ตอนที่ 6 : ENGINEER 5 [100%]
“พี่จีซู...”
“ทำไมถึงเมินแชทผมล่ะ?”
เสียงของคนที่ไม่สนิทแต่กลับจำฝังใจดังขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะออดอ้อนนิดหน่อย
แหวะ น่ารักตายอ่ะ
“พี่ไม่จำเป็นต้องตอบแชททุกคนค่ะน้อง...”
“อยากตอบก็จะตอบ แต่ถ้าไม่อยากตอบ...”
“ก็ไม่ตอบอ่ะค่ะ”
พี่จีซูพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจก่อนจะดึงข้อมือฉันเบาๆ เหมือนกำลังบอกว่าให้ไปจากตรงนั้น ฉันเกือบจะตบมือดังๆ ละที่พี่พูดออกมาแบบนั้น แต่ยังก่อน เดี๋ยวค่อยไปตบแปะกับพี่จีซูที่ห้องก็ได้
เอ่อ... หมายถึงตบมือนั่นแหละ
“เดี๋ยวสิพี่จี...”
“ไม่เห็นหรอคะว่าพี่จีซูไม่เล่นด้วยอ่ะ นี่พี่เค้าเมินขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรอ เลิกตื้อได้แล้ว...
“อย่ามาเด๋อให้มาก มันน่าสมเพช”
ฉันตอกกลับแทนพี่จีซูไม่สนว่าจะอายุมากกว่าเมื่อเห็นนายบู้บี้กำลังจะยื่นมือมารั้งพี่จีซูเอาไว้ เหอะ ฝันไปเถอะย่ะ คิดว่าฉันจะให้แกยุ่งกับพี่จีซูง่ายๆ หรอ รอชาติหน้านะพี่
อ้อ แต่ถ้าชาติหน้าเจอกันอีก ฉันก็ไม่ให้แกยุ่งกับพี่จีซูหรอกแบร่ๆๆ
เราสองคนเดินมาจากตรงนั้น ฉันเดินมาส่งพี่จีซูที่คลาสก่อนจะไปคณะตัวเอง เฮ่อ ฉันเริ่มจะห่วงพี่จีซูจริงๆ แล้วนะ ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอก เพราะคิดว่าพี่จีซูน่าจะจัดการเรื่องนายบู้บี้นี่ได้ด้วยตัวเอง แต่พอเจอลูกตื๊อแบบนี้แล้ว สงสัยพี่จีซูคงต้องมีผู้ช่วยอย่างฉันแล้วล่ะ
ฉันอยากช่วยพี่จีซูเรื่องนี้จริงๆ นะ
“ลลิสา”
“ลลิสา”
“ลลิสา!”
“ค คะ”
ฉันสะดุ้งจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์หน้าโหดที่พูดไทยชัดชิบเป๋งอย่างกับเป็นคนไทยอย่างงั้นแหละ ฉันสะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความมึนก่อนจะสบตากับผู้เรียก
“อาจารย์เรียกตั้งนานแล้วทำไมไม่ได้ยินคะ เหม่ออะไร ปกติก็ดูตั้งใจเรียนดีนี่ ทำไมวันนี้ทำตัวแปลกๆ...” อาจารย์ตำหนิฉันก่อนจะดันแว่นตัวเองเล็กน้อย “ครั้งนี้จะอนุโลมให้ละกันเพราะเห็นว่าเธอตั้งใจเรียนคลาสอาจารย์ตลอด แต่! อย่าให้มีคราวหน้านะลลิสา” อาจารย์พูดจบก็หันไปให้ความสนใจกับเนื้อหาที่กำลังสอนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง
อ่า จะห่วงพี่จีซูอะไรเบอร์นี้ลลิสา
“ลิซ วันนี้มึงเป็นไรวะ ทำไมดูเซื่องซึมอึมครึมอะฮึ่มๆ” เสียงเพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งรูมเมทของฉันพูดก่อนจะยัดข้าวผัดเมนูเดิมที่ชอบมากินที่ร้านข้างคณะเข้าปาก
“อะฮึ่มๆ เชี่ยไรของมึง” ฉันพูดเบาๆ ก่อนจะสนใจข้าวของตัวเองบ้าง
“เออ กูเห็นคลิปที่มึงจูบกับพี่จีซูละนะ”
พรืดดด!!!
“โอ๊ยอีลลวยหัวคิซ มึงจะพ่นข้าวใส่กูทำไม๊!!!” ฉันที่ได้ยินดังนั้นก็สำลักข้าวใส่หน้ายัยซอสเน่าทันที เห็นดังนั้นจึงรีบหยิบทิชชู่ให้มันเช็ดก่อนจะดื่มน้ำไปหนึ่งอึก
“โทษทีว่ะ ละรู้ได้ไงวะ มึงมีแอคเสือกหรอ” ฉันเรียกชื่อแอคสแนปแชทของคนที่ถ่ายฉันกับพี่จีซูสั้นๆ แล้วหยิบไอโฟนหกพลัสของตัวเองขึ้นมาเปิดเล่น
“เออดิ เค้ามีกันทั้งมหาลัยมึงไม่รู้หรอ ละแอคนี้ถ่ายแต่คนดังๆ ทั้งนั้น มึงพลาดแล้วเพื่อนรักที่เล่นกับดาวคณะแบบนี้ ไม่น่าเลยเพื่อนเอ๊ยยย” โรเซ่พูดพลางทำท่าเช็ดน้ำตา – หมั่นไส้ว่ะ ขอตบทีจะโดนเมนโรเซ่ด่ามั้ย – แต่ถ้าโดนด่าก็น่าจะโดนตั้งแต่ราดน้ำใส่มันแล้วนี่หว่า เออ ตบแม่ง
“เอ้าอีนี่ ตบหัวกูอี๊ก ทำร้ายร่างกายเพื่อนแบบนี้เพื่อนเสียใจนะ”
เออ แล้วแต่มึงเลยนังซอสเน่า
ฉันต้องกลับหอคนเดียวอีกแล้วเนื่องจากยัยโรเซ่โรซ่าปลากระป๋องแมคเคอเรลมันเจอพี่รหัสปีสี่ของมันกลางทางระหว่างกลับหอ น่าจะชื่อพี่จียงมั้ง แต่มันเรียกพี่จีดีจีดราก้อนอะไรนี่แหละ ชื่อพิลึกชิบหาย เออนั่นแหละ ก็เลยกลายเป็นว่ามันไปกับพี่รหัสมันเฉยเลย แถมไล่ฉันให้ไปหาพี่จีซูด้วยนะ
รักกูจริงๆ เลยเพื่อนเอ๋ย
“อ้าวลิซ มีไรป่าว” ประตูห้อง 309 ที่ฉันเพิ่งเคาะไปเปิดออกโดยที่ไม่ใช่คนที่ฉันอยากเจอ พี่เจนนี่ยกยิ้มกว้างก่อนจะดึงให้ฉันเข้าไปในห้องก่อนตามมารยาท
“พี่จีซูอยู่มั้ยคะ ฉันเอา...” ยังไม่ทันจะถามจบ สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความพร้อมกับหายใจฟึดฟัดแสดงความไม่พอใจออกมาด้วย
ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็น…
“โอ๊ยอีเหี้ยบ็อบ เลิกกันไปแล้วก็เลิกไปดิวะ ยังจะมาตื๊ออีก เป็นคนบอกเลิกเองแท้ๆ ทำไมต้องทำตัวไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาด้วยวะ”
นั่นแหละค่ะ
“อ้าวลิซ มีไรป่าว” พี่จีซูเงยหน้าขึ้นมาแล้วถามฉันด้วยน้ำเสียงหวานสดใสเหมือนไม่เคยเจอข้อความจากอีพี่บูบี้
นี่บอกว่าเป็นไบโพล่าก็เชื่อนะ
“ฉันเอาชุดมาคืนพี่น่ะค่ะ” ฉันพูดแล้วยื่นชุดนอนสีชมพูฟรุ้งฟริ้งคืนให้กับพี่จีซูที่นั่งอยู่บนเตียง ละนี่จะร้อนหูทำไม เขินอะไรอี๊กกก ไม่ได้มีอะไรให้เขินเล้ยยย
“แหมพวกแก จูบกันแล้วนี่เล่นใหญ่เชียวนะ มีการให้ใส่ชุดของกันและกันด้วย อีเจนอยากจะหัวเราะดังๆ โฮะๆๆๆ” พี่เจนนี่เน้นคำว่าจูบแล้วยกมือขึ้นมาโป้งปากทำท่าหัวเราะเยาะเย้ยคนที่นั่งอยู่บนเตียง
ไม่ใช่แค่พี่จีซูที่เขินโว่ย อีนี่ก็เขิน!
“เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับนะคะ” พูดจบฉันก็ทั้งโค้งทั้งไหว้ให้พวกพี่ โอ๊ย ไร้สติอะไรเบอร์นี้ นี่เกาหลีโว้ย ไม่ใช่ไทยแลนด์แดนหนูหิ่นนน
“เขินจนหนีกับห้องเลยหรอจ๊ะน้องลิซจ๋าาาา”
ลิซจงลิซจ๋าอะไร ชื่อลลิสาโว่ย!!!
“อีปลากระป๋องงง ไปดูหนังกับกูหน่อยยย” ฉันตะโกนเรียกคนที่อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำอยู่ให้สนใจ แปลกแฮะ มันตื่นแปดโมงในวันเสาร์แบบนี้ มันต้องมีซัมติงวรองแน่ๆ
“ไม่ไปโว่ย มีเดท” โรเซ่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ “เอ้าอีนี่ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกเพื่อน” ฉันตะโกนกลับเข้าไปก่อนจะเดินไปหยิบนมกล่องในตู้เย็นออกมาเจาะกิน
“กูพูดเล่นมั้ยล่ะ กูมีนัดกับสายรหัสโว่ย หน้าอย่างกูมีคนจีบหรอ ถ้ามึงก็ว่าไปอย่าง” น้องปลากระป๋องโรซ่าเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วดึงนมที่ฉันยังไม่ทันได้กินไปจากมือหน้าตาเฉย
“เอ๊ะอีนี่ นมมีเยอะแยะยังจะมาแย่งกูอีก” ฉันพูดขณะที่มันทำหน้าตาเหรอหราทำเป็นหูทวนลม “ละที่เห็นผู้ชายตามเป็นพวงเมื่อวันก่อนคืออะไร มีอาจารย์ใช้ให้มาทวงแก้ข้อสอบจากมึงหรอ อย่ามาทำเป็นถ่อมตัว มึงมันนักร้องของคณะบริหารมั้ยล่ะ หยั่มมาๆ” ฉันพูดก่อนจะดึงนมในมือมันที่ฉันเจาะมากิน
“เออช่างแม่ง กูไม่เถียงกับมึงละ ไปดีกว่า” พูดจบมันก็หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์พร้อมกุญแจห้องเดินออกไปทันที จะอ้าปากรั้งมันไว้ก่อนก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นนัดจากพี่รหัส น่าจะสำคัญกว่า ใช่ซี่ ก็ลลิซคนนี้มันไม่สำคัญเท่าพี่จีดราก้อนอะไรของน้องโรเซ่นี่ โรเซ่ถึงได้ไม่สนใจไปดูหนังด้วยกัน
แล้วงี้ฉันจะไปกับใครล่ะ เรื่องนี้อยากดูมากด้วย ฉันอยากไปหาโจ๊กเกอร์สุดหล่อของฉันนน ฮื่อออ
‘อย่างเธอไม่เหงาหรอก อย่าบอกว่าเหงาเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ใครต่อใครยังไหวหวั่น~’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ฉันซึ่งเป็นเพลงในตำนานสำหรับวัยรุ่นไทยดังขึ้น มันเป็นรสนิยมส่วนตัวค่ะ ยัยโรเซ่เคยถามด้วยว่าเพลงอะไร ฉันก็ตอบไปว่าเหงาปากของเคโอติค แล้วก็บอกว่ามึงไม่รู้จักหรอกไรงี้ สักพักวันต่อมามันเอามาฝึกร้องคิดดูเหอะ
นี่คือพาเพื่อนติ่งเคโอติคถูกแมะ
ฉันเอากล่องนมไปทิ้งถังขยะก่อนจะเดินมาดูว่าใครโทร.มา คำว่าจีซูภาษาไทยพร้อมกับใบหน้าหวานที่เด่นมาแต่ไกลทำให้ฉันแทบจะถลาตัวไปรับสายในทันที
“ค่ะพี่” โอ๊ย ทำไมมีความเสียงสอง
“ลิซวันนี้ว่างป่าว” พี่จีซูพูดก่อนจะมีเสียงก๊อบแก๊บๆ ดังมาจากปลายสาย พี่เค้าคงบีบขวดน้ำเล่นอยู่มั้ง
“ว่างค่ะ พี่มีไรป่าว” ฉันถามแล้วโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง พลางหยิบตุ๊กตาแมวจี้ที่ยัยโรเซ่ซื้อให้มาเล่น ตอนให้มันยังบอกด้วยนะว่าหน้าเหมือนฉันเลยซื้อมา แหม่ จะชมว่าน่ารักเหมือนแมวก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องเขินๆ
“คือ พี่จะชวนไปดูหนังเรื่อง Sucidé Squad ที่ห้างอ่ะ ไปด้วยกันป่าว”
เชรดดด!!!
ฉันโยนตุ๊กตาจี้ขึ้นไปบนหัวเตียงก่อนจะตบหน้าตัวเองดังแป๊ะ เข้ ไม่ได้ฝันเว่ย - นี่จะได้ไปดูหนังกับพี่จีซูจริงอ่ะ!
“ป ไปค่ะไป ฉันกำลังจะไปดูเรื่องนี้พอดี แต่ไม่มีใครไปด้วย” โอ๊ยมีความเสียงสั่น สั่นทำแมวอะไร – เอ๊ะ เพิ่งโยนแมวไปนี่หว่า โอ๊ยช่างแม่ง
“งั้นเดี๋ยวรอหน้าห้องนะ พี่ขอแต่งตัวแปบนึง”
อะแค่กๆๆๆ
คือพี่จีซูก็ไม่ได้พูดอะไรที่ส่อเลยเว่ย แต่ทำไมอีนี่คิดลามก บ้า แต่งตัวของพี่เค้าก็น่าจะเป็นเปลี่ยนเสื้อผ้าป้ะ ใครมันจะแก้ผ้าเดินทั่วห้องแล้วคุยโทรศัพท์วะ แย่จริงๆ ลลิซ
“เป็นไรป่าวลลิซ ไม่สบายหรอ” พี่จีซูถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเมื่อได้ยินเสียงไอของฉัน
ไม่ใช่ไอหรอกค่ะพี่ ฉันแค่สำลักน้ำลายเฉยๆ
“ป ป่าวอ่ะพี่ ช่างมันเหอะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมตัวเลยละกัน เจอกันหน้าห้องนะ บาย” ฉันตอบแบบรวบรัดตัดยอดแล้ววางสายเองเลยไม่รอให้พี่จีซูพูดอะไรต่อ
ไม่ได้ตื่นเต้นนะเว่ย แต่แบบ...
จะได้ไปดูหนังกับพี่จีซูแล้วโว้ยยย!!!
ตอนนี้ฉันกำลังยืนรอพี่จีซูเอารถออกที่ลานจอดรถของหอ รถ BMW i8 สีขาวล้วนของพี่ที่กำลังค่อยๆ ถอยออกมาจากช่องจอดทำให้ฉันตาโต เชรด อันที่จริงฉันก็รวยนะ แต่แบบ ไม่ได้ใช้รถราคาสิบสองล้านแบบคันที่พี่จีซูใช้ไง ละรุ่นนี้มันเป็นรุ่นประตูปีกนกเว่ย แบบ ไม่ใช่แบบเปิดออกมาทางด้านข้างอ่ะ ให้อารมณ์เหมือนเปิดกระโปงหลังรถอ่ะ เชรด โคตรตื่นเต้น
เดี๋ยวๆ เก็บอาการดิ๊
“ขึ้นมาสิ” พี่จีซูชะโงกหน้ามาเรียกฉันที่ยืนเหวออยู่ ฉันรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันทีที่พี่เค้าเรียก อื้อหือแม่เจ้าโว่ย ดูด้านนอกว่าสวยแล้ว ด้านในสวยกว่าร้อยเท่า มีความหรู มีความกลิ่นหอม มีความสะอาด และมีความรวย
นี่มันที่มาของคำว่า “สวยและรวยมาก”
“ถึงแล้วๆๆ” พี่จีซูพึมพำเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูรถ ฉันก้าวลงมาจากรถหลังจากที่งีบหลับไป เบาะมันนุ่มมากอ่ะ ขอหลับหน่อยเหอะ สบายจริงๆ
“หลับเพลินเชียว” พี่จีซูกดล็อครถแล้วดึงมือฉันไปกุม – แม่คะ พี่เค้ากุมมือหนู – ฉันรู้สึกเหมือนตอนนี้ฉันแทบไม่หลงเหลือความเป็นวิศวะสไตล์เลย คงมีแค่ชุดที่ใส่มานั่นแหละที่ดูแมนสุด เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อยีนส์ กางเกงขาสามส่วนสีเทา หมวกไหมพรมสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีขาว เป็นสิ่งเดียวที่บอกความเป็นวิศวะสไตล์ของฉันได้
ที่เหลือก็มีแต่ความมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ก็รถพี่มันสบายนี่” ยังไม่ทันขาดคำเลยเห็นแมะ ทำเป็นออดทำเป็นอ้อน
“แล้วดูหนังเสร็จจะไปไหนต่อป่าว” พี่จีซูถามขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในห้างด้วยกัน พี่ใส่เสื้อสีขาวมีปกข้างในแล้วทับด้วยสเวตเตอร์บางๆ พร้อมทั้งกระโปงสีเทาแล้วรองเท้าผ้าใบสีชมพู ทั้งหมดที่พี่ใส่มันทำให้พี่น่ารักเข้าไปใหญ่แม้ว่าตอนใส่ชุดไปเรียนจะน่ารักมากแล้วก็ตาม
แต่ดูรวมๆ แล้ว เราทั้งคู่เหมือนใส่ชุดมาเดทกันชัดๆ!
“ก็อาจจะไปหาไรกินก่อนอ่ะ ไม่ก็ไปร้านหนังสือด้วย” ฉันพูดพลางแกว่งมือที่กุมกับพี่อยู่ไปมา “แล้วพี่จะไปไหนต่อมั้ย”
“ไม่อ่ะ พี่ก็กะว่าจะหาอะไรกินก่อนเหมือนกัน” ว่าพลางดึงมือฉันไปต่อคิวซื้อตั๋วหนัง โอ๊ยยย อิลิซจะได้เจอผัวแล้วค่ะกรี๊ดดด
“ยิ้มใหญ่เลยนะ ชอบใครในหนังล่ะ โจ๊กเกอร์หรอ” โป๊ะเชะเลยค่ะพี่จีซู พี่ต้องเป็นจีนเกรย์ในเอ็กซ์เมนมาเกิดชัวร์ๆ อ่านใจได้แม่นอะไรเบอร์นี้
“สามีเค้าเองแหละ” ฉันจงใจใช้เค้าก่อนจะทำท่าบิดไปมาทำเป็นเขิน จนพี่จีซูคงหมั่นไส้อ่ะ เลยผลักหัวฉันเบาๆ ทีนึง
“แล้วพี่ล่ะคะ ทำไมถึงได้สนใจแต่จาเรด เลตโต้...”
“พี่ก็อยู่ตรงนี้นะ สนใจกันหน่อยสิ”
กรี๊ดดดด อกอีลิซจะแตก!
ฉันหันไปมองตู้โชว์หุ่นซุปเปอร์ฮีโร่ที่อยุ่ใกล้ๆ ก่อนจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง สีหน้าที่ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดทำให้รู้ได้ทันทีอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
ข่นบ้า ทำไมชอบทำให้เขิน
“พี่เคยคิดว่าลลิซจะเป็นคนแมนๆ เถื่อนๆ สไตล์เด็กวิศวะนะ...”
“แต่พอได้รู้จักแล้ว ถ้าไม่ได้แขวนเกียร์ บอกว่าอยู่แพทย์พี่ก็เชื่อนะ” พูดจบพี่ก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วลูบหัวสองสามที โอ๊ยเขินจะตายแล้วค่ะซิส คือปกติอ่ะ ถ้าโดนบอกว่ามาจากคณะแพทย์ที่มหาลัยฉันอ่ะ มันหมายความว่าคนที่พูดกำลังชมว่าสวยและอ่อนโยนอยู่เว่ย
ไอ้สวยน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้อ่อนโยนนี่ดิ
พระเจ้าจอร์จมันยอดมากเลยค่ะแม่
“เฮ่ย หลีกดิ ไม่เห็นหรอว่านี่ใครอ่ะ หลีกๆๆ” เสียงเข้มของผู้ชายที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ฉันหันไปสนใจ ผู้ชายสามสี่คนกำลังเดินแทรกเข้ามาจนเกือบจะถึงฉันซึ่งตอนนี้กำลังอยู่คิวที่สอง พวกเขาผลักคนที่ยืนต่อคิวอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเข้ามาแทรกในแถวเลยอ่ะ เฮ่ยได้ไงวะ นี่คือไม่มีมารยาทเลยอ่ะ อยู่มหาลัยไหนวะ เดี๋ยวปั๊ดโบก
“เฮ้ยๆๆ นี่มันน้องลลิซของมึงนี่หว่า” อ้าวเชี่ยอยู่มหาลัยเดียวกัน - เสียงชายคนหนึ่งหันไปพูดกับชายตาตี่
นี่กูเป็นอะไรกับคนตาตี่มากมั้ย งง
“อ้าวน้องลลิซ สวัสดีครับ พี่ชื่อฮันบิน เดือนวิศวะปีสี่นะครับ แหม่ บังเอิญจริงๆ ที่เจอ” อ๋อค่ะๆๆๆ กูไม่ได้อยากรู้จักมึงค่ะพี่ เสียชื่อคณะกูหมด
“อ้าว น้องจีซูดาวนิเทศปีสามก็อยู่ด้วยหรอครับ แหม่ เป็นการรวมตัวสองสาวสวยจริงๆ แล้วนี่มาทำอะไรกันหรอครับฮื้ม” เขาถาม – แหม่ ต่อคิวซื้อตั๋วหนังอยู่แบบนี้ มาเข้าวัดทำบุญข้าวสารอาหารแห้งมั้งพี่
“...” ฉันไม่ตอบแล้วหันไปสนใจเคาท์เตอร์ซื้อตั๋วที่มีพนักงานนั่งอยู่ ดึงพี่จีซูเข้ามาใกล้ๆ แล้วเลือกตั๋วหนังด้วยกัน ไม่สนใจว่าอีพวกผู้ชายพวกนั้นมันจะพูดคุยหรือเอ่ยถามอะไรพวกฉัน
มาดูหนังกับพี่จีซูทั้งที ก็ขออารมณ์ดีๆ หน่อยไม่ได้หรอวะ
“ดูเรื่องอะไรคะ” พี่พนักงานคนสวยถาม
“น้องลลิซจะดูเรื่องอะไรหรอครับ” และตามด้วยอีหน้าตี๋ด้านหลัง
“เอาเรื่อง Sucidé Squad ค่ะ เอ้อ พี่จีซูชอบนั่งหน้ามั้ย” ฉันตอบคำถามกับพี่พนักงานแล้วถามพี่รหัส หักหน้าผู้ชายที่เพิ่งเอ่ยถามเมื่อกี้
“ไม่อ่ะ นั่งกลางๆ ดีกว่า สักแถว I ก็พอมั้ง เข้าง่ายด้วย” พี่จีซูพูดพลางจิ้มที่ตำแหน่ง I9 และ I10 ที่ในแถวนั้นเหลือแค่สองที่พอดี
“เอาระบบปกติหรือสามมิติคะ” พนักงานเอ่ยถาม
“ปกติค่ะ/ปกติค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าฉันและพี่จีซูพุดพร้อมกันฉันก็หันไปหาพี่จีซูแล้วหัวเราะกับพี่จีซูเบาๆ “พี่ไม่ชอบดูแบบสามมิติอ่ะ ปวดตา ขี้เกียจใส่แว่นด้วย รวมๆ แล้วคือไม่ชอบอ่ะ” พี่จีซูพูด
“ใช่ นี่เคยดูอเมซิ่งสไปเดอร์แมนสองแบบสามมิติแล้ว กลับบ้านไปนี่โคตรปวดตา”
“เออเหมือนพี่เลย”
พี่จีซูพูดแล้วยิ้ม ก่อนที่ฉันและพี่จะยกกำปั้นขึ้นมาชกกันเบาๆ เป็นการบ่งบอกว่าเราเข้ากันได้ดี
“ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยวอนค่ะ(≈ 380 บาท)” พนักงานพูดจบฉันก็รีบหากระเป๋าตังค์ทันที แต่ก็ช้ากว่าพี่จีซูที่ยื่นบัตรเอ็มเจนให้พนักงานไปแล้ว
“พี่อ่ะ ฉันอยากจ่ายให้นะ”
“ไม่ต้องเลย คิดซะว่าเป็นของเทคละกัน” อื้อหือ เทคด้วยหนังเนี่ยนะคะ
นี่มันสายเปย์ที่แท้จริง
“น้องลลิซครับ” ผู้ชายคนเดิมเรียกแล้วรั้งแขนฉันเอาไว้ ส่วนพี่จีซูก็ดึงมือฉันไปกุมแน่น – ทำไมมีความแก่งแย่ง – ฉันตวัดสายตาแข็งๆ ใส่หมอนั่น เมื่อเขาเห็นก็ค่อยๆ ปล่อยมือทันที
“...” ฉันยังคงไม่พูดอะไร ทำยืนเอียงคอแบบนักเลงรอว่าอีพี่ตาตี่นี่จะพูดอะไร – โวะ พูดถึงตาตี่แล้วนึกตาบู้บี้ขี้ตื๊อพี่จีซูเลย อารมณ์เสียจริงๆ
“คบกับพี่นะ”
“...”
อื้อหือแม่เจ้าโว้ย ทำไมรู้สึกเหมือนเจอพี่สเตฟในคราบผู้ชาย
“ฮิ้วๆๆๆ ไอ่ฮันบินขอน้องคบแล้วโว่ย ฮิ้ววว” เสียงผู้ชายข้างหลังอีกสามคนดังลั่นอย่างกับไม่เคยพูดและไม่เคยเกรงใจคนที่มาดูหนัง
“เดือนคณะขอขนาดนี้ไม่ตอบตกลงก็ควายแล้ว เอ้วๆๆ”
อ้อหรอคะ ถ้าไม่ตอบตกลงจะเป็นควายใช่มั้ยคะ
“ไม่คบว่ะพี่ ขอตัว”
งั้นฉันขอเป็นควายดีกว่า
ฉันพูดก่อนจะกระตุกมือพี่รหัสที่ยืนอยู่ข้างๆ ไปยังร้านขายป็อปคอร์นที่อยู่ใกล้ๆ ทันที เสียงxแม่ดังเล็ดลอดเสียงตัวอย่างหนังออกมาให้ฉันได้ยิน แหม่ พูดคำแบบนี้ในที่สาธารณะมันไม่ดีไม่งามเลยนะคะ ทำตัวให้สมกับเป็นวิศวะมหาลัยเดียวกันหน่อยสิ
“ลลิซ หักหน้าไปแบบนั้นมันจะดีหรอ” พี่จีซูถามเมื่อเราสองคนสั่งของกินเสร็จแล้ว
“ก็เขาทำตัวไร้มารยาทใส่เราอ่ะพี่” พูดพลางรับแก้วโคล่าสองแก้วมา “ก็รู้ แต่ไม่กลัวพวกนั้นจะมาแกล้งเราภายหลังหรอ” พี่พูดพลางถือป็อปคอร์นรสชีสหนึ่งถังเล็กที่สั่งมากินด้วยกันก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาสำหรับคนรอดูหนัง
“ถ้ามาแกล้งฉัน ฉันไม่กลัวหรอก”
“แต่ถ้ามาแกล้งพี่...”
“ฉันไม่ปล่อยให้มันตายดีแน่”
ช่วงไรท์พบประชารีด
มีความเหงาปาก ถถถ เจตนาที่พูดอย่างนั้นให้ใจฉันสั่นนี่เธอสนุกหรอออ
มีความฮันบินโผล่จ้าาา ไปเลย ไม่ต้องมาหาลิซ ไปหาบาบิแล้วได้กันซะ /เดี๋ยว/
แก้บาทเป็นวอนให้แล้วนะคะ ตอนลงครั้งแรกมีความเบลอ ถถถ
มีความขยันอัพเรื่องนี้ทั้งๆที่บอกกับแม่ยกอึนเสี่ยวเอาไว้ว่าจะอัพเพื่อนชาวต่างชาติ /โดนตบ/
คนที่รออ่านเพื่อนชาวต่างชาติก็รอกันก่อนเนาะ ช่วงนี้มีแต่อารมณ์ด่า อารมณ์ฮาร์ดคอ มีทุกอารมณ์อ่ะค่ะที่ไม่ใช่อารมณ์หวานแหววแนวเอ็นซี /ถุย/ นั่นแหละค่ะ รอไรท์ก่อนน้าาาา จะไม่สัญญาแต่จะพยายามมาอัพให้ได้นะคะจุ๊บบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จับมือๆ นี่ไม่ได้หวังไรเลยจริง สาบ๊านนนนนนนนน
ไม่ได้อยากได้ nc เลยจริงๆน่ะไรท์!!!!!!!!!!!
ฮันบิน คนเเพ้ก็ต้องจับมือตัวเองน่ะ
ฉากตบแปะอย่าลืมนะคะ ไม่ได้คิดอะไรนะคะ แต่รออย่างใจจดใจจ่อค่ะ 555555555
ปล.ตอนจ่ายตังค์ค่าตั๋วหนังน่าจะเป็นเงินวอนรึป่าวคะไรเตอร์ คือไรเตอร์ใส่เป็นบาทอะค่ะ > <
พี่จีซูนี่ก็รู้ใจน้องจริงจริ๊ง~
.
.
.
.
จะ
จับมือกัน คือนี่ไม่ได้หวังncเลยจิง
นี่คือเขินถูกมะ เมื่อไหร่เขาจะได้กันคะ #ผิด
#ทีมบีบขวด 55555555555555
ไรท์มาต่อไวๆนะคะ เป็นกําลังใจให้นะ เค้าจะรอ <3