ตอนที่ 4 : ENGINEER 3 [100%]

“ทำไมมาช้าจังวะจีซู... อ้าวนี่น้องลลิซใช่ป้ะ หวัดดีจ้ะ” เพื่อนสนิทตัวเล็กเอ่ยพูดกับฉันก่อนจะหันไปทักทายน้อง วันนี้น้องใส่กางเกงขายาวเดฟสีดำกับเสื้อกล้ามสีดำทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ พร้อมกับหมวกสแนปแบคสีดำ แถมรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีดำอีกคู่ – เรียกได้ว่าวันนี้น้อง All Black เลยทีเดียว
ถ้าให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเอง ฉันคงคิดว่าน้องลลิซใส่มากระชากใจฉันแน่ๆ
สีดำน่ะ เหมาะกับลลิซจริงๆ นะ
“สวัสดีค่ะ พี่... เอ่อ...”
“เจนนี่จ้ะ”
“ค่ะ นั่นแหละค่ะ” น้องรหัสโค้งให้เพื่อนฉันเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฉันซึ่งถัดต่อจากน้องไปก็คือพี่สเตฟ
นี่เกือบจะหลุดขำหน้าน้องที่รู้ว่าต้องนั่งข้างพี่สเตฟไปแล้วนะเนี่ย มีความมองบน
“พี่สเตฟเอาน้ำอะไรดีคะ แล้วคนอื่นเอาไรดี” เสียงเจนนี่เอ่ยถามคนอายุมากสุดด้วยน้ำเสียงใส่ใจพลางหันมาสบตาคนรอบๆ ด้วย
“เอาแบบที่น้องลิซสั่งนันแหละจ้ะ”
ขอหึงน้องแปบนึงได้ป้ะ อื้อหือมีความออกตัวแรงแซงทางโค้งมากอ่ะ
แต่ออกตัวแรงไปก็ระวังล้มเพราะโดนสกัดเอานะคะ
“ฉันเอาบลูโซดาค่ะ” เสียงเล็กน่ารักขัดกับนิสัยเอ่ยขึ้นกับเจนนี่
“อูววว งานนี้จะใสๆ ไร้แอลกอฮอล์หรอจ๊ะน้อง เดี๋ยวพี่สั่งให้ดีกว่า” ยัยเพื่อนตัวดีของฉันส่งเสียงก่อนจะหันไปสั่งอะไรก็ไม่รู้กับเด็กเสิร์ฟซึ่งฉันไม่ได้ยินอย่างแน่นอนเพราะเสียงเพลงกลบหมด
แล้วมันจะถามน้องทำมะเขืออะไรของมัน
“พี่ ฉันไม่อยากกินเหล้าอ่ะ ฉันคออ่อนกลัวกลับหอไม่ไหว” ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นทวิตเตอร์อยู่ คนเด็กกว่าที่อยู่ข้างๆ ก็หันมากระซิบกับฉันด้วยน้ำเสียงไม่ชอบแบบที่พูดจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นิดๆ หน่อยๆ เอง ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวพี่ช่วยก็ได้” ฉันยิ้มให้น้องก่อนจะยกมือไปโยกหัวน้องเบาๆ
“เอ้อเจนนี่ แล้วสายรหัสแกไปไหนหมดวะ ทำไมเหลือแกนั่งหัวโด่อยู่คนเดียวแบบนี้” เมื่อค้างมืออยู่บนหัวน้องได้สักพักก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันละมือออกจากหัวน้องแล้วไปสนใจเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน
“อ้อ น้องเลโอกับน้องราวี่อ่ะนะ สองคนนั้นไปเต้นอยู่ชั้นล่างละ ตอนนี้คงแดกกันเองแล้วมั้ง...”
“ส่วนพี่แทยอนเดี๋ยวคงมาแหละ เห็นพี่แกบอกว่าขอเคลียร์งานก่อน” ชื่อของรุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิททำให้คนอายุน้อยหันมามองด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก แต่น้องเค้าคงรู้แหละว่าพี่แทยอนเป็นแฟนกับพี่สเตฟ
คงจ้องจะฟ้องอยู่ล่ะสิว่าพี่สเตฟอ่อยเรา
“ไงสาวๆ” นั่นไงพูดถึงปุ๊บมาป๊บ
ดูตายยากเนาะ
“ไฮผัววววว มานั่งนี่เร้ววว” เสียงหวานแหบที่เริ่มออกฤทธิ์เหล้าดึงคนที่เพิ่งมาถึงให้ปลิวไปนั่งบนตักทันที
ดูหน้าลลิซก็รู้ว่าอึดอัดแค่ไหน ฉันล่ะอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ จริงๆ แต่ก็กลัวน้องมองแรงใส่ ฮ่าๆๆ
“นี่เตฟ บอกมานะ...”
“คะ?” พี่สเตฟานี่เอียงคอยิ้มหวานจนตาหยีเป็นรูปหัวใจเสี้ยว ผิดกับพี่แทยอนที่กำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ในตอนนี้
“มีคนไปบอกฉันว่าเธอจีบน้องลลิซ...” พี่แทยอนปรายตามามองน้องแปบนึงก่อนจะหันไปสนใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียอีกครั้ง
“ทำไมต้องม่อด้วย” เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยกับคนที่กำลังนั่งทับอยู่ แทนที่จะถามว่าจีบจริงรึป่าว แต่พี่แกกลับถามว่าทำไมต้องม่อด้วย งี้แหละ ฉันได้ยินจนชินละ
“แหม่ที่รักขา นิดๆ หน่อยๆ เอง เนี่ยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับน้องรหัสไง ใช่มั้ยจ๊ะลิซ” พี่สเตฟานี่หันมาพยักพเยิดหน้ากับน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อย่าให้มีอีกนะคะ” แล้วพี่แทยอนก็เป็นซะอย่างเงี้ย ตามใจเมียไปอีก แล้วถ้าจะจูบกันดูดดื่มไม่เกรงใจน้องขนาดนี้ก้ไปเปิดห้องเถอะค่ะ ได้ข่าวว่าเป็นลูกค้าวีไอพีที่นี่นี่คะ
“ปกติน่าลิซ อย่าไปสนใจเลย” หลังจากที่จับสีหน้าของน้องได้ฉันก็กระซิบเอ่ยกับน้องที่กำลังนั่งขยับมาใกล้ฉันมากขึ้นทันที
นี่กลัวสองคนนั้นขนาดนั้นเลยหรอโถๆๆ
“โหพี่ นี่กี่แก้วแล้วเนี่ย ไปเครียดอะไรมารึป่าว” ลลิซเอ่ยถามฉันเมื่อน้องเหลือบมาเห็นขวดสีเขียวๆ ที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะสี่ห้าขวดพร้อมมองฉันที่ยังคงกระดกแก้วใสอยู่อย่างนั้น
“เอาน่า แค่นี้พี่ไม่เมาหรอก เคยดื่มยันเช้ายังมีสติเลย” ฉันยักคิ้วข้างเดียวยิ้มมุมปากเยาะเบาๆ
“ขนาดนั้นเชียว” น้องพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
เฮ่ยเดี๋ยวๆๆ! นั่นมัน...
ไม่ทันละ
“ไหนบอกไม่กินเหล้า ที่หยิบมานั่นก็เหล้านะน้องนะ” พอเห็นแบบนั้นฉันก็ได้ถอนหายใจเบาๆ พลางยิ้มให้กับความเด๋อด๋าของน้องที่กินเหล้าแทนน้ำแบบนั้น
“เอ้านี่เหล้าหรอ ก็ว่าทำไมน้ำเปล่ามันขมแปลกๆ” พูดจบก็หัวเราะออกมาทันทีทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าขำขนาดนั้น ฉันยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ แล้วยกมือมาลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู
“เอ้าใจเย็น นั่นก็เหล้าอีกนั่นแหละ” ฉันเอ่ยปรามเมื่อเห็นว่าน้องกระดกแก้วใสเข้าปากโดยไม่ดูอีกครั้ง
“เอ้า เวรกรรมแท้ ฮ่าๆๆ”
“พี่จีซูววว ไปเต้นกันเถอะ” ลลิซลากเสียงยาว มือไม้เริ่มเลื้อยเข้ามากอดฉันมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำแบบนี้พี่ก็ใจสั่นแย่ดิ
“แต่เราไม่ชอบคนเยอะไม่ใช่หรอ” ฉันยกยิ้มหวานเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย น้องพยักหน้าหงึกหงักๆ จนฉันต้องถลามือไปประคองหน้าให้หยุดเพราะกลัวหัวจะหลุดออกมา
“ก็ช่ายยย แต่เค้าอยากเต้นง่ะ พี่จีซูพาเค้าไปเต้นหน่อยยย” อ่า คงเมามากแล้วสินะ ถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ นี่ลลิซคนแมนหายไปไหน ทำไมเหลือแค่น้องลิซเด็กน้อย แต่ก็อย่างว่าแหละ สงสัยจะคออ่อนอย่างที่พูดจริงๆ เพราะตั้งแต่น้องมาที่นี่จนถึงตอนนี้น้องเพิ่งจะดื่มไปได้แค่ขวดเดียวเอง
ลลิซลุกขึ้นด้วยท่าทางโซเซไปมาพลางดึงฉันให้ลุกขึ้นตามด้วย เฮ่อเอาเถอะ ตามใจน้องสักหน่อยก็คงไม่เสียหายหรอก
น่าจะดีต่อใจด้วยเหมือนกัน
เสียงซาวด์ที่ดีเจเบ้าหล่อและดูรวยเปิดกำลังทำให้ผู้คนมากมายที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ที่ชั้นล่างเต้นกันอย่างเมามัน
จะมันก็มันแหละ แต่ส่วนใหญ่คงเมากันมากกว่า
“ลิซซซ กลับไปชั้นบนกันเถอะ” ฉันเอ่ยกับน้องทั้งที่ตัวเองก็ยังคงขยับตัวอยู่ ที่เปลี่ยนไปคงจะมีเพียงสีหน้าของฉันที่เพิ่งเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งประมาณสี่ห้าคนที่กำลังมองพวกเราอยู่ก็เท่านั้น
มองปกติก็ไม่อะไรหรอก แต่มองขนาดนี้ไม่จับปล้ำกลางฟลอเลยล่ะคะ
“งื้อออ พี่จีซูจะไปแล้วหรอ เค้ายังอยากอยู่ตรงนี้อยู่เลยยย” เสียงน่ารักของคนน้องเอ่ยขึ้นพร้อมกับแขนที่กำลังเลื้อยมากอดเอวบางของฉันแน่น น้องยิ้มหวานให้ฉันหนึ่งทีแล้วเอาหน้ามาซบลงบนไหล่ของฉัน
ถ้าน้องจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ สาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ให้น้องแตะเหล้าอีก!
“ลลิซคะ ไปเถอะนะ พี่ขอ” ฉันเขย่าตัวคนน้องที่กำลังเคลิ้มอยู่ในอ้อมกอดเบาๆ เฮ่อ ให้ตายเถอะ แค่กอดก็พอมั้ง ไม่ต้องเป่าลมหายใจร้อนรดต้นคอพี่แบบนี้ก็ได้
พี่กลัวว่าหัวใจพี่จะหลุดออกมาในอีกไม่ช้า...
“งื้อออ เค้าไม่อยากไปอ้ะ...” ลลิซเงยหน้าขึ้นมาเบะปากมองฉันอีกครั้งก่อนจะกลับไปอยู่ในท่าเดิมอีกครั้ง
ฮ่วย อีผู้ชายพวกนั้นก็มองจัง เดี๋ยวก็ตบหัวคว่ำซะนี่
“ลิซขึ้นไปกันเถอะ” ฉันพยายามลากน้องออกไปจากตรงนั้นเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งข้างบน ด้วยความที่คิดว่าน้องน่าจะไม่มีแรงแล้วเพราะน่าจะเมาเต็มที่เลย – แต่ฉันคิดผิด
ตอนนี้น้องแม่งโคตรมีกำลังมหาศาลเลย!
“ลิซซซ” ฉันเขย่าตัวน้องที่ยังคงยืนกอดฉันแน่นอยู่อย่างนั้น เชื่อเถอะถ้ามีใครมาเห็นเข้าเขาคงจะคิดว่าน้องกับฉันเป็นแฟนกันแน่ๆ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ควรโฟกัสคือเรื่องพาน้องกลับไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ชั้นบนดีกว่า
อืม...
ฉันคิดได้วิธีนึงแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรรึป่าว...
แต่เอาเถอะ ลองเสี่ยงดูก็ได้
“ลิซอยากได้อะไรคะ...”
“ถ้าลิซยอมกลับไปนั่ง... พี่จะยอมลิซทุกอย่างเลย”
ฉันกัดปากชั่งใจอยู่สักพักแต่ก็พูดออกไปจนได้ น้องเงยหน้าขึ้นมามองตาแป๋วใส่ฉันเป็นแมวในหนังเรื่อง Puss In Boots เลย
“จริงนะ...”
โอ้โหนี่พี่ตกหลุมพรางเราใช่ป้ะ ถึงได้พูดด้วยเสียงดีใจปนได้ใจแบบนั้น
แต่ถึงจะตกหลุมพรางเราจริงๆ พี่ก็ยอมนะ
“อื้อ ขึ้นไปกันเถอะ” ฉันพยุงร่างน้องที่กำลังเอนไปมาอย่างทุลักทุเล ยิ่งน้องตัวสูงกว่าฉันด้วย ยิ่งทำให้เดินลำบากขึ้นไปอีก
“ให้พี่พาไปส่งมั้ย” เสียงทุ้มของชายหน้าหล่อที่รู้จักและคุ้นเคยแต่จริงๆ ไม่อยากคุ้นเคยเดินเข้ามาทักในขณะที่ฉันกำลังจะพาน้องไปที่บันได
พี่เพ่ออะไรของแก ฉันน่ะพี่ แกน่ะน้อง
อย่าสำคัญตัวดิ
“ไม่ต้องยุ่งหรอกค่ะน้องบ็อบบี้ พี่กลับของพี่เองได้…”
"อย่าเสือกเลยจะดีกว่า”
คำพูดกระแทกแดกดันคนตรงหน้าผิดกับน้ำเสียงที่เรียบเฉยนั่นไม่ได้ทำให้ไอ้หนุ่มตาตี่คิดอะไรได้บ้างเลยสักนิด แต่กลับยกยิ้มมุมปากอย่างนึกได้ใจเสียอย่างงั้น
ถ้าไม่ติดว่ายังมีน้องลลิซกอดแน่นอยู่แบบนี้ฉันคงตบหมอนั่นไปแล้ว
“อ้าวนี่พี่จีซูดาวคณะนิเทศปีสามเองหรอครับแหม่ ผมก็นึกว่าสาวมอปลายที่ไหน ตัวเล็กเชียวนะครับพี่” ฉันยังคงนิ่งไม่ไหวติงกับการเรียกชื่อเต็มยศและการชม (หรือด่า?) ของคนข้างหน้าเลยสักนิด ซ้ำยังหันหลังกลับด้วยความไม่ใส่ใจ ไอ้คนที่เมาอยู่ในอ้อมกอดนี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ
“ขอตัวค่ะน้อง” ฉันปรายตามองเขาก่อนจะหันหลังให้ – แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกคนที่เพิ่งเมินใส่จับข้อมือเอาไว้
“ให้ผม...”
“พี่บอกว่าอย่าเสือกไงคะน้อง ฟังเกาหลีไม่ออกหรอคะ...”
“หรือต้องให้พี่พูดภาษาควายถึงจะเข้าใจ”
จัดไปหนึ่งชุดเล็กๆ สำหรับเขา
ย้ำอีกรอบว่านี่แค่เล็กๆ
เขาค่อยๆ ปล่อยมือฉัน แต่ฉันก็ชักแขนตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่ามือของเขาค่อยๆ หลวมขึ้น
ฉันไม่มีเวลาให้เขาหรอก
“พี่จีซูวววววว ไอ้ตาตี่นั่นใครอ่ะ แฟนพี่หรอออ” เมื่อน้องล้มตัวลงบนโซฟาแล้วก็เอ่ยปากถามสิ่งที่สงสัย ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้
ถ้าฉันตอบว่าใช่มันจะเป็นยังไงกันนะ
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ เราจะว่าไง” ฉันลองวัดใจคนน้องที่กำลังเอนตัวลงมาหนุนหัวบนตักของฉัน คำพูดของฉันทำให้คนที่หัวกำลังจะถึงตักเด้งขึ้นมาทันที
“ฮื่อออ ไม่อาววว เค้าไม่ให้พี่จีซูเป็นแฟนกับตาทึ่มนั่นอ้ะ ไม่เอาๆๆๆ” ถ้าฉันหลุดขำออกไปตอนนี้น้องจะงอนมั้ย มันน่าขำจริงๆ นะ ท่าทางของคนที่กำลังส่ายไปทั้งตัวเหมือนกำลังปฏิเสธแบบนั้นมันน่ารักและน่าขำมากเลยจริงๆ
“ทำไมพี่ถึงเป็นแฟนกับเขาไม่ได้ล่ะ”
“งื้อออ ไม่รู้แหละ ยังไงเค้าก็ไม่ให้พี่เป็นแฟนกับตาตี่นั่นอ้ะ”
มีคนเคยพูดว่าบุคลิกที่แท้จริงจะเกิดตอนเมา มันจะจริงมั้ยนะ
“พี่ล้อเล่นน่า” ฉันเอื้อมมือไปลูบหัวลลิซ ทำให้น้องฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที
คนบ้า ทำไมต้องยิ้มน่ารักขนาดนั้นด้วย
ตื้ดตื้ด!
เสียงสั่นของไอโฟนหกเอสทำให้ฉันหันไปสนใจมัน หวังว่ามันจะน่าสนใจอย่างที่รู้สึกนะ
น่าสนใจเชี่ยอะไรล่ะ
ไอ้ตาหยีนั่นส่งข้อความมา!
Bob_7 : พี่จีซู เมื่อไหร่เราจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมสักที
ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอล็อคทำให้ฉันเบะปากมองบน ก่อนที่จะลบมันทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้กดเข้าไปอ่านเลยด้วยซ้ำ
เหมือนเดิมเหี้ยอะไรล่ะ ฉันน่ะ จะไม่เสียเวลาไปกับแกอีกเด็ดขาด!
“อ่า... น้ำเปล่าแก้วไหนหว่า...” เสียงงุ้งงิ้งๆ ของคนข้างๆ เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงอ้อตามมา ฉันเก็บโทรศ้พท์ลงก่อนจะหันไปสนใจน้องที่กำลังหยิบแก้วใสที่บรรจุน้ำไร้สีมากรอกใส่ปาก
แต่ที่น้องหยิบมันไม่ใช่น้ำเปล่านะคะ
“นี่ลิซแยกเหล้ากับน้ำเปล่าไม่ออกหรอคะ” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดกลั้น ทั้งๆ ที่น้องก็บอกไปตั้งแต่มาว่าไม่อยากกินเหล้า แต่ตอนนี้กับเมาแอ๋อยู่ซะอย่างนั้น
น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู
เมื่อน้องดื่มเสร็จก็คอพับไปเลย อ้าว แฮงค์ละหรอ หรือหลับใน หรือยังไง
“งือออ พี่จีซูอ้ะ” อ้อ ถ้าฟังจากเสียงของคนที่ร่างกายกำลังออกฤทธิ์เหล้าพูดตอนนี้ ที่คอพับไปเมื่อกี้ก็คงแค่พักคอเฉยๆ
“อะไรอีกคะ” ฉันเอ่ยกับน้องที่โน้มตัวลงมานอนทับฉันเสียดื้อๆ – แล้วคนอื่นหายไปไหนหมด ไปหาผัวหาเมียเปิดห้องกันไปแล้วหรอคะ เวรจริง
“ก็พี่บอกว่าจะยอมฉันทุกอย่างนี่นา พี่โกหกเค้าหยอออ” มายงมาหยออะไรล่ะลูกกก - ลลิซที่กำลังนอนทับฉันซึ่งตอนนี้นอนราบกับพื้นโซฟาไปแล้วเอาคางขึ้นมาเกยเนินอกที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวของฉันเอาไว้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษสุราหรืออะไรกันแน่ที่กำลังทำให้ฉันใจเต้นแรงอยู่แบบนี้
อาจจะเป็นเพราะคนที่นอนทับกันอยู่ก็ได้
“แล้วจะเอาอะไรล่ะคะ” ฉันขยับตัวขึ้นไปหนุนหัวบนที่พักแขนของโซฟาตัวนุ่น – ไม่ต้องสนใจหรอกว่าคนอื่นจะมองหรือจะนินทาว่าร้ายอะไรยังไง เพราะตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจใครนอกจากตัวเองอยู่แล้ว
“โปโป...”
ฮะ... อะไรนะ...
“โปโปเค้าหน่อยสิพี่จีซู”
!!!
ฉันเบิกตาโตทันทีที่ได้ยินน้องพูดแบบนั้น น้องเป็นไทยใช่ป้ะ แล้วหนูรู้มั้ยลูกว่าโปโปภาษาเกาหลีมันแปลว่าจูบน่ะ
ให้พี่จูบเราเนี่ยนะ!?
“เอ่อ...” ฉันยังคงนอนนิ่ง แต่ในใจมันไม่นิ่ง ตามน่ะสิ โว้ยยยยยย
“พี่จีซู” จู่ๆ ก็เหมือนลลิซคนแมนกลับเข้าร่างมาอีกครั้ง แทบไม่หลงเหลือความเป็นเด็กน้อยอยู่ในสายตาของน้องเลย ลลิซเขยิบตัวขึ้นมาจนสายตาของเราทั้งสองประสานตรงกัน มือข้างหนึ่งของน้องยกขึ้นลูบหัวฉันอย่างทะนุถนอม
ทำแบบนี้พี่ก็ละลายดิ
“โปโปเค้าหน่อยนะ นะๆๆๆ” เหมือนเอาลลิซคนแมนกับหนูลิซเด็กน้อยมารวมกันอ่ะ สายตาที่จริงจังแบบนั้นมันโคตรขัดกับสิ่งที่น้องพูดเลย
แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
“...” ฉันยังคงเงียบ ไม่ได้ขัดขืน ไม่ได้ยอมรับ ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งน้อง
ฉันแค่กำลังช่างใจตัวเองอยู่...
แต่พอน้องส่งยิ้มหวานแบบนั้นมาให้กันแบบนี้…
ใครมันจะไปทนได้กันเล่า!
มือทั้งสองข้างของฉันลากขึ้นไปจับเข้าที่ไหล่ของคนด้านบนอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนของน้องดูไม่ค่อยถนัดจนเป็นฉันเองที่เป็นคนโน้มคอน้องลงมาหากันแบบนี้
ยอมรับค่ะว่ากำลังอ่อย
“จูบแรกของเรารึป่าว” ฉันสบสายตากับน้อง เอ่ยถามออกไปเมื่อปลายจมูกของเราชนกัน น้องทำหน้าให้ความรู้สึกขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยังคงยินดีที่จะตอบฉัน
“อื้อ...”
“เค้าอยากให้พี่เก็บจูบแรกของเค้าเอาไว้นะ”
โอ้โหน้องเอ๊ย พูดอ่อยพี่ขนาดนี้
พี่ไม่จับกดก็บุญแค่ไหนแล้วลูก
ฉันไม่พูดอะไร แต่กลับรั้งใบหน้าของน้องให้ใกล้กันมากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของกันและกัน มือของน้องกำลังกำกระโปรงผ้าเนื้อดีของฉันอยู่ด้วยความเกร็ง จนฉันต้องเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปทาบทับลงบนมือของน้องประหนึ่งเป็นการบรรเทาอาการเครียดให้
ริมฝีปากนิ่มทาบทับลงมาบนริมฝีปากอุ่นของฉัน ฉันขบเม้มเบาๆ ก่อนจะรั้งคอของน้องให้กดจูบลงมาให้แนบแน่นมากกว่านี้
ฉันกำลังต้องการน้อง... ทั้งๆ ที่น้องเป็นคนขอ
เหมือนเป็นเรื่องโกหกที่น้องบอกว่านี่เป็นจูบแรกของเธอ ลลิซกำลังสอดลิ้นเข้ามาในโพรงของฉันยามเมื่อฉันเผลอตัวเปิดปากเล็กน้อยด้วยความชำนาญเกินวัยสิบเก้าปี ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ซ้ำยังทำให้ฉันอยากกดใบหน้าของน้องให้ลงมาบดเบียดกันมากกว่านี้อีก กลิ่นแอลกอฮอล์ที่กำลังคละคลุ้งอยู่ในปากของเราทั้งสองแทบทำให้ฉันคลั่ง... มันเป็นตัวกระตุ้นความต้องการได้อย่างดีแม้จะมีเพียงเล็กน้อยก็ตาม
เราผละจูบกันเพียงเสี้ยววิก่อนจะประกบกันอีกครั้งเหมือนกับขั้วแม่เหล็กที่แยกจากกันไม่ได้ เสียงอื้ออึงในลำคอของฉันเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าน้องจูบเก่งมากขนาดไหน ลลิซสอดลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากของฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้น้องทำให้มันร้อนแรงมากขึ้น
มาก... จนฉันกลัวว่าจะหยุดตัวเองไม่ได้...
“อื้อ ล ลิซ” น้องผละริมฝีปากอิ่มไปสนใจต้นคอขาวของฉันที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตออกมา ลิ้นร้อนสัมผัสกับผิวกายของฉันทำให้ฉันสะดุ้ง ก่อนที่น้องจะกดจูบลงไปบนต้นคอของฉันแรงๆ จนฉันกลัวว่ามันจะเป็นรอย
“ล ลลิซ?”
แต่จู่ๆ น้องก็หยุดไปเสียดื้อๆ ซะอย่างงั้น ฉันเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังปกคลุมใบหน้าของน้องให้พ้นหน้า ก่อนจะต้องยกยิ้มขึ้นด้วยความเอ็นดู
คงจะรู้สึกเมาจนเผลอหลับไปแล้วแหงเลย
ฉันยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความเป็นเด็กของน้อง ก่อนจะดันตัวน้องให้นั่งอย่างเบามือ ฉันจัดเสื้อที่ยับยู่ยี่เพราะฝีมือคนน้อง - ทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าแบบนี้นะ - ฉันคิดกับตัวเองพลางเลื่อนมือมาสัมผัสกับรอยบนต้นคอ อา... ถ้ามันเป็นรอยขึ้นมาจะเป็นไงนะ ช่างมันเถอะ เดี๋ยววันจันทร์รอยมันก็คงจางไปเองนั่นแหละ
ฉันเปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมา ให้ตายเถอะ นี่มันตีหนึ่งแล้วนี่นา น้องควรจะนอนได้แล้ว – พอฉันคิดได้แบบนี้ก็พยุงน้องให้ลุกขึ้นทันที โชคดีนะที่วันนี้ฉันเอารถยนต์มา แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ดื่มเยอะด้วย ไม่งั้นคงได้ทุลักทุเลมากแน่ๆ
เสียงติ๊ง!ของลิฟต์บ่งบอกว่ามันกำลังจะเปิด ฉันแทรกตัวเข้าไปทันทีเมื่อมันอ้ากว้างขึ้น ดึกป่านนี้แล้วไม่มีใครเขาอยู่ชั้นล่างของหอหญิงกันหรอก นอกจากคนที่ไปเที่ยวแล้วเพิ่งกลับแบบฉัน
และน้องลลิซ
ฉันหยุดยืนอยู่ที่ห้องหมายเลข 308 ก่อนจะค้นตัวน้องอย่างวุ่นวาย แล้วลลิซนี่ก็หลับไปเลยไม่ได้รึไง ไม่ต้องตื่นมางัวเงียใส่แบบนี้ก็ได้
โวะ ไม่หงไม่หามันละกุญแจห้องน้องอ่ะ
เฮ่อ เอางั้นก็ได้
“ให้น้องนอนห้องเราก็ได้มั้ง ไหนๆ ยัยเจนนี่ก็คงค้างที่บ้านเพื่อนมันอยู่แล้วนี่”
ช่วงไรท์พบประชารีด
ไม่มี NC นะคะไม่ต้องรอส่งเมล 555
เหมือน 25% สุดท้ายเป็นกึ่งๆ nc ล้วนๆ แทบไม่มีอย่างอื่นผสม ถถถ
นี่โดดงานมาอัพให้เลยนะเนี่ยแหม่ /โดนเพื่อนตบ/
ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวมาแก้ให้เนาะะะ อิอิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แทนี่ก็ใช่ย่อยที่ไหน ฟินสุดๆไปอีกกก
55555
ติดตามนะจ้ะ
ลิซมีความเลื้อย ถถ
น้องลิซเมาแล้วตั้ลร้ากมากเลยลูกอ้อนพี่เขาใหญ่เลยแหมมมม