ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Thunder and The Wind : The After War [yuri]

    ลำดับตอนที่ #6 : กองหนุน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 55




    หลังจากโดนจองฮยางตัดรอน ยุนบกก็เอาแต่เมาหัวราน้ำทุกวัน เขาไม่แม้แต่จะไปสอนศิลปะได้แต่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านเหล้าในตลาด ทุกคนต่างเป็นห่วงเขาโดยเฉพาะฮงโด แม้เขาจะไม่สามารถบอกให้ยุนบกหยุดดื่มได้แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ศิษย์รักนั่งดื่มคนเดียว เขาจะมานั่งเป็นเพื่อนยุนบกและคอยแบกร่างที่เมาพับของลูกศิษย์กลับบ้านทุกคืน วันนี้ก็เช่นกัน

    “พอได้แล้วมั้ง ข้าว่าวันนี้เจ้าดื่มมากแล้วนะ” ฮงโดเอ่ยขึ้น หากแต่ยุนบกกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขายังคงกระดกเหล้าเข้าปากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เป็นอาจารย์ถึงกับทอดถอนใจ

    “ท่านครับๆ พี่ฟ้าคำรามให้ข้ามาตามท่านไปพบด่วนครับ” เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาฮงโดอย่างรีบร้อนและบอกกับเขาด้วยเสียงหอบเหนื่อย

    “ท่านฟ้าคำรามรึ? มีเรื่องอะไรด่วนนักหนา?” ฮงโดถามขึ้นด้วยความสงสัย

    “ข้าไม่ทราบครับ เขาบอกแค่ให้ข้ามาตามท่านไปพบด่วน” เด็กชายตอบโดยยังมีอาการหอบอยู่ ฮงโดรู้สึกฉงนหากแต่ก็ต้องไปตามที่เด็กชายบอก

    “ยุนบกเดี๋ยวข้ากลับมานะ เจ้าอย่าไปไหนละ” ฮงโดหันมาบอกกับลูกศิษย์ก่อนจะเดินจากไปอย่างรีบร้อน ไม่นานนักชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาใส่เสื้อผ้าด้วยชุดหรูหราดูภูมิฐานและมีท่าทางงามสง่า

    “โอ้...เจ้าหนุ่มนั่งดื่มคนเดียวแบบนี้ไม่เหงารึ มาเดี๋ยวข้าจะนั่งเป็นเพื่อนเจ้าเอง” เขาเอ่ยขึ้นพลางเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับยุนบก ยุนบกเองรับรู้ถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญจึงเงยหน้าขึ้นมองก็รู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายเหลือเกิน

    “ท่านเป็นใครกัน หน้าคุ้นๆชอบกล” ยุนบกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เนื่องจากฤทธิ์เหล้า หากแต่อีกคนกลับหัวเราะร่า

    “ฮ่าๆๆ คงเพราะข้าหน้าโหลกระมัง ถึงทำให้เจ้าคิดแบบนั้น” เขาตอบ เมื่อได้ฟังคำตอบดังกล่าวยุนบกจึงหมดความสนใจและหันกลับมารินเหล้าดื่มตามเดิม

    “โอ้...อะไรกันที่ทำให้คนหนุ่มอย่างเจ้าต้องดื่มเหล้าเมามายถึงเพียงนี้กันนะ.....คงจะหนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงละซิ” ชายท่าทางภูมิฐานนั้นเอ่ยขึ้นจี้ใจยุนบกยิ่งนัก เขาถึงกับกระแทกจองเหล้ากับโต๊ะอย่างแรง

    “ใจเย็นๆ ข้าไม่ได้จะซ้ำเติมเจ้า เพียงแต่อยากจะช่วยเจ้าเท่านั้น ข้าเข้าใจเจ้าดี ข้าเองก็เป็นบุรุษคนหนึ่งย่อมเคยมีเรื่องทุกข์ใจเพราะสตรีมาก่อน ไหนเจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม” ชายท่าทางภูมิฐานพูดกล่อมจนยุนบกยอมเปิดใจและเล่าความทุกข์ที่เกิดจากปัญหารักสามเศร้าของเขาให้ฟัง

    “ข้ารู้ดีว่าข้าไม่คู่ควรกับนาง แต่ข้า...แต่ข้าก็รักนางไม่แพ้ชายใด ข้าทนไม่ได้ที่นางจะเป็นของคนอื่น” ยุนบกคร่ำครวญ

    “ข้าเข้าใจๆ เอาอย่างนี้ดีไหมล่ะ ให้ข้าช่วยเจ้าดีไหม?” ชายท่าทางภูมิฐานเสนอขึ้น ยุนบกได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้งก่อนจะหัวเราะชอบใจ

    “ฮ่าๆๆ ขอบใจพี่ชาย แต่แค่ท่านรับฟังความทุกข์ของข้า ข้าก็ขอบใจท่านมากแล้ว ข้าขอบใจมากจริงๆ ขอบใจๆๆๆ.....” ยุนบกกล่าวก่อนจะฟุบไปกับโต๊ะ โดยมีสายตาของผู้ร่วมโต๊ะมองเขาอย่างเอ็นดูพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

    ไม่นานนักฮงโดก็กลับมายังร้านเหล้าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหลังจากที่ไปตามคำบอกของเด็กชายคนนั้น หากแต่พอไปพบฟ้าคำรามเขากลับไม่รู้เรื่องดังกล่าว ฮงโดจึงต้องเหนื่อยเดินกลับไปกลับมา

    “ให้ตายเถอะเจ้าเด็กบ้า ถ้าข้าเจอเจ้าอีกนะพ่อจะตีให้ก้นแตกเลย” ฮงโดกล่าวอย่างอาฆาต ก่อนจะหันไปมองร่างของลูกศิษย์ที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

    ”ยุนบกเอ้ยกลับกันเถอะ” เขาเอ่ยก่อนจะเข้าไปแบกร่างยุนบกขึ้นบ่าและพากลับเสน่ห์จันทรา

    วันต่อมาเสน่ห์จันทรายังคร่าคร่ำไปด้วยลูกค้าเหมือนเดิม หากแต่คนเมาค้างอย่างยุนบกยังนอนไม่ตื่น เลยมีเพียงอินอุกที่มาทำหน้าที่บริกร แต่นั่นกลับทำให้อินอุกสุขใจกว่าเสียอีกเพราะไม่มีมารหัวใจมาทำให้รำคาญตา เมื่อเข้าช่วงสายก็ถึงเวลาปิดร้าน แต่กลับมีชายคนหนึ่งเดินเข้าร้านมา อินอุกที่กำลังเช็ดถูโต๊ะอยู่จึงเงยหน้าขึ้นบอก

    “ขอโทษครับ ร้านปิดละ.....” เขาถึงกับอึ้งเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเป็นใคร

    “ท่าน....ท่านพ่อ!” เขาอุทานด้วยความตกใจ

    “นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้าไม่อยากกลับฮันฮยางรึ?” ฮง กุกยอง หรือบิดาของอินอุกเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากแต่สร้างความกดดันให้ผู้เป็นลูกยิ่งนัก

    “คุณชายฮงค่ะ ไปทานอาหารได้แล้วค่ะ” เสียงจองฮยางเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาทั้งสอง ก็สังเกตอาการหน้าซีดของอินอุกได้

    “คุณชายฮงท่านเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ ไม่สบายหรือค่ะ?” นางถามด้วยความเป็นห่วง

    “หรือจะเป็นเพราะนางผู้นี้?” ฮง กุกยองหันไปสบตาจองฮยาง นั่นจึงทำให้นางสังเกตได้ถึงผู้มาเยือน

    “ท่านเป็นใครกัน?” นางถามขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่อินอุกจะคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นพ่อ

    “ได้โปรดเถอะครับท่านพ่อ ข้าขอเวลาอีกหน่อย ข้าสัญญาว่าจะกลับไปอย่างแน่นอน ข้าสัญญาว่าจะเป็นช่างเขียนหลวงอย่างที่ท่านตั้งใจได้อย่างแน่นอนครับ” อินอุกเอ่ยขึ้นอย่างลนลาน จึงทำให้จองฮยางรู้ว่าคนผู้นี้คือบิดาของเขานั่นเอง

    ขณะเดียวกันยุนบกที่พึ่งตื่นก็พยายามหอบร่างของตัวเองให้ลุกจากที่นอนอย่างทุลักทุเล และค่อยๆคลานไปเปิดประตูห้องของตัวเองช้าๆ พอดีกับที่ฮงโดเดินมาดูเขา จึงได้เห็นสภาพน่าสมเพชของลูกศิษย์เข้าเต็มๆ

    “ให้ตายเถอะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เจ้าขี้เมา” ฮงโดเข้าไปกระชากร่างของยุนบกให้ยืนขึ้นและเดินอย่างมนุษย์ทั่วไป เขาอิดออดในตอนแรกแต่ก็พยายามลุกเดินแม้หัวเขาจะปวดจนแทบระเบิด ทั้งสองหมายจะเดินไปร่วมวงทานอาหารกับฟ้าคำรามซึ่งต้องผ่านไปหน้าร้าน จึงได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เข้า ยุนบกมองภาพที่อินอุกคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นพ่อก็ถึงกับฉุนเฉียว

    “ได้โปรดเถอะครับท่านพ่อให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อเถอะครับ” อินอุกยังคงอ้อนวอนต่อผู้เป็นพ่อ

    “ให้ตายเถอะ เจ้านี่มันดื้อด้านจริงๆนะ คิดว่าให้พ่อของเจ้าออกมาพูดแล้วจะทำให้เจ้ายอมกลับฮันฮยางเสียอีก แย่จัง ข้าขอโทษด้วยนะยุนบก” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างของชายท่าทางภูมิฐานที่ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ

    “ฝ่าบาท!” ฮงโดอุทานด้วยความตกใจก่อนจะเข้าไปคุกเข่าทำความเคารพพร้อมๆกับคนอื่นๆ นั่นจึงทำให้ยุนบกนึกได้ว่าชายคนนี้คือคนคนเดียวกันกับที่เข้ามาคุยกับเขาเมื่อคืน


    “ข้าน้อยสมควรตายที่ล่วงเกินฝ่าบาท หากแต่ข้าไม่ทราบจริงๆว่าเป็นพระองค์ด้วยเพราะด้อยปัญญา ได้โปรดทรงประทานอภัยด้วยพะยะค่ะ” ยุนบกคุกเข่าลงและก้มศีรษะจนโขกกับพื้น

    “ฮ่าๆๆ นั่นเป็นเพราะข้าจงใจให้เจ้าจำไม่ได้นะซิแฮวอน” ชายท่าทางภูมิฐานหรือพระเจ้าจองโจตรัสขึ้นอย่างอารมณ์ดี

    “เอาล่ะแฮวอนเงยหน้าขึ้นเถอะ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะทำตามที่ข้าได้บอกกับเจ้าไว้ เพราะฉะนั้น เจ้า ฮง อินอุก ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับฮันฮยางเพื่อไปสอบเป็นช่างเขียนหลวงตามที่พ่อของเจ้าหวังไว้เดี๋ยวนี้” พระเจ้าจองโจตรัสกับยุนบกก่อนจะหันมาทางอินอุกด้วยท่าทางจริงจัง อินอุกได้ยินรับสั่งก็ถึงกับตัวสั่นเทา

    “ระ...รับได้เกล้าพะยะค่ะ” เขาตอบรับอย่างลนลาน

    “อืมดี...” พระเจ้าจองโจตรัสอย่างพอพระทัย นั่นทำให้ยุนบกถึงกับแอบยิ้ม

    “หากแต่ ข้าน้อยขอความเป็นธรรมด้วยพะยะค่ะ” อินอุกท้วงขึ้น

    “อินอุกเจ้ากล้าดียังไงถึงได้พูดแบบนี้กับฝ่าบาท!” ฮง กุกยองกล่าวตำหนิลูกของตน

    “หามิได้พะยะค่ะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาและเที่ยงธรรมทั่วทั้งแผ่นดินนั้นประจักษ์ดี ข้าจึงอยากจะขอความเที่ยงธรรมของพระองค์ ข้าน้อยจะกลับฮันฮยางภายในวันนี้อย่างแน่นอน แต่ก็อยากจะพาแม่นางจองฮยางไปด้วย ขอได้โปรดทรงอนุญาตด้วยพระยะค่ะ” อินอุกอธิบาย นั่นทำให้ยุนบกถึงกับเดือดดาล

    “นี่เจ้า!” ยุนบกหมายจะเข้าไปทำร้ายอินอุกแต่ได้ฮงโดห้ามไว้ก่อน พระเจ้าจองโจที่ได้ฟังคำขอจากอินอุกก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตรัสขึ้น

    “ได้ข้าอนุญาต และจะเป็นเจ้าภาพในงานมงคลของเจ้าด้วย” พระองค์ตรัสอย่างจริงจัง

    “ฝ่าบาท!” ยุนบกร้องท้วงขึ้น

    “หากว่านางยอมไปนะ......ว่ายังไงล่ะ แม่นาง?” พระองค์หันมาตรัสถามกับจองฮยางที่เงียบฟังทุกคนพูดมาตั้งแต่ต้น นางก้มรับคำถามอย่างนอบน้อม แม้จะไม่เคยเข้าเฝ้ามาก่อนแต่นางก็เก็บอาการและสำรวมกายได้อย่างงดงามราวกับธิดาของขุนนางใหญ่ พระเจ้าจองโจมองนางอย่างสำรวจ

    “นี่น่ะรึ สตรีที่เป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมด อืม....ควรค่าแก่การแย่งชิงยิ่งนัก” พระเจ้าจองโจทรงตรัสอยู่ภายในใจ

    “ว่าอย่างไรล่ะ?” พระองค์ทรงตรัสถามอีกครั้ง จองฮยางก้มหน้าอย่างครุ่นคิดโดยมีสายตาของทุกคนจับจ้องนางอย่างลุ้นระทึก

    “ทูลฝ่าบาท หม่อนฉัน....ไม่คิดที่จะกลับไปฮันฮยางอีกเพค่ะ........คุณชายฮง ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านให้เกียรติผู้หญิงอย่างข้าถึงเพียงนี้ หากแต่...ข้าไม่เคยคิดกับท่านฉันท์ชู้สาว ข้า...ข้าขอโทษจริงๆ” นางตอบฝ่าบาทก่อนจะหันมาพูดกับอินอุกและก้มศีรษะขอโทษเขาอย่างสุดซึ้ง นั่นทำให้อินอุกถึงกับพูดอะไรไม่ออก

    “เอาล่ะ...เจ้าก็ได้คำตอบแล้วนะ คงกลับได้แล้วละซิ” พระเจ้าจองโจตรัส อินอุกจึงน้อมรับบัญชาอย่างแสนเศร้า โดยมียุนบกแอบยิ้มด้วยหัวใจพองโต

    “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมพวกเจ้าไม่เข้าไปกินข้าวสักที ข้าหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว!” เป็นฟ้าคำรามนั่นเองที่โผล่พราดออกมาจากบ้านด้วยความโมโหหิว ก่อนจะสังเกตเห็นบุรุษคุ้นตาที่ยืนสง่าอยู่ท่ามกลางพวกของยุนบก

    “เจ้า! เจ้าๆ มาได้ยังไง? เจ้ามาทำไมที่นี่เนี่ย?” ฟ้าคำรามถามลิ้นรัวด้วยความตกใจ

    “ท่านพี่ใครมารึค่ะ?” เสียงจานเอ่ยถามพลางเดินออกมาดูเหตุการณ์ก็ต้องตกใจไม่แพ้ผู้เป็นสามี

    “โอ้จาน เจ้ายังงดงามเหมือนเดิมน่ะ” พระเจ้าจองโจเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี

    “ท่าน!” จานอุทานด้วยความตกใจ

    “พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงได้เรียกพระราชาแห่งโชซอนเช่นนี้” ฮง กุกยองตำหนิขึ้นอย่างไม่พอใจทำให้เกิดการโต้เถียงขึ้นยกใหญ ขณะนั้นเองที่อินอุกกระซิบถามจองฮยางขึ้น

    “เป็นเพราะเขาใช่ไหม? เป็นเพราะยุนบก” อินอุกถาม หากแต่จองฮยางไม่ตอบใดๆได้แต่ยิ้มรับหน้าเศร้า ก่อนที่นางจะเดินหนีออกมาโดยมียุนบกวิ่งตามหลังนางมาติดๆ เขาเข้าไปขวางทางนางไว้

    “ข้า...ข้าดีใจจริงๆ ที่เจ้าไม่ไปกับมัน” ยุนบกเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหอบจากการวิ่ง นางจึงมองหน้าเขาด้วยดวงตาดุ

    “ท่านอย่าได้ดีใจไปเลย ที่ข้าไม่ไปนั้น หาใช่เพราะท่านไม่” นางตอบเสียงแข็งก่อนจะเดินจากไป ยุนบกได้แต่มองตามหลังนางด้วยความงุนงงและเป็นกังวล นี่เขาหมดหวังแล้วจริงๆหรือ?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×