ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : หักหลัง!
ยุนบกตกตะลึงพรึงเพริดด้วยไม่คาดคิดว่าหญิงสาวเรียบร้อยและทระนงตนอย่างจองฮยางจะทำเช่นนี้ ด้วยความลืมตัวเขาจึงผลักนางออกทำให้ร่างบางถึงกับหงายหลังผึ่ง ก่อนที่ยุนบกจะเข้าไปประคองนางด้วยความเป็นห่วง
“อ่ะ! ข้าขอโทษ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามอย่างร้อนใจพลางช่วยพยุงนางขึ้น หากแต่โดนร่างบางผลักเข้าเต็มแรง นางจ้องเขาด้วยความเจ็บปวดพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“อย่ามาแตะต้องข้า หากท่านรังเกียจข้าถึงเพียงนี้ !” นางตะหวาดใส่เขาก่อนจะลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“จองฮยาง!” เขาได้แต่ตะโกนไล่หลังแต่ไม่กล้าจะวิ่งตามนางไป
“ยุนบก เจ้าคนน่าทุเรศ!” เขาสบถกับตนเอง
จองฮยางวิ่งอย่างสะเปะสะปะออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ด้วยน้ำตาที่ไหลรินทำให้นางมองไม่เห็นทางนัก ยิ่งในเวลาพลบค่ำเช่นนี้แล้ว นางจึงวิ่งไปชนเข้ากับร่างแข็งแกร่งของบุรุษผู้หนึ่งเข้าอย่างจัง
“โอ้!เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง คนงาม” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางจึงเงยหน้ามองบุรุษผู้นั้น และพบว่าเขาคือพระเจ้าจองโจนั่นเอง
“อาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันขอประทานอภัยเพค่ะ” นางทรุดตัวลงคุกเข่าและกล่าวเสียงสะอึกสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงรินไหลไม่ขาดสาย เมื่อทอดพระเนตรดังนั้นจึงเข้าไปประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาให้ลุกขึ้นอย่างเบามือ
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ และก็หยุดร้องไห้ด้วย หากใครมาเห็นเข้าคงได้คิดว่าข้ากำลังรังแกสาวงามอยู่เป็นแน่” พระองค์ตรัสพลางซับหยดน้ำตาของนาง จองฮยางรู้สึกแปลกใจในความอ่อนโยนที่ได้รับจากผู้เป็นพระราชาอยู่ในที หากแต่ ณ เวลานี้ ไม่มีสิ่งใดที่นางต้องการมากไปกว่าการปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนเช่นนี้อีกแล้ว นางจึงมิได้ขัดขืนแต่อย่างใด
“ไหนเล่าให้ข้าฟังซิ ผู้ใดกันช่างบังอาจมาทำให้เจ้าต้องหลั่งน้ำตาเช่นนี้” พระองค์ตรัสถามพลางจ้องมองดวงหน้างดงาม
“ให้ตายเถอะ ข้าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!” ยุนบกกล่าวขึ้นหลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจที่จะบอกกับจองฮยางถึงความในใจทุกสิ่งอย่างที่เขาแอบซ่อนไว้ เพียงเพราะความขี้ขลาดของเขาตัวเดียวที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ หากเขาบอกกับนางไปตรงๆ มีหรือคนอย่างจองฮยางจะไม่เข้าใจเขา ในเมื่อนางเองก็เป็นสตรีเพศเช่นเดียวกับเขา ย่อมมีความรู้สึกเขินอายต่อการแสดงออกถึงอารมณ์รักใคร่ เช่นนี้แล้วใยเขาตองเก็บมันไว้ในใจให้เป็นปัญหาต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปอีกเหล่า เมื่อตัดสินใจได้เขาก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที และวิ่งหานางไปทั่วบริเวณบ้าน จนต้องมาหยุดชะงักกับภาพที่เห็นพระเจ้าจองโจตระกองกอดนางผู้เป็นที่รักของเขาไว้ในอ้อมแขน เขาได้แต่ยืนแข็งทื่อตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ก่อนที่พระเจ้าจองโจจะรู้สึกพระองค์ว่ามีผู้อื่นอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
“โอ้..เป็นเจ้านั่นเองยุนบก ข้ากำลังจะพาจองฮยางคนงามไปส่งที่ห้องอยู่พอดี นางรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าช่วยไปตามท่านราชเลขามาหาข้าหน่อยได้ไหม” พระองค์ตรัสกับยุนบกพลางคลายอ้อมแขนออกจากร่างบาง หากแต่ยังทรงประคองนางอยู่ไม่ห่าง
“พะ...พะย่ะคะ” เขาตอบรับอย่างจำยอม ก่อนที่พระเจ้าจองโจจะค่อยๆพานางเดินไปส่งยังห้องนอน โดยมียุนบกมองตามตาปริบๆ โดยที่นางไม่แม้แต่จะหันมามองเขาหรือรู้สึกรู้สาอะไร ทำดั่งเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ เบื้องหลังของคนทั้งคู่ที่เดินจากไป ทำให้ยุนบกรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง มันเป็นลางสังหรณ์แห่งการพลัดพราดจากของรัก
รุ่งเช้าต่อมาก็เป็นดั่งเช่นที่ยุนบกสังหรณ์ใจไว้ พระเจ้าจองโจประกาศแก่ทุกคนในบ้านว่าจะเสด็จกลับในเร็ววันพร้อมกับจองฮยาง ในฐานะพระสนมองค์ใหม่ และในระหว่างที่รอขบวนนำเสด็จจากเมืองหลวงนั้น ให้ทุกคนปฏิบัติต่อนางเยี่ยงพระสนมแม้จะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ตาม
“บ้า! บ้าที่สุด! ข้าไม่ยอมเด็ดขาด” ฟ้าคำรามอาละวาดขึ้นและตรงรี่ไปยังพระเจ้าจองโจ ทันใดเหล่าองครักษ์ก็ปรากฏกายล้อมฟ้าคำรามไว้ทันที
“อาจจะเป็นเพราะความสนิมสนมหรือสันดารเถื่อนของเจ้าเองข้าก็จนปัญญารู้ได้ มันคงทำให้เจ้าลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นพระราชาแห่งแผ่นดินนี้ ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดที่จะทัดทานข้าได้” พระองค์ตรัสอย่างเยือกเย็น ฟ้าคำรามได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างเครียดแค้น ในขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะยุนบก ไม่เพียงแค่นั้นหากแต่เขากลับแค้นใจอย่างเจ็บแสบต่อนางผู้เป็นที่รัก ทั้งที่คืนก่อนนางยังตัดพ้อที่เขาไม่แสดงความรักต่อนาง แต่มาเวลานี้นางกลับโผเข้าหาอ้อมกอดของชายอื่นอย่างทันทีทันควัน ใจคนเรามันเปลี่ยนได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ยุนบกกำหมัดแน่นด้วยความคับแค้น ส่วนจองฮยางนั้นเพียงแต่นั่งอย่างเงียบงันเคียงข้างพระราชาแห่งโชซอน
“ข้าไม่ยอม ไม่มีวันยอม!” ฟ้าคำรามคำรามขึ้นกลางวงเหล้าที่พากันออกมากินในตลาด
“แล้วท่านจะทำอย่างไรพี่ฟ้าคำราม นั่นนะ....พระราชานะ” ชิลถามแย้งขึ้นก่อนจะแผ่วเสียงลงในศัพนามที่กล่าวถึงบุรุษที่ 3 ฟ้าคำรามถึงกับมองเขาตาขวางว่าเป็นคนขี้ขลาด ชิลจึงต้องรีบหาพวกสมทบ
“ยุนบกเจ้าช่วยพูดเตือนสติพี่ชายเจ้าหน่อยซิ ก่อนที่พวกเราจะโดนตัดหัว 7 ชั่วโคตร” ชิวกล่าวพร้อมเขย่าแขนยุนบกที่นั่งนิ่งมานาน ก่อนที่เขาจะรินเหล้าจนเต็มจอกและกระดกมันลงคอในอึกเดียว
“ข้าก็ไม่ยอม ข้าจะไปพูดกับนางเดี๋ยวนี้ละ” ว่าแล้วเขาก็ลุกพรวดขึ้นทันทีและตรงกลับไปยังเสน่ห์จันทรา
“เฮ้ย!!” ชิลและฟ้าคำรามได้แต่อุทานตามหลัง ก่อนจะรีบวิ่งตามเขาไป
“เฮ้ยๆ ยุนบกเจ้าใจเย็นๆก่อนนะ ที่ข้าหมายถึงไม่ยอมนะ มันหมายถึงเราจะต้องตอบโต้อย่างมีชันเชิง หรือวางแผนกันมาอย่างดี เจ้าเข้าใจไหม?” ฟ้าคำรามท้วงติงน้องรัก หากแต่เขาไม่สนใจฟังยังคงเดินจ้ำๆไปยังเสน่ห์จันทรา เขาเดินไปยังสวนบริเวณด้านหลังของเรือนก็พบจองฮยางและพระเจ้าจองโจนั้นกำลังพูดคุยหยอกเย้ากันอย่างเริงร่า เขาหยุดดูภาพทั้งสองที่อยู่ท่ามกลางหมู่ภมรซึ่งบินวนห้อมล้อมร่างบาง ก่อนที่ผีเสื้อตัวหนึ่งจะบินมาเกาะยังแก้มนวลราวกับจะจับจอง เมื่อทอดพระเนตรดังนั้นพระเจ้าจองโจจึงใช้พระดัชนีเขี่ยเจ้าผีเสื้อน้อยนั้นออกจากแก้มงามอย่างง่ายดาย นางยิ้มรับอย่างพริ้มเพราก่อนจะเอียงอายเมื่อถูกพระองค์ลูบไล้พวงแก้มระเรื่ออย่างเบามือ ยุนบกกำมือแน่นจนมันแดงก่ำและมุ่งตรงไปยังทั้งสอง โดยที่ฟ้าคำรามและชิลรั้งเขาไว้ไม่ทัน แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ทั้งสองให้ระคายเคืองได้ ด้วยเหล่าองครักษ์ต่างพากันมายืนขวางเป็นกำแพงมนุษย์กั้นทางของเขาไว้ ยุนบกจ้องเขม็งไปยังเหล่าองครักษ์อย่างเอาเรื่อง แต่ก่อนที่เขาจะได้ระเบิดอารมณ์ก็ถูกชิลและฟ้าคำรามลากออกมาสงบสติได้ทัน
“เจ้าจะบ้าหรอ เจ้าคนเดียวจะแลกกับพวกมันเป็นสิบยังงั้นหรือ?” ฟ้าคำรามกล่าวขึ้น
“ใช่ๆ ยุนบกข้าว่าเจ้าใจเย็นๆดีกว่านะ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ” ชิลพูดเตือนสติ แหกแต่เวลานี้ยุนบกนั้นหูดับด้วยเพลิงโทสะที่สุมทรวง ใบหน้าระรื่นเปื้อนยิ้ม กิริยาเอียงอายของนางที่ไม่เคยมีให้ชายใดนอกจากเขา แต่นางกลับแสดงต่อหน้าพระพักตร์ของพระราชาที่เขาเทิดทูน มันทำให้เขาอยากจะอาละวาดให้บ้านแตก หากแต่ก็ทำได้แต่เพียงกำหมัดต่อยไปเต็มแรงยังต้นไม้โชคร้ายที่อยู่ใกล้ๆ
“ทำไม?! ทำไม?!” เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดัวยความคับแค้นใจต่อบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองที่หักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น หนึ่งคือจ้าวชีวิตอีกหนึ่งคือจ้าวหัวใจ ทั้งสองทำกับเขาแบบนี้ได้อย่างไร
ค่ำวันนั้นยุนบกไม่สามารถข่มตาหลับได้ ไม่ซิเขาไม่สามารถจะกินหรือทำอะไรได้เลยต่างหาก เขาได้แต่นั่งครุ่นคิดถึงเหตุผลที่จองฮยางเปลี่ยนใจจากเขา เป็นเพราะเขาเป็นหญิงอย่างนั้นหรือ หรือเพราะเขาไม่สามารถแสดงบทรักต่อนางได้ หรือเป็นเพราะเขาไม่มีสิ่งใดทัดเทียมกับพระราชาแห่งโชซอนได้เลยกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หัวของเขาเหมือนจะระเบิดออกมา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใจก่อนจะออกไปเดินรับลมข้างนอกเผื่อหัวของเขาจะเย็นลงบ้าง เขาเดินตรงไปยังศาลาเขียนรูปหวังจะไปนอนเล่นให้เย็นใจ พลางสายตาก็จับจ้องไปยังดวงจันทร์ขาวนวลบนท้องฟ้า คืนนี้คงเป็นข้างขึ้นจันทร์ถึงได้สุกนัก ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดที่ร่างบางซึ่งนั่งริมศาลาอย่างเงียบงัน เสียงฝีเท้าทำให้นางรู้ว่ามีผู้มาเยือนจึงหันไปทางต้นเสียงก็พบเข้ากับยุนบก
“เหตุใดพระราชาจึงปล่อยให้พระสนมหมาดๆ ออกมานั่งอ้างว้างอยู่นี่เพียงลำพังได้เหล่า?” เขาถามประชดประชัน
“ข้าเพียงขออนุญาตพระองค์ออกมาสูดอากาศข้างนอกเพียงครู่ และนี่ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปหาพระองค์แล้ว” นางตอบก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรีบสาวเท้าจากไป หากแต่โดนยุนบกรั้งไว้ด้วยอ้อมกอดที่สวมกอดนางจากทางด้านหลังอย่างดึงดัน หัวใจหญิงสาวเต้นแรงระรัวขึ้นทันทีที่กายสาวถูกล่วงล้ำ
“ปะ...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?” นางท้วงขึ้นเสียงสั่นด้วยความหวั่นไหวจากอ้อมกอดดึงดันที่ไม่เคยสัมผัสจากเขามาก่อน
“ข้ารู้สิ รู้ดีเชียวละ แต่ข้า...ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปหรอก ไม่อีกแล้ว ได้โปรดเถอะจองฮยาง” เขากระซิบแผ่วเบาอย่างเว้าวอนอยู่ข้างใบหูของนาง ไอร้อนผะผ่าวที่ออกมาจากปากเขาทำให้นางสั่นระริกด้วยความวาบหวาม ร่างบางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อสะกันกั้นอารมณ์และเรียกสติของตน ก่อนที่มือสั่นๆของนางจะค่อยๆคลายอ้อมแขนของเขาออก
“เรื่องของข้ากับท่าน มันจบแล้ว” นางหันมาพูดกับเขาก่อนจะเชิดหน้าเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น