ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Thunder and The Wind : The After War [yuri]

    ลำดับตอนที่ #5 : ดวลเดือด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 573
      4
      22 ต.ค. 55




    ในที่สุดวันแห่งการประลองก็มาถึง ยุนบกและอินอุกต่างอยู่ในอาการสงบเหมือนดั่งพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับศึกครั้งนี้ ต่างจากจองฮยางและฮงโดทั้งสองนั้นมีอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด


    “ยูนเจ้าเปลี่ยนใจเถอะนะ ถือว่าข้าขอร้อง” ฮงโดเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาภายในห้องของยุนบก เขาถึงกับคุกเข่าลงต่อหน้าลูกศิษย์


    “อาจารย์! ท่านอย่าทำแบบนี้เลยครับ ท่านก็รู้ว่าข้าตัดสินใจไปแล้ว มันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว” ยุนบกรีบเข้าไปประคองอาจารย์ของตนหากแต่เขาไม่ยินยอม


    “ได้ซิ ทำไมจะไม่ได้ แค่เจ้าไม่ไปประลองก็พอ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนไปคุยกับคุณชายฮงให้เอง นะ?” ฮงโดกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะคิดว่ายุนบกยอมคล้อยตามแล้ว เมื่อยุนบกได้ยินที่อาจารย์พูดดังกล่าวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ


    “ข้าขอโทษนะครับอาจารย์” ยุนบกกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง ฮงโดจึงรีบเข้าไปขวางประตูไว้ทันที


    “ข้าไม่ให้เจ้าไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าไปเป็นอันขาด” ฮงโดประกาศกร้าว ยุนบกได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา


    “อาจารย์ครับ ถ้าท่านตายแล้วข้าจะอยู่ยังไงละครับ ท่านอย่าพูดอะไรแบบนี้เลยนะครับ” ยุนบกกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มเพื่อระงับอารมณ์ของอาจารย์


    “แล้วเจ้าคิดบ้างไหมว่าข้าจะอยู่ได้ยังไง หากว่าเจ้าตาย” ฮงโดกล่าว


    “ข้าไม่ตายหรอกครับ นี่เป็นแค่การประลองธรรมดา ข้าไม่ได้จะไปออกรบเสียหน่อย อย่างมากก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย” ยุนบกกล่าวบ่นขบขันที่อาจารย์ของตนคิดมากถึงเพียงนี้


    “ที่ข้าหมายถึงตายนะ ไม่ใช่ชีวิตของเจ้าหรอก แต่หมายถึง....หัวใจของเจ้าต่างหาก เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าจะชนะ?” ฮงโดถามพลางมองหน้าศิษย์รักด้วยความเป็นห่วง หากแต่ยุนบกไม่ตอบอันใด ก่อนจะเดินผ่านร่างของฮงโดไป


    “เจ้าจะชนะจริงๆรึ เจ้าจะชนะด้วยวิธีนี้ได้ยังงั้นหรือ? ยูน” ฮงโดกล่าวกับตัวเองพลางมองร่างศิษย์รักเดินจากไป


    ขณะเดียวกันอินอุกกำลังเดินมายังลานประลอง ระหว่างทางเขาพบเข้ากับจองฮยางที่มายืนรอเขาอยู่นานแล้ว


    “แม่นางจองฮยาง? เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึ?” เขาถามขึ้น


    “ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดยกเลิกการประลองนี้เถอะค่ะ” นางคุกเข่าลงอ้อนวอนเขาทันที อินอุกถึงกับตั้งตัวไม่ทัน


    “แม่นางจองฮยาง! ลุกขึ้นเถอะ” เขารีบเข้าไปประคองนางทันทีหากแต่นางไม่ยอม


    “ข้าจะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้นหากท่านไม่ล้มเลิกการประลองนี้” นางกล่าวพร้อมจ้องมองเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว อินอุกอึ้งไปชั่วขณะด้วยจนปัญญาที่จะต่อรองกับสตรีใจเพชรเยี่ยงนาง แต่ก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจอะไรยุนบกก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน เขามองภาพที่อินอุกเข้าไปแตะเนื้อต้องตัวจองฮยางด้วยสายตาเคืองขุ่น มันเรื่องอะไรกันที่นางยอมให้ชายอื่นทำลุ่มล่ามกับนางได้ ยิ่งคิดยุนบกก็ยิ่งอารมณ์คุกรุ่น


    “หากข้าไปถึงลานประลองแล้วยังไม่เห็นเจ้าละก็ ข้าจะมาลากคอเจ้าไปด้วยตนเอง” ยุนบกกล่าวก่อนจะเดินตรงไปยังลานประลอง คำพูดของยุนบกสร้างความขุ่นใจให้อินอุกยิ่งนัก เขาจึงรีบเดินตามไปในทันที จองฮยางได้แต่มองทั้งสองเดินไปยังลานประลองด้วยความหวาดหวั่น


    ณ ลานของร้าน เสน่ห์จันทราที่เคยมีโต๊ะเรียงราย บัดนี้ถูกจัดเตรียมให้เป็นลานประลองฝีมือเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านและเหล่าลูกน้องของฟ้าคำรามที่รู้เรื่องการประลองต่างมารอดูกันอย่างคับคั่ง


    “เอาล่ะๆ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายก็มากันพร้อมแล้ว ข้าในฐานะผู้ตัดสิน ก็จะขอบอกกฎกติกาละนะ ให้พวกเจ้าทั้งสองสู้กันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถสู้ต่อไปได้อีกหรือยอมแพ้เองโดยสมัครใจ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามายุ่งกับการประลองนี้เป็นอันขาด หากมีผู้ใดคิดที่จะขัดขวางหรือช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้าคนนี้จะเป็นคู่มือให้กับมันเอง เอาล่ะ.........เริ่มได้!” สิ้นเสียงของฟ้าคำรามยุนบกและอินอุกต่างก็เดินเข้ามาในวงล้อมของการประลอง ทั้งสองต่างมองกันด้วยสายตามุ่งมั่นในมือนั้นถือกระบองเป็นอาวุธ ก่อนที่อินอุกจะเป็นฝ่ายเข้าโจมตีก่อน เขาสาวเท้าเข้าหายุนบกอย่างเร็วพร้อมๆกับฟาดกระบองใส่ศีรษะยุนบกเต็มแรง หากแต่ยุนบกมองการเคลื่อนไหวของเขาออกจึงใช้กระบองของตนป้องกันการจู่โจมนั้นได้ และสวนกลับด้วยการถีบเข้ากลางท้องของอินอุก เขาถึงกับถอยกรูและยืนตัวง้อด้วยความจุก ยุนบกเห็นเป็นโอกาสจึงเข้าโจมตีต่อ อินอุกที่ไม่ได้ตั้งตัวรีบยกกระบองของตนป้องกันแต่ก็ช้าเกินไปจึงทำให้ตัวเองล้มลงตามแรงกระบองของยุนบก ร่างอินอุกนอนแอ่งแม้งอยู่กลางลาน ยุนบกก้มมองร่างนั้นด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเป็นการเย้ยหยั้น นั่นทำให้อินอุกเลือดขึ้นหน้าเขารีบลุกขึ้นและเข้ามาฟาดกระบองใส่ยุนบกไม่ยั้งหากแต่มันไม่เป็นผล ยุนบกรับการจู่โจมของเขาได้อย่างสบาย ยิ่งทำให้อินอุกโมโหเข้าไปใหญ่ เขาจึงระดมฟาดเข้าไปเต็มแรงจนตนเองเหนื่อยหอบ เขาจึงหยุดยืนหอบด้วยท่าทางอิดโรยเพราะตนไม่เคยต่อสู้หรือต้องตกระกำลำบากมาก่อน การต้องใช้แรงมากเช่นนี้จึงทำให้คุณชายอย่างเขาแทบยืนไม่อยู่ ยุนบกมองท่าทางนั้นของคู่ต่อสู้ก่อนจะเผยยิ้มที่มุมปาก อินอุกเห็นดังนั้นก็ยิ่งเดือดดาลเขาหมายจะเข้าโจมตี แต่ยุนบกที่ไวกว่ากลับฟาดกระบองใส่ท้องเขาเต็มแรง อินอุกถึงกับตัวงอก่อนจะโดนยุนบกฟาดกระบองใส่ศีรษะอีกที ร่างอินอุกล้มทั้งยืน เลือดแดงฉานไหลออกกมาตามรอยแผลบนศีรษะ สติของอินอุกเริ่มลางเลือนหากแต่เจ้าตัวก็ยังฝืนลุกขึ้น ยุนบกจึงตัดสินใจจะจบการประลองนี้ด้วยไม้สุดท้าย เขาตั้งใจจะฟาดใส่ศีรษะอินอุกอีกครั้ง


    “หยุดนะ!” เสียงจองฮยางดังขึ้น ยุนบกจึงหยุดชะงักทันทีที่ได้ยิน


    “ได้โปรดเถอะช่างเขียน พอแล้ว พอแล้ว” จองฮยางวิงวอน ยุนบกกัดกรามแน่น น้ำเสียงที่สื่อความห่วงใยนั้นทำให้ยุนบกแทบคลั่ง หากแต่มันคือคำขอจากคนที่เขารัก เขาจึงไม่มีทางเลือก ยุนบกตัดสินใจหันหลังและจะเดินจากไป


    “เจ้าไม่มีวันชนะข้าได้” อินอุกเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา แต่มันดังพอที่ยุนบกจะได้ยินนั่นทำให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงหันกลับไปและฟาดกระบองใส่ร่างอินอุกล้มลงไปทันที จองฮยางมองภาพนั้นด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนที่ยุนบกจะซ้ำเข้าไปอีกทีฟ้าคำรามก็เข้ามาขว้าข้อมือเขาไว้เสียก่อน


    “เจ้าชนะแล้ว ยุนบก” ฟ้าคำรามเอ่ย ในขณะที่จองฮยางวิ่งเข้ามาหาร่างของอินอุก นางประคองร่างไร้สติของเขาด้วยความเป็นห่วง ยุนบกมองภาพนั้นอย่างเจ็บช้ำ นี่เขาชนะไม่ใช่หรือ? ทำไมผลมันถึงเป็นแบบนี้? จองฮยางหันมามองเขาด้วยสายตาผิดหวังและตำหนิ ยุนบกถึงกับเบือนหน้าหนี เขาปล่อยกระบองในมือลงก่อนจะเดินจากไปดั่งผู้ปราชัย


    “โฮ่...ได้มาเจอเรื่องน่าสนใจเสียแล้วซิ เจ้าฟ้าคำรามนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องวุ่นๆได้เสมอ ว่าแต่จะไม่เข้าไปเขาหน่อยหรือ?” ชายท่าทางภูมิฐานผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นกับชายอีกคนที่มาพร้อมตน


    “ข้าว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่าครับ หากมีใครจำเราได้มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่” ชายอีกคนซึ่งเป็นผู้ติดตามตอบด้วยความอ่อนน้อม


    “นั่นซินะ น่าเสียดาย รอข้าหน่อยนะฟ้าคำราม คราวหน้าเราจะได้ตัดสินกันเสียที” ชายท่าทางภูมิฐานกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินจากไป โดยมีสายตาของผู้ติดตามมองไปยังร่างไร้สติของอินอุกด้วยความเป็นห่วง


    หลายวันผ่านไปจองฮยางเฝ้าดูแลอินอุกจนอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยมีสายตาปวดร้าวของยุนบกเฝ้ามองอยู่ห่างๆ นับแต่วันนั้นจองฮยางก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา นางเฉยชาและหลีกเลี่ยงเขาอยู่เสมอ แม้ต้องพบกันโดยบังเอิญนางก็จะเมินหน้าหนีและรีบเดินจากไป ทุกการกระทำที่นางปฏิบัติต่อเขาทำให้หัวใจของเขายิ่งเจ็บช้ำ


    “อาจารย์ ข้าควรจะทำอย่างไรดี ข้า...ข้าเจ็บเหลือเกิน” ยุนบกกล่าวอย่างเจ็บปวดด้วยใบหน้านองน้ำตา ฮงโดมองท่าทางทุกข์ทรมานของศิษย์รักแล้วก็รู้สึกปวดร้าวไม่แพ้กัน หากแต่เขาคงทำได้เพียงปลอมประโลมด้วยอ้อมกอดนี้เท่านั้น เขาจึงเข้าไปกอดยุนบกไว้


    “เด็กโง่ ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้านี่มันโง่จริงๆ” เขากล่าวและลูบศีรษะลูกศิษย์ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะช่วยคนที่เป็นดั่งสิ่งล้ำค่าในชีวิตเขาอย่างไรดี ภาพศิษย์และอาจารย์ที่กำลังกอดกันกลมนั้นถูกจับจ้องโดยสายตาสตรีนางหนึ่ง หากเป็นแต่ก่อนนางคงได้ปล่อยโฮไปแล้ว แต่บัดนี้หัวใจของนางมันได้เปลี่ยนจากก้อนเนื้อเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว ภาพบาดตาจึงไม่สามารถทำร้ายหัวใจนางได้อีก รวมถึงเขาคนนั้น คนที่นางเคยรักจนหมดใจ

    “พอกันที” เสียงนี้ดังก้องอยู่ในใจนาง ก่อนที่นางจะเดินจากไปอย่างสงบ


    เช้าวันต่อมาฮงโดตรงไปหาอินอุกแต่เช้าถึงในห้อง


    “โอ้ท่านทันวอน ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมข้า” อินอุกกล่าวขอบคุณด้วยความนอบน้อม


    “ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” ฮงโดไม่รอช้ารีบพูดเข้าประเด็น


    “.....เรื่องอะไรรึครับ?” อินอุกถามด้วยความสงสัย


    “การที่ข้ามาที่มาโปนี้นั้น จริงอยู่ว่ามาตามรับสั่งของฝ่าบาทเพื่อจับกุมขุนนางชั่ว หากแต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าได้รับมอบหมายมา นั่นก็คือ การพาท่านกลับฮันฮยาง และข้าคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” ฮงโดกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง อินอุกที่ได้ยินก็ถึงกับทำหน้าเครียด


    “ก็แค่นี้ละ ข้าขอตัวก่อนละนะ” ฮงโดกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง


    “ข้า......ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” อินอุกเอ่ยขึ้น ทำให้ฮงโดหยุดฝีเท้าและหันกลับมามองเขา


    “ท่านแน่ใจหรือว่าจะยอมทิ้งอนาคตและความสุขสบายเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว” ฮงโดกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะก่อนจะเดินจากไป เหลือเพียงอินอุกที่เฝ้าครุ่นคิดถึงคำพูดที่ฮงโดทิ้งเอาไว้ แน่นอนเขาไม่พร้อมที่จะทิ้งอนาคตอันสดใสของเขา ซึ่งคนอย่างเขาสามารถเป็นได้ถึงช่างเขียนหลวง และความสุขสบายที่เขาเคยชิน เช่นนั้นแล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี เพราะเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งผู้หญิงที่เขารักได้เช่นกัน


    คืนวันนั้นขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารร่วมกันอยู่ อินอุกซึ่งน่าจะนอนพักอยู่ที่ห้องของตนก็ปรากฏตัวขึ้น


    “คุณชายฮง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ท่านต้องการสิ่งใดหรือค่ะ?” จองฮยางกล่าวด้วยความตกใจก่อนจะรีบเข้าไปประคองร่างอินอุกให้นั่งลงช้าๆ


    “แม่นางจองฮยาง ได้โปรดแต่งงานกับข้าเถอะ ข้าสัญญาข้าจะดูแลท่านอย่างดี ได้โปรดกลับไปฮันฮยางกับข้าเถอะ” อินอุกเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทุกคนที่ได้ยินต่างตกอยู่ในอาการอึ้งกิมกี่ รวมถึงตัวจองฮยางเองด้วย นางตั้งตัวแทบไม่ทันได้แต่นิ่งงันไป


    “เจ้าไม่ต้องตอบข้าตอนนี้หรอก ข้ารอได้ เอาล่ะพวกท่านทานกันต่อเถอะนะ ข้าขอตัวละ” อินอุกกล่าวก่อนจะลุกขึ้นโดยมีจองฮยางช่วยพยุง


    “ไม่เป็นไรข้ากลับเองได้ เจ้าทานต่อเถอะ” อินอุกบอกนางก่อนจะเดินจากไป ทุกคนในวงอาหารต่างยังตกอยู่ในอาการอึ้ง ก่อนที่ยุนบกจะลุกขึ้นพรวดพราดและวิ่งออกจากห้องไป เขารีบวิ่งตรงไปยังร่างของอินอุก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเขาก็เข้าไปขวางทันที


    “เจ้าคนสับปลับ ไหนเจ้าว่าคนแพ้ต้องปล่อยมือจากนางยังไงละ” ยุนบกเอ่ยขึ้นอย่างเอาเรื่อง


    “ถูกต้อง” อินอุกตอบหน้าตาย


    “เจ้า! ก็ในเมื่อข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าก็ต้องปล่อยมือจากนางซิ” ยุนบกรู้สึกฉุนเฉียวกับท่าทางของอีกคนยิ่งนัก


    “ฮึ...เจ้าชนะแล้วยังไงละ ในเมื่อตอนนี้นางไม่แม้แต่จะมองหน้าเจ้าด้วยซ้ำ” อินอุกพูดยิ้มเยาะ


    “นี่เจ้า! นี่เป็นแผนการของเจ้าใช่ไหม เจ้านี่มันขี้โกงที่สุด เจ้าคนทุเรศ!” ยุนบกด่าด้วยความเหลืออด


    “ขี้โกงหรอ....ไม่มีคำว่าขี้โกงในการศึกและความรักหรอกนะ เพราะมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ทุกอย่าง ส่วนผู้แพ้ก็เป็นได้แค่....ไอ้หน้าโง่!” อินอุกพูดเยาะเย้ยด้วยใบหน้าสะใจ


    “เจ้า!” ยุนบกเหลืออดจึงหมายจะเข้าไปทำร้ายอินอุก


    “หยุดนะ!” เสียงจองฮยางร้องห้ามขึ้น


    “ช่างเขียน ท่านเลิกทำนิสัยอันธพาลแบบนี้เสียทีเถอะ.........คุณชายฮงท่านไม่เป็นอะไรนะค่ะ มาค่ะข้าจะพาท่านไปส่งที่ห้อง” นางกล่าวตำหนิยุนบกก่อนจะช่วยประคองร่างอินอุกเดินไป โดยอินอุกยังแอบหันมายิ้มเยาะใส่ยุนบกก่อนจาก ทำให้เขาแทบอยากจะเข้าไปฆ่าอินอุกให้รู้แล้วรู้รอด หากแต่ก็เกรงว่าจะทำให้จองฮยางเกลียดเขาไปมากกว่านี้


    ยุนบกยืนรอจองฮยางอยู่ตรงทางเดินอยู่นานกว่าที่ร่างบางของนางจะปรากฏ เขาจึงทำใจกล้าเดินเข้าไปหานาง หากแต่นางกลับแสดงอาการไม่ยินดีอย่างเห็นได้ชัด


    “ท่านต้องการอะไร?” นางกล่าวเสียงเข้ม จนเขาแทบอยากจะถอดใจ


    “เจ้า...เจ้าจะไปฮันฮยางจริงรึ?” ยุนบกกลั้นใจถามออกไป


    “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบท่าน” นางตอบตัดรอนก่อนจะรีบเดินหนี แต่ยุนบกรั้งข้อมือนางไว้ไม่ให้เดินหนีไปได้


    “นี่ปล่อยข้านะ ท่านจะใช้กำลังกับข้าด้วยอย่างงั้นหรือ?” นางถามขึ้น ยุนบกแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน


    “ข้า....ข้าไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้น เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าข้าเป็นคนยังไง” ยุนบกตอบเสียงสั่น


    “ตอนนี้ข้าไม่รู้อะไรอีกแล้ว เพราะท่าน...ไม่ใช่ช่างเขียนของข้าอีกต่อไปแล้ว” นางตอบ นั่นทำให้ยุนบกกระจ่างแก่ใจว่านางหมดรักในตัวเขาแล้ว


    “อย่างงั้นรึ” เขาตอบอย่างเข้าใจ หากแต่กลับบีบข้อมือนางแรงขึ้นเสียจนร่างบางร้องออกมาด้วยความเจ็บ


    “แต่ต่อให้เจ้าเกลียดข้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปให้ใครเป็นอันขาด” ยุนบกกล่าวกร้าวพร้อมน้ำใสที่คลออยู่ในดวงตาแดงฉาน ภาพนั้นสะเทือนใจนางยิ่งนัก หากแต่ด้วยท่าทางขึงขังของเขาทำให้นางกลัว นางจึงพยายามชักข้อมือกลับก่อนจะรีบเดินหนีไปทันที เหลือเพียงยุนบกที่ยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×