ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [YAOI] Camerloft Story พี่น้องคาเมอร์ลอฟ

    ลำดับตอนที่ #1 : Camerloft minos Hunter - chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 58


    "> SQWEEZ

    Camerloft Story
                 Camerloft Minos Hunter : คาเมอร์ลอฟ  ไมนอส  ฮันเตอร์
                 chapter 1    




                 เคยวาดฝันงานแต่งงานของตัวเองกันมั้ยครับ...?

    ผมรู้ว่าใครหลาย ๆ คน เคยฝันหรือเคยจินตนาการงานแต่งงานของตัวเองเอาไว้  บ้างก็อยากแต่งงานแบบหรู ๆ บ้างก็อยากแต่งงานแบบเรียบง่ายในสไตล์ของตัวเอง

    แต่สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว  ทุกคนย่อมอยากแต่งกับคนที่เรารัก...

    เหมือนกับผมในตอนนี้  คนที่ผมรักกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผม

    แต่ผม...

    ไม่ใช่คนรักของเค้า

    คาเมอร์ลอฟ  ไมนอส  ฮันเตอร์  คุณจะยอมรับคน ๆ นี้เป็นภรรยา และคู่ชีวิตของคุณตลอดไปหรือไม่”

    เสียงบาทหลวงที่ประจำโบสถ์คาทอลิกสุดหรูแห่งนี้เอ่ยถามขึ้น ตามธรรมเนียมประเพณีของชาว คริสต์เรา ที่เวลาแต่งงานกันในโบสถ์ ก็จะมีคำสัญญาสาบานจากคู่แต่งงานต่อหน้าพระเจ้า เพื่อให้พระองค์ท่านได้รับรู้ และเป็นสักขีพยานให้แก่คนสองคน  ที่มีใจที่บริสุทธิ์มอบให้แก่กัน

    แต่คนตรงหน้าผมนี้ กลับยังไม่ยอมตอบอะไรเลย...

    “ครับ”

    อีวาน  แบล็คบิลล์  คุณจะยอมรับคน ๆ นี้เป็นสามีและคู่ชีวิตของคุณตลอดไปหรือไม่”

    “รับครับ”

    “พ่อขอประกาศว่า นับจากนี้ไป ลูกทั้งสองคนคือสามีภรรยาที่จะรักและดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

    หลังจากที่บาทหลวงกล่าวอะไรก็ไม่รู้ตามวิธีการของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว  แขกเหรื่อที่มางานนี้ต่างก็ดื่มเพื่อแสดงความยินดีให้กับเราสองคน

    และคนที่ยืนอยู่ข้างผมก็กำลังดื่มเพื่อแสดงความยินดีให้กับเรื่องของเรา...

    “อีวานอา...”

    เสียงหวานใสของใครซักคนเรียกผมจากทางด้านล่าง ผมหันตามไปมองก็พบกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีขาวสวยอย่างน่ารักยืนยิ้มหวานให้ผมอยู่ 

    “ โซเฟียอา....”

    “ว่าไงไอ้ตัวเล็กของช้านนน ! ยินดีด้วยนะ ขายออกซะที”

    หญิงสาวพูดอย่างเจื้อยแจ้ว จนผมแทบเอามือกุมขมับเลยล่ะครับ  ผู้หญิงคนนี้เธอชื่อโวซฟีย ลีฟ เธอเป็นเพื่อนสนิทผมและเป็นเพื่อนข้างบ้านของผมตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว  เราสองคนสนิทกันมาก มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  จนบางครั้งเคยมีคนคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน

    แต่ผมไม่คิดว่าผมจะเลือกคบผู้หญิงบ้าระห่ำอย่างเธอหรอกนะ

    “ขายออกอะไรกันล่ะ แล้วนี่มายังไงเนี่ย แต่งตัวซะสวยเชียว”

    ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากพูดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เลยเบี่ยงเบนประเด็นมาที่เธอแทน  และได้ผลที่ดีเกินคาดโซเฟียเปลี่ยนจากรอยยิ้มน่ารัก ๆ เมื่อกี๊เป็นรอยยิ้มร้ายที่ใครหลาย ๆ คนไม่อยากจะเห็นมัน

    ...เห็นทีไรมีเรื่องทุกทีเลย...

    “หึ... พูดถึงเรื่องนี้ ฉันล่ะอยากกัดลิ้นตายเลยจริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่างานนี้เป็นของเพื่อนสุดที่รักอย่างนายนะ ฉันไม่มีทางใส่อะไรหน่อมแน้มแบบนี้หรอก ให้ตายยังไงแม่ก็ไม่ยอมใส่เด็ดขาด!!

    “แต่เธอก็ใส่มาแล้วนี่นา”

    “ก็เพราะนายนั่นแหละ!  แม่ฉันบอกว่างานนี้งานใหญ่ เป็นงานของเพื่อนรักฉันทั้งที ฉันจะใส่ยีนส์ขาเต่อกับเสื้อยืดมามันก็กระไรอยู่ เลยจัดเต็มมาอย่างที่เห็น”

    “เอาหน่า...แต่มาดามลิลลี่ก็เข้าใจเลือกชุดดีเนอะ น่ารักเชียว ฮ่า ๆ ๆ ”

    “ฮึ่ย !! เดี๋ยวเถอะ ว่าแต่ คุณสามีของนายไปไหนละล่ะ”

    โซเฟียแอ่ยถามพร้อมกับหันซ้ายหันขวาหาสามีหมาด ๆ ของผม จะว่าไปผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณฮันเตอร์เค้าหายไปตอนไหน เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังอยู่ข้างกันอยู่เลย

    จะไปก็ไปเลยสินะ...

    “คงจะไปคุยกับพวกพี่ ๆ เค้าทางนู้นล่ะมั้ง”

    “จะว่าไปพวกผู้ชายตระกูลคาเมอร์ลอฟนี่มันเลอค่ามากเลยนะ  ฉันล่ะอิจฉานายจริง ๆ เลย”

    “จะมาอิจฉาฉันทำไมกันเล่า มันไม่ได้น่าอิจฉาขนาดนั้นสักหน่อย”

    ผมพูดออกไปอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก  มันก็จริงนั่นแหละครับ ถึงแม้ว่าคนที่ผมแต่งงานด้วยวันนี้ จะเป็นถึงหนึ่งในตระกูลคาเมอร์ลอฟที่ใครหลายคนใฝ่ฝันว่าอยากจะร่วมเกี่ยวดองด้วย  แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย

    เพราะที่ผมต้องแต่งงาน มันมีบางอย่างกำหนดไว้อยู่....

    “อย่ามาดราม่าอะไรตอนนี้นะ !! มีนั่นงานมงคลนะเว้ย นายจะมาคิดมากทำไม ไหน ๆ ตอนนี้นายก็กำลังจะมีคนที่พร้อมจะดูแลนายอยู่แล้ว”

    “พร้อมดูแล...”

    “อย่าไปคิดอะไรมาก คิดซะว่าคนหลายล้านคนในโลกนี้ต่างอิจฉานายกันทั้งนั้น แต่ติดที่ว่ามันไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกเหอะ”

    นั่นสินะครับ.... การแต่งงานในครั้งนี้ไม่มีใครรู้เรื่องเลย  มันเหมือนการแต่งงานปิดที่ให้รับรู้ได้เพียงแค่คนใน  เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันว่าพวกเค้าปิดเรื่องแต่งงานนี้ไปทำไม  และผมก็ไม่คิดที่จะถามด้วย

    เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเค้า...

    “ชั่งมันเถอะ ว่าแต่เธอหิวอะไรมั้ย ฉันจะพาไปหาอะไรกิน”

    “ฉันรอคำนี้มานานแล้วนายรู้มั้ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

    ในที่สุด โซเฟีย ก็คือ โซเฟียวันยันค่ำ เรื่องกินสำคัญกว่าเรื่องอื่นเป็นไหน ๆ

     

     

    หลังจากที่พาโซเฟียมาหาอะไรกินได้สักพัก  ผมก็ถูกเรียกตัวจากคุณจงอินว่าให้ไปทำความเคารพกับคุณคาเมอร์ลอฟ นายใหญ่ของตระกูล ผมนั้นกุลีกุจอใหญ่ กลัวว่าจะให้ผู้ใหญ่รอนาน  จนในที่สุด ผมก็มายืนอยู่หน้าโบสถ์หรูแห่งนี้ ที่ตอนนี้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานปาร์ตี้ครอบครัวขนาดย่อม ๆ

    “นายท่านครับ คุณอีวานมาแล้วครับ”

    ผู้ชายคนที่พาผมมาที่ตรงนี้เอ่ยเรียกชายสูงวัยที่ตอนนี้กำลังหันหลังให้กับผมอยู่  ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันกลับมา แล้วเผยรอยยิ้มเอ็นดูให้ผม

    เหมือนกับทุกครั้งที่ผมได้เจอ...

    “อีวานของฉัน”

    “สวัสดีครับคุณท่าน”

    ผมเดินเข้าไปโค้งให้ท่านอย่างรู้หน้าที่  นายใหญ่แห่งคาเมอร์ลอฟผู้นำตระกูลที่ใครๆก็ต่างยำเกรงในอำนาจ  เดินเข้ามาสวมกอดผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ  ผมสวมกอดตอบท่านโดยไม่ลังเล  เพราะทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้มอบความรักความห่วงใยมาให้ มันทำให้ผมได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวอีกครั้งเสมอ...

    “วันนี้เหนื่อยแย่เลยสิที่รัก  ได้ทานอะไรบ้างหรือยัง”

    “ทานมานิดหน่อยแล้วล่ะครับ  ผมไม่ได้ออกมาทักทายคุณท่านเลย มัวแต่ยุ่งกับงานด้านใน”

    ท่านคาเมอร์ลอฟดึงให้ผมมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆตัวเอง ที่ดูเหมือนว่าจะถูกจัดเตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้  ก่อนจะเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนรู้จัก

    “ไม่ต้องไปทำอะไรมากหรอกกับงานด้านใน  ก็แค่พวกผู้ดีจอมปลอมที่หวังแต่ผลประโยชน์เสนอหน้ามาให้เห็นในงานสำคัญแบบนี้ก็แค่นั้น”

    “แล้วนายท่านมานานหรือยังครับ  ได้ทานอะไรไปแล้วหรือยัง  คุณท่านมียาที่ต้องทานหลังอาหารนี่ครับ”

    ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรนพลางยกนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือขึ้นมาดูเวลา  นี่ก็เลยเวลาอาหารค่ำของคุณคาเมอร์ลอฟมานานแล้ว  ผมลืมไปเลยกับหน้าที่ที่ผมต้องทำประจำแบบนี้

    “ห่วงตัวเองก่อนเถอะเจ้าหนูน้อย  ฉันแก่แล้ว  ตายยากอยู่แล้วล่ะ”

    คุณคาเมอร์ลอฟพูดออกมาอย่างติดตลก  แต่ผมกลับไม่ตลกตาม จนท่านต้องเอือมมือมาขยี้ที่หัวผมอย่างเอ็นดูและบอกนัยๆว่าอย่าห่วงไปเลย  จะไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะครับ คุณคาเมอร์ลอฟน่ะชอบพูดเรื่องความเป็นความตายเป็นเรื่องเล่นๆอยู่เรื่อยเลย  บอกแต่ว่าแก่แล้วตายยาก ยังอยู่กับผมได้อีกนาน  แต่ผมก็อดคิดไม่ได้นี่ครับ ว่าถ้าหากผมขาดท่านไป ผมจะอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้ยังไง

    ก็ท่านคือคนในครอบครัวคนเดียวที่ผมมีตอนนี้....

    “ท่านอย่าพูดแบบนี้ได้มั้ยครับ  เกิดท่านเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง”

    “ก็อยู่กับเจ้าลูกชายตัวดีของฉันนั้นไง  อย่าลืมนะว่าเธอแต่งงานแล้ววันนี้”

    ท่านคาเมอร์ลอฟมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะยกไวน์ราคาแพงในมือขึ้นจิบอย่างสบายใจ  ใช่ครับวันนี้คือวันแต่งงานของผมกับลูกชายของท่านคาเมอร์ลอฟ  ผู้ที่เปรียบเสมือนพระเจ้าสำหรับผม  ผู้ที่มอบชีวิตและลมหายใจให้ผม หลังจากวันนั้น...

    ...วันที่ครอบครัวผมถูกฆ่าตาย...

    “แต่ผมยังอยากอยู่กับท่าน  ทดแทนพระคุณที่ท่านมีต่อผม ที่มีต่อเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่มีอนาคตในวันนั้น”

    “อย่าคิดมากไปเลยอีวาน  ฉันสัญญากับพ่อแม่ของเธอแล้ว ว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนให้แก่ความซื่อสัตย์ที่ตระกูลแบล็คบิลล์มี่ให้คาเมอร์ลอฟเสมอมา...”

    “คุณท่าน....”

    “อย่าร้องไห้เชียวนะ  โบราณเค้าถือว่าวันแต่งงานห้ามร้องไห้  ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ฉันไม่รู้ด้วยนา ฮ่าๆๆๆ”

    ท่านคาเมอร์ลอฟจับหัวผมโยกไปมาราวกับมันเป็นหัวของตุ๊กตาก็ไม่ปาน  จนผมต้องร้องงื้อออกมาด้วยความตลกกับการกระทำที่เหมือนเด็กของท่าน

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน  ท่านคาเมอร์ลอฟก็ยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง  แม้ว่าผมจะโตจนย่างเข้า 23 ปีแล้วก็ตาม  แต่ท่านก็ทำเหมือนกับผมหยุดอายุไว้ที่ 10 ขวบ

    ...10 ขวบที่ได้สร้างความเจ็บปวดที่สุดให้กับผม...

    ...และเป็น 10 ขวบ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่าครอบครัวอีกครั้ง...

    “คุณท่านครับ”

    เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ผมและท่านคาเมอร์ลอฟต้องหันไปดู  ชายร่างสูงใหญ่ประมาณสิบคนเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีในชุดสูทสีเข้มห้าคนที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่พวกเรานั่งอยู่  และรั้งท้ายมาด้วยผู้ชายคนนั้น ที่สวมชุดแตกต่างจากคนอื่น

    ผู้ชายที่เป็นสามีของผม

    ...Camerloft  Minos  Hunter...

    “สวัสดีครับป๋า  สบายดีนะครับ”

    ผู้ชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบกระด้างตามฉบับผู้ชาย  ก่อนจะเข้ามาสวมกอดคุณคาเมอร์ลอฟที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนต้อนรับผู้มาใหม่ทั้งหก  ผมเองก็ต้องถอยออกมาจากจุดนั้นเล็กน้อยเหมือนกันเพื่อให้พวกเค้าได้ทักทายกันสะดวกขึ้น

    “จะสบายได้ยังไงล่ะ เสือทั้งหกตัวไม่เคยมาเยี่ยมเลยนี่นะ”

    “ป๋าครับ  พวกเราคิดถึงป๋ามากนะครับ แต่มันก็เพราะป๋าไม่ใช่เหรอที่เทงานมาให้พวกเราจนเราไม่มีเวลากลับมาที่แคลิฟอร์เนียร์เลย”

    ชายอีกคนเดินเข้ามาสวมกอดท่านคาเมอร์ตันต่อจากชายคนแรกก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงการเหน็บแนมเอาไว้เล็กๆ ให้ท่านคาเมอร์ลอฟต้องส่งค้อนวงใหญ่ไปให้

    “ไม่ต้องมาพูดดีเลยไอ้เสือสอง  ที่วินเซนท์มันยังมาหาฉันได้เลย”

    “ป๋าก็....พวกผมงานยุ่งนี่ครับ  ผิดกับป๋าที่วันๆไม่ได้ทำอะไร เอาแต่อยู่บ้านแล้วก็อยู่บ้าน  ป๋านั่นแหละควรจะบินไปหาพวกผม”

    “ไอ้เจ้านี่หนิ  อยากกินลูกปืนรึไง !

    ท่านคาเมอร์ลอฟทำท่าจะชักปืนออกจากเอวตัวเองจนทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องถอยห่าง หลบหลังผู้ชายอีกคนอย่างรวดเร็ว  สร้างเสียงหัวเราะน้อยๆแทนที่บรรยากาศที่แสนจะอึมครึมในตอนแรก

    “จริงของฮิตตันมันนะป๋า  ป๋านั่นแหละที่ควรจะไปเยี่ยมพวกเราบ้าง ไม่ใช่งอแงให้แต่เรามาหาฝ่ายเดียว”

    “ไอ้เจ้าลูกพวกนี้นี่  มันเป็นลูกหรือมันเป็นพ่อฉันกันแน่วะ”

    “ลูกสิครับ  ผมไม่อยากมีลูกแบบป๋าหรอกนะ”

    “เอาเข้าไปสิ  นี่ฉันต้องฆ่าลูกตัวเองจริงๆใช่มั้ย....  เอาล่ะ  เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ”

    ท่านคาเมอร์ลอฟเปลี่ยนประเด็นของการสนทนา  ทำให้ทั้งหกคนต่างเดินเข้ามานั่งลงประจำที่กับเก้าอี้ใครเก้าอี้มัน  ผมเองก็ถูกท่านคาเมอร์ลอฟกระตุกแขนให้นั่งลงตาม  เพื่อที่ท่านจะได้พูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ต้องมารวมตัวกันในวันนี้

    “พวกแกรู้แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ที่ป๋าเรียกพวกแกมา  เพราะอะไร...?”

    “ครับ” 

    “นี่คือ อีวาน แบล็คบิลล์ทายาทตระกูลแบล็คบิลล์  ตระกูลที่จงรักภักดีกับคาเมอร์ลอฟมาตั้งแต่สมัยผู้นำคาเมอร์ลอฟรุ่นก่อนๆ....”

    ผมลุกขึ้นยืนโค้งทำความเคารพพวกเค้าทั้งหกคน  ผมรู้ดีว่าบุคคลตรงหน้าผมทั้งหกนี้เป็นใคร  และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับผู้นำคาเมอร์ลอฟคนล่าสุด

    “....และที่รู้กันว่า อีวานคนนี้จะมาเป็นคนในตระกูลของเรา ในฐานะ สะใภ้คาเมอร์ลอฟ...”

    ความเงียบปกคลุมรอบสถานที่แห่งนี้จนผมรู้สึกอยากจะมุดหัวหายไปให้รู้แล้วรู้รอด  อยากจะหนีหายจากสายตาคมเฉียบทั้งหกคู่ที่จ้องมองผมโดยไม่วางตา

    ...โดยเฉพาะของใครคนหนึ่ง...

    “ป๋าอยากให้ทุกคนต้อนรับอีวาน แบล็คบิลล์คนนี้อย่างอบอุ่น  ให้เหมือนกับน้องของพวกแกอีกคน  ”

    “ครับป๋า”

    ชายที่สูงที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ท่านคาเมอร์ลอฟพูดจบ  ก่อนที่เสียงตอบรับจากคนอื่นๆจะตามขึ้นมา  เว้นแต่ใครบางคน ที่ไม่ยอมพูดอะไรเลย  ยังคงนั่งนิ่งตามเดิม จนท่านคาเมอร์ลอฟต้องถามย้ำอีกครั้ง

    “ ฮันเตอร์....แกจะรับปากป๋าได้มั้ย ว่าจะต้อนรับอีวานด้วยใจที่บริสุทธิ์”

    ผมค้านป๋าได้ด้วยเหรอครับ...”

    น้ำเสียงเย็นเยียบของผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน  น้ำเสียงที่ฟังแล้วหมดหนทางนั้นมันบีบใจของผมจนรู้สึกเจ็บแปลบๆ  เพราะผมหรือทำให้เค้าต้องมายอมรับสภานะบ้าๆอะไรแบบนี้

    “ฮันเตอร์ !!

    “ป๋าครับ!  ใจเย็นๆก่อน ฮันเตอร์มันคงไม่ได้หมายความอย่างที่พูด  เรารู้ดีว่าทุกสิ่งที่ป๋าทำย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ...”

    “เหตุผลที่แม้แต่พวกเราเองยังขัดไม่ได้...”  ฮันเตอร์

    “ฮันเตอร์ !! อย่าหยาบคายกับป๋า  ขอโทษป๋าเดี่ยวนี้”

    พี่ชายคนโตสุดแห่งตระกูลคาเมอร์ลอฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กรุ่นโกรธ  เมื่อน้องชายตัวเองเริ่มต่อต้านอย่างเปิดเผย และแสดงกิริยามารยาทที่ไม่งามใส่ผู้เป็นพ่อ  ผมรู้ดีว่าตระกูลนี้เคารพคุณคาเมอร์ลอฟขนาดไหน  เพราะทุกๆอย่างที่คุณคาเมอร์มี ก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วว่า ผู้นำตระกูลคาเมอร์ลอฟคนล่าสุด อย่าง คาเมอร์ลอฟ คิลล์  ทุ่มเทและเสียสละเพื่อตระกูลนี้แค่ไหน

    “พอเถอะคาลอฟ.... ป๋าขอโทษที่ทำอะไรตามใจตัวเองนะฮันเตอร์  แต่สักวันเราจะรู้ว่าที่ป๋าทำไปทุกอย่าง มันมีเหตุผลของมัน”

    “ผมก็หวังว่าเหตุผลที่ป๋าพูดมันจะเป็นเหตุผลที่ดีนะครับ”

    เมื่อพูดจบคุณฮันเตอร์ก็ลุกหนีออกจากที่แห่งนี้ไปทันที  ทิ้งไว้แค่คำพูดสุดท้าย และบรรยากาศที่เริ่มกลับเข้าสู่โหมดความเงียบอีกครั้ง

    พรึ้บ !!

    “พวกเราขอโทษครับป๋า ที่ฮันเตอร์ทำกิริยาไม่ดีแบบนั้นออกไป”

    ทายาทคาเมอร์ลอฟทั้งห้าคนต่างพร้อมใจพากันนั่งคุกเข้าลงกับพื้น  โดยไม่กลัวเลยว่ากางเกงราคาเหยียบล้านของพวกเขาจะเปรอะเปื้อนกันขนาดไหน

    “ลุกขึ้นเถอะคาลอฟ  ป๋าเข้าใจดี  สักวันฮันเตอร์ก็คงเข้าใจสิ่งที่ป๋าทำวันนี้...”

    คุณคาเมอร์ลอฟเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง  ทำเอาใจผมหวั่นเล็กน้อยว่าเหตุผลที่คุณคาเมอร์ลอฟทำในวันนี้มันคืออะไร

    ...ทำไมคุณคาเมอร์ลอฟถึงต้องทำแบบนี้ด้วย...

     

     

    หลังจากที่ทำความรู้จักกับลูกๆของคุณคาเมอร์ลอฟเสร็จเรียบร้อย  อีวานก็ถูกลูกน้องของคุณคาเมอร์ลอฟพาตัวมาที่คอนโดแห่งหนึ่ง  ซึ่งอยู่ในเครือของคาเมอร์ลอฟเหมือนเดิม ก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากนายใหญ่แห่งคาเมอร์ลอฟว่าวันนี้ให้เขานอนที่นี่ ก่อนจะออกเดินทางไปชิคาโก้ในวันพรุ่งนี้กับคุณฮันเตอร์

    “วันนี้คุณอีวานพักที่นี่ไปก่อนนะครับ  แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะได้รีบเดินทางกัน”

    “เอ่อ....คุณไมเนอร์ครับ  แล้วนี่ผมต้องนอนคนเดียวเหรอครับ”

    อีวานถามออกไป  เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ยังไม่เห็นใครเลย  แม้แต่สามีหมาดๆของตัวเองก็ยังไม่เห็นหัวตั้งแต่มาถึง  ก็จะมีแต่คุณไมเนอร์ลูกน้องคนสนิทของตัวเองนี่แหละที่คอยตอบคำถาม

    “อันที่จริงคุณอีวานต้องพักกับนายท่านน่ะครับ แต่ว่าคืนนี้....”

    “ผมเข้าใจครับ  คุณไมเนอร์ไปพักเถอะครับ ผมอยู่ได้”

    ท่าทางที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนั้นทำให้อีวานเข้าใจได้ทันทีว่าวันนี้เจ้านายของคุณไมเนอร์คงจะไม่เข้ามาในห้องนี้ คืนนี้ หรืออาจจะไม่เข้ามาเลยก็ได้ แต่ให้ทำไง  อีวานก็ไม่ได้มีสิทธิมากมายอะไรขนาดที่ต้องบอกให้ทายาทตระกูลคาเมอร์ลอฟกลับมานอนด้วยกันหรอกนะ

    ชั่งมันเถอะนะอีวาน...นายจะได้พักผ่อนเต็มที่ไง

    “งั้นผมขอตัวนะครับ  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้คุณอีวานกดปุ่มที่หัวเตียงนะครับ หน่วยรักษาความปลอดภัยของเราจะมาทันที  หรือหากต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็กดรีโมทบนหัวเตียงเรียกได้เลยนะครับ”

    ไมเนอร์จัดแจงอะไรให้อีวานอย่างเรียบร้อยเสร็จสรรพ  ก่อนจะขอตัวไปดูเจ้านายแท้ๆของตัวเอง ที่ตอนนี้คงเมาแอ๋อยู่บาร์ด้านล่างคอนโดเรียบร้อยแล้ว  อีวานเองที่ส่งแขกเสร็จ  ก็เดินกลับเข้ามาสำรวจภายในห้องอีกครั้ง

    ห้องนี้เป็นห้องชุดที่หรูหรามาก  สมกับคอนโดของตระกูลคาเมอร์ลอฟจริงๆ  ภายในห้องถูกออกแบบให้เหมือนกับบ้านหลังหนึ่ง  ซึ่งเมื่อเข้ามาภายในจะพบกับห้องโถงที่แสนกว้างขวาง  เดินต่อไปอีกก็จะมีห้องครัวและห้องทานอาหารที่กว้างไม่แพ้กัน  อีกมุมหนึ่งจะเป็นห้องน้ำที่สร้างเอาไว้ด้านนอก  และเดินไปอีกหน่อยก็จะเจอห้องนอนขนาดกว้างอีกสามห้องนอน และมีห้องน้ำและห้องแต่งตัวในตัว

    อีวานสำรวจห้องชุดสุดหรูนี่ไปเรื่อยๆ  จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเที่ยงคืนของวัน  มือขาวหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายจากความเหนื่อยล้า

    ใช้เวลาไม่นาน อีวานก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดนอนที่ไมเนอร์ได้ให้แม่บ้านมาเตรียมเอาไว้ให้  ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีที่เช็ดผมแห้งเรียบร้อย  แล้วผลอยหลับไปในที่สุด

    ก็แน่ล่ะ  วันนี้เหนื่อยมากเลยนี่นา

    ...เหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับความเย็นชา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×