คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Camerloft minos Hunter - chapter 1
Camerloft Story
Camerloft Minos Hunter : คาเมอร์ลอฟ ไมนอส ฮันเตอร์
chapter 1
เคยวาดฝันงานแต่งงานของตัวเองกันมั้ยครับ...?
ผมรู้ว่าใครหลาย ๆ คน เคยฝันหรือเคยจินตนาการงานแต่งงานของตัวเองเอาไว้ บ้างก็อยากแต่งงานแบบหรู ๆ บ้างก็อยากแต่งงานแบบเรียบง่ายในสไตล์ของตัวเอง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ทุกคนย่อมอยากแต่งกับคนที่เรารัก...
เหมือนกับผมในตอนนี้ คนที่ผมรักกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผม
แต่ผม...
ไม่ใช่คนรักของเค้า
“คาเมอร์ลอฟ ไมนอส ฮันเตอร์ คุณจะยอมรับคน ๆ นี้เป็นภรรยา และคู่ชีวิตของคุณตลอดไปหรือไม่”
เสียงบาทหลวงที่ประจำโบสถ์คาทอลิกสุดหรูแห่งนี้เอ่ยถามขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีของชาว คริสต์เรา ที่เวลาแต่งงานกันในโบสถ์ ก็จะมีคำสัญญาสาบานจากคู่แต่งงานต่อหน้าพระเจ้า เพื่อให้พระองค์ท่านได้รับรู้ และเป็นสักขีพยานให้แก่คนสองคน ที่มีใจที่บริสุทธิ์มอบให้แก่กัน
แต่คนตรงหน้าผมนี้ กลับยังไม่ยอมตอบอะไรเลย...
“ครับ”
“อีวาน แบล็คบิลล์ คุณจะยอมรับคน ๆ นี้เป็นสามีและคู่ชีวิตของคุณตลอดไปหรือไม่”
“รับครับ”
“พ่อขอประกาศว่า นับจากนี้ไป ลูกทั้งสองคนคือสามีภรรยาที่จะรักและดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
หลังจากที่บาทหลวงกล่าวอะไรก็ไม่รู้ตามวิธีการของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แขกเหรื่อที่มางานนี้ต่างก็ดื่มเพื่อแสดงความยินดีให้กับเราสองคน
และคนที่ยืนอยู่ข้างผมก็กำลังดื่มเพื่อแสดงความยินดีให้กับเรื่องของเรา...
“อีวานอา...”
เสียงหวานใสของใครซักคนเรียกผมจากทางด้านล่าง ผมหันตามไปมองก็พบกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีขาวสวยอย่างน่ารักยืนยิ้มหวานให้ผมอยู่
“ โซเฟียอา....”
“ว่าไงไอ้ตัวเล็กของช้านนน ! ยินดีด้วยนะ ขายออกซะที”
หญิงสาวพูดอย่างเจื้อยแจ้ว จนผมแทบเอามือกุมขมับเลยล่ะครับ ผู้หญิงคนนี้เธอชื่อโวซฟีย ลีฟ เธอเป็นเพื่อนสนิทผมและเป็นเพื่อนข้างบ้านของผมตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เราสองคนสนิทกันมาก มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ จนบางครั้งเคยมีคนคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน
แต่ผมไม่คิดว่าผมจะเลือกคบผู้หญิงบ้าระห่ำอย่างเธอหรอกนะ
“ขายออกอะไรกันล่ะ แล้วนี่มายังไงเนี่ย แต่งตัวซะสวยเชียว”
ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เลยเบี่ยงเบนประเด็นมาที่เธอแทน และได้ผลที่ดีเกินคาดโซเฟียเปลี่ยนจากรอยยิ้มน่ารัก ๆ เมื่อกี๊เป็นรอยยิ้มร้ายที่ใครหลาย ๆ คนไม่อยากจะเห็นมัน
...เห็นทีไรมีเรื่องทุกทีเลย...
“หึ... พูดถึงเรื่องนี้ ฉันล่ะอยากกัดลิ้นตายเลยจริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่างานนี้เป็นของเพื่อนสุดที่รักอย่างนายนะ ฉันไม่มีทางใส่อะไรหน่อมแน้มแบบนี้หรอก ให้ตายยังไงแม่ก็ไม่ยอมใส่เด็ดขาด!!”
“แต่เธอก็ใส่มาแล้วนี่นา”
“ก็เพราะนายนั่นแหละ! แม่ฉันบอกว่างานนี้งานใหญ่ เป็นงานของเพื่อนรักฉันทั้งที ฉันจะใส่ยีนส์ขาเต่อกับเสื้อยืดมามันก็กระไรอยู่ เลยจัดเต็มมาอย่างที่เห็น”
“เอาหน่า...แต่มาดามลิลลี่ก็เข้าใจเลือกชุดดีเนอะ น่ารักเชียว ฮ่า ๆ ๆ ”
“ฮึ่ย !! เดี๋ยวเถอะ ว่าแต่ คุณสามีของนายไปไหนละล่ะ”
โซเฟียแอ่ยถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวาหาสามีหมาด ๆ ของผม จะว่าไปผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณฮันเตอร์เค้าหายไปตอนไหน เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังอยู่ข้างกันอยู่เลย
จะไปก็ไปเลยสินะ...
“คงจะไปคุยกับพวกพี่ ๆ เค้าทางนู้นล่ะมั้ง”
“จะว่าไปพวกผู้ชายตระกูลคาเมอร์ลอฟนี่มันเลอค่ามากเลยนะ ฉันล่ะอิจฉานายจริง ๆ เลย”
“จะมาอิจฉาฉันทำไมกันเล่า มันไม่ได้น่าอิจฉาขนาดนั้นสักหน่อย”
ผมพูดออกไปอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก มันก็จริงนั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าคนที่ผมแต่งงานด้วยวันนี้ จะเป็นถึงหนึ่งในตระกูลคาเมอร์ลอฟที่ใครหลายคนใฝ่ฝันว่าอยากจะร่วมเกี่ยวดองด้วย แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย
เพราะที่ผมต้องแต่งงาน มันมีบางอย่างกำหนดไว้อยู่....
“อย่ามาดราม่าอะไรตอนนี้นะ !! มีนั่นงานมงคลนะเว้ย นายจะมาคิดมากทำไม ไหน ๆ ตอนนี้นายก็กำลังจะมีคนที่พร้อมจะดูแลนายอยู่แล้ว”
“พร้อมดูแล...”
“อย่าไปคิดอะไรมาก คิดซะว่าคนหลายล้านคนในโลกนี้ต่างอิจฉานายกันทั้งนั้น แต่ติดที่ว่ามันไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกเหอะ”
นั่นสินะครับ.... การแต่งงานในครั้งนี้ไม่มีใครรู้เรื่องเลย มันเหมือนการแต่งงานปิดที่ให้รับรู้ได้เพียงแค่คนใน เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันว่าพวกเค้าปิดเรื่องแต่งงานนี้ไปทำไม และผมก็ไม่คิดที่จะถามด้วย
เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเค้า...
“ชั่งมันเถอะ ว่าแต่เธอหิวอะไรมั้ย ฉันจะพาไปหาอะไรกิน”
“ฉันรอคำนี้มานานแล้วนายรู้มั้ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ในที่สุด โซเฟีย ก็คือ โซเฟียวันยันค่ำ เรื่องกินสำคัญกว่าเรื่องอื่นเป็นไหน ๆ
หลังจากที่พาโซเฟียมาหาอะไรกินได้สักพัก ผมก็ถูกเรียกตัวจากคุณจงอินว่าให้ไปทำความเคารพกับคุณคาเมอร์ลอฟ นายใหญ่ของตระกูล ผมนั้นกุลีกุจอใหญ่ กลัวว่าจะให้ผู้ใหญ่รอนาน จนในที่สุด ผมก็มายืนอยู่หน้าโบสถ์หรูแห่งนี้ ที่ตอนนี้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานปาร์ตี้ครอบครัวขนาดย่อม ๆ
“นายท่านครับ คุณอีวานมาแล้วครับ”
ผู้ชายคนที่พาผมมาที่ตรงนี้เอ่ยเรียกชายสูงวัยที่ตอนนี้กำลังหันหลังให้กับผมอยู่ ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันกลับมา แล้วเผยรอยยิ้มเอ็นดูให้ผม
เหมือนกับทุกครั้งที่ผมได้เจอ...
“อีวานของฉัน”
“สวัสดีครับคุณท่าน”
ผมเดินเข้าไปโค้งให้ท่านอย่างรู้หน้าที่ นายใหญ่แห่งคาเมอร์ลอฟผู้นำตระกูลที่ใครๆก็ต่างยำเกรงในอำนาจ เดินเข้ามาสวมกอดผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ผมสวมกอดตอบท่านโดยไม่ลังเล เพราะทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้มอบความรักความห่วงใยมาให้ มันทำให้ผมได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวอีกครั้งเสมอ...
“วันนี้เหนื่อยแย่เลยสิที่รัก ได้ทานอะไรบ้างหรือยัง”
“ทานมานิดหน่อยแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้ออกมาทักทายคุณท่านเลย มัวแต่ยุ่งกับงานด้านใน”
ท่านคาเมอร์ลอฟดึงให้ผมมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆตัวเอง ที่ดูเหมือนว่าจะถูกจัดเตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้ ก่อนจะเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนรู้จัก
“ไม่ต้องไปทำอะไรมากหรอกกับงานด้านใน ก็แค่พวกผู้ดีจอมปลอมที่หวังแต่ผลประโยชน์เสนอหน้ามาให้เห็นในงานสำคัญแบบนี้ก็แค่นั้น”
“แล้วนายท่านมานานหรือยังครับ ได้ทานอะไรไปแล้วหรือยัง คุณท่านมียาที่ต้องทานหลังอาหารนี่ครับ”
ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรนพลางยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นมาดูเวลา นี่ก็เลยเวลาอาหารค่ำของคุณคาเมอร์ลอฟมานานแล้ว ผมลืมไปเลยกับหน้าที่ที่ผมต้องทำประจำแบบนี้
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะเจ้าหนูน้อย ฉันแก่แล้ว ตายยากอยู่แล้วล่ะ”
คุณคาเมอร์ลอฟพูดออกมาอย่างติดตลก แต่ผมกลับไม่ตลกตาม จนท่านต้องเอือมมือมาขยี้ที่หัวผมอย่างเอ็นดูและบอกนัยๆว่าอย่าห่วงไปเลย จะไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะครับ คุณคาเมอร์ลอฟน่ะชอบพูดเรื่องความเป็นความตายเป็นเรื่องเล่นๆอยู่เรื่อยเลย บอกแต่ว่าแก่แล้วตายยาก ยังอยู่กับผมได้อีกนาน แต่ผมก็อดคิดไม่ได้นี่ครับ ว่าถ้าหากผมขาดท่านไป ผมจะอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้ยังไง
ก็ท่านคือคนในครอบครัวคนเดียวที่ผมมีตอนนี้....
“ท่านอย่าพูดแบบนี้ได้มั้ยครับ เกิดท่านเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง”
“ก็อยู่กับเจ้าลูกชายตัวดีของฉันนั้นไง อย่าลืมนะว่าเธอแต่งงานแล้ววันนี้”
ท่านคาเมอร์ลอฟมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะยกไวน์ราคาแพงในมือขึ้นจิบอย่างสบายใจ ใช่ครับ! วันนี้คือวันแต่งงานของผมกับลูกชายของท่านคาเมอร์ลอฟ ผู้ที่เปรียบเสมือนพระเจ้าสำหรับผม ผู้ที่มอบชีวิตและลมหายใจให้ผม หลังจากวันนั้น...
...วันที่ครอบครัวผมถูกฆ่าตาย...
“แต่ผมยังอยากอยู่กับท่าน ทดแทนพระคุณที่ท่านมีต่อผม ที่มีต่อเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่มีอนาคตในวันนั้น”
“อย่าคิดมากไปเลยอีวาน ฉันสัญญากับพ่อแม่ของเธอแล้ว ว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนให้แก่ความซื่อสัตย์ที่ตระกูลแบล็คบิลล์มี่ให้คาเมอร์ลอฟเสมอมา...”
“คุณท่าน....”
“อย่าร้องไห้เชียวนะ โบราณเค้าถือว่าวันแต่งงานห้ามร้องไห้ ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ฉันไม่รู้ด้วยนา ฮ่าๆๆๆ”
ท่านคาเมอร์ลอฟจับหัวผมโยกไปมาราวกับมันเป็นหัวของตุ๊กตาก็ไม่ปาน จนผมต้องร้องงื้อออกมาด้วยความตลกกับการกระทำที่เหมือนเด็กของท่าน
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ท่านคาเมอร์ลอฟก็ยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าผมจะโตจนย่างเข้า 23 ปีแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ทำเหมือนกับผมหยุดอายุไว้ที่ 10 ขวบ
...10 ขวบที่ได้สร้างความเจ็บปวดที่สุดให้กับผม...
...และเป็น 10 ขวบ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่าครอบครัวอีกครั้ง...
“คุณท่านครับ”
เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผมและท่านคาเมอร์ลอฟต้องหันไปดู ชายร่างสูงใหญ่ประมาณสิบคนเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีในชุดสูทสีเข้มห้าคนที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่พวกเรานั่งอยู่ และรั้งท้ายมาด้วยผู้ชายคนนั้น ที่สวมชุดแตกต่างจากคนอื่น
ผู้ชายที่เป็นสามีของผม
...Camerloft Minos Hunter...
“สวัสดีครับป๋า สบายดีนะครับ”
ผู้ชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบกระด้างตามฉบับผู้ชาย ก่อนจะเข้ามาสวมกอดคุณคาเมอร์ลอฟที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนต้อนรับผู้มาใหม่ทั้งหก ผมเองก็ต้องถอยออกมาจากจุดนั้นเล็กน้อยเหมือนกันเพื่อให้พวกเค้าได้ทักทายกันสะดวกขึ้น
“จะสบายได้ยังไงล่ะ เสือทั้งหกตัวไม่เคยมาเยี่ยมเลยนี่นะ”
“ป๋าครับ พวกเราคิดถึงป๋ามากนะครับ แต่มันก็เพราะป๋าไม่ใช่เหรอที่เทงานมาให้พวกเราจนเราไม่มีเวลากลับมาที่แคลิฟอร์เนียร์เลย”
ชายอีกคนเดินเข้ามาสวมกอดท่านคาเมอร์ตันต่อจากชายคนแรกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงการเหน็บแนมเอาไว้เล็กๆ ให้ท่านคาเมอร์ลอฟต้องส่งค้อนวงใหญ่ไปให้
“ไม่ต้องมาพูดดีเลยไอ้เสือสอง ที่วินเซนท์มันยังมาหาฉันได้เลย”
“ป๋าก็....พวกผมงานยุ่งนี่ครับ ผิดกับป๋าที่วันๆไม่ได้ทำอะไร เอาแต่อยู่บ้านแล้วก็อยู่บ้าน ป๋านั่นแหละควรจะบินไปหาพวกผม”
“ไอ้เจ้านี่หนิ อยากกินลูกปืนรึไง !”
ท่านคาเมอร์ลอฟทำท่าจะชักปืนออกจากเอวตัวเองจนทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องถอยห่าง หลบหลังผู้ชายอีกคนอย่างรวดเร็ว สร้างเสียงหัวเราะน้อยๆแทนที่บรรยากาศที่แสนจะอึมครึมในตอนแรก
“จริงของฮิตตันมันนะป๋า ป๋านั่นแหละที่ควรจะไปเยี่ยมพวกเราบ้าง ไม่ใช่งอแงให้แต่เรามาหาฝ่ายเดียว”
“ไอ้เจ้าลูกพวกนี้นี่ มันเป็นลูกหรือมันเป็นพ่อฉันกันแน่วะ”
“ลูกสิครับ ผมไม่อยากมีลูกแบบป๋าหรอกนะ”
“เอาเข้าไปสิ นี่ฉันต้องฆ่าลูกตัวเองจริงๆใช่มั้ย.... เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ”
ท่านคาเมอร์ลอฟเปลี่ยนประเด็นของการสนทนา ทำให้ทั้งหกคนต่างเดินเข้ามานั่งลงประจำที่กับเก้าอี้ใครเก้าอี้มัน ผมเองก็ถูกท่านคาเมอร์ลอฟกระตุกแขนให้นั่งลงตาม เพื่อที่ท่านจะได้พูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ต้องมารวมตัวกันในวันนี้
“พวกแกรู้แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ที่ป๋าเรียกพวกแกมา เพราะอะไร...?”
“ครับ”
“นี่คือ อีวาน แบล็คบิลล์ทายาทตระกูลแบล็คบิลล์ ตระกูลที่จงรักภักดีกับคาเมอร์ลอฟมาตั้งแต่สมัยผู้นำคาเมอร์ลอฟรุ่นก่อนๆ....”
ผมลุกขึ้นยืนโค้งทำความเคารพพวกเค้าทั้งหกคน ผมรู้ดีว่าบุคคลตรงหน้าผมทั้งหกนี้เป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับผู้นำคาเมอร์ลอฟคนล่าสุด
“....และที่รู้กันว่า อีวานคนนี้จะมาเป็นคนในตระกูลของเรา ในฐานะ สะใภ้คาเมอร์ลอฟ...”
ความเงียบปกคลุมรอบสถานที่แห่งนี้จนผมรู้สึกอยากจะมุดหัวหายไปให้รู้แล้วรู้รอด อยากจะหนีหายจากสายตาคมเฉียบทั้งหกคู่ที่จ้องมองผมโดยไม่วางตา
...โดยเฉพาะของใครคนหนึ่ง...
“ป๋าอยากให้ทุกคนต้อนรับอีวาน แบล็คบิลล์คนนี้อย่างอบอุ่น ให้เหมือนกับน้องของพวกแกอีกคน ”
“ครับป๋า”
ชายที่สูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ท่านคาเมอร์ลอฟพูดจบ ก่อนที่เสียงตอบรับจากคนอื่นๆจะตามขึ้นมา เว้นแต่ใครบางคน ที่ไม่ยอมพูดอะไรเลย ยังคงนั่งนิ่งตามเดิม จนท่านคาเมอร์ลอฟต้องถามย้ำอีกครั้ง
“ ฮันเตอร์....แกจะรับปากป๋าได้มั้ย ว่าจะต้อนรับอีวานด้วยใจที่บริสุทธิ์”
“ผมค้านป๋าได้ด้วยเหรอครับ...”
น้ำเสียงเย็นเยียบของผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน น้ำเสียงที่ฟังแล้วหมดหนทางนั้นมันบีบใจของผมจนรู้สึกเจ็บแปลบๆ เพราะผมหรือทำให้เค้าต้องมายอมรับสภานะบ้าๆอะไรแบบนี้
“ฮันเตอร์ !!”
“ป๋าครับ! ใจเย็นๆก่อน ฮันเตอร์มันคงไม่ได้หมายความอย่างที่พูด เรารู้ดีว่าทุกสิ่งที่ป๋าทำย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ...”
“เหตุผลที่แม้แต่พวกเราเองยังขัดไม่ได้...” ฮันเตอร์
“ฮันเตอร์ !! อย่าหยาบคายกับป๋า ขอโทษป๋าเดี่ยวนี้”
พี่ชายคนโตสุดแห่งตระกูลคาเมอร์ลอฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กรุ่นโกรธ เมื่อน้องชายตัวเองเริ่มต่อต้านอย่างเปิดเผย และแสดงกิริยามารยาทที่ไม่งามใส่ผู้เป็นพ่อ ผมรู้ดีว่าตระกูลนี้เคารพคุณคาเมอร์ลอฟขนาดไหน เพราะทุกๆอย่างที่คุณคาเมอร์มี ก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วว่า ผู้นำตระกูลคาเมอร์ลอฟคนล่าสุด อย่าง คาเมอร์ลอฟ คิลล์ ทุ่มเทและเสียสละเพื่อตระกูลนี้แค่ไหน
“พอเถอะคาลอฟ.... ป๋าขอโทษที่ทำอะไรตามใจตัวเองนะฮันเตอร์ แต่สักวันเราจะรู้ว่าที่ป๋าทำไปทุกอย่าง มันมีเหตุผลของมัน”
“ผมก็หวังว่าเหตุผลที่ป๋าพูดมันจะเป็นเหตุผลที่ดีนะครับ”
เมื่อพูดจบคุณฮันเตอร์ก็ลุกหนีออกจากที่แห่งนี้ไปทันที ทิ้งไว้แค่คำพูดสุดท้าย และบรรยากาศที่เริ่มกลับเข้าสู่โหมดความเงียบอีกครั้ง
พรึ้บ !!
“พวกเราขอโทษครับป๋า ที่ฮันเตอร์ทำกิริยาไม่ดีแบบนั้นออกไป”
ทายาทคาเมอร์ลอฟทั้งห้าคนต่างพร้อมใจพากันนั่งคุกเข้าลงกับพื้น โดยไม่กลัวเลยว่ากางเกงราคาเหยียบล้านของพวกเขาจะเปรอะเปื้อนกันขนาดไหน
“ลุกขึ้นเถอะคาลอฟ ป๋าเข้าใจดี สักวันฮันเตอร์ก็คงเข้าใจสิ่งที่ป๋าทำวันนี้...”
คุณคาเมอร์ลอฟเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง ทำเอาใจผมหวั่นเล็กน้อยว่าเหตุผลที่คุณคาเมอร์ลอฟทำในวันนี้มันคืออะไร
...ทำไมคุณคาเมอร์ลอฟถึงต้องทำแบบนี้ด้วย...
หลังจากที่ทำความรู้จักกับลูกๆของคุณคาเมอร์ลอฟเสร็จเรียบร้อย อีวานก็ถูกลูกน้องของคุณคาเมอร์ลอฟพาตัวมาที่คอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเครือของคาเมอร์ลอฟเหมือนเดิม ก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากนายใหญ่แห่งคาเมอร์ลอฟว่าวันนี้ให้เขานอนที่นี่ ก่อนจะออกเดินทางไปชิคาโก้ในวันพรุ่งนี้กับคุณฮันเตอร์
“วันนี้คุณอีวานพักที่นี่ไปก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะได้รีบเดินทางกัน”
“เอ่อ....คุณไมเนอร์ครับ แล้วนี่ผมต้องนอนคนเดียวเหรอครับ”
อีวานถามออกไป เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ยังไม่เห็นใครเลย แม้แต่สามีหมาดๆของตัวเองก็ยังไม่เห็นหัวตั้งแต่มาถึง ก็จะมีแต่คุณไมเนอร์ลูกน้องคนสนิทของตัวเองนี่แหละที่คอยตอบคำถาม
“อันที่จริงคุณอีวานต้องพักกับนายท่านน่ะครับ แต่ว่าคืนนี้....”
“ผมเข้าใจครับ คุณไมเนอร์ไปพักเถอะครับ ผมอยู่ได้”
ท่าทางที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนั้นทำให้อีวานเข้าใจได้ทันทีว่าวันนี้เจ้านายของคุณไมเนอร์คงจะไม่เข้ามาในห้องนี้ คืนนี้ หรืออาจจะไม่เข้ามาเลยก็ได้ แต่ให้ทำไง อีวานก็ไม่ได้มีสิทธิมากมายอะไรขนาดที่ต้องบอกให้ทายาทตระกูลคาเมอร์ลอฟกลับมานอนด้วยกันหรอกนะ
ชั่งมันเถอะนะอีวาน...นายจะได้พักผ่อนเต็มที่ไง
“งั้นผมขอตัวนะครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้คุณอีวานกดปุ่มที่หัวเตียงนะครับ หน่วยรักษาความปลอดภัยของเราจะมาทันที หรือหากต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็กดรีโมทบนหัวเตียงเรียกได้เลยนะครับ”
ไมเนอร์จัดแจงอะไรให้อีวานอย่างเรียบร้อยเสร็จสรรพ ก่อนจะขอตัวไปดูเจ้านายแท้ๆของตัวเอง ที่ตอนนี้คงเมาแอ๋อยู่บาร์ด้านล่างคอนโดเรียบร้อยแล้ว อีวานเองที่ส่งแขกเสร็จ ก็เดินกลับเข้ามาสำรวจภายในห้องอีกครั้ง
ห้องนี้เป็นห้องชุดที่หรูหรามาก สมกับคอนโดของตระกูลคาเมอร์ลอฟจริงๆ ภายในห้องถูกออกแบบให้เหมือนกับบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเมื่อเข้ามาภายในจะพบกับห้องโถงที่แสนกว้างขวาง เดินต่อไปอีกก็จะมีห้องครัวและห้องทานอาหารที่กว้างไม่แพ้กัน อีกมุมหนึ่งจะเป็นห้องน้ำที่สร้างเอาไว้ด้านนอก และเดินไปอีกหน่อยก็จะเจอห้องนอนขนาดกว้างอีกสามห้องนอน และมีห้องน้ำและห้องแต่งตัวในตัว
อีวานสำรวจห้องชุดสุดหรูนี่ไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเที่ยงคืนของวัน มือขาวหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายจากความเหนื่อยล้า
ใช้เวลาไม่นาน อีวานก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดนอนที่ไมเนอร์ได้ให้แม่บ้านมาเตรียมเอาไว้ให้ ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีที่เช็ดผมแห้งเรียบร้อย แล้วผลอยหลับไปในที่สุด
ก็แน่ล่ะ วันนี้เหนื่อยมากเลยนี่นา
...เหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับความเย็นชา...
ความคิดเห็น