ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Thunder and The Wind : The After War [yuri]

    ลำดับตอนที่ #1 : ชนวนศึกแห่งรัก

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 55




    ณ เสน่ห์จันทรา หลังเหตุการณ์สงบลง ทุกคนต่างกลับมาดื่มฉลองกันอย่างคึกคัก ภายในเรือน ฟ้าคำราม จาน ชิล อินอุก ยุนบก จองฮยางและฮงโด ต่างนั่งทานอาหารกันอย่างรื่นรมย์

    “วันนี้ก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว คืนนี้เชิญพวกท่านพักที่บ้านข้าให้สบายเถอะนะ” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นกับอินอุก จองฮยางและฮงโด

    “ยุนบกเจ้าก็นอนกับอาจารย์ของเจ้าก็แล้วกัน ส่วน...” ฟ้าคำรามจะจัดแจงที่นอนให้แต่ละคน หากแต่ไม่ทันพูดจบ สตรีสองนางก็สวนขึ้นพร้อมกัน

    “ไม่ได้!” จานและจองฮยางเอ่ยขึ้นพร้อมกัน บุรุษทั้งหมดในวงจึงหันมามองพวกนางอย่างแปลกใจ พวกนางเองก็แปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเอ่ยเหมือนตนจึงมองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนที่จานจะพูดอธิบายขึ้น

    “จะให้ท่านทันวอนไปนอนอุดอู้กับน้องยุนบกได้อย่างไร ท่านเป็นถึงช่างเขียนหลวง” จานให้เหตุผล

    “ไม่เป็นไรแม่นาง ข้ากับเจ้านี่นอนด้วยกันประจำ” ฮงโดกล่าวอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกอดรัดคอลูกศิษย์เป็นการหยอกล้อ บุรุษในวงต่างมองภาพนั้นอย่างเอ็นดูผิดกับสตรีสองนางที่ตกใจกับการสนิทสนมนั้น

    “ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านมาเหนื่อยๆ พักห้องใหญ่ๆดีกว่า ชิลห้องของท่านยกให้ท่านทันวอนไปนะ” จานกล่าว
    ชิลที่ได้ยินถึงกับสะอึกที่อยู่ดีๆ โชคก็หล่นใส่ตัก เขาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ในใจก็คิดว่า “แล้วคืนนี้ข้าจะนอนที่ไหนวะ”
    ฮงโดจึงต้องรับน้ำใจเจ้าบ้านอย่างมีมารยาท
    “งั้นก็เอาตามที่จานบอกละกัน ส่วนแม่นางจองฮยางก็ไปนอนกับเจ้าละกันยุนบก” ฟ้าคำรามพูดขึ้น อินอุกที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ก็สำลักทันที และรีบกล่าวแย้งขึ้นพร้อมๆกับฮงโด

    “ไม่ได้ๆ!” ฮงโดและอินอุกกล่าวอย่างลนลาน ทุกคนจึงหันไปมองที่พวกเขา ก่อนที่ฟ้าคำรามจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมา

    “ข้าล้อเล่นหรอกน่า ใครจะให้นางนอนกับเจ้าบ้านี่กัน ฮ่าๆๆๆ เจ้าไปนอนกับแม่ข้าแล้วกันนะแม่นาง” ฟ้าคำรามเฉลยให้บุรุษทั้งสองโล่งใจ หากแต่ก็มีคนที่แอบเสียดายที่มันเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น

    “แล้วข้าล่ะ” อินอุกเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ว่าตนยังไม่มีที่นอน ฟ้าคำรามจึงหันมามองเขาและทำหน้าครุ่นคิด

    “ไปนอนกับชิลไง” ฟ้าคำรามพูดพลางหันไปมองชิล อินอุกจึงหันตาม

    “ข้ายังไม่มีที่นอนเลย ยังจะมานอนกับข้าอีก” ชิลกล่าวอย่างอ่อนใจ แล้วทุกคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงจองฮยางที่ยังทำหน้าไม่สู้ดีนัก นางได้แต่ลอบมองใบหน้าของยุนบกที่ตั้งแต่ฮงโดโผล่มาเขาก็ไม่แม้จะเหลียวมามองนาง นางมองดูภาพที่เขาและฮงโดพูดคุยกันอย่างสนุกสนานก็ท้อใจ จนต้องขอตัวแยกจากวงออกมาก่อน โดยที่ยุนบกไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จะมีก็แต่จานและอินอุกที่สังเกตอาการของนางได้ แต่พวกเขาก็ได้แต่มองตามนางอย่างเป็นห่วง

    ตกดึกคืนนั้น พระจันทร์ที่นวลผ่องสาดแสงให้ยุนบกเดินออกมาดูมันอย่างอารมณ์ดีที่ระเบียงข้างบ้าน พอดีกับที่ฮงโดออกมาเดินเล่นเพราะเขารู้สึกแปลกที่

    “เจ้ายังไม่หลับหรือนี่” ฮงโดทักขึ้น ยุนบกจึงหันไปมองตามเสียงเรียก

    “อ้าวอาจารย์ ท่านเองก็ยังไม่นอนอีกหรือครับ” ยุนบกกล่าวพลางเดินเข้าไปหาฮงโด

    “ฮ่าๆๆ สงสัยข้าคงจะตื่นเต้นมากไปหน่อยน่ะ” เขากล่างอย่างอายๆเล็กน้อย ก่อนจะสบตายุนบก

    “ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว ได้มาเห็นเจ้าอยู่ตรงหน้าแบบนี้ มันทำให้ข้าไม่กล้านอนเลย เพราะกลัวว่าตื่นมาแล้วเจ้าจะหายไปอีก” ฮงโดกล่าวอย่างอ่อนโยนพลางจับใบหน้ายุนบกอย่างรักใคร่ ยุนบกเองก็หลับตารับสัมผัสนั้นอย่างพอใจพร้อมยิ้มน้อยๆ

    “ข้าคิดถึงมือของท่านเหลือเกินอาจารย์” เขากุมมือใหญ่ของฮงโดให้สัมผัสใบหน้าตนมากยิ่งขึ้น

    “ข้าเองก็คิดว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว คิดว่าจะ....ไม่ได้สัมผัสมือนี้อีกแล้ว” ยุนกบกพูดพลางสบตาฮงโดอย่างคิดถึง ทั้งคู่จึงโผเข้ากอดกันอย่างถวิลหา พอดีกับที่จองฮยางออกมาเดินเล่น นางแทบหยุดหายใจกับภาพตรงหน้า หัวใจเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆจนต้องเอามือลูบเพื่อบรรเทา หากแต่ความเจ็บปวดไม่จากหาย ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้ม นางทนมองภาพนั้นไม่ได้อีกต่อไปจึงต้องเดินหนีไปยังระเบียงหน้าบ้าน และปล่อยโฮเมื่อปลอดคน

    “หือ? ...” ยุนบกผละออกจากอ้อมกอดของฮงโดเมื่อรู้สึกว่ามีใครเดินผ่านมา

    “มีอะไรรึ?” ฮงโดจึงถามขึ้นอย่างสงสัย

    “อ้อ...เปล่าครับ ข้าแค่คิดว่ามีใครอยู่ตรงนั้น แต่พอมองก็ไม่ยักมี” เขาตอบพลางจ้องมองไปยังตำแหน่งที่จองฮยางเคยยืนอยู่

    “แล้วเจ้าคิดว่าเป็นใครล่ะ?” ฮงโดถามขึ้น ยุนบกจึงหันไปมองเขา

    “จะใครละครับ ข้าไม่ได้คิดว่าเป็นใครสักหน่อย แค่สงสัยว่ามีใครรึเปล่า” ยุนบกรีบพูดแก้ตัว

    “ฮึ...คิดว่าข้าไม่รู้หรอ ข้าเป็นอาจารย์เจ้านะ แค่เจ้าอ้าปากข้าก็รู้แล้ว” ฮงโดพูดดัก

    “อ่ะ? ...อะไรกันเนี่ยครับอาจารย์ ท่านพูดเรื่องอะไรเนี่ย” ยุนบกยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฮงโดจึงลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู

    “ฮึ เจ้านี่...หายใจเข้าหายใจออกก็เป็นนางนะ บางทีข้าก็อยากให้เจ้ารักตัวเองบ้าง ข้าจะได้ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเจ้าถึงขนาดนี้” ฮงโดเฉลยขึ้นให้ยุนบกอายหน้าแดง
    “อาจารย์...ก็ข้า....”ยุนบกไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ได้แต่ก้มหน้าอายผู้เป็นอาจารย์

    ฝั่งระเบียงหน้าบ้านที่จองฮยางใช้เป็นที่ระบายความช้ำใจ นางยังคงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ก่อนที่อินอุกที่กำลังเดินหาห้องนอนอยู่จะมาพบเข้า เขารีบเข้าไปหานางทันที

    “แม่นางจองฮยางเจ้าเป็นอะไรหรือ เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้” อินอุกถามอย่างเป็นห่วง จองฮยางจึงเงยหน้าขึ้น หน้าของนางนองไปด้วยน้ำตา

    “แม่นางจองฮยางเจ้าเป็นอะไร ใครทำอะไรเจ้าหรือ หรือว่า....” อินอุกยังไม่ทันกล่าวจบก็ตกใจที่จองฮยางโผเข้ากอดเขา แม้เขาจะไม่ทันตั้งตัวแต่ก็กอดตอบเพื่อปลอบโยนนาง พอดีกับที่ยุนบกซึ่งแยกกับฮงโดแล้ว เดินมาเห็นเข้า เขาอึ้งกับภาพนั้น แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงอันใดออกไปได้แต่แอบมองภาพนั้นอย่างช้ำใจก่อนจะเดินกลับห้องของงตัวเองไป

    จองฮยางยังสะอื้นไห้ในอ้อมกอดอินอุก นางรู้สึกทนไม่ไหวกับความเจ็บช้ำนี้อีกแล้ว จนต้องขอพึ่งอ้อมกอดของคนตรงหน้าเพื่อบรรเทาความช้ำใจนี้อย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของนางแต่ใครเล่าจะเข้าใจ ต่อให้มีหัวใจแข็งดั่งหิน แต่มาเจอภาพช้ำใจแบบนั้นซ้ำๆ เป็นใครก็ทนไม่ได้ เมื่อนางร้องจนพอใจก็รู้สึกตัวว่าตนนั้นกระทำการอันไม่เหมาะสม และรีบผละออกจากอ้อมกอดของอินอุกทันที

    “ข้า...ข้าขอโทษค่ะคุณชายฮง ข้าขอตัวก่อน” นางรีบตัดบทเดินจากไปทันที อินอุกได้แต่มองตามอย่างอาลัย คืนนี้เขาคงไม่ต้องการที่นอนแล้ว เพราะเขาคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่

    เช้าวันรุ่งขึ้นจานลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำหน้าที่แม่บ้าน หลังเตรียมอ่างน้ำล้างหน้าให้สามีเสร็จเธอก็เดินตรงเข้าครัว แล้วก็พบเข้ากับจองฮยางที่กำลังง่วนจุดเตาอยู่

    “ตายแล้ว! แม่นางจองฮยาง ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ได้ล่ะ แล้วนั่นทำอะไรเนี่ย มาๆ ให้ข้าทำเอง เจ้าเป็นแขกของเรานะ” จานเอ่ยอย่างตกใจเมื่อพบว่ามีผู้มาแย่งตำแหน่งแม่ครัวตัดหน้าไปซะก่อน

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้ข้าทำเถอะ พวกท่านช่วยข้ามามาก ขอให้ข้าได้ตอบแทนบ้าง” จองฮยางหันมาพูดกับจาน ทำให้จานเห็นสีหน้าที่ซีดขาวและดวงตาที่ช้ำเหมือนดั่งร้องไห้มาทั้งคืนนั้น

    “นี่...เจ้า...ได้นอนบ้างหรือเปล่า” จานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง จองฮยางจึงหลบหน้าหนี

    “ข้า....คงเพราะแปลกที่เลยนอนไม่ค่อยหลับนะค่ะ” จองฮยางรีบอธิบาย

    “ถ้าเช่นนั้น ทำไมตาของเจ้าถึงช้ำขนาดนี้” จานจี้ถามและพยายามเดินเข้าไปหาคนที่ก้มหน้างุดๆ

    “คือข้า...ข้า...” จองฮยางจนปัญญาจะกลบเกลื่อนได้แต่พูดติดอ่าง จานจึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับคนตรงหน้า

    “ข้าว่าเจ้าไปพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวอาหารข้าจัดการเอง” จานรีบตัดบท และเดินเข้าไปที่เตา

    “ไม่เป็นไรค่ะ ข้า...ข้าอยากจะทำค่ะ” จองฮยางยืนยัน พลางส่งสายตาอ้อนวอน จานจึงจำใจให้นางเป็นลูกมืออย่างเสียไม่ได้ พวกนางจึงช่วยกันจัดเตรียมอาหารให้แก่ทุกคน ซึ่งมีจำนวนมากเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่เคยเตรียมอาหารให้แก่คนเยอะๆแบบนี้มาก่อน พวกนางต้องเตรียมสำหรับสมาชิกในครอบครัวฟ้าคำราม รวมทั้งแขกที่มาพัก และยังเหล่าลูกสมุนต่างๆอีก เวลาผ่านไปจนใกล้ที่อาหารจะเสร็จจองฮยางก็เริ่มรู้สึกล้า หากแต่นางหาได้ปริปากไม่ นางยังคงเคี่ยวแกงในหม้อต่อไป ส่วนจานเองก็ยุ่งเกินกว่าที่จะสังเกตเห็นอาการนาง ได้

    เมื่ออาหารถูกจัดเตรียมเสร็จ พวกนางก็ยกไปยังห้องใหญ่กลางบ้านที่ที่ทุกคนจะมาทานอาหารร่วมกัน ในตอนนี้จองฮยางก็ล้าเต็มที นางเดินถือถาดอาหารเข้ามาภายในห้อง พอดีกับที่ทุกๆคนนั้นเดินเข้ามา แต่ก่อนที่นางจะวางถาดลงนางก็หมดสติไปเสียก่อน ถาดอาหารจึงล่วงลงพื้นพร้อมๆกับร่างบางของนาง ทุกคนต่างตกใจกับภาพที่เห็น ยุนบกที่เห็นดังนั้นก็หมายจะวิ่งไปช้อนร่างนางหากแต่ก็ช้ากว่าอินอุก เขาเข้าไปประคองร่างนางไว้ได้ก่อนไม่ให้ล้มกระแทกพื้น

    “แม่นางจองฮยาง!” เขาอุทานออกมาเสียงดังพร้อมเขย่าร่างบาง

    “พานางไปที่ห้องนอน” จานออกคำสั่ง อินอุกจึงอุ้มนางไปตามที่บอก ทุกคนต่างวิ่งตามร่างบางนั้นไป ยุนบกได้แต่มองภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ ที่ไม่สามารถช่วยนางไว้ได้ เขาก้มหน้ามองพื้นอย่างระอายไม่กล้าแม้แต่จะตามไปดูอาการนาง ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อถูกมือหนาตีเข้าที่ศีรษะ

    “ไม่คิดจะตามไปดูนางหรอ” ฮงโดเอ่ยขึ้น ยุนบกได้แต่ทำหน้าลำบากใจ

    “ต่อให้ข้าไปก็ช่วยอะไรนางไม่ได้หรอกครับ” เขาจึงหันไปเก็บเศษอาหารและจานชามที่นางทำหล่น ฮงโดมองภาพยุนบกก้มงุดๆเก็บเศษชามก็รู้สึกโมโห เข้าจึงไปกระชากคอเสื้อลูกศิษย์ขึ้น

    “งั้นก็ไปเป็นเพื่อนข้า” ฮงโดกล่าวและลากร่างยุนบกมา

    ทุกคนต่างรออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ จนเมื่อประตูถูกเปิดออกทุกคนก็กรูเข้าไปหาบุรุษที่เดินออกมา
    “นางเป็นไงบ้าง” ฟ้าคำรามเอ่ยถามขึ้น

    “เออเจ๊จานว่า นางไม่ได้พักผ่อนนะครับ นางให้ข้าไปเอาผ้ากับน้ำอุ่นมา ข้าขอตัวก่อนนะครับ” อินอุกตอบก่อนจะเดินไปหาสิ่งที่จานต้องการ เขาเดินผ่านร่างยุนบกที่ยืนกอดอกไม้ไม้ไม้ไม้ไม้ไม้ไม้ไม้ไม้ก้มหน้าอยู่ แม้เขาจะรู้สึกสงสัยท่าทีที่เปลี่ยนไปของยุนบกแต่ก็ยังไม่มีโอกาสถามจึงได้แต่เก็บเอาไว้ เมื่อเขาเดินพ้นไปยุนบกจึงเงยหน้าขึ้นมองตามร่างนั้นอย่างเจ็บปวด ภาพที่เขาเห็นเมื่อคืนยังตามหลอกหลอนเขาไม่หาย ทั้งที่ตนเคยคิดว่าอินอุกเหมาะสมและคิดจะยกจองฮยางให้ แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆทำไมมันช่างทำใจได้ยากถึงเพียงนี้ เขารู้สึกสับสนกับความรู้สึกนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงอาการอย่างไรต่ออินอุกดี จะโมโหหรือยินดีที่จองฮยางเลือกเขา

    หญิงสาวนางหนึ่งเดินออกจากห้องมารับอากาศยามดึก เพื่อบรรเทาความว้าวุ่นใจ เมื่อนางเดินมายังระเบียงข้างบ้านก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนที่นางรักกำลังกอดรัดกับชายอื่น นางพยายามจะเดินหนีหากแต่ก็ไม่สามารถก้าวขาได้ ภาพทรมานใจจึงยังดำเนินต่อไป ร่างสูงของชายคนนั้นกำลังโน้มลงจุมพิตคนรักของนาง
    “ไม่!........” จองฮยางร้องตะโกนขึ้น จานที่เฝ้าไข้นางอยู่ถึงกับผวา รีบเข้าไปเขย่าร่างนางให้รู้สึกตัว ก่อนที่เปลือกตาฉ่ำจะเปิดขึ้น

    “แม่นางจองฮยางๆ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จานถามพลางเขย่าให้ร่างบางตื่นจากฝันร้าย

    “ข้า....นี่ข้า...เป็นอะไรค่ะ?” จองฮยางตื่นจากนิทราอย่างสลึมสลือ นางยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งที่เมื่อกี้ยืนมองภาพบาดตาอยู่แท้ๆ ใยจึงมานอนสลบอยู่นี่ได้

    “เจ้าเป็นลมน่ะ ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องช่วย ดูซิทำเอาพวกข้าตกอกตกใจกันหมด” จานกล่าว จองฮยางจึงรวบร่วมสติลำดับเหตุการณ์ตามที่จานบอก

    “ข้าต้องขอโทษ ท่านจริงๆค่ะ” จองฮยางกล่าวอย่างรู้สึกผิดและพยายามจะลุกขึ้นแต่จานก็กดร่างนางให้นอนลง

    “ไม่เป็นไร เจ้าพักผ่อนเถอะ ไม่อย่างงั้นคงทำให้ใครบางคนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา” จานกล่าวอย่างอารมณ์ดี ทำให้จองฮยางคิดว่าคนที่จานพูดถึงคือยุนบก นางจึงเผลอยิ้มดีใจ

    “ เออคือ...ข้าเอาน้ำโสมมาให้ครับ” อินอุกบอกผ่านประตู

    “นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” จานเฉลยให้จองฮยางดีใจเก้อ ก่อนที่จะลุกออกไปเอาน้ำโสมจากอินอุก

    “นางเป็นอย่างไรบ้างครับ” อินอุกถามทันทีที่จานออกมา

    “นางฟื้นแล้ว เดี๋ยวพักผ่อนสักหน่อยก็คงหายดี” จานเล่า อินอุกจึงยิ้มหน้าบานและส่งถาดให้นาง จานจึงรับและกลับเข้าไปในห้อง

    “ดื่มน้ำโสมสักหน่อยนะ วันนี้เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลย” จานกล่าวขณะวางถาดข้างๆที่นอน

    “ขอบคุณค่ะ แต่ข้าอยากพักผ่อนมากกว่า ต้องขอโทษจริงๆค่ะ” จองฮยางปฏิเสธอย่างนอบน้อม ด้วยเพราะตอนนี้นางไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น เมื่อคิดว่าทั้งที่นางป่วยถึงเพียงนี้ แต่คนใจดำกลับไม่มาเหลียวแล นี่คงจะพูดจาหยอกล้อกับอาจารย์ของตนอยู่เป็นแน่ จองฮยางรู้สึกน้อยใจจนแทบอยากร้องไห้แต่นางก็กลั้นน้ำตาไว้เพื่อไม่ให้จานสงสัย

    “เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวข้าจะมาดูใหม่” จานกล่าวก่อนจะออกไป เมื่ออยู่เพียงลำพังร่างบางก็กลั้นน้ำตา ไว้ไม่อยู่จึงปล่อยโฮจนเปียกหมอน

    “ทำไมค่ะช่างเขียน ทำไม ท่านทำกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร” นางตัดพ้ออย่างน้อยใจ น้ำตาก็หลั่งไม่ขาดสาย จนมือไปคว้าเข้ากับที่เครื่องประดับรูปผีเสื้อ นางกำมันไว้แน่นจนมือแดง

    “ข้า...จะไม่ยอมแพ้อีกเด็ดขาด...ข้าจะไม่มีวันตัดใจจากท่าน ช่างเขียน” นางกล่าวอย่างมาดมั่น

    หลังทราบอาการว่าจองฮยางปลอดภัยดี ยุนบกก็กลับมายังห้องของตน เขาเอาแต่นั่งถอนหายใจทิ้ง ในสมองก็คิดวนเวียนถึงภาพเมื่อคืนที่เห็น ก่อนจะนอนลงและเอามือก่ายหน้าผาก

    “ข้าจะทำอย่างไรดี?” เขากล่าวอย่างกลัดกลุ้ม แล้วหยิบปอยผมที่จองฮยางให้ไว้ออกมาจากเสื้อ เขามองดูมันอย่างเจ็บปวด

    “ข้าขอโทษจองฮยาง...ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้อีกแล้ว ข้าจะไม่มีวัน...ยกเจ้าให้กับใคร” เขากล่าวอย่างมาดมั่น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×