ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ยุทธวิธี
เมื่อได้ข้อสรุปในการตัดสินใจของจองฮยางแล้ว อินอุกก็จัดเตรียมข้าวของของตนเพื่อเดินทางกลับฮันฮยางในวันพรุ่งนี้
“ท่าน ทันวอน ท่านช่วยกลับไปเป็นเพื่อนคุณชายฮงหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องที่ต้องให้ท่านทำ” พระเจ้าจองโจซึ่งตอนนี้ได้ถูกเชิญให้เข้ามาประทับในเรือนของฟ้าคำรามด้วย ความไม่เต็มใจนักของเจ้าบ้านเอ่ยขึ้นกับฮงโด
“หม่อนฉันรึพระยะค่ะ” ฮงโดตอบอย่างไม่มั่นใจ
“ใช่ ข้าอยากจะอยู่ที่มาโปนี่อีกสักระยะหนึ่ง และจำเป็นต้องให้ใต้เท้าฮงอยู่ด้วย ข้าจึงอยากที่จะได้คนที่ไว้ใจได้ฝากดูแลเรื่องในวังแทนข้าและท่านเองก็เป็น คนที่ข้าไว้วางใจ” พระองค์อธิบาย
“หม่อนฉันมิบังอาจ คนต้อยต่ำอย่างหม่อนฉันคงไม่สามารถ...” ฮงโดรีบท้วงขึ้น
“ไม่ จริงหรอก ท่านเป็นขุนนางที่ตรงฉินอีกทั้งยังมีศักยภาพในหลายด้าน ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถทำได้ ยังไงก็ฝากด้วยนะท่านทันวอน” หากแต่ฝ่าบาทยืนยันที่จะให้เขารับหน้าที่ ฮงโดจึงต้องรับพระบัญชาอย่างจำใจ ทั้งที่ตนยังไม่อยากไปจากมาโป
“ฮึ..ใช้อำนาจบาดใหญ่” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นด้วยความหมันไส้ นั่นทำให้ใต้เท้าฮงถึงกับเดือดดาล
“เจ้าคนสามห้าว กล้าหมิ่นพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์เชียวรึ!” ใต้เท้าฮงกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
“เอาน่าๆ มันก็เป็นเรื่องจริง” พระเจ้าจองโจตรัส
“ฝ่าบาท!” ใต้เท้าฮงรีบท้วงขึ้น
“เพราะ งั้น ข้าจะขอใช้อำนาจบาดใหญ่ของข้า บังคับให้เจ้าต้อนรับข้าในฐานะเจ้าบ้านที่ดี เพราะข้าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานเชียวละ” ทรงเฉลยให้ทุกคนอ้าปากค้าง
ตกดึกคืนนั้นฮงโดไปหายุนบกที่ห้อง
“อาจารย์ ท่านมีอะไรหรือครับ?” ยุนบกถามขณะเปิดประตูออกมา
“ในเมื่อข้าต้องไปจากมาโปแล้ว ข้าก็อยากที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้” ฮงโดเอ่ยพร้อมกับผลักร่างยุนบกเข้าไปในห้อง
“อา..อาจารย์ท่านจะทำอะไรครับเนี่ย?” ยุนบกถามด้วยความสงสัย
“มา เขียนภาพกันเถอะ!” ฮงโดเฉลย เมื่อได้ยินดังนั้นยุนบกก็เผยยิ้มออกมาและพยักหน้าเป็นการตอบรับ จากนั้นศิษย์และอาจารย์ก็ร่วมกันเขียนภาพแห่งความทรงจำของพวกเขาขึ้น นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้ มันเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีต
เมื่อ รุ่งอรุณมาเยือนภาพเขียนก็เสร็จสมบูรณ์ ยุนบกและฮงโดนั่งมองภาพนั้นด้วยความพอใจ เขาทั้งคู่ต่างหมดแรงไปกับการเขียนภาพนี้ หากแต่เมื่อได้เห็นผลสำเร็จของมันก็ทำให้พวกเขาหายเหนื่อย
“เจ้าเก็บมันเอาไว้เถอะนะ” ฮงโดเอ่ยขึ้น
“เอ๋ ข้าหรือครับ? ข้าคิดว่าท่านจะเอามันกลับไปฮันฮยางซะอีก” ยุนบกถามด้วยความแปลกใจ
“ข้า มีภาพของเจ้าแล้วนี่ และข้าก็อยากให้เจ้าเก็บความทรงจำของเราติดตัวเจ้าไว้ เจ้าจะได้ไม่ลืมว่า...ข้าเป็นใคร” ฮงโดกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“พูด อะไรอย่างนั้นละครับ ต่อให้ไม่มีภาพนี้ข้าก็ไม่มีวันลืมท่านหรอกครับ อาจารย์” ยุนบกตอบด้วยความจริงใจ ฮงโดจึงยิ้มรับกับคำพูดนั้นและสวมกอดศิษย์รักสุดดวงใจ
“เอาล่ะ พวกเจ้าพร้อมเดินทางแล้วนะ” พระเจ้าจองโจตรัสขณะออกมาส่งฮงโดและอินอุกหน้าบ้าน ทั้งสองจึงคุกเข่าลงทำความเคารพ
“ขอ ให้พวกเจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพและปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดนะ” พระองค์อวยพร ทั้งสองจึงโค้งรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะกระโดดขึ้นม้าของตน อินอุกหันมามองจองฮยาง สตรีที่ตราตรึงในใจเขาด้วยความอาลัย เช่นเดียวกับฮงโดที่หันมามองลูกศิษย์อย่างอาลัยรัก ยุนบกยิ้มรับและโค้งส่งผู้เป็นอาจารย์ ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มของเขา เขายืนมองจนม้าของทั้งสองหายไปลับตา จึงได้เดินเข้าประตูบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าจองฮยางเฝ้ามองท่าทีของเขาด้วยความรู้สึกเช่นไร
“ทำไมท่านไม่ตามเขาไปเสียเลยล่ะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะเดินหน้านิ่วจากไป ยุนบกได้แต่มองตามด้วยความงุนงง
“นี่นางโมโหอะไรข้ากันเนี่ย?” ยุนบกเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา
“นั่นคืออาการหึงหวงนะซิ” ฟ้าคำรามบอกพร้อมเข้ามากอดคอน้องรัก
“หะ..หึง?!” ยุนบกอุทานด้วยความแปลกใจ
“ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีนะ แสดงว่านางยังมีใจให้เจ้าอยู่” ฟ้าคำรามเสริม
“ท่านคิดอย่างงั้นหรือครับ ทั้งที่นางตัดรอนข้าอย่างไม่เหลือเยื่อใย” ยุนบกกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“โธ่ เอ้ย แค่โดนปฏิเสธครั้งสองครั้ง เจ้าก็ถึงกับถอดใจแล้วหรือนี่ จำเอาไว้ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก” ฟ้าคำรามกล่าว หากแต่ยุนบกไม่ค่อยอยากจะเชื่อในน้ำคำของเขานัก
“โฮ่ แต่บางทีผู้หญิงก็ด่าเพราะเกลียดจริงๆนะ” พระเจ้าจองโจที่ยืนมองทั้งสองอยู่นานตรัสแทรกขึ้น
“นี่....มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำซิ” ฟ้าคำรามเอ็ดใส่พระองค์
“บังอาจเจ้าคนสามห้าว กล้ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์หรือนี่!” ใต้ฮงกล่าวอย่างฉุนเฉียว
“นั่น สิ ข้าไม่อยากโดนคนอย่างเจ้าว่าหรอกนะฟ้าคำราม อีกอย่างข้าก็พายมาจนเกือบจะถึงฝั่งอยู่แล้ว เหลือแค่เพียงน้องของเจ้าจะกล้าโดดขึ้นฝั่งไหมเท่านั้น” พระองค์สวนกลับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเสด็จเข้าเรือน ฟ้าคำรามได้แต่มองตามอย่างขัดอารมณ์
คืนวันนั้นฟ้าคำรามลากยุนบกไปยังร้านเหล้าเจ้าประจำกลางตลาด พร้อมด้วยชิลลูกน้องคนสนิทที่ต้องตามมาอย่างจำใจ
“ข้าว่าถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเอาจริงแล้ว” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นพลางกระดกเหล้า
“เอาจริง?” ยุนบกเอ่ยด้วยความสงสัย
“ใช่! เจ้าเห็นนั่นไหม ดวงจันทร์ที่งดงามบนท้องฟ้า” ฟ้าคำรามชี้ไปที่ดวงจันทร์ ยุนบกจึงเงยหน้ามองตามมือ
“จัน ทรานั้นมีเพียงหนึ่ง มิได้ดาษดื่นเหมือนดวงดาวมากมาย หากนางเป็นดั่งจันทราของเจ้า จงเอื้อมไปให้สุดมือและคว้านางมาไว้ในหัวใจ” ฟ้าคำรามทำท่าประกอบเอื้อมมือไปคว้าดวงจันทร์มาแนบอกตัวเอง แม้ยุนบกจะไม่ค่อยเข้าใจว่าพี่ของตนทำอะไร แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ฟ้าคำรามคว้าดวงจันทร์ของเขาไปแนบอก เขาจึงดึงมือฟ้าคำรามและแย่งเอาดวงจันทร์มาไว้กับตน
“ข้าเข้าใจแล้ว” ยุนบกกล่าว ฟ้าคำรามได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่ชิลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความบ้าของพี่น้องคู่นี้
“เอาล่ะเรามาเริ่มแผนแรกกันเลย” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้น
“เอ๊ะ? ผะ..แผน? แล้วข้าต้องทำยังไงหรือครับ?” ยุนบกถามด้วยความฉงน
“ฮ่าๆๆ ง่ายมาก สตรีทุกนางนั้นย่อมอ่อนระทวยเมื่อพานพบกับยอดชายอาชา” ฟ้าคำรามตอบหากแต่นั่นไม่ได้ทำให้ยุนบกเข้าใจขึ้นเลย
“ยอดชายอาชา?” ยุนบกเอ่ยด้วยความสงสัย
“ข้า และชิลจะช่วยเจ้าเองน้องชาย!” ฟ้าคำรามกล่าวก่อนจะตบไปที่ไหล่ยุนบกด้วยความพอใจและกระดกเหล้าเข้าปาก ในขณะที่ชิลได้แต่นั่งถอนหายใจที่จู่ๆก็โดนลากมาร่วมวง
แผนที่ 1 ยอดชายอาชา
ขณะที่จองฮยางกำลังเดินไปซักผ้าที่น้ำตกระหว่างทางนางพบกับชายฉกรรย์สองคน พวกเขาอำพรางใบหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำ
“พวกท่านเป็นใคร? ต้องการอะไร?” จองฮยางถามหากแต่พวกเขาไม่ตอบ และตรงเข้ามาจับตัวนางไว้
“กรี๊ด! ปล่อยนะ พวกท่านต้องการอะไร?” จองฮยางร้องด้วยความตกใจ
“หยุด นะเจ้าโจรใจทราม ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ยุนบกปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวกับโจรอย่างห้าวหาญ ทันใดนั้นโจรคนหนึ่งก็ตรงเข้าไปทำร้ายเขาทันที แต่ด้วยฝีมือของยุนบกจึงทำให้สามารถต่อกรกับมันได้อย่างสูสี ก่อนที่เขาจะได้ทีต่อยเข้าไปที่ท้องของมันเต็มแรงจนล้มทั้งยืน ยุนบกผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายล้มลง แต่โจรก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์มันลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คราวนี้มันตรงเข้าคลุกวงใน
“เจ้าบ้าเบามือหน่อยได้ไหม จะฆ่าข้าหรือไง?” โจรกระซิบบอกกับยุนบก
“ข้า ขอโทษครับพี่” ยุนบกจึงกระซิบตอบ ก่อนจะทำท่าต่อยไปที่หน้าโจร นั่นทำให้จองฮยางจับอาการแปลกๆของคนทั้งคู่ได้ นางจึงฉวยโอกาสในขณะที่โจรอีกคนเผลอดิ้นหลุดจนมือนางเป็นอิสระ จากนั้นนางก็กระชากผ้าคลุมหน้าของโจรออก ก็พบว่าโจรที่จับนางคือชิลนั่นเอง
“นี่ พวกท่านเล่นอะไรกันค่ะเนี่ย?” นางถามด้วนน้ำเสียงเอาเรื่อง ทำให้ยุนบกและโจรที่กำลังต่อสู้อยู่รู้ว่าแผนแตกเสียแล้ว นางจึงเดินตรงไปยังโจรอีกคนหนึ่งและดึงผ้าคลุมหน้าออกเช่นกัน จึงรู้ว่าอีกคนคือฟ้าคำรามนั่นเอง
“พวกท่านว่างกันนักหรือค่ะ?” จองฮยางกล่าวเสียงเข้มพร้อมจ้องเขม็งไปที่ยุนบก ก่อนจะเดินจากไปอย่างโกรธเคือง บุรุษทั้งสามได้แต่ยืนหน้าจ้อย แผนที่ 1 จึงล้มไม่เป็นท่า
“เอาน่าๆ ลูกผู้ชายล้มร้อยครั้งก็ต้องลุกร้อยครั้ง ในเมื่อยอดชายอาชาไม่สามารถเอาชนะใจนางได้ งั้นต้องใช้กลยุทธ์ขั้นสูง” ฟ้าคำรามปลอบใจน้องชายก่อนจะเสนอแผนต่อไป ยุนบกและชิลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความหนาของหน้าเขา
“แล้วกลยุทธ์ขั้นสูงของท่านมันคืออะไรกันล่ะ?” แม้จะไม่อยากรู้แต่ยุนบกก็จำใจถาม ฟ้าคำรามจึงแสยะยิ้ม
“บุรุษเจ้าสำราญ” ฟ้าคำรามเฉลย
แผนที่ 2 บุรุษเจ้าสำราญ
ขณะที่จองฮยางกำลังเดินชมตลาดอยู่นั้น นางได้เดินผ่านร้านขายผ้าแพรร้านหนึ่ง นางหยุดดูอย่างสนใจ
“แพร พรรณนวลเนื้อผืนเรียบ มิอาจเทียบเทียมโฉมนาง” ยุนบกในชุดขาวดูสง่าราวชนชั้นสูง กล่าวพร้อมกางพัดในมือออก และส่งยิ้มที่คิดว่าทรงเสน่ห์ให้กับนาง จองฮยางมองเขาด้วยความแปลกใจก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอา
“ฟังหูไว้หูดูเป็นกลาง คำพูดนั้นยังห่างการกระทำ” นางตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ยุนบกถึงกับหน้าจ้อย
“คน จริงจริงใจในทุกคำ ใช่พูดพร่ำเพียงเพื่อแค่เกี้ยวพา” เขายังทำใจดีสู้เสื้อต่อกลอนนางกลับ นั่นทำให้นางถึงกับหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ยุนบกสะดุ้งโหยงเมื่อถูกสายตานางจ้องมอง
“คำพูดของท่านมันเชื่อไม่ ได้อีกแล้ว ข้าจะไม่มีวันหลงคารมคนอย่างท่านอีก!” นางกล่าวก่อนจะเดินจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ยุนบกได้แต่มองตามคอตก แผนที่2 ก็ไม่เป็นผลอีกตามเคย
“เอาน่าๆ อย่างที่เขาว่าไว้ละนะ ความรักนะมันยากกว่าการเขียนภาพ” ฟ้าคำรามปลอบใจผู้เป็นน้อง
“ใครกล่าวเช่นนั้นกัน ข้าไม่เคยได้ยิน” ชิลแทรกขึ้นด้วยความสงสัย ฟ้าคำรามจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาไม่ให้ขัดจังหวะ
“ข้าว่าเห็นทีเราคงต้องใช้ไม้ตาย” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้น นั่นทำให้ยุนบกหันมาสนใจได้
“อะไรหรือครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้นด้วยยังแอบหวังอยู่
“พ่อบุญทุ่ม” ฟ้าคำรามเฉลยพร้อมหัวเราะอย่างชอบใจ
แผนที่ 3 (แผนสุดท้าย ไม้ตาย) พ่อบุญทุ่ม
เช้าตรู่อันสดใสจองฮยางเปิดประตูออกมารับอรุณอย่างสำราญใจ นางก็ต้องแปลกใจที่เห็นผ้าแพรกองหนึ่งวางอยู่หน้าห้อง นางจึงก้มลงไปดู
“ข้า เห็นว่าเจ้าจับมันอยู่ที่ตลาด เจ้าคงชอบมันซินะ ข้าก็เลยซื้อมาให้” ยุนบกปรากฏตัวขึ้น จองฮยางได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าเอือมระอาทันที
“ไม่ เป็นไร เสื้อผ้าของข้าก็มีเยอะอยู่ หาได้ต้องการเพิ่มไม่ ท่านเก็บไว้เองเถอะ” นางกล่าวก่อนจะวางมันลงที่เดิม และเดินตรงไปหน้าร้าน ยุนบกเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามนาง
“โอ้...ข้าบังเอิญเจอปิ่นปักผมนี่ที่ตลาด มันเหมาะกับเจ้ามาก” เขากล่าวพร้อมยื่นปิ่นให้นาง
“ขอบ ใจแต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องใส่เครื่องประดับมากมายอีกแล้ว ที่มีอยู่ก็มากพอ หากจะมีมาเพิ่มคงจะเป็นภาระแก่ข้าเปล่าๆ อีกอย่างมันก็ทำให้ข้ารู้สึกไม่ถนัดเวลาทำงาน” นางกล่าวปฏิเสธพร้อมเร่งฝีเท้าหนีเขา แต่ยุนบกก็ยังไม่ลดละ เขาจึงวิ่งตามนางไปอีก ก่อนที่นางจะเดินมาถึงครัวหน้าร้านที่ที่นางทำหน้าที่อยู่ ก็พบเข้ากับดอกไม้มากมายวางเรียงรายอยู่ในนั้น ยุนบกส่งยิ้มให้นาง
“หวังว่าเจ้าคงจะชอบ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่นางกลับชักสีหน้าด้วยความโกรธเกี้ยว
“ท่าน พอสักทีเถอะ การที่ท่านทำเช่นนี้มันเป็นการรบกวน ข้าไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งหรือยินดีแม้แต่น้อย” นางกล่าวอย่างเหลืออด ก่อนจะเดินฝ่าดงดอกไม้เข้าครัวไป แผนที่3 จึงจบลงด้วยความล้มเหลว ยุนบกรู้สึกท้อแท้ใจเป็นที่สุด
“เอาน่ายุนบก ลูกผู้ชายนะ...” ฟ้าคำรามพยายามจะปลอบน้องของตนเหมือนเคยแต่ไม่ทันพูดจบก็โดนยุนบกสวนขึ้น
“พอ ทีเถอะ แผนของท่านมันไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก ข้าไม่มีวันเอาชนะใจนางได้อีกแล้ว” ยุนบกกล่าวอย่างสิ้นหวัง ชิลที่นิ่งฟังอยู่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเขา
“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เสมอยุนบก ในเมื่อแผนการต่างๆไม่สามารถเอาชนะใจนางได้ ทำไมเจ้าไม่เลิกใช้แผนโง่ๆพวกนั้นและเปลี่ยนมาใช้หัวใจของเจ้าล่ะ” ชิลกล่าวขึ้นพร้อมจับไปที่ไหล่ของยุนบก นั่นทำให้ยุนบกที่กำลังนั่งคอตกอยู่เงยหน้ามองบุรุษผู้นี้อย่างเลื่อมใส
“จง ทำในแบบของเจ้า ใช้หัวใจของเจ้าทำให้นางประจักษ์ในรักแท้” ชิลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นั่นทำให้ฟ้าคำรามถึงกับอ้าปากค้างที่ลูกน้องตัวโตดั่งหมีกลับมีความลึกซึ้ง ในเรื่องรักได้ถึงเพียงนี้ คำพูดของชิลช่วยทำให้ยุนบกฮึดสู้อีกครั้ง
แผนที่ 4 ซึ่งไม่ใช่แผนแต่เป็นความรักจากหัวใจ
เช้าตรู่วันหนึ่งยุนบกมายืนรอจองฮยางอยู่หน้าประตูอย่างใจจดจ่อ เมื่อนางเปิดประตูออกมาก็ถึงกับแปลกใจที่เห็นเขา
“ท่านมีธุระอะไร?” นางถามด้วยน้ำเสียงไม่ยินดีนัก
“เอ่อ...ขะ ...ข้า...ข้าแค่อยากจะมากล่าวอรุณสวัสดิ์กับเจ้านะ ข้าไปละ” ยุนบกกล่าวจบก็เดินตรงไปหน้าร้าน จองฮยางได้แต่ยืนงุนงงต่อท่าทีของเขา ก่อนจะเดินตามไปช่วยที่หน้าร้านเช่นกัน ยุนบกกลับมาทำหน้าที่บริกรตามเดิมด้วยความแข็งขัน เขาต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและความสดใสเช่นเคย
“โต๊ะสองขอข้าวกับ น้ำแกงสองที่นะ” เขาเดินมาบอกจองฮยางผู้เป็นแม่ครัวด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะเดินไปสั่งเหล้ากับฟ้าคำรามที่ทำหน้าที่อุ่นเหล้าอยู่ จองฮยางรู้สึกแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่ขณะเดียวกันก็โล่งใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ดื่มเหล้าเมามายอีก
“ข้าว กับน้ำแกงโต๊ะสองได้หรือยังจองฮยาง?” ยุนบกเดินมาทวงรายการอาหาร จองฮยางจึงรีบลนลานทำให้ ก่อนที่เขาจะยกไปให้ลูกค้า นางมองท่าทางแข็งขันนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม รอยยิ้มนั้นหาได้พ้นสายตาแหลมคมของพระเจ้าจองโจผู้ปรีชาไม่ พระองค์รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ดีขึ้นของทั้งสอง
“คงถึงเวลาที่ข้าจะออกโรงแล้วกระมัง” พระองค์ตรัสอย่างมีนัยพร้อมแย้มพระสรวล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น