คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Battle 13 : ฟรีดอม-วอรริเออร์
“แล้วแอนมาที่นี่ทำไมล่ะ?”
ในห้องรับแขกบ้านไอซ์ แอนประธานตัวน้อยของบริษัท ฟูลกรุ๊ป จำกัด มหาชน นั่งดื่มชาอยู่เธอวางถ้วยชาก่อนที่จะตอบ
“พอดีรู้จากพี่ริสมาว่ากระดานถูกเปิดขึ้นมาใหม่อย่างกระทันหัน...ก็เลยจะมาช่วยจบกระดานน่ะ...เหมือนที่คุณทำไง”
“อา...อย่าวกเข้าเรื่องกระดานเก่า...ได้ไหมล่ะ”
“ได้...”
แอนพูดอีกครั้งก่อนที่จะยกชาขึ้นมาดื่มอีกรอบ ไอซ์ก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆและทิ้งตัวพิงไลท์นิ่ง แล้วไอซ์กับแอนก็มองไปที่มาสเตอร์ของยูน่าและทิฟา
“แล้วสรุปหน่อยสิว่าพวกแกมาที่บ้านชันทำไม?”
“พายูน่ามาให้แกดู”
“จะมาฝากยัยนี่ให้แกดูแลหน่อยอ่ะ”
“................”
ไอซ์ถามไปแบบเนื่อยๆเผื่อจะมีอะไรมากกว่าตอนแรกที่เจอ แต่กลับไม่มีอะไรเลยเหตุผลไร้สาระจนไอซ์และแอนต้องเอามือตบหน้าผากตัวเอง
“อีกคนก็ปัญญาอ่อน อีกคนก็ไร้รับผิดชอบ คอสมอสคิดอะไรอยู่เนี่ย?”
แอนพูดเหน็บแนมเอริและมายด์ ก่อนที่จะวานให้การ์แลนด์เดินไปหยิบขนมในตู้เย็นมาให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามอย่างไม่มีข้อแย้ง
“อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้นะ ช่วงนี้มิติที่โลกโน้นมันเปิดๆปิดๆไม่เสถียรเลยล่ะ”
“ที่สำคัญนักรบฝั่งโน้นมีพวกชั่วร้ายอยู่ด้วยนะ”
ไอซ์เปิดประเด็นเรนส์ก็เสริม แอนที่ได้ฟังก็หยิบกระดาษบนโต๊ะมาเขียนข้อมูลเอาไว้
“เอริ-ยูน่า มายด์-ทิฟา ...ตอนนี้มีใครเป็นมาสเตอร์บ้างล่ะ? นอกจากสองคนนี้น่ะ”
แอนถามขณะที่มือจดชื่อเอริและมายด์ลงไปแล้ว
“มีชั้น พี่ริส แล้วก็น้องของออน่ะ ชื่ออะไรนะ?”
“อาร์ม...”
ไอซ์หันไปถามเอริ อีกฝ่ายก็ตอบกลับ มือของแอนก็จดเอาไว้อย่างลวกๆ
“แล้วพาทเนอร์คุณล่ะ?...”
“ไลท์นิ่งกับเรนส์...ส่วนพี่ริส แซ็คกับคลาวด์”
แอนถามคนตรงหน้าไอซ์ก็ตอบกลับแล้วแอนก็ลงมือเขียนต่อ
“แล้วก็ชาม...”
“ชาม?”
มายด์พูดขึ้นแอนก็เอียงคอถามเพราะไม่คุ้นชื่อ
“อ่ะ! เอ่อ...ชาร์มน่ะ”
“ชาร์มที่เป็นมาสเตอร์ของบันท์ใช่ไหม?”
แอนถามมายด์ อีกฝ่ายก็พยักหน้าก่อนที่จะถาม
“รู้จักหรอ?”
“อา...ไอ้นั่นมันชอบมาปรึกษาชั้นเรื่องผู้หญิงน่ะ น่ารำคาญชะมัด”
“ไอ้บ้านั่นมันว่าชั้นเป็นก้อนเนื้ออ่ะ เลวที่สุดเลย!!”
ไอซ์พูดอย่างเจ็บใจ ส่วนมายด์ก็หัวเราะออกมาแห้งๆ
“ชาร์ม-บันท์...แล้วคนที่ชื่ออาร์มนี่ล่ะ?”
“ไม่รู้สิ...”
ที่เหลือตอบกลับโดยพร้อมเพรียง การ์แลนด์ที่เข้ามาพอดีเขายื่นจานที่ใส่เค้กส้มเอาไว้
“นั่นของชั้นนี่...”
ไลท์นิ่งพูดเสียงเรียบไอซ์ก็ยกมือขึ้นแล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าเดี๋ยวซื้อให้ใหม่
“อายุ21แท้ๆทำตัวเป็นเด็กหวงของกินไปได้”
แอนพูดเสียดใส่ไลท์นิ่งก่อนที่จะจัดการกับเค้กชิ้นโตตรงหน้า
“นี่!”
“น่าๆอีกฝ่ายแค่เด็ก11ขวบเองนะ เดี๋ยวซื้อให้ใหม่นะ”
“ชิ!...”
ไลท์นิ่งสบถอย่างไปม่พอใจแล้วก็เดินออกไปนอกห้องรับแขกทันที
“21ก็จริงแต่ก็นะ...เอริชั้นรู้แล้วว่าแกเป็นมาสเตอร์ของยูน่า ส่วนมายด์ ขอโทษทีไม่เอาอ่ะ พาทเนอร์คนอื่นเราไม่ค่อยอยากจะยุ่งแถมอีกฝ่ายยังเป็นคนฝั่งคอสมอสด้วย กลับก่อนเลยก็ได้นะ”
“ไม่อ่ะ...ขออยู่ต่อ”
“เฮ่ย เพื่อนช่วยเพื่อนหน่อยสิ”
ไอซ์พยายามจะไล่เพื่อนของตัวเองกลับไปเพราะจะคุยธุระกับแอน แต่ทั้งสองยืนยันว่าจะอยู่ต่อ
“เฮ้อ...งั้นเรนส์กับการ์แลนด์ออกไปก่อนได้ไหม”
“ครับ มาสเตอร์ตัวน้อยของผม”
“อื้อ...”
ไอซ์บอกให้เรนส์และการ์แลนด์ให้ออกไปก่อนทั้งสองตอบรับและเดินออกจากห้องไป
“...งั้นนั่งฟังเฉยๆนะ”
ไอซ์หันไปพูดกับเอริและมายด์ก็พยักหน้ารับคำสั่ง
“ถ้าให้เดาเรื่องพาทเนอร์ของคนที่ชื่ออาร์มนี่ใช่ไหม?”
“อื้อ...ดูท่าจะเป็นนักรบฝั่งคอสมอสน่ะ พลังของเคออสทำอะไรไม่ได้เลย”
“อาจจะเป็นพวกนักรบฝ่ายอิสระ(ฟรีดอม-วอร์ริเออร์)ก็ได้นะ”
“ฟรีดอมวอร์ริเออร์...”
ไอซ์พูดทวนแอนก็พยักหน้า
“ที่จริงเพิ่งเจอมาจากสมุดจดของลุงเฟอรี่น่ะ...โลกที่พวกเราเข้ามาเกี่ยวข้องนี่มีอะไรเยอะแยะชวนปวดหัวมากเลยล่ะ”
“ฟรีดอม-วอร์ริเออร์ เป็นนักรบที่จะเกิดได้จากการเกิดใหม่เท่านั้น แล้วตอนที่เกิดใหม่จะอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน พวกเขาไม่อยู่ฝ่ายใดและเลือกที่จะอยู่กับคอสมอสหรือเคออสก็ได้ เวลาโซลซิงโครก็น่าสนใจ แล้วนักรบพวกนี้จะหายไปเฉพาะตอนจบกระดานเท่านั้น ถ้าไม่ตายไปซะก่อนนะ”
แอนร่ายยาวไอซ์ก็พยักหน้ารับ ส่วนอีกสี่คนที่นั่งฟังอยู่ก็นั่งหน้ามึนเอ๋อๆแบบไม่เข้าใจตามภาษาคนที่ฟังเรื่องพวกนี้ไม่รู้เรื่อง แต่ระหว่างที่ไอซ์กับแอนคุยกัน ยูน่าก็เผลอมองแอนแบบรู้สึกคุ้นเคยกับคนๆนี้และใครอีกคนที่จำไม่ได้
“เกิดใหม่...น็อคติสก็ใช่สินะ”
“อืม...ในบันทึกเขาเขียนไว้ว่ากระดานเก่าๆก็มีอยู่นะ...3คนมีวินเซนต์ อาเช่ ริโนอา คนที่สี่ก็น๊อคติส...”
“ริโนอาหรอ?!”
“?!!...”
“ริโนอาเคยเป็นพาทเนอร์ของมายด์น่ะค่ะ...”
มายด์พูดชื่อริโนอาออกมา คนที่คุยธุระอยู่ก็หันไปทางคนพูด ทิฟาก็เลยอธิบายให้ไอซ์และแอนฟัง
“เฮ้...ใครสั่งให้เธอพูดฟร้ะ แล้วชั้นไปสนิทกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
มาสเตอร์ใช้ศอกกระแทกใส่แขนทิฟาพร้อมกับต่อว่าอย่างอารมณ์เสีย
“ขอโทษค่ะ...มาสเตอร์”
“ใครเป็นมาสเตอร์เธอฟ่ะ”
คำพูดที่ตัดเยื่อใยของมายด์ทำให้ทิฟาหงอยทันที
“...ทำเป็นหัวดื้อ สุดท้ายก็รับไว้อยู่ดี”
“แกเลี่ยงมันไม่ได้หรอกนะ”
“ที่สำคัญมันน่าสนุกออกนะ”
แอน ไอซ์ และ เอริ พูดต่อกันเป็นฉากๆ มายด์ก็เอนตัวพิงโซฟาแล้วมองไปที่ทิฟา
“ชั้นใช้ยัยนี้สู้ไม่เป็น...ขืนเข้าร่วมมีหวังตายเปล่า ชั้นไม่ยอมเสี่ยงหรอกนะ”
มายด์พูดในอารมณ์แบบเบื่อๆแต่มีหลักการ แล้วเธอก็หันไปมองทิฟาอีกรอบ
“ริโนอาชั้นได้มาจากลุงในร้านขายของเก่าคนหนึ่งที่สะพานเหล็ก...ตอนนั้นชั้นไปซื้อปืนBBGมือสองน่ะ”
“แล้วสไตล์การต่อสู้ของริโนอาล่ะ...เหมือนกับ เอ่อ...เหมือนไหม?”
พอมายด์พูดจบแอนก็ถามอีกฝ่ายทันที ไอซ์เองก็อยากรู้เหมือนกันร่างเล็กทั้งสองนั่งมองมายด์เพื่อรอคำตอบ
“ไม่เหมือนมั้ง ปกติก็บิน-ร่าย-หลบ-ยิงน่ะ”
“บิน-ร่าย-หลบ-ยิง งั้นหรอ เป็นสไตล์ที่แปลกดีนะ”
“ไม่นะแอน ชั้นกับเรนส์ก็ใช้”
แอนพูดพร้อมกับลงมือเขียนแต่ไอซ์ก็แย้งว่ามันปกติเพราะไอซ์เองก็เคยใช้สไตล์แบบนี้เหมือนกัน
“...งั้นหรอ”
แล้วแอนก็หันไปทางทิฟาก่อนที่จะหันไปทางยูน่า
“แล้วแบบเธอจะมีสไตล์แบบไหนกันนะ นอกจากยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นแล้วเรียกสวะกิ๊กก๊อกออกมา”
ร่างเล็กพูดขึ้นด้วยคำพูดที่ดูถูกสุดขีด แววตาของแอนมองไปที่ยูน่าอย่างเหยียดหยามและเยือกเย็นอย่างที่สุด
“จะโซลซิงโครก็อันตราย จะร่วมสู้ก็ไม่ดี ฝากชีวิตไว้ให้ก็ไม่เวิร์ค อย่างเธอจะมีดีอะไรบ้าง...”
ตึง!
“อย่ามาว่ายูน่านะ ไอ้เด็กผี!!”
“.........”
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นจนยูน่าและทิฟาต้องตกใจสะดุ้งเล็กน้อย
แอนมองคนทุบโต๊ะด้วยสายตาที่นิ่งสนิทและไม่สะท้านที่เอริว่าตัวเอง มายด์เองก็เข้าโหมดใจเย็นไปเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ไอซ์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เอริ...แกไม่รู้สินะ ว่าโซลซิงโครมันอันตรายแค่ไหน”
มายด์พูดขึ้นก่อนที่จะตบไหล่ทิฟาเบาๆสองสามที
“คิดดูถ้ายัยนี่มันปลดโซลซิงโครออกมาไม่ทัน...ไม่สิ ทำได้หรือเปล่าหรอก? ยังไงก็ตายกับตาย”
“อะไรวะ มายด์ ยูน่าไม่อ่อนขนาดนั้นหรอก”
เอริแก้ต่างให้ยูน่าสุดชีวิตส่วนมายด์ก็ทำเป็นหูทวนลม แล้วไอซ์ก็พูดออกมา
“ไม่หรอกเอริ ยูน่าปลดโซลซิงโครช้าเกินไป”
“ใช่แล้วล่ะ...ยัยนี่เคยทำคนตายมาแล้วนะ”
แอนพูดเสริมแล้วก็ชี้ไปที่ยูน่า คนโดนชี้ก็สะอึกทันที
“ช...ชั้นจำอะไรไม่ได้เลยนะคะ”
ยูน่าตะกุกตะกักพูด แอนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แน่นอนเธอจำไม่ได้ แต่เธอรู้สึกได้นี่...”
พูดจบแอนก็ใช้ดินสอกดที่ใช้เขียนข้อมูลอยู่ทิ่มไปที่ข้อมือตัวเองจนเลือดไหลออกมา
“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ”
“...เคยเป็นพวกที่ให้เลือดพาทเนอร์สินะ”
เอริพูดอย่างตกใจ มายด์ก็พูดขึ้นไอซ์ก็ชี้ไปที่มายด์ แล้วก็อ้าปากเป็นเชิงถามว่า ‘งั้นแกก็...’ แล้วมายด์พยักหน้ารับน้อยๆ
“ดูเอาไว้คุณเอริ...ว่ายูน่ามันไม่สมประกอบ!”
แอนยืนมือไปหาฝั่งตรงข้ามเอริมองไปที่ยูน่าโดยหวังว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เอริคิดผิด... ยูน่ากำลังตัวสั่นและพยายามหลบสายตาให้พ้นจากสิ่งที่กำลังยื่นเข้ามาหาเธอ
“ยูน่า...!!”
เอริเรียกพาทเนอร์ตัวเอง คนโดนเรียกก็มองไปที่มาสเตอร์ของตัวเอง แต่เอริต้องแปลกใจตาสองสีของยูน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่มีเหตุผล
“เอ้า! เอาเด้ ยื่นให้แล้วก็กินมันซะสิ เธอต้องการมัน มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้...”
แอนที่เคยนิ่งสงบตอนนี้กำลังพูดจาวกไปมาเพื่อต้อนยูน่าด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นอย่างที่สุด
“ย...อย่าค่ะ มาสเตอร์”
ยูน่าพูดเสียงสั่นและเรียกแอนว่ามาสเตอร์ออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไอซ์กับทิฟาถึงกับตะลึงเล็กน้อย เอริเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
เลือดสีแดงสดกำลังเข้าไปใกล้ยูน่าขึ้นทุกที ความต้องการกับสิ่งที่กำลังเข้ามาใกล้เธอทั้งๆที่จำมันไม่ได้ กับอะไรหลายๆอย่างมันเข้ามาในหัว มันสับสนไปหมด จนร่างบางคนนี้หน้าซีดและหายใจถี่ขึ้นทันตา
มับ!
“...พอแล้วล่ะ มากเกินไปสำหรับผู้ช่วยเหลือ ไม่เห็นหรือไงว่ายัยนี่กลัวแค่ไหน”
มือเรียวยาวจับข้อมือของแอนเอาไว้ มายด์ตัดสินใจหยุดเรื่องไว้แค่นั้นมายด์รู้ดีว่าเป็นยังไง แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตามในกระดานที่ผ่านมา
“เหอะ...กลัวหรอ? มันกำลังอดใจต่างหากล่ะ”
แอนสะบัดมือออกมาก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองขึ้นมาเช็ดเลือด เมื่อเรื่องทุกอย่างจบยูน่าทิ้งตัวพิงกับโซฟาและหายใจออกมาอย่างรัวเร็วเหมือนคนใกล้ตาย เอริและทิฟาก็เข้าไปดูอาการทันที
“นี่...มัน อะไรวะเนี่ย?”
เอริหันไปทางสามคนที่ยืนอยู่เธอจ้องเขม่นทั้งสามและรอคำตอบ
“มายด์น่าจะรู้มากกว่าเรานะ...ทิฟาพายูน่าไปข้างนอกเถอะ ในนี่มาคุสาดดด”
ไอซ์พูดติดตลกก่อนที่ร่างเล็กและทิฟาจะพายูน่าออกไปนอกห้อง แล้วพอพ้นประตูห้องไอซ์ก็ต้องทำหน้าเจื่อนเพราะไลท์นิ่ง เรนส์และการ์แลนด์ แอบฟังพวกเธอคุยกัน
“...ความผิดข้า”
การ์แลนด์พูดออกมาเบาๆแกมสลด เหมือนกับจะจำอะไรได้ ก่อนที่จะเดินมาอุ้มยูน่าแล้วพาขึ้นด้านบน ที่เหลือที่เดินตามมาก็ไม่ได้พูดอะไร
“...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย การก่อกวนพวกคอสมอสมันเป็นสิ่งที่คนฝั่งเคออสควรทำนี่นา”
ไอซ์พูดพร้อมกับตบไปที่เอวของอีกฝ่ายสองสามที (ก็ตัวสูงแค่เอวการ์แลนด์อ่ะ)
“แล้วยัยวัวนมนี่มาทำไม?”
“ยัยวัวนม?”
ไลท์นิ่งที่เดินคู่มากับไอซ์ ก้มตัวถามมาสเตอร์แล้วชี้ไปที่ทิฟา อีกฝ่ายก็สะอึกเพราะโดนทักว่า ‘วัวนม’
“เอาน่าอย่าใส่ใจเลย...นะทิฟา”
ไอซ์ไม่ตอบไลท์นิ่ง แต่กลับไปพูดกับทิฟาแทน เมื่อไม่พอใจไลท์นิ่งก็แอบบ่นในใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเลยเข้าห้องนอนไป
“มาสเตอร์ตัวน้อย...ไม่คิดจะไปง้อหน่อยหรอ ไลท์นิ่งงอนแล้วนะ”
เรนส์พูดขึ้นหลังจากไลท์นิ่งเดินบ่นอุบอิบเดินเข้าห้องไป
“เดี๋ยวก็ได้...มั้ง”
ไอซ์ทำใจแข็งพูดไปอย่างงั้นแหละ ที่จริงอยากจะไปง้อจะตายชัก...ก็รู้ๆกันอยู่เจ้าตัวดีใจแค่ไหนที่ได้ไลท์นิ่งเป็นพาทเนอร์
“จริงๆเราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรกันแน่ แต่มาสเตอร์อย่างเราๆเรียกมันว่า ‘ให้เลือด’ มันเป็นการเพิ่งพลังให้พาทเนอร์วิธีหนึ่ง ปลอดภัยกว่าโซลซิงโคร แต่มันก็อันตรายกว่าโซลซิงโครเช่นกัน”
กลับมาที่ห้องรับแขกมายด์กำลังอธิบายให้เอริฟังมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่พี้นฐานแต่ก็ต้องรู้ไว้ แต่เอริกลับดูงงๆมายด์เลยต้องยกตัวอย่างให้
“จะอธิบายเรื่องพื้นฐานที่จำเป็นง่ายๆให้ก็แล้วกัน...เริ่มจากชาร์ตก่อน ปกติตอนที่พาทเนอร์อยู่ในสภาพของpsp มาสเตอร์ส่วนใหญ่จะใช้สายชาร์ต ชาร์ตไฟให้พาทเนอร์เหมือนเครื่องpspธรรมดา การชาร์ตน่ะจะช่วยให้พาทเนอร์สามารถคงรูปในสภาพมนุษย์ได้นานขึ้นเท่านั้น พลังงานส่วนอื่นก็ได้มาจากการกินอยู่ปกติ ถึงชาร์ตจะดูไร้สาระแต่มันก็สำคัญที่สุด...”
“ต่อมาโซลซิงโคร ในการต่อสู้พลังของมาสเตอร์จะเชื่อมกันแบบดาดๆอยู่แล้วตั้งแต่ปรากฏตัว(ถูกคอสมอสและเคออสวางหมากเอาไว้ว่าตัวละครนั้นคู่กับมาสเตอร์คนไหน) เทียบกับ มาสเตอร์คือx1 พาทเนอร์คือx1 เมื่อพลังเชื่อมกันพาทเนอร์จะมีพลังx2 ซึ่งได้เปรียบมากกว่าตัวละครที่ไม่มีมาสเตอร์”
“แต่โซลซิงโคร คือการผสานวิญญาณ จะให้พลังที่เหนือกว่า เป็นการพาวเวอร์อัฟอะไรทำนองนั้นเลย จากเดิมแค่x2แต่โซลซิงโครจะเพิ่มได้มากกว่านั้น กลายเป็น มาสเตอร์x1 พาทเนอร์x1 วิญญาณมาสเตอร์x1 และวิญญาณพาทเนอร์x1 แต่โซลซิงโครต้องใช้พลังของคอสมอสหรือเคออสในการช่วยผสาน ก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกx1 เท่ากับการโซลซิงโครจะเพิ่มพลังให้เป็นx5 (MTxS-MTxPNxS-PNxCF= x5) ”
“ทำไมต้องมีคอสมอสกับเคออสมาเกี่ยวข้องล่ะ...”
เอริถามด้วยความสงสัย ที่จริงเจ้าตัวก็สงสัยมันหมดน่ะแหละ แบบว่าฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด
“การที่พาทเนอร์ปรากฏตัวอยู่บนโลกนี้ได้ก็ใช้พลังเล็กน้อยของเทพทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ดังนั้นการผสานกันของโซลซิงโครจึงต้องใช้พลังของเทพทั้งสองเป็นตัวช่วย...คล้ายๆกับสินค้าจากบริษัทหนึ่งจะส่งไปรวมกับสินค้าในคลังได้ ก็ต่อเมื่อมีการขนส่งช่วยส่งสินค้าชุดนั้นไปที่คลังยังไงล่ะ”
แอนอธิบายเป็นเชิงโลจิสติก เอริถึงกับงงหนักว่าเดิม(คนแต่งยังงงๆเลย) แต่ก็พยักหน้าไปเพื่อฟังอธิบายต่อ...
“เมื่อโซลซิงโครกันมาสเตอร์และพาทเนอร์จะรวมกันเป็นหนึ่งซึ่งนั่นก็หมายถึงพลังชีวิตของมาสเตอร์และพาทเนอร์จะจูนเข้าหากัน ในจังหวะนั้นมาสเตอร์จะสลับหน้าที่กับพาทเนอร์โดยการเข้าไปสู้แทน ส่วนพาทเนอร์จะมีหน้าที่สนับสนุนและคอยเฝ้าระวังสถานะใกล้ตาย...ดังนั้นโซลซิงโครเป็นเรื่องที่อันตรายหากพาทเนอร์ไม่พร้อม เพราะมีแต่พาทเนอร์เท่านั้นที่ปลดโซลซิงโครได้!”
“คงจำตอนที่เจอไอซ์ได้ใช่ไหม...ที่ไม่ยอมปลดโซลซิงโครก่อนที่จะได้รับการรักษาน่ะ”
เอริพยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าจำได้
“แต่ถ้าในเสี้ยววิขณะที่กำลังอยู่ในสภาวะใกล้ตายหากพาทเนอร์ไม่ปลดโซลซิงโครออกมาก็เท่ากับตัวมาสเตอร์เองก็จะดับชีวิตไปพร้อมกับพาทเนอร์ด้วย แล้วพาทเนอร์ก็จะหายไปจนกว่ากระใหม่จะเริ่ม”
“งั้นเราก็เหมือนได้เกิดใหม่งั้นสิ...แบบรีทายเริ่มใหม่อะไรแบบนั้นน่ะ?!”
“......................”
เอริเผลอถามคำถามโง่ๆออกมาจนแอนและมายด์ต้องกลั้นขำเอาไว้
“ติ๊งต๊องน่าเอริ...ชีวิตเราไม่ใช่ลูปนะ”
“เราจะได้ตั๋วรถไฟไปนรกต่างหากล่ะ คุณเอริ...”
คำตอบที่ดูสงบของทำสองคนทำให้เอริต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“ที่จริงมันมีโซลซิงโครอีกแบบนะ แต่ชั้นไม่รู้จักข้ามไปก็แล้วกัน”
มายด์ไหวไหล่ก่อนที่จะอธิบายต่อ
“สุดท้ายก็การให้เลือด...ที่บอกไว้ตอนแรกน่ะ มันปลอดภัยกว่าโซลซิงโครแต่ก็อันตรายกว่าด้วยเช่นกัน ว่าง่ายๆแค่ให้พาทเนอร์ได้ดื่มเลือดสักหยดสองหยดมันก็สามารถเพิ่มพลังให้พาทเนอร์ได้เท่ากับการโซลซิงโครครั้งหนึ่งเลยล่ะ เจ็บตัวนิดหน่อยแต่ผลตอบรับที่ได้มาอยู่ในระดับสูงจนน่าพอใจเลยล่ะ”
“มันก็ดีน่ะสิ...”
เอริทัก แอนเลยพูดออกมาและอาสาที่จะเล่าต่อ
“แต่...มันจะทำให้พาทเนอร์จะอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว แล้วเลือดนี่แหละที่จะทำให้พาทเนอร์กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม นานวันเข้าก็ต้องให้เลือดทุกครั้งก่อนสู้หรือหลังสู้เสร็จ เพื่อทำให้พาทเนอร์ยังปกติ”
“แล้วถ้าไม่ให้ล่ะ?”
“พาทเนอร์จะเป็นคนเข้ามาขอเอง...แต่ในสภาพที่ไม่ชัวร์นะ”
“หึ หึ หึ หึ...”
เอริถามอีกรอบแอนก็ตอบติดตลกส่วนมายด์ก็เอาแต่หัวเราะหึหึไม่พูดอะไร...
“จากนั้นมาสเตอร์จะตกอยู่ในอันตราย...เคยดูหนังเรื่องพ่อมด ปั้นหม้อ (เฮนรี่ พ็อตเตอร์) ไหมล่ะ...เกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าในภาค3น่ะ”
“อ๋อ! ที่พอถึงเวลามันจะกลายร่างแล้วไล่ฆ่าคนไปทั่วนั่นใช่ไหม”
“แฟนพันธุ์แท้นี่...เหมือนกับในหนังเลย หลังจากนั้นพาทเนอร์จะเริ่มไล่ฆ่ามาสเตอร์ชนิดแบบไม่มีหยุดพักหายใจ แม้จะมีเพื่อนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันมาห้ามก็เอาไม่อยู่ เผลอๆอาจโดนฆ่าตายไปด้วย”
“ฮ่าๆฆ่าเละ...”
แอนพูดจบมายด์ก็เสริมออกมาแบบติดตลก เอริทำหน้าเจื่อนใส่คนที่อธิบาย
“แต่พวกแกดูจะไม่กังวลเรื่องนี้นะ...อธิบายซะชิลเลย”
“เอาน่าเอริ แค่ไม่ให้เลือดพาทเนอร์ก็ปลอดภัยแล้วล่ะ”
มายด์พูดปิดการสนทนาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ชั้นขอตัวบ้างล่ะ...”
แล้วแอนก็เดินออกไปจากห้อง ตอนนี้ห้องรับแขกจึงเหลือแค่เอริคนเดียว เมื่อไม่มีอะไรทำเจ้าตัวจึงจัดการผลานค่าไฟบ้านเพื่อนโดยการเปิดทีวีดูหนัง แต่ก็ยังห่วงยูน่าอยู่เอริก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปหายูน่าที่ชั้นบน
“บอกมาอยู่ไหน?”
“หนูไม่มีของที่พี่ถามถึงหรอกนะคะ...”
“อย่ามาโกหกนะ!”
เพียะ!
เวลาไล่เลี่ยกันที่บ้านของจันทรา ในห้องของตัวเอง เจ้าตัวกำลังโดนเรียวพี่ชายไม่แท้ ตบหน้าอย่างแรงจนเลือดกลบปาก ก่อนที่จะถูกร่างสูงกดลงกับพื้นและเข้าค้นตัว จันทราก็ขัดขืนไม่ให้ค้น
“มันเป็นของที่เจอข้างถนนแถมยังใช้ไม่ได้ พี่ยังจะเอาไปอีกหรอคะ”
“แค่เธอไปที่โลกโน้นได้มันก็แสดงว่าpspเครื่องนั้นมันไม่ธรรมดา อย่าดิ้นสิว้อย กอลเบซ!”
จันทราถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อข้อมือทั้งของข้างของเธอถูกชุดเกราะใหญ่สีดำทมึนจับข้อมือเธอกดลงกับพื้น ขาทั้งสองข้างแม้จะยังขยับได้อยู่แต่ก็ถีบอีกฝ่ายไม่ได้เพราะร่างสูงเขยิบตัวใกล้เกินที่จะทำได้ ทำให้เธอโดนพี่ชายค้นตัวอย่างไม่มีทางขัดขืน
“...เจอจนได้ กอลเบซอย่างพึ่งปล่อยนะกดเอาไว้แบบนั้นแหละ”
กอลเบลซ่าไม่รู้จะทำตัวยังไงใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยอีกใจหนึ่งก็อยากจะทำตามคำสั่ง แต่ขณะที่ลังเล แรงกดก็หายไปทำให้ร่างบางดิ้นหลุดออกมาจนได้
“โอ๊ะ!”
“เฮ้ย!!”
เสียงของเรียวดังขึ้นในมือของเขาไม่มีpspอยู่แล้ว เพราะโดนน้องสาวใช้มือกระแทกข้อมือของตัวเองจนของที่ถืออยู่หลุดมือ จันทราใช้จังหวะนั้นคว้าpspแล้ววิ่งออกไปจากห้องตรงออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษ...”
กอลเบสซ่าพูดขอโทษทันที ที่เขาทำตามคำสั่งของมาสเตอร์ไม่สำเร็จ
“ช่างมันเถอะ จันทรามันมีที่ไปไม่กี่ที่ เดินๆไปเดี๋ยวก็หาเจอ”
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
โอ๊ย...ติดแต่งType-0ซะนาน เอามาลงให้แล้วนะคะ orz
ความคิดเห็น