล่ของฉันและบีบมันเบาๆ ไปตามอารมณ์ที่คงจะกำลังคุกกรุ่นอยู่ในอกไม่ต่างไปจากฉันนัก ลิ้นที่เพิ่งสอดเข้าไปในโพรงปากของคนพี่ตวัดไปมารับกับพี่เป็นจังหวะ มือข้างหนึ่งของฉันเลื่อนขึ้นไปดึงหมวกสีชมพูของพี่ที่ใกล้จะหลุดแล้วให้มาวางไว้ข้างๆ โทรศัพท์แทน
ฉันรู้สึกได้ถึงอาการหยุดกึกของกระเช้าที่กำลังนั่ง เหลือบสายตาไปมองวิวด้านนอกเล็กน้อยให้พอรู้ว่านี่อยู่จุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์แล้วนะก่อนจะให้ความสนใจคนที่ดูเหมือนใกล้จะขาดใจโดยการผละจูบออก ก่อนจะยกคนพี่มานั่งคร่อมบนตักของตัวเอง แล้วยื่นหน้าไปรับจูบหวานๆ จากอีกคนอีกครั้ง
จูบของพี่... มันหวานยิ่งกว่าเอาลูกกวาดทั้งโลกมารวมกันเสียอีก
“ฮ่า... ลลิซ...” พี่ทุบไหล่ฉันเบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่ากำลังขาดอากาศหายใจ ฉันละจูบหวานๆ นั่นออกมาอย่างนึกเสียดาย ให้อีกคนหอบเอาออกซิเจนเข้าปอดให้เต็มที่แล้วกดหน้าผากลงไปบนส่วนเดียวกันของคนที่กำลังนั่งคร่อมตักและวางมือบนไหล่กันอยู่อย่างนี้
“น้องจีซู... ต้องสนใจแค่พี่ลลิซคนเดียว...นะคะ”
บ้าจริงลลิสา แกพูดแบบนี้กับพี่จีซูอีกแล้วนะ ทำไมต้องทำตัวอบอุ่นด้วย
องค์ชายแปดในซีรีย์เรื่อง Moon Lovers เข้าสิงรึไง
“ลิซ...” พี่เอ่ยออกมาเบาดั่งสายลมเหมือนยังคงหลงอยู่ในภวังค์ พี่จีซูรั้งใบหน้าตัวเองออกห่างจากฉันแต่มือก็ยังคงวางอยู่ที่ไหล่ของของอยู่ มือของฉันที่ในตอนแรกอยู่ที่เอวเล็กเลื่อนขึ้นมาแนบแก้มของพี่ข้างหนึ่งแล้วลูบมันเบาๆ เหมือนกลัวว่าถ้าลูบแรงกว่านี้พี่จะแตกสลายไป
“รอบสุดท้ายของรอบนี้แล้วนะครับ”
เสียงจากลำโพงที่ตั้งขนาบข้างอยู่กับชิงช้าสวรรค์ดังขึ้นให้พี่จีซูที่เหมือนจะเพิ่งเรียกสติกลับมาได้เด้งตัวกลับไปนั่งที่ตัวเองดังเดิม
“เอ่อ... คือ พี่ เอ่อ... จีซู...เอ่อ” อาการติดเอ่อของพี่ที่เปล่งออกมาทำให้ฉันหลุดขำเล็กน้อย ฉันอมยิ้มบางๆ ให้อีกคนที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่ก่อนจะหยิบหมวกที่วางเอาไว้ข้างตัวขึ้นมาสวมให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“พี่จีซูจะเป็นเบ๊หรือไม่เป็นเบ๊มันก็ไม่สำคัญหรอก...” ฉันเว้นจังหวะการพูดพลางยกหมวกสีหวานขึ้นสวมให้อีกคนอย่างใส่ใจ
“ขอแค่พี่จีซูอยู่ข้างฉันตลอด...”
“แค่นั้นก็พอแล้ว...”
-25%-
“ลิซ...” เสียงของคนที่เตี้ยกว่าฉันสิบเซนได้เอ่ยเรียกให้ฉันละความสนใจจากบรรยากาศรอบข้างขณะที่เรากำลังเดินเล่นกันอยู่
“ฮื้ม” ฉันส่งเสียงในลำคอรับคำขานของคนพี่แล้วหันหน้าไปหา
“เดี๋ยวพี่มานะ แปบนึง” พี่พูดจบก็หันหลังให้ฉันทันที เอ้า แล้วนี่จะไปไหนบอกก่อนดิ – ฉันรั้งมือของอีกคนเอาไว้ให้หันมาหากันก่อน หัวคิ้วของฉันชนกันเล็กน้อยทำหน้าสงสัยว่าพี่กำลังจะไปไหน
“พี่จะไปเข้าห้องน้ำ เรารออยู่นี่แหละ เดี๋ยวมาแปบเดียวจริงๆ” พี่จีซูใช้มือข้างที่วางลูบมือฉันที่กำลังจับมือพี่แน่นเชิงบอกว่าให้ปล่อยก่อน ฉันค่อยๆ ปล่อยมือพี่ให้เป็นอิสระก่อนจะยกยิ้มให้พี่
“เดี๋ยวมานะ นี่ปวดจริงจัง รอแปบบบบบนึง” พูดจบก็รีบเดินเร็วไปยังห้องน้ำที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทันที ฉันหัวเราะเล็กน้อยกับร่างที่วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ รีบเข้าห้องน้ำก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่มีเลขห้าบอกอยู่ แล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งสีขาวแถวนั้นรอพี่จีซู
คงใกล้จะไหลแล้วสินะ ไม่น่าไปรั้งพี่เค้าไว้เลย
เลวจริงๆ ที่ขัดคนปวดฉี่อย่างงี้
“อ้าวลิซ มาได้ไงวะ” เสียงภาษาไทยสำเนียงแปลกๆ แบบคนไม่ได้อยู่ไทยนานจากชายที่ไม่ได้ดูแมนเลยสักนิดเรียกฉันให้ละสายตาที่กำลังจดจ่ออยู่กับห้องน้ำที่พี่จีซูเพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ เพื่อนชายตัวเล็กที่ฉันสนิทกับรุ่นพี่ชาวต่างชาติอีกคนที่จำไม่ได้ว่าอยู่ปีอะไร รู้เพียงแค่อยู่บริหารเดียวกับยัยซอสมะเขือเทศที่ตอนนี้มีบทในนิยายเท่าขี้เล็บ – ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้าฉันให้ฉันลุกขึ้นเพื่อทักทาย
“นั่งรถมาดิ ถามควายจริง” ฉันกวนหน้าตายใส่เพื่อนสนิทคณะเดียวกันให้มันหัวร้อนเล่นด้วยภาษาบ้านเกิดก่อนจะโค้งเล็กน้อยให้รุ่นพี่ที่หน้านิ่งสัสๆ หนึ่งที
“กูถามดีๆ นะลิซเพื่อนรัก เดี๋ยวกูโบกแม่ง” มันพูดภาษาไทยตอบกลับให้รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ งงว่าพวกมึงคุยอะไรกัน ประมาณนั้น
“เอ้ากูก็ตอบตามจริงป้ะวะอีแบม ด่ากูอีก แย่จริงๆ” ฉันส่ายหน้าส่ายนิ้วใส่มันจนมันมองแรงใส่หนึ่งครั้งให้ฉันหลุดหัวเราะ
“เออๆ แล้วแต่มึงเหอะ ว่าแต่ นี่มากับใคร... หรือว่า...” มันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะทำสายตามีเลศนัยใส่ฉัน
“หรือว่าเชี่ยอะไร”
“พี่จีซูดาวคณะนิเทศปีสามชัวร์ๆ น้องแบมฟันธง”
เชี่ย เดาง่ายจังวะ
“เออกูมากับพี่จีซู ละน้องแบมห่าอะไรของมึง อย่ามาทำเป็นแบ๊ว” ฉันใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากมันหนึ่งที ฉันก็ไม่ได้ทำแรงนะ แต่อีสองแบมแม่งเล่นใหญ่ชิบหาย ทำเป็นกระเด็นไปซบไหล่พี่ข้างๆ ที่น่าจะชื่อมาร์ค - โอ๊ยอีพี่มาร์คนี่ก็อีกคน มองกูอย่างกับกูไปทำแม่เค้าท้อง
ใจเย็นค่ะพี่ รู้ว่าหึงเมีย แต่ไม่ต้องมองปานจะเชือดขนาดนั้นก็ได้
“อีแบม ผัวมึงจะแดกหัวกูอยู่ละ” ฉันเหลือบมองรุ่นพี่ที่ไม่ได้สูงไปกว่าฉันมากนักก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนตัวเล็ก
“เอ่อ มาร์ค...” แบมแบมเรียกชื่อแฟนมันให้สนใจมันแทนฉัน “อย่ามองเพื่อนแบมแบบนั้นสิ มาร์คก็รู้ว่ายังไงแบมก็มีแค่มาร์คคนเดียวนี่” อยากขอบคุณมึงเหลือเกินเพื่อนรักที่ทำให้พี่มาร์คของมึงลดความเครียดลงไปเป็นฮวบเลย
แต่มึงช่วยไปอวดผัวไกลๆ ตีนกูได้แมะ
“คนอวดผัว” ฉันพึมพำเบาๆ เป็นภาษาไทย แต่ก็ดังพอที่จะทำให้เพื่อนตัวดีมันได้ยิน
“ไม่เอาสิครับ อย่าพูดแบบนั้น เป็นดาวคณะอย่าหยาบมากสิครับเพื่อนรัก” แบมพูดพลางส่ายหน้าส่ายนิ้วเลียนแบบฉันก่อนหน้านี้
“เออออออ นังเดือนวิศวะคนดีย์” ฉันย่นจมูกใส่มันก่อนจะยืนนิ่งอีกครั้ง
“เออใช่ มึงมากับพี่จีซูนี่ แล้วพี่จีซูเมียมึงเค้าหายไปไหนแล้วล่ะ” แบมแบมถามถึงคนที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ เออใช่ ลืมไปเลยว่าพี่จีซุไปฉี่ โธ่เอ๊ย คลาดสายตาจนได้ แต่อาจจะยังไม่ออกมาก็ได้มั้งงง
“เมียห่าอะไรเค้าเป็นพี่รหัสกู... พี่จีซูไปเข้าห้องน้ำ” ฉันกรอกตาใส่มันก่อนจะตอบคำถาม – เมียอะไรของมัน เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย นั่นพี่รหัสนะเว่ย ไม่ใช่แฟน ทำไมต้องแซวด้วย แค่อยู่ด้วยกันบ่อยนี่จำเป็นต้องเป็นแฟนด้วยหรอ
เอ่อ... แต่ไม่รวมที่จูบกับพี่เค้าไปสองครั้งนะ
“ไปขี้หรอวะ นานจัง” แบมมันพึมพำ เออจริง กำลังจะพูดเลย แย่งกูอีกละ
“ลลิซมากับใครครับ” คนที่เงียบโคตรๆ เอ่ยกับฉัน โอ้โหแม่คะ พี่มาร์คเค้าพูดกับหนู พี่มาร์คเค้าเป็นคนชวนคุยค่ะแม่ หนูอยากจะกรีดร้องเป็นภาษาออสเตรเลียบ้านเกิดนังรูมเมทเพื่อนรัก
“มากับพี่จีซูค่ะ แต่พี่จีซูไปเข้าห้องน้ำ” ฉันยกยิ้มบางให้พี่มาร์ค “ยังไม่ออกมาอีกหรอ โทร.ตามสิ อาจจะมีเรื่องอะไรก็ได้” พี่มาร์คพูด หือ เป็นคนที่นิ่งเรียบแต่อบอุ่นมากอ่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่มาร์คมีเมียแล้ว ฉันคงขอแลกเบอร์แลกไลน์กับพี่เค้าแล้วล่ะค่ะ – ถุยไม่ใช่
ฉันยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดเบอร์ของคนพี่อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องโทร.จากรายชื่อ ฉันกดโทร.แล้วยกไอโฟนแนบหู
“ทำไมรับนะ” ฉันกดตัดสายแล้วโทร.ใหม่อีกครั้ง และมันก็เป็นเหมือนเดิม คือไร้เสียงตอบรับจากปลายสาย พี่จีซูไปไหน ทำไมไม่รับสายนะ
“รับสิคะ” ฉันทำแบบเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างงั้นเกือบสิบรอบ “โทร.ไม่ติดหรอ” แบมแบมถามอย่างเป็นห่วง “เออ ไม่รับเลยว่ะ ไปไหนเนี่ย” ฉันทำแบบเดิมอีกครั้ง รอให้เสียงสัญญาณหายไปอย่างใจจดใจจ่อ และ...
พี่จีซูรับแล้ว!
“ว่าไงครับน้องลลิซ โทร.มาหาพี่จีซูหลายสายเชียว”
“แต่ก็นะ พี่จีซูเค้าไม่ว่างหรอกครับตอนนี้”
“เพราะพี่จีซูน่ะ เค้ากำลังจะได้สนุกกับพี่ไงล่ะครับ หึหึ”
แต่คนรับไม่ใช่พี่จีซู!
ฉันจำเสียงนี้ได้!
“ไอ้เหี้ยบ็อบบี้!!!”
-60%-
ฉันหลุดอุทานสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำออกไปเป็นภาษาไทยจนนังสองแบมมันถลามือมาปิดกฉันแทบทันที แต่มันก็ค่อยๆ เอามือเค็มๆ ออกไป – สงสัยเพิ่งนึกได้ว่าไม่ใช่สยามประเทศ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”
“เรื่องของกู!”
ฉันตวาดอย่างสุดกลั้น ก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจแรงๆ หนึ่งทีเพื่อไล่ความเครียดออกจากหัว
ฉันจะฆ่าหมกศพมัน
“โว่วๆ ใจเย็นๆ สิครับ พี่เคยได้ยินข่าวลือมานะว่าน้องลิซเนี่ย เป็นคนที่มีความอดทนสูงโคตรๆ สูงขนาดไฟไหม้ยังนั่งนิ่ง ไม่ยักกะรู้ว่าที่เค้าลือกันมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ” มันพูด - หนอย ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ไฟไหม้ยังนิ่งเชี่ยอะไร มึงคิดว่ากูเป็นพระอิฐพระปูนโดนไฟแล้วไม่ไหม้หรอวะ แม่งเอ๊ย อยากจะวาร์ปเข้าไปในโทรศัพท์แล้วเอาเล็บพี่จีซูที่ยาวฉิบหายจิกคอมันสักที!
“พี่จีซูอยู่ที่ไหน” ฉันกัดฟันถามมันด้วยน้ำเสียงที่ (พยายาม) ใจเย็นแล้ว – นังแบมเอาตัวเองไปหลบหลังผัวมันแล้วส่งสายตากลัวๆ ใส่ฉัน – กูน่ากลัว? – ฉันเอียงคอใส่มันแล้วถามด้วยสายตาอย่างหาเรื่อง ก่อนที่มันจะพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเราคุยกันทางโทรจิตได้
โอ๊ย อารมณ์เสียโว้ยยย!!!
“วันนี้อากาศดีจังนะครับพี่จีซู ดูสินู่นสิ... แต่เอ๊ะ พี่จีซูหลับอยู่นี่นา คงดูไม่ได้หรอกครับ” มันพูดเหมือนมันบ่นคนเดียวเป็นคนบ้า ฉันกำมือแน่นมาก มากจนผัวเพื่อนยื่นมือมาแตะไหล่เบาๆ เหมือนกำลังบอกให้ฉันระงับอารมณ์
“พี่จีซูอยู่ที่ไหน...” ฉันกัดฟันกรอดๆ ถามมันอีกครั้ง
“นี่ๆ แวะซื้อไอติมสตรอเบอร์รี่หน่อยสิ พี่จีซูน่าจะชอบกิน” โอ๊ยอีเหยิน แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าพี่จีซูชอบกินอะไร ยังจะมีหน้ามาบอกว่าพี่จีซูเป็นของมึงอีก
ไอ้จั๊ดง่าว!
“พี่บ็อบบี้...” ฉันพยายามเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นสุดๆ ก่อนจะได้ยินเสียงผิวปากที่ดังมาจากปลายสาย
ผิวปากขนาดนี้ มึงไม่ร้องฮวีพารัมเลยล่ะวะ!
“มึงหุบปากเน่าๆ ของมึงสักที!!!”
“แล้วบอกกูมา ว่าพี่จีซู อยู่ – ที่ – ไหน!!!”
ฉันตะโกนใส่อีตาตี่อย่างหัวร้อน
ไอ้ฟัค อยากตายมากมั้ย
“ว้าวๆๆ ดีใจจังที่น้องลลิซเป็นห่วงพี่รหัสตัวเองมากขนาดนี้ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...”
“เดี๋ยวกูดูแลพี่รหัสที่รักของมึงเองนะครับ”
“จะดูแลอย่างดีเลย”
ตู้ดๆๆ
มันพูดจบก็วางสายไปเลย - ดูแลพ่อง น้ำเสียงหื่นกามจนกูขนบุกแบบนี้ คิดว่ากูไม่รู้หรอ ว่ามึงอยากได้พี่จีซูมากแค่ไหน
กู – ไม่ – ยอม – มึง – แน่!
“ลลิซ” เสียงเข้มแต่นุ่มนวลของผัวเพื่อนที่หล่อมดลูกสั่นเอ่ยเรียกฉันให้สนใจ – พี่มาร์คยกยิ้มบางๆ ให้อย่างอบอุ่น อีแบม กูเริ่มอิจฉามึงแล้วนะที่มีผัวหล่อขนาดนี้
“คะ?” ฉันขานรับเบาๆ เพราะกำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ นังสองแบมเอาตัวเองออกมาจากหลังพี่มาร์คแล้วดึงมือฉันไปจับก่อนจะลูบเบาๆ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังหน้าแดงจัด
ฉันไม่เคยเขินแบม
และแน่นอน ฉันกำลังโกรธจัด
“ให้พี่จัดการเรื่องนี้ให้เถอะ”
“ยังไงซะ...”
“พี่ก็เคยชอบจีซูมาก่อน...”
ฉันนั่งอยู่ในรถตู้สีดำคันหนึ่ง ข้างๆ มีแบมแบมกำลังนั่งพิมพ์อะไรอยู่ก็ไม่รู้ในโทรศัพท์ มือกำกุญแจรถของพี่จีซูแน่นเพราะเผลอไปนึกถึงคำพูดของบ็อบบี้เมื่อเกือบสิบนาทีที่แล้ว
“จะดูแลอย่างดีเลย”
ดูแลหรอ? เหอะ
นอกจากพ่อแม่พีจีซู ก็คงมีแค่ฉันเท่านั้นแหละที่พี่จีซูอนุญาตให้ดูแล
อย่ามามโน
"พี่จีซู..." ฉันพึมพำเบาๆ คล้ายะละเมอซะมากกว่า มือล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปพี่จีซูที่แอบถ่ายได้ตอนพี่เผลอ
ถ้าคนอื่นได้เห็น คงอยากจะได้ฮาวทูเผลอยังไงให้ดูน่ารักจากพี่จีซูแน่ๆ
มือเลื่อนหน้าจอไปยังรูปที่ฉันเซฟมาจากเพจหลักของคณะนิเทศ รูปที่พี่จีซูยิ้มให้กล้องอย่างสดใส
ต่างจากตอนนี้ ที่พี่... คงกำลังร้องไห้อยู่ข้างในลึกๆ
โธ่เว้ย!!!
“ออกรถเลย” พี่มาร์คก้าวเข้ามาในรถตู้พร้อมกับคนขับที่ใส่สูทดำอย่างกับพนักงานบริษัทชั้นสูง – แต่จริงๆ เป็นแค่คนขับรถ – จอจีพีเอสปรากฎเส้นทางที่ฉันไม่รู้จัก รถคันยาวสีดำกำลังถูกสตาร์ทและออกตัวในที่สุด ฉันเหลือบมองหน้าปัดบอกความเร็วที่เข็มกำลังชี้เลขหกสิบ
พี่มาร์คคงเป็นห่วงพี่จีซูจริงๆ นี่ถ้าพี่มาร์คบอกว่ายังชอบพี่จีซูอยู่ แล้วถ้าเค้าได้คบกันนะ ฉันว่าคู่นี้ต้องเพอร์เฟ็คมากแน่ๆ
แต่เสียดาย มีเมียแล้วทั้งคู่
เดี๋ยวนะ มีเมียแค่พี่มาร์คคนเดียวสิ อีกคนไม่เกี่ยว
“เรากำลังไปไหนกันคะพี่มาร์ค” ฉันถามคนที่นั่งข้างคนขับด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่มาร์คไม่ตอบอะไรเลย นิ่งโคตร แถมยังมองฉันผ่านกระจกแปบนึงแล้วหันไปส่งสายตาอะไรให้แบมด้วย – แบมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงตัวฉันให้นั่งพิงเบาะดีๆ จากในตอนแรกที่นั่งหลังแทบไม่ติดเบาะด้วยความกังวลใจ
“ก็ที่ที่จะทำให้มึงได้เจอกับพี่จีซูไง”
-100%-
ช่วงไรท์พบประชารีด
ด่ามันเลยค่ะด่ามันนนนน ไม่ใช่ด่าบ็อบนะ ด่าไรท์นี่แหละค่ะ ด่าเลย /เดี๋ยว/
ไรท์เพิ่งสอบวันแรกเสร็จไปค่ะ ฮุเล่ๆๆๆๆ /อย่าเพิ่งดีใจไปเหลือวันพุธอีกวัน ถถถ/
ตอนแรกก็จะไปอ่านหนังสือนะคะ แต่นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้หยุดวันนึงแล้วสอบต่อ บวกกับฟิคที่อยากอัพมากด้วย
ก็เลยมาอัพให้ซะเลยค่ะ ฮิ้วๆๆ *ปรบมือแบบพี่ซอฟ*
ตอนนี้อาจจะดูสั้นๆไปนิดนึงนะคะ เพราะบทลิซตอนนี้มันจบที่ตรงนี้จริงๆ
(มันต้องมีคนคิดว่าอย่าอ้างนังไรท์ขี้เกียจก็บอกมาดีๆแน่ๆค่ะ ถถถ)
*วิบัติเพื่ออรรถรสนะคะ อิ้อิ้*
ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวมาแก้ให้เนาะะะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

...ไรท์จะช่วยตายสักรอบได้มั้ยค่ะ ^^
#ตามติด%ต่อไป //ไหงมาโหดงี้ได้ง่ะ55
ไรรรรรรรรเตอร์!!!!!!!!!!!! ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
*คว่ำโต๊ะ!