ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ทูตสันถวไมตรี
ท่ามกลางความมืดสลัวร่างบางของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้น ยุนบกมองนางอย่างคุ้นเคย เขาจำได้เป็นอย่างดี นางคือจองฮยาง สตรีเดียวในหัวใจเขา เขาจึงเดินเข้าไปหานาง พลันก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ ร่างบางสั่นเทาด้วยความเสียใจ
“จองฮยาง! จองฮยาง!” ยุนบกเอื้อมมือไขว้คว้าอากาศพร้อมร้องขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะรู้สึกตัวตื่น เขาพบว่าตนนั้นนอนอยู่ในห้องตัวเอง จึงรวบรวมสติลำดับเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ยูน! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ฮงโดรีบลนลานเข้ามาหาร่างยุนบกทันที
“อาจารย์?....” เขาเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นอาจารย์ของตน
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่ รู้ไหมข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว” ฮงโดกล่าวอย่างเป็นห่วงพร้อมสัมผัสใบหน้าศิษย์อย่างรักใคร่
“นี่ข้า ตกน้ำใช่ไหมครับ?....แล้ว?” ยุนบกถามทวนเหตุการณ์ หากแต่ฮงโดก็สวนขึ้นมาก่อน
“ถ้าเจ้าหมายถึงนางละก็ นางไม่เป็นอะไร มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ตกน้ำ ข้าว่าเจ้าห่วงตัวเองจะดีกว่านะ เพราะตั้งแต่เจ้านอนซมอยู่นี่นางก็ไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาเลย” ฮงโดพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง เขาเอือมระอาที่ศิษย์รักของเขาต้องเผชิญกับอันตรายต่างๆด้วยเหตุจากสตรีนางนี้ ยุนบกจึงได้แต่ทำหน้าจ้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“เอ้านี่เจ้าจะนอนอีกแล้วหรอ ตื่นขึ้นมากินข้าวกินปลาก่อนสิ” ฮงโดกล่าวหากแต่อีกคนกลับไม่สนใจ เพราะตอนนี้ในสมองของเขาเต็มไปด้วยคำถาม คำถามที่คาอยู่ในใจ “นี่เรากลับไปเป็นเหมือนก่อนไม่ได้อีกแล้วหรือ?”
“แม่นางจองฮยางโต๊ะเจ็ดขอน้ำแกงเพิ่มอีกชามจ้า” ชิลเดินมาบอกจองฮยางผู้รับหน้าที่เป็นแม่ครัวของร้าน นางจึงตักให้ตามที่เขาบอก
“วันนี้คนเยอะจริงๆนะ เจ้าคงเหนื่อยละสิจองฮยาง” จานที่เพิ่งเก็บโต๊ะเสร็จเดินมาสมทบเพื่อช่วยจองฮยางอีกแรง
“ไม่หรอกค่ะ ข้าว่าสนุกดีออก อีกอย่างลูกค้าเยอะก็แสดงว่าเราจะได้เงินเยอะด้วย” จองฮยางตอบเสียงใส
“นี่ถ้ายุนบกมาช่วยอีกแรงคงจะดีนะ รายนั้นนะชอบชวนลูกค้าดวลเหล้าเป็นประจำ ข้าละขายเหล้าดีเป็นว่าเล่นเลยถ้าเจ้าหมอนั่นอยู่” จานเอ่ยอย่างอารมณ์ดีพร้อมหัวเราะพอใจ ก่อนจะรีบหยุดเมื่อสังเกตอาการของคนข้างๆได้ว่าไม่ยินดีกับเรื่องที่นางพูดนัก “อะไรกันคู่นี้ ยังไม่คืนดีกันอีกหรอเนี่ย?” จานคิดในใจ
นับตั้งแต่ยุนบกพลัดตกน้ำจองฮยางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ใช่ว่านางไม่อยาก หากแต่เพราะมีหลายอย่างรบกวนจิตใจนางจนไม่สามารถจะไปเจอเขาได้ มีหลายครั้งที่นางคิดจะเข้าไปเยี่ยมเขา แต่เพียงแค่ก้าวไปใกล้ห้องของเขาหัวใจนางต้องเจ็บช้ำทุกครั้งไป เพราะฮงโดนั้นอยู่เฝ้ายุนบกไม่ห่าง แล้วเช่นนี้นางจะทำใจแข็งเดินเข้าไปยังห้องที่มีทั้งสองอยู่ได้อย่างไร คิดได้ดังนี้นางจึงตัดสินใจไม่ไปเยี่ยมเขาเสียดีกว่า ถึงอย่างไรฮงโดก็คงดูแลยุนบกได้เป็นอย่างดีแน่นอน
ค่ำคืนที่ไร้แสงดาวและเมฆหนาทึบนั้นบดบังเดือน ดูช่างน่าหม่นหมองดั่งเช่นอารมณ์ที่สตรีร่างบางมีอยู่ในขณะนี้ หัวใจที่สับสนและปวดร้าวทำให้ขาของนางพาตัวออกมารับลมเย็นด้านนอก และเพราะไม่อยากให้ใครในบ้านออกมาพบเข้า นางจึงเดินไปทางหลังบ้านที่เชื่อมต่อไปถึงศาลาเขียนรูป ร่างบางพร้อมตะเกียงน้อยมาหยุดลงที่ศาลา ก่อนที่นางจะค่อยๆหรี่ไฟลงจนดับไป ขณะนี้ความมืดเข้าปกคลุมทุกพื้นที่แล้ว รวมไปถึงหัวใจที่เจ็บช้ำของนางด้วย เรื่องราวมากมายผลุดขึ้นในใจที่สับสนและเหนื่อยล้า พร้อมๆกับคำถามที่ว่า “ข้าควรรักท่านอีกหรือไม่...ช่างเขียน?” ก่อนที่หยดน้ำใสจะไหลอาบแก้ม ร่างบางสะอื้นไห้ในความมืด
“นั่นใครนะ?” ร่างหนึ่งที่นอนเป็นเจ้าของที่อยู่ก่อนเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกตัวตื่นจากเสียงสะอื้น ร่างบางผลุดลุกขึ้นอย่างตกใจและรีบก้าวหนีทันที หากแต่โดนร่างในความมืดนั้นคว้าไว้ได้เสียก่อน
“ว้าย!”นางอุทานอย่างตกใจที่ข้อมือโดนกระชากไป นั่นทำให้อีกคนรู้ได้ทันทีว่านางคือใคร
“จองฮยาง?” ร่างในความมืดเอ่ยขึ้น หากแต่นางไม่ตอบอันใด
“ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า” เขาเอ่ยต่อ
“ท่านจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อท่านมองไม่เห็นข้า” นางตอบ
“แม้ยามข้าหลับตา ข้าก็มองเห็นใบหน้าเจ้า” เขากล่าวพร้อมก้าวเข้าไปหาร่างบาง ทันใดกลุ่มเมฆหนาที่บดบังดวงจันทร์อยู่ก็ลอยหายไป ลำแสงนวลจึงสาดส่องให้ทั้งสองมองเห็นกัน แสงจันทร์เผยให้เห็นว่ายุนบกนั้นก้าวเข้าไปหาร่างบางใกล้เสียจนจมูกของทั้งสองเกือบจะชนกัน เขาจึงรีบถอยกลับทันที
“เอ่อ...ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างลนลานหากแต่มือเขากลับไม่ยอมปล่อยข้อมือน้อยของนาง จองฮยางเอียงอายและแอบอมยิ้มให้กับอาการของเขา นานเท่าไหร่แล้วที่ทั้งสองไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้
“เจ้า? เจ้าออกมาทำอะไรในที่มืดๆแบบนี้หรือจองฮยาง?” ยุนบกเอ่ยขึ้นเมื่อเขากลับสู่อาการสงบอีกครั้ง
“แล้วท่านล่ะค่ะชางเขียน ท่านออกมาทำอะไร?” นางไม่ตอบหากแต่ถามกลับ ทั้งคู่นิ่งงันไปอีกพักใหญ่ ด้วยไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายอย่างไรเพราะในหัวใจมันหนักอึ้ง การเอื้อนเอ่ยสิ่งใดให้อีกฝ่ายรับรู้จึงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งในตอนนี้ เมื่อเห็นว่ายุนบกไม่มีวี่แววจะกล่าวสิ่งใด จองฮยางจึงเป็นฝ่ายตัดสินใจไปก่อน
“นี่ดึกมากแล้ว ข้าขอตัวก่อน” นางกล่าวก่อนจะก้าวจากไป แต่ยุนบกกลับไม่ปล่อยข้อมือน้อย
“ข้าอยากฟังเจ้าเล่นพิณกายา ตอนนี้ตัวข้ามีมากกว่าห้าเนียงนะ เจ้าจะเล่นให้ข้าฟังได้หรือไม่?” ยุนบกหวังพูดให้นางขบขันหากแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกว่าเขาตอกย้ำนางที่เคยทำงานในหอนางโลมและถูกซื้อได้ด้วยเงิน ร่างบางจึงดึงแขนของตนกลับมาจากการเกาะกุม
“ต่อให้ท่านมีห้าหมื่นเนียง ข้าก็ไม่เล่นให้ท่านฟัง” นางกล่าวก่อนจะเดินจากไป ไม่ทันที่ยุนบกจะได้เห็นหยดน้ำตาแห่งความเจ็บช้ำของนางรินไหล เขาได้แต่ยืนอึ้งกับคำตอบตัดรอนที่นางมอบให้ และมองนางเดินจากไปอย่างเจ็บปวด “หรือเราจะไม่สามารถรักกันได้อีก?”
หลายวันผ่านไปจองฮยางและยุนบกยังอยู่ในอาการเฉยชาต่อกัน ต่างกับที่ทั้งคู่มีต่อฮงโดและอินอุก ยุนบกมักยั่วยุอารมณ์อินอุกและทะเลาะกันใหญ่โตอยู่หลายครั้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่นเดียวกับจองฮยางที่ชอบเหน็บแนมหาจุดติติงฮงโด ทำให้ทั้งคู่ลับฝีปากกันอยู่เนืองๆ และยิ่งนับวันมันก็เริ่มร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
“ใจเย็นๆพี่ฟ้าคำราม มันเป็นเรื่องของพวกเขา เราเป็นคนนอกทำอะไรไม่ได้หรอก” ชิลพยายามพูดดับอารมณ์ลูกพี่
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ” จานเอ่ยขึ้นให้ทั้งสองแปลกใจ
“ข้าเจ๊จานแห่งเขตมาโปคนนี้ละ จะทำให้ดู” นางกล่าวอย่างมาดมั่นให้บุรุษทั้งสองมองนางอย่างสงสัย
เย็นวันหนึ่งจานเตรียมน้ำอุ่นหยดน้ำมันหอมระเหยและโรยด้วยดอกไม้ไม้นานาพันธุ์ไว้ในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะเรียกจองฮยางที่ง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นให้มาที่ห้องอาบน้ำโดยด่วน
“มีอะไรหรือค่ะเจ๊จาน ข้ากำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่เลย” จองฮยางถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อนางมาถึงหน้าห้องอาบน้ำ
“จองฮยาง ข้าได้น้ำมันหอมระเหยตัวใหม่มา เขาบอกบำรุงผิวพรรณแถมยังหอมรัญจวนใจติดทนนานด้วยนะ ข้าอยากจะให้เจ้าลองใช้ดู” จานพูดขึ้น
“น้ำมันหอมระเหยหรือค่ะ? เช่นนั้นทำไมท่านไม่ลองใช้เองละค่ะ หากท่านสนใจมันขนาดนี้” จองฮยางตอบ
“แหมก็ข้าอยากให้เจ้าลองใช้ดู เอาเถอะๆ อย่าพูดอยู่เลย รีบเข้าไปเถอะ” จานรีบตัดบทและผลักร่างบางให้เข้าไปในห้อง
“แต่ข้ายังเตรียมอาหารไม่เสร็จเลยนะค่ะ” จองฮยางกล่าวท้วงขึ้นแต่จานไม่สนใจ นางลากร่างบางเข้ามาในห้องอาบน้ำจนได้
“เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนหรอก ข้าให้ชิลจัดการแทนเจ้าแล้วล่ะ เอ้าไปอาบน้ำสิ เร็วๆ” จานยังคงพูดหว่านล้อมแกมบังคับให้จองฮยางอาบน้ำลูกเดียว นางจึงต้องทำตามอย่างจำใจ ร่างบางค่อยๆถอดเสื้อผ้าตนออกอย่างไม่ยินดีนักด้วยไม่เข้าใจสตรีที่บังคับนางอาบน้ำ เมื่อร่างบางไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆนางจึงลงไปในอ่างที่หอมอบอวล แม้จะไม่เต็มใจในคราแรกแต่เมื่อได้ลงไปแช่ในน้ำ นางก็รู้สึกผ่อนคลายและเริ่มชอบมันขึ้นมา นางค่อยๆขัดถูผิวกายอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้เลยว่าเสื้อผ้าที่นางถอดไว้นั้นถูกจานขโมยไปเสียแล้ว เมื่อแผนขั้นแรกเป็นไปตามที่จานคิด นางจึงเริ่มแผนขั้นต่อไป
“เจ๊จานท่านมีอะไรหรือครับ ถึงให้คนไปตามข้ากลับมาด่วน นี่ข้ายังสอนไม่เสร็จเลยนะครับ” ยุนบกพูดกระหื่ดกระหอบด้วยรีบวิ่งมาตามที่จานสั่ง
“น้องยุนบกข้าก็เห็นว่าเจ้าคร่ำเคร่งกับการสอนมานาน ข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนบ้าง เอายังงี้ ข้าเตรียมน้ำอุ่นให้เจ้าแล้ว เจ้ารีบไปอาบเถอะ” จานไม่พูดพร่ำนางรีบเข้าประเด็นจนยุนบกแปลกใจและสงสัยที่อยู่ๆนางจะให้เขาอาบน้ำ
“อาบน้ำ? เอ่อ.....ข้าว่าเอาไว้ข้าสอนเสร็จค่อยมาอาบก็ได้ครับ” เขาตอบพลางจะเดินหนีไป หากแต่นางรั้งคอเสื้อเขาไว้ได้
“หยุด! นี่เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรอยุนบก ข้าบอกให้เจ้าอาบน้ำเจ้าก็ต้องอาบ มาเร็ว” จานไม่ฟังเสียงนางลากเขามายังหน้าห้องอาบน้ำ และจับเขาถอดเสื้อผ้า
“นี่ท่านจะทำอะไรนะครับ?” ยุนบกร้องขึ้นอย่างลนลานแต่จานไม่ฟังเสียง ดีที่นางยังเหลือชุดขาวด้านในไว้ให้เขา ก่อนจะผลักร่างเขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ ยุนบกได้แต่เกาศีรษะตัวเองอย่างงงงวย ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง เขาได้กลิ่นหอมอบอวลลอยมาจากอ่างอาบน้ำถังใหญ่ที่อยู่หลังผ้าม่านโปร่งใส เขาค่อยๆก้าวเข้าไปหามัน ก่อนจะเห็นแผ่นหลังขาวนวลของสตรีนางหนึ่งที่กำลังขัดถูตัวพร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ ยุนบกตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น และเหมือนว่าร่างบางจะสัมผัสได้ว่าตนเองถูกจ้องมองอยู่ นางจึงหันมาทางเขา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก
ทั้งสองร้องผสานกันเสียงหลง จองฮยางรีบหดตัวลงไปในน้ำทันที ยุนบกเองก็รีบวิ่งไปยังประตูหากแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อประตูเปิดไม่ออก เขาพยายามกระแทกร่างกับประตูแต่มันไม่เป็นผล นั่นเป็นเพราะจานได้ลงกลอนเอาไว้ด้านนอกก่อนแล้ว ยุนบกทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยหอบหลังกระแทกร่างใส่ประตูไปหลายครั้ง
“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” จองฮยางถามขึ้น นั่นจึงทำให้ยุนบกรู้สึกตัวขึ้นได้
“เอ่อ...คือข้า...ข้าขอโทษนะ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าอยู่ในนี้ นั่นเป็นเพราะเจ๊จานเขา......แต่ข้า..ข้าไม่เห็นอะไรเลยนะ ข้าสาบานได้ข้าไม่เห็นจริงๆ” เขากล่าวอย่างลนลาน จองฮยางอดขำไปกับอาการของเขาไม่ได้ นางจึงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ มันช่างเป็นเสียงอันไพเราะ เสียงหัวเราะของนางที่เกิดจากเขา นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินมัน นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนาจะได้ยินมันตลอดไป
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?.....ข้ารู้ว่าเจ้าสบายดี เพียงแต่ข้าไม่ได้เอ่ยถามเจ้ามาหลายวันแล้ว ข้าเพียง...อยากจะถามเจ้าเท่านั้น” ยุนบกเอ่ยขึ้น
“ข้าสบายดี แล้วท่านละค่ะช่างเขียน ท่านสบายดีหรือไม่? อาหารของข้าถูกปากท่านหรือเปล่า?” จองฮยางตอบและเอ่ยถามกลับ นั่นทำให้ยุนบกถึงกับอมยิ้มที่นางก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา
“ข้าก็สบายดีเช่นกัน อาหารของเจ้าถูกปากข้าทุกอย่าง มันช่างอร่อยยิ่งนัก ข้าไม่เคยทานอาหารใดที่อร่อยเท่ารสมือของเจ้ามาก่อน” ยุนบกตอบให้นางอมยิ้มอย่างปลาบปลื้ม แม้ระยะห่างระหว่างประตูกับอ่างน้ำจะอยู่ไกลกัน แต่ทั้งสองกลับรู้สึกว่าได้ชิดใกล้เสมือนนั่งอิงแอบกัน
ขณะเดียวกันฮงโดที่เห็นว่าลูกศิษย์หายไปนานเขาจึงตัดสินใจเดินมาตามที่เรือน ก่อนจะพบเข้ากับอินอุกที่ตั้งใจมาตามจองฮยางเช่นกันที่หน้าประตูบ้าน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“ท่านทันวอน วันนี้ท่านกลับไวจังนะครับ นี่ยุนบกสอนเสร็จแล้วหรือครับ?” อินอุกเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน
“ท่านเองก็เหมือนกันคุณชายฮง แปลกที่มาเดินคนเดียวได้ ปกติท่านจะตัวติดกับแม่นางจองฮยางเลยนี่” ฮงโดตอบกลับด้วยคำถาม
“ข้ากำลังจะไปตามนางอยู่พอดี เจ๊จานเรียกนางไปนานแล้ว” อินอุกตอบ นั่นทำให้ฮงโดสะกิดใจขึ้น
“นี่....เจ๊จานก็เรียกนางด้วยยังงั้นหรือ?” ฮงโดถามขึ้น อินอุกได้แต่ทำหน้างงกับคำว่า “ด้วย”
“ท่านหมายถึงใครหรือครับ ที่ท่านว่าด้วยนะ?.......คงไม่ใช่.....” อินอุกพยายามสันนิธาน เมื่อทั้งคู่ได้คำตอบจึงรีบเข้าไปในเรือนทันที ทั้งสองโวยวายและร้องเรียกหายุนบกกับจองฮยางกันใหญ่โต จนในที่สุดก็ได้ความว่าทั้งสองถูกเจ๊จานลากไปยังห้องอาบน้ำ!
“จองฮยาง ข้ารู้ว่าข้าคงจะกวนใจเจ้า แต่ข้าอยากฟังเจ้าเล่นพิณกายาจริงๆ แต่ถ้าเจ้าไม่อยากเล่นให้ข้าฟัง....ข้าก็เข้าใจ” ยุนบกเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์หลายวันก่อน
“ไม่ใช่เช่นนั้นเลยค่ะ ข้าเพียงแต่....เพียงแต่ ข้าไม่ต้องการให้ท่านซื้อเพลงของข้าอีกต่อไป เพราะข้านั้นเต็มใจที่จะเล่นให้ท่านฟังเสมอ” จองฮยางรีบลนลานตอบด้วยกลัวว่าจะเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้ คำตอบของนางทำให้ยุนบกแทบจะหุบยิ้มไม่ลง ตอนนี้เขาอยากฟังเสียงพิณกายาของนางใจจะขาด
“ช่างเขียนค่ะ ท่านช่วยหยิบเสื้อผ้าของข้าที่วางไว้ข้างๆประตูให้หน่อยได้ไหมค่ะ” จองฮยางเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้ว่าตนอยู่ในสภาพที่น่าอายมาพอสมควรแล้ว ยุนบกจึงหันไปมองหาเสื้อผ้าของนางตามที่บอก หากแต่เขาหาได้พบสิ่งใดแม้แต่ผ้าขาวบางสักพื้น
“เจ้าแน่ใจหรือว่าวางไว้แถวนี้?” ยุนบกจึงถามย้ำกลับไป
“แน่ใจสิค่ะ ข้าถอดและว่างไว้ตรงนั้น” จองฮยางเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“เอ่อ...แต่มัน...มันไม่มี” ยุนบกไม่อยากจะให้คำตอบนี้แก่นางเท่าไหร่หากแต่ต้องพูดไป คำตอบของเขาทำให้จองฮยางรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย “ช่างเขียนนี่ท่านจะเจ้าเลห์กับข้ารึ?” นางจึงผลุดขึ้นจากน้ำอยากลืมตัว
“มันจะไม่อยู่ได้อย่างไร ก็ข้าวางไว้ตรงนั้น.....” นางยืนขึ้นและชี้นิ้วไปทางข้างประตู ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตนนั้นไร้ซึ่งอาภรณ์
“ว้าย!” นางร้องอุทานเสียงหลงและรีบหดตัวลงไปในอ่างทันที นั่นจึงทำให้อินอุกและฮงโดที่เดินมาเกือบจะถึงห้องอาบน้ำได้ยินเสียงของนาง พวกเขาจึงรีบวิ่งมาที่ประตูทันที
“แม่นางจองฮยางเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” อินอุกตะโกนผ่านประตูมาอย่างเป็นห่วง
“ยุนบกนี่เจ้าอยู่ในนั้นใช่ไหม?” ฮงโดเองก็ตะโกนถามพร้อมทุบประตู ทำให้ยุนบกและจองฮยางลนลานทำอะไรไม่ถูก
“อา...อาจารย์ นี่พวกท่านมาได้ยังไงเนี่ย?” ยุนบกเอ่ยถามออกไป
“ยังจะมาถามอีกนะเจ้าคนลามกนี่เจ้าทำอะไรแม่นางจองฮยาง? เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะเจ้าลามกยุนบก” อินอุกตะโกนสวนกลับไปพร้อมกับทุบประตูสุดแรง ยุนบกถึงกับผงะ
“ประตูถูกล็อคจากด้านนอกนี่?” ฮงโดสังเกตได้ว่ามีไม้คัดประตูอยู่ ยุนบกได้ยินที่อาจารย์ของตนพูดจึงรีบกล่าวห้ามไว้
“อย่าเปิดนะครับอาจารย์ อย่าเพิ่งเปิดนะครับ” ยุนบกตะโกนบอกคนข้างนอก แต่นั่นกลับเป็นการเร่งเร้าทั้งสอง เมื่อจองฮยางเห็นท่าไม่ดีนางจึงรีบลุกขึ้นคว้าผ้าขาวบางที่นำมาเช็ดตัวข้างๆอ่างอย่างลนลาน จึงทำให้นางลื่นล้ม
“ว้าย!” นางร้องเสียงลั่น ยุนบกจึงรีบวิ่งเข้าไปดูนาง แต่เพราะพื้นที่เปียกจากที่นางทำเขาจึงลื่นเสียหลักไปอีกคน ร่างยุนบกล้มทับร่างบางที่นอนอยู่บนพื้น พอดีกับอินอุกและฮงโดเปิดประตูเข้ามาตามเสียงร้องของจองฮยาง ทั้งสองตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“แม่นางจองฮยาง! เจ้า...ยุนบก!” อินอุกเดินเข้าไปกระชากร่างยุนบกออกจากร่างบางและชกหน้าเขาไปเต็มแรง ยุนบกจึงล้มคว่ำไม่เป็นท่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น