ตอนที่ 8 : ENGINEER 7 [100%]

“และดาวคณะของเรา ก็ได้แก่... น้องลลิซแผนกชาวต่างชาติครับ!!!”
เสียงจากโทรโข่งดังแล่นเข้ามาในโสตประสาทของฉันที่กำลังเดินผ่านลานเกียร์อยู่ในตอนนี้ ฉันชะงักฝีเท้าแล้วยืนชะโงกหน้ามองเข้าไปหาหญิงสาวที่เพิ่งถูกเรียกชื่อเมื่อกี้ก่อนจะได้สบตากับเธอเข้า
“พี่ ช่วยฉันด้วย” คนเป็นน้องรหัสขยับปากพูดไร้เสียงแล้วให้ฉันอ่านปาก ฉันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับปากตอบไป
“ลุกไปยืนข้างหน้าเถอะน่า”
“น้องลลิซแผนกชาวต่างชาติโปรดมายืนด้านหน้าด้วยครับ!” เสียงพี่ว้ากที่ยืนอยู่ด้านหน้าเหล่านักศึกษาตะโกนเรียกชื่อน้องเต็มยศผ่านอุปกรณ์เพิ่มเสียงที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย น้องลลิซหันไปหาคนที่เรียกแล้วหันมาส่ายหน้ารัวกับฉันอีกครั้ง
“ถ้าไปยืนพี่จะยอมเป็นเบ๊เราหนึ่งวัน” ฉันขยับปากบอกน้องอีกครั้ง น้องขมวดคิ้วอ่านปากฉันสักพักก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วลุกขึ้นก่อนจะชี้มาที่ฉัน
“พี่พูดแล้วนะ” น้องบอกก่อนจะเดินออกไปยืนข้างๆ น้องผู้ชายตัวเล็กท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดมากมายแล้วหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง
ชักเริ่มกลัวใจน้องลิซแล้วสิ
“โฮ่ยยย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย” พอถึงเวลาแยกย้าย น้องรหัสของฉันที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ตรงดิ่งมาหาฉันทันทีพร้อมกับสีหน้างอแงเป็นเด็ก
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ชีวิตเราตอนเป็นกับไม่เป็นดาวมันต่างกันตรงไหน อีกอย่าง สายเราก็จะได้ชื่อว่าเป็นสายดาวคณะอีกครั้งสักที” ฉันพูดพลางนึกถึงน้องจีซูที่ย้ายออกไปทั้งๆ ที่ยังอยู่ปีสองอยู่เลย
“หือ? พี่จีซูที่ย้ายออกไปก็เป็นดาวคณะหรอคะ” น้องเงยหน้าขึ้นมาจากเข็มประจำตัวดาวคณะที่รุ่นพี่ยูริเพิ่งมอบให้แล้วเลิกคิ้วถามฉัน
“รายนั้นเค้าเป็นดาวมนุษย์น่ะ น่าเสียดายที่ออกไปซะละ” ฉันพูดก่อนจะเหลือบไปสังเกตเห็นว่าเข็มรูปเฟืองซึ่งตรงกลางมีเพชรประดับที่อยู่บนเสื้อของน้องนั้นมันเอียงเสียเหลือเกิน จนอดใจไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจัดมันให้เรียบร้อย
“พี่จีซูทำอะไรคะ” ลลิซสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ มือของฉันก็ไปสัมผัสกับเสื้อของน้อง “อยู่นิ่งๆ สิ เป็นดาวคณะทั้งที เข็มเบี้ยวได้ไง” ฉันพูดไปติดเข็มให้น้องไปจนกระทั่งมันตรง
“ขอบคุณนะคะ”
“ไอ่ลิซซซซดาวคณะของกูวววววววว” เสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง ฉันและน้องหันไปมองก่อนจะเห็นว่าน้องโรเซ่นั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาน้องลลิซด้วยความเร็วแสงก่อนจะกระโจนใส่ลิซทันทีเมื่อมาถึง
อ่า ทำไมรู้สึก... หงุดหงิดแฮะ
“อะไรๆ มึงไม่ต้องมาทำเป็นกอดกูเลย ออกไป๊” ลลิซดันหัวของโรเซ่ด้วยมือทั้งสองข้างให้ปล่อย
“กูเป็นเพื่อนกับดาวคณะว่ะ เอาเรื่องงง” โรเซ่กดเสียงต่ำก่อนจะหันมาโค้งยิ้มให้ฉันเป็นการทักทาย
เพิ่งเห็นว่าพี่อยู่ตรงนี้หรอคะ
“เอาเรื่องห่าอะไร แล้วนี่ไม่ไปอยู่กับพี่จียงจีดีจี่หอยอะไรของแกละหรอ” ลลิซพูดถึงรุ่นพี่ปีสี่คนนึงที่แร็ปเก่งๆ “แหม่ นั่นแค่พี่รหัสป้ะล่ะ ไมได้ติดอะไรขนาดนั้น แถมพี่เค้าก็เป็นผู้ชายด้วย จะให้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวโดนหาว่าอ่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้ชอบอีก...”
“ใครจะไปเหมือนมึงวะลิซ ติดพี่รหัสแจขนาดนี้...”
“เปลี่ยนจากสายรหัสรุ่นพี่เป็นสายรหัสรุ่นแฟนมั้ย”
!!!
ฉันหันขวับไปเบิกตากว้างใส่คนที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ก่อนจะรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองในตอนนี้มันกำลังจะลุกเป็นไฟในไม่ช้า
ไม่ได้โกรธอ่ะ แต่มันก็... นะ
“เฮ่ยๆๆ เล่นไรดูด้วย นี่พี่รหัสกู อย่าลามปามให้มาก” เธอพูดก่อนจะดึงข้อมือฉันให้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ “กูไปละ หิว มึงจะไปไหนก็ไปไป” พูดจบก็ลากฉันออกไปจากลานเกียร์ทันทีไม่รอให้โรเซ่ได้พูดอะไร
“เอ้า แล้วกูจะถ่อมาหามึงถึงคณะเพื่ออะไรวะเนี่ย เดี๋ยวก๊อนนนนน!”
“พี่” จู่ๆ น้องก็เรียกฉันในขณะที่กำลังลากฉันไปไหนก็ไม่รู้ น้องหันมามองฉันที่เดินอยู่ข้างหลังก่อนจะดึงให้ไปเดินข้างๆ กัน ทั้งยังไม่ปล่อยข้อมือฉันให้เป็นอิสระ
“หืม?” ฉันเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร “ฉันไม่ลืมหรอกนะ...”
ฮะ อะไร
“เรื่องที่พี่บอกว่าจะเป็นเบ๊ฉันหนึ่งวันอ่ะ”
เออว่ะลืมเลย
เวรกรรม
“แล้วจะให้พี่เบ๊เราเรื่องไรล่ะ” ฉันถามคนที่กำลังเปลี่ยนจากจับข้อมือเป็นกุมมือฉันแทน ลลิซมองบนทำท่าคิดเล็กน้อย ยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาเกาคางอย่างใช้สมอง ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะเหมือนกำลังบอกว่าคิดออกแล้ว
“รู้แล้วว่าจะให้เป็นเบ๊เรื่องอะไร” น้องพูดยิ้มๆ
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่อง...”
.
.
.
.
.
.
วันเสาร์ควรจะเป็นวันที่ฉันได้นอนพักให้เต็มที่ ทำอะไรตามใจตัวเอง ดูซีรีย์ที่ยังค้างไว้ - แต่วันนี้มันกลับตาลปัตรไปซะทุกอย่าง – วันนี้กลายเป็นวันที่ฉันดูไม่เป็นตัวของตัวเองที่สุด
ฉันตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่งโดยที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด อาบน้ำอยู่ก็ทำขวดแชมพูร่วงจนยัยเจนนี่มันรำคาญตะโกนด่าเข้ามาในห้องน้ำแล้วหลับต่อ แถมวันนี้ยังเลือกชุดนานกว่าปกติด้วย ทั้งรื้อทั้งแกะชุดใหม่ที่เพิ่งส่งซัก แถมยังทำตัวเรื่องมากจนยัยเจนนี่มันทนไม่ไหวตื่นขึ้นมาช่วยฉันเลือกชุดนี่แหละ
ทั้งๆ ที่ปกติไม่ถึงห้านาทีก็มีชุดใส่แล้ว แต่พอเป็นวันนี้ กลับเลือกเป็นชั่วโมงยังไม่เสร็จเลย
“...พี่ไม่ลำบากใจใช่มั้ยคะ งั้น...เดี๋ยววันเสาร์เจอกันนะคะ”
เพราะประโยคนี้ที่น้องพูดเมื่อวันเลือกดาวเดือนนี่แหละ ถึงทำให้ฉันยืนเกร็งอยู่หน้าห้องน้องอยู่แบบนี้
“อ้าวมาแล้วหรอ ไปกันเลยมั้ยคะ” ฉันสะดุ้งจากภวังค์เมื่อน้องเปิดประตูห้องออกมาเจอะกับฉันที่พิงกำแพงฝั่งห้องตัวเองคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ ฉันยิ้มให้น้องบางๆ ผละตัวออกมาจากกำแพงแล้วเดินไปด้วยกัน
“ฉันขอขับนะ” เมื่อถึงลานจอดรถแล้ว ลลิซก็ฉกกุญแจที่อยู่ในมือฉันไปเปิดรถแล้วเข้าไปนั่งที่เบาะคนขับทันที
“แต่...”
“วันนี้พี่เป็นเบ๊ฉันนะ”
น้องพูดจบก็ยิ้มร่าออกมาให้ฉันเบะปากทำท่าจะร้องไห้ ฉันยอมเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับแต่โดยดี เมื่อฉันคาดเข็มขัดเสร็จน้องยื่นมือมายีหัวฉันแรงๆ หนึ่งที
“ทำดีค่ะน้องจีซู”
พูดจบก็สตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที – อ่านไม่ผิดหรอกค่ะที่น้องเรียกฉันว่าน้อง
ก็ลลิซให้ฉันเป็นน้องหนึ่งวัน ผลมันก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ
“ลิซ... เอ่อ พี่ลลิซจะไปไหนหรอคะ” ฉันพูดกระตุกกระตักด้วยความไม่เคยชิน แหงอยู่แล้ว ปกติฉันเรียกน้องว่าเรา ไม่ก็ลิซตลอดเลยนี่นา จู่ๆ ให้มาทำตัวเป็นน้องบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะชินได้ง่ายๆ
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า” ฉันไม่ชิน แต่เจ้าตัวคนคิดกลับทำเหมือนตัวเองเป็นพี่มาตลอด
มีความอยากเป็นพี่มานานแล้วว่างั้นเถอะ
“สวนสนุกเนี่ยนะ” ฉันพึมพำเบาๆ ให้คนที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินลากฉันเข้าไปในนั้นอยู่ สถานที่สำหรับเด็ก วัยรุ่น ครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนชรา คนทุกประเภทที่กล่าวมานี้ล้วนแต่มีความสุขกับสถานที่รื่นเริงนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบสวนสนุกนะ
แต่ฉันแค่เกลียดสวนสนุก
คงเป็นเพราะตอนเด็กๆ พ่อกับแม่เคยพามาแล้วตอนนั้นฉันป่วย เล่นอะไรก็อ้วกมั้ง มันเลยฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้
แต่วันนี้ฉันมากับน้องลลิซ
เว้นไว้สักวันก็ได้มั้ง
“ทำไมทำหน้างั้นล่ะ ไม่ชอบสวนสนุกหรอ” ลลิซเอียงหน้าถามฉันขณะที่กำลังต่อแถวซื้อบัตรขึ้นเรือไวกิ้งอยู่ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนแมนๆ ถึงได้ชอบเล่นไวกิ้งกัน มันสนุกตรงไหนถามจริง
“ป่าว...ค่ะ” ทำเพียงบ่นในใจแล้วรอคอยให้ถึงคิวช้าที่สุด – ไม่รู้ว่าฉันแสดงออกทางสีหน้าชัดขนาดนั้นเลยรึป่าว ลิซถึงได้จับมือฉันเดินออกมาจากแถวทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงคิวอยู่แล้วแบบนี้ ลิซยังคงเดินนำฉันอยู่อย่างนั้น ไม่เปิดปากพูดอะไรทั้งสิ้น หรืออาจจะเป็นเพราะฉันก็ไม่เอ่ยถามด้วยว่าทำไมถึงลากออกมาแบบนี้ทั้งๆ ที่ก็ดูเหมือนจะอยากเล่นมาก
“จีซูอ่า” ลลิซเรียกฉัน ทำเหมือนปกติฉันก็เป็นน้องอยู่แล้ว แต่ฉันไม่เคยชินได้เลยสักนิด
เวลาน้องเรียกฉันแบบนี้... มันทำให้ใจฉันสั่นเหลือเกิน
“คะ” เอาล่ะจีซู แกแค่ต้องเอาตัวรอดหนึ่งวัน ก็แค่เป็นจากเรียกลิซเป็นเรียกพี่ เวลาพูดให้มีหางเสียงมากกว่าปกติ แค่นี้เอง ง่ายจะตายไป
“ชอบไม่ชอบอะไรก็บอกสิ ไม่ใช่นิ่งแล้วรอให้ฉันรู้เอง” ลลิซยิ้มระบายออกมาก่อนจะพาฉันเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกทั้งยังคงกุมมือฉันอยู่ ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้พูดว่าไม่ชอบสวนสนุกแท้ๆ แต่น้องกลับเลือกที่จะไม่เล่นอะไรเสียวๆ ที่ตัวเองน่าจะชอบเล่นแล้วพาฉันซื้อของแทน
น้องแคร์เรามากขนาดไหนนะ
“อันนี้เหมาะกับเธอดีนะ” ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าน้องให้ฉันเบ๊เรื่องอายุหนึ่งวัน ทั้งๆ ที่ปกติตัวเองเป็นน้องก็สบายกว่าอยู่แล้ว แต่จู่ๆ กลับอยากเป็นพี่ซะอย่างนั้น ลลิซดูชินจริงๆ นะ ต่างกับฉันที่ยังสะดุ้งอ่อนอยู่เลยเวลาน้องเรียกห้วนๆ แบบนี้
แต่แบบนี้มันก็... น่ารักดีนะ
น้องหยิบหมวกช็อปเปอร์จากเรื่องวันพีชขึ้นมาแล้วสวมเข้าที่หัวของฉันไม่รอให้อนุญาต ใส่ให้ไม่พอยังจัดผมให้อีก
อบอุ่นเกินไปแล้วนะ
“ทำไมต้องหมวกช็อปเปอร์สีชมพูด้วยคะ” ฉันยกมือขึ้นมาจับหมวกสีหวานที่อยู่บนหัวกะจะถอดออกแต่น้องก็ดึงมือทั้งสองข้างของฉันไปกุมเอาไว้ซะก่อน หมู่นี้น้องจับมือฉันบ่อยมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
แต่ได้จับมือน้องแบบนี้... มันก็ดีนะ
“ไม่ต้องถอดหรอก”
“สีชมพูน่ะ เหมาะกับจีซูนะ”
“พี่ชอบนะ เวลามีสีชมพูอยู่บนร่างกายเรา”
“จีซูน่ารักมากนะเวลาใส่สีชมพูแบบนี้”
.
.
.
.
“สีดำเหมาะกับลิซดีนะ...”
“พี่หมายถึง... พี่ชอบนะ ที่เราใส่สีดำ”
“ลิซเท่ห์ดีนะเวลามีเสื้อผ้าสีดำอยู่บนตัวแบบนี้”
ประโยคทั้งหลายที่น้องพูดเมื่อกี้ทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เรารู้จักกันจริงๆ จังๆ ซึ่งตอนนั้นฉันชมน้องเอาไว้ว่าสีดำเหมาะกับน้องดี
ความเดจาวูนี้คืออะไร
น้องจัดหมวกให้ฉันอีกครั้งแล้วฉีกยิ้มกว้างๆ แบบเด็กซนให้ฉันทีนึง ก่อนจะดึงมือฉันไปดูหมวกโซนอื่นของร้านต่อ
“จีซูเลือกหมวกให้พี่ลลิซหน่อยสิคะ” ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติและความล้อเลียนนี้มันคืออะไร – ฉันเผยยิ้มบางให้น้องแล้วหันไปกวาดสายตามองหมวกแต่ละชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปด้วยความตั้งใจ ก่อนจะสะดุดเข้ากับหมวกช็อปเปอร์จากวันพีช มันเป็นหมวกแบบเดียวกับที่ฉันกำลังใส่เป๊ะเลย ต่างกันตรงที่เป็นสีดำแค่นั้นเอง
ถ้าฉันจะเลือกหมวกคู่ให้น้องแบบนี้จะเป็นอะไรมั้ยนะ
“อยากได้หมวกช็อปเปอร์สีดำจัง”
!!
ฉันละสายตาจากหมวกใบนั้นแล้วหันมามองน้องทันที คนข้างๆ ฉีกยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะยื่นมือขึ้นไปหยิบหมวกใบนั้นด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบของตัวเอง
“ทำไมถึงอยากได้ใบนี้ล่ะคะ”
“ก็จีซูใส่หมวกช็อปเปอร์ พี่ก็เลยอยากใส่บ้าง...”
“อีกอย่าง มีคนแถวนี้เคยบอกว่าสีดำเหมาะกับพี่ลิซด้วย”
“ก็เลยอยากใส่เอาใจคนแถวนี้สักหน่อย แค่นั้นเอง”
ตึกตักตึกตักตึกตักตึกตักตึกตัก
เสียงก้อนเนื้อภายในอกที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งทำให้ฉันก้มหน้าหนีคนที่เพิ่งพูดด้วยกันเมื่อกี้แทบจะทันทีที่ตั้งสติได้ บ้าเอ๊ย ไม่เห็นต้องเขินขนาดนี้เลยจีซู น้องเค้าก็แค่อยากเอาใจพี่รหัส
อย่าได้คิดไปไกลเชียวนะ!
“จีซูอ่า”
ไม่ทันแล้ว
ลลิซเชยคางฉันให้เงยหน้าสบสายตาของเธอเชิงบังคับพร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยนที่ถ้าใครได้ฟังก็ต้องละลายแน่ๆ น้องเลื่อนมือทั้งสองข้างมาแนบแก้มฉันไว้ก่อนจะส่ายหน้าฉันไปมาเหมือนฉันเป็นของเล่น – ปกติฉันไม่ชอบให้ใครเล่นแก้มฉันแบบนี้หรอก มันน่ารำคาญอ่ะ
แต่พอน้องเล่นแก้มฉัน
ฉันกลับชอบเสียอีก
“พี่ขอซื้อให้นะคะ” ว่าจบก็โยกหัวฉันเบาๆ แล้วกุมมือฉันไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินทันที
ทำไมถึงได้รู้สึก... อยากอยู่อย่างนี้ไปตลอดนะ
“พี่ลิซ” ขณะที่กำลังเดินเล่นกันอยู่แถวๆ ม้าหมุน ฉันก็เอ่ยเรียกคนที่กำลังมองหาเครื่องเล่นอยู่ให้หันมาสนใจ “มีอะไรคะ”
“คือ... เอ่อ...” ตอนแรกฉันมั่นใจว่าจะเอ่ยขอสิ่งนี้ไปให้ได้ แต่พอปะทะกับสายตาอบอุ่นแบบนั้น…
พูดไม่ออกเลยแฮะ
“น้องจีซูอยากได้อะไรหรอคะ” ลลิซดึงมือฉันไปจับ (อีกแล้ว) แล้วแกว่งไปมาแบบที่ชอบทำ แต่แกว่งได้ไม่นาน มืออุ่นทั้งสองข้างของน้องก็เปลี่ยนมาเป็นกุมมือขวาของฉันแทน ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดกับน้องมานานแสนนาน อยากจะขอแต่ก็กลัวว่าน้องจะไม่รับคำขอนี้ไว้ กลัวว่าถ้าขอแล้วน้องจะเดินหนีไป...
แต่น้องเปิดโอกาสขนาดนี้ ก็ต้องคว้าเอาไว้สิ!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“จีซูอยากกินไอติม...”
“พี่ลิซซื้อไอติมให้จีซูหน่อยได้มั้ยคะ”
นี่แหละค่ะโอกาสทองแห่งการกิน!!!
ลิซเหวอไปแปบนึงแล้วระบายหัวเราะออกมาเบาๆ น้องละมือข้างนึงแล้วยกขึ้นมาโยกหัวฉันเล่นไปมา ฮื่อออ ไม่รู้สิ ทั้งๆ ที่ปกติก็เป็นดาวคณะก็มีคนตั้งมากมายมาจีบแท้ๆ ยังไม่ยอมเล่นด้วยเลย
แต่นี่น้องยังไม่ทันได้จีบ...
ฉันก็ยกใจให้น้องไปซะแล้ว...
-75%-
“ก็นึกว่าจะขออะไรเยอะ อ้ำอึ้งอยู่ตั้งนาน” ลลิซเผยยิ้มก่อนจะดึงมือฉันไปที่ร้านไอศกรีมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ม้าหมุน - ตั้งท่าเตรียมบัตรเครดิตเรียบร้อยเชียวนะ กลัวไม่ได้จ่ายหรอ
“เอา...”
“เอาวนิลาสองโคนค่ะ” น้องชิงพูดก่อนฉันเหมือนรู้ว่าฉันจะพูดอะไรทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมรู้...”
“ก็อยู่ด้วยกันทีไรเราก็สั่งของกินที่เป็นวนิลาตลอดเลยนี่”
“ไงล่ะ รู้ใจมากนะเนี่ยยยย” น้องพูดก่อนจะวางบัตรเครดิตให้คนขายแล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปรับไอศกรีมโคนสีขาวแทนฉัน
“ค่ะๆๆ” ฉันรับไอศกรีมโคนหนึ่งมาจากมือน้องก่อนจะเดินไปจากตรงนั้นเมื่อชำระเงินเสร็จแล้ว เราสองคนเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ความเงียบเป็นอากาศปกคลุมรอบกายเรา จนกระทั่งเราเจอม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ ชิงช้าสวรรค์ฉันก็วิ่งไปนั่งทันทีด้วยความรู้สึกล้าขา
“เด็กน้อยจริง” น้องพึมพำเบาๆ แต่ฉันก็ยังคงได้ยินอยู่ดี ฉันมองค้อนน้องเล็กน้อยแล้วนั่งลง เด็กน้อยอะไร แค่วิ่งกระโดดไปกระโดดมาเขาไม่ได้เรียกว่าเด็กน้อย อย่างฉันเรียกว่าอเลิท เกิดคึกซะมากกว่า
ก็นะ ฉันก็เป็นแบบนี้แค่กับน้องคนเดียว
“จีซูหันหน้ามาซิ” น้องเรียกฉันที่นั่งมองวิวรอบๆ สวนสนุกอยู่ ตามสัญชาตญาณคนถูกเรียกทำให้ฉันหันไปหาน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“รู้หรอกว่าแอบเถียงว่าไม่ใช่เด็ก...”
“แต่กินเลอะจนจะคางแบบนี้อ่ะนะไม่ใช่เด็ก”
ปลายนิ้วโป้งนุ่มของน้องยกขึ้นมาปาดคราบสีขาวที่ติดอยู่บริเวณมุมปากของฉัน ลิซเช็ดมันอย่างประณีตจนใจของฉันเต้นรัวไม่ปราณีตัวฉันเองเลยแม้แต่น้อย
“รสชาติไอติมของน้องจีซูจะเหมือนของพี่ลิซรึป่าวน้า...”
!!!
ปลายนิ้วโป้งซึ่งมีคราบไอศกรีมติดอยู่ถูกลิ้นแดงของเจ้าของเชยชิมรสชาติจนไม่มีคราบติดอยู่ ลลิซกินครีมที่เพิ่งปาดไปจากปากฉันหน้าตาเฉย ผิดกับฉันที่ในตอนนี้หากเทียบหน้าฉันเป็นระเบิดเวลาที่กำลังร้อนได้ที่ มันคงอยู่ในช่วงสองวิสุดท้ายก่อนที่มันจะตู้มออกมา
สองวิที่ยกใจให้ไปรอบที่ล้าน
ยกใจที่แม้มันจะเหลืออยู่ก้นบึ้งให้ไป…
ยกให้ทั้งใจไปแล้วจริงๆ
“กินเสร็จแล้วไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันมั้ยคะ ฮื้ม”
ยัยเด็กบ้า ภาพพจน์เด็กวิศวะหายไปไหนหมด
ทำไมเหลือเพียงความเป็นพี่ลลิซผู้แสนอบอุ่น... ผิดกับคนในคณะของเธอที่เถื่อนได้โล่
“อื้อ” ตอบได้แค่นี้จริงๆ ความเขินระดับล้านจุกอยู่ที่คอหอยของฉัน ไหนจะหน้าแดงๆ ที่ไม่จำเป็นต้องส่องกระจกก็รู้อีก
จำเป็นต้องเขินขนาดนี้มั้ย นังคิม จีซู
“ปกติน้องไม่ชอบสวนสนุกหรอ” ลลิซยังคงสวมบทบาทเป็นพี่ลิซคนอบอุ่นอยู่ไม่ยอมเลิก ตอนนี้เรานั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ที่มันกำลังลอยขึ้นไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงจุดสูงสุดอยู่รอมร่อ น้องนั่งฝั่งตรงข้ามกับฉัน ทำให้ฉันสามารถสบตากับเธอได้ไม่ยาก แววตาที่โคตรพ่อโคตรแม่อบอุ่นมันกำลังจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันจนฉันเองนี่แหละที่ทนไม่ได้เบือนหน้าหนีทำเป็นมองวิวทิวทัศน์แทน
“อ่า จะตอบไงดีล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอ่ะ แต่เป็นไปได้ก็ไม่อยากมา” ฉันตอบไปตามที่ตัวเองคิด ก่อนจะดึงโทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงขาสั้นขึ้นมาเปิดเล่นแก้เขิน – นี่จะเขินอะไรนักหนา เขินซ้ำเขินซาก เขินจนรากงอก
“แล้วทำไมถึงไม่อยากมาล่ะคะ” น้องยังคงถามฉันที่ก้มหน้าเล่นเกม The Walking Pet ที่ตั้งชื่อตามหนังซอมบี้ชื่อดังอยู่
“ก็ตอนเด็กๆ เคยอ้วกหนักมากเพราะมาสวนสนุกนี่แหละ ฉันเลยเข็ดมากล้าเล่นอะไรอีก... อ้ะพี่ลิซเอาโทรศัพท์คืน... มานะ” พูดอยู่ดีๆ ก็โดนฉกไอโฟนซะละ – ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันที กะว่าจะแย่งโทรศัพท์คืนมาให้ได้ เมื่อกี้เกือบจะทำเบสสกอร์แซงจากที่ยัยเจนนี่มันเล่นไว้ได้อยู่แล้วเชียว
แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับแทบไม่มีอากาศพัดผ่านระหว่างเราสองคนเลย
ทำไมต้อง... ยื่นหน้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย...
“อยู่กับพี่ลิซอย่าสนใจอย่างอื่นสิคะ”
“อยู่กับพี่ ก็ต้องสนใจแค่พี่สิ ถึงจะถูก”


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แหมมม ลลิซคนอบอุ่นได้เป็นพี่เขาวันหนึ่ง รุกได้หนักมากคะะ มีความหลัวสูงมาก
ถ้าจะให้ดีลงทีก็ให้ได้ 100% เลยได้มั้ยคะ
ลลิซแลดูมีความผัวมากมายก่ายกอง อร๊ายยยยย (หนูจะเอาคนนี้!!!)
#รักไรท์แรงๆ มาอีกทีขอแบบทิ่มแทงตะแคงกลางใจ ><
มันค้างอ่ะ!!!! (หรือรีดคนนี้มันไม่รู้จักพอ????)
//กว่าจะอัพพ เกือบงอนแล้วนะไรท์ 555555555555
ปล. อิเกมหัวร้อนนี่มันตามมาหลอกหลอนอีกละ5555