ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FULL-TIME #สายรุ้งสีคราม

    ลำดับตอนที่ #9 : CH08 :: 08:00

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 64





    08:00

     

    “เฮือก!” เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ดังขึ้นทันทีที่ผละริมฝีปากออกจากกันหลังจากจูบครั้งที่สามหรือสี่

    และคาดว่าอาจจะมีครั้งที่ห้าหรือหกต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่คนหัดจูบยังเรียกร้องให้ผมเป็นคู่ฝึกเรื่องนี้ไม่หยุดสักที แม้ตัวเองจะหายใจไม่ทันแทบทุกครั้งก็ตาม

    “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ครับ” บอกพลางเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำลายใสตรงมุมปากของอีกคนที่ยังคงหอบเอาลมเข้าปอดอยู่

    ตอนนี้เราเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิกันอยู่บนเตียงทิ้งให้ซีรีส์เล่นไปเรื่อยๆ จนถ้ามาดูอีกทีคงต้องย้อนกันไปไกลมากโข

    “แหะๆ” สายรุ้งหัวเราะแห้งใส่พลางยกมือขึ้นเช็ดตรงมุมปากตัวเองซ้ำตามที่ผมเพิ่งจะเช็ดให้หมาดๆ

    “นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมคงต้องกลับแล้วล่ะครับ” ผมว่าหลังจากเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นมาเพราะมีแจ้งเตือนอะไรสักอย่างเข้ามา

    “อ่า... นั้นสินะ พรุ่งนี้เราต้องไปทำงานกลุ่มนี่นา” ริมฝีปากบางที่เจ่อแดงจากการจูบหลายครั้งเบะน้อยๆ เหมือนเด็กเวลาถูกขัดใจ

    “ไว้คราวหน้าผมมาเล่นด้วยใหม่นะครับ” ว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปยีกลุ่มผมสีดำของคนแก่กว่าเบาๆ ยิ่งทำให้ปากบางที่เบะอยู่แล้วบึ้งยิ่งกว่าเก่า แถมขมวดคิ้วมุ่นใส่กันอีกต่างหาก

    “ทำไมรูปประโยคฟังดูแปลกๆ ว่าพี่เป็นหมาป่ะเนี่ย”

    หมาเหรอ?

    “ฮะๆ ผมว่าพี่หน้าเหมือนแมวมากกว่านะ” ว่าจบก็ปีนลงจากเตียงหลังใหญ่ก่อนหันไปจัดการกับจานข้าว ซากห่อสารพัดขนมที่ซื้อมากินให้เรียบร้อย

    “ไม่ต้องเก็บๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” สายรุ้งร้องพลางโบกมือห้ามรัวๆ ก่อนจะชะงักไปเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแล้วพูดต่อ “ไหนบอกว่าดึกไง เรารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะได้เอาขยะลงไปทิ้งข้างล่างด้วยไง” ผมแย้งพลางมัดปากถุงขยะให้เรียบร้อยก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และนั่นก็ทำให้เจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียงกระโดดลงมาก่อนวิ่งตามกันมาจนถึงประตูห้อง

    “พี่ลงไปส่ง”

    “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้เอง”

    “เอางั้นเหรอ ถ้างั้นก็กลับดีๆ นะ” สายรุ้งว่าก่อนยกมือขึ้นโบกหย็อยๆ พร้อมกะพริบตาปริบ

    บ้าจริง... ทำหน้าแบบนั้นแล้วน่ารักฉิบหาย

    ยิ่งริมฝีปากบางที่ค่อยๆ เม้มเข้าหากันเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้ผมละสายตาไปจากตรงนั้นไม่ได้

    “เดี๋ยว...” เสียงร้องอย่างตกใจของเจ้าของห้องถูกกลืนหายก่อนที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เมื่อผมสืบเท้าเข้าไปใกล้ก่อนโน้มตัวเข้าหาพร้อมฉวยโอกาสทีเผลอจูบอีกคนเร็วๆ แล้วถอยออกมา ปล่อยให้คนถูกฉวยโอกาสได้แต่ยืนทำหน้าตาตื่นตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น

    “ฝันดีครับ”

     

    วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาเพราะเสียงข้อความแจ้งเตือนเข้า กดเข้าไปอ่านก็เห็นว่าเป็นสายรุ้งนั่นแหละที่ทักมาคุยเล่นด้วย ถามนั่นนี่ไปเรื่อยตามประสาก่อนผมจะขอตัวจากคนในโทรศัพท์ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปข้างนอกตามที่นัดเพื่อนทำงานกลุ่มเอาไว้

    แค่ไม่กี่นาทีก็พาตัวเองและไอ้แทนที่มันใช้ผมประหนึ่งคนขับรถประจำตัวก็มาถึง co-working space หน้ามหาวิทยาลัย

    “เห็นไหม กูบอกแล้วว่ายังไม่มีใครมาหรอก ใกล้เวลานู่นแหละพวกแม่งถึงจะมากัน” แทนว่าขณะเอากระเป๋ากับแมคบุ๊คไปวางที่โต๊ะที่จองไว้ล่วงหน้า

    “กูจะไปสั่งกาแฟ มึงเอาไร”

    “ไม่เอา” คำปฏิเสธทำเอาผมถึงกับช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่กินแทบจะตลอดเวลาบอกว่าไม่เอาว่ะ

    “กูจะไปเลือกเอง หิวมาก” เอ้า!

    หลังจากได้กาแฟที่สั่งเรียบร้อยผมก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะที่มีเพื่อนมาเพิ่มอีก 1 คนถ้วน ผู้หญิงร่างเล็กหน้าตาสะสวยอดีตดาวคณะของรุ่นกำลังหยิบแมคบุ๊คของตัวเองออกมาจากกระเป๋าผ้า ก่อนจะหยิบถุงตาข่ายสีหวานที่ข้างในบรรจุห่ออะไรสักอย่างอีกจำนวนหนึ่งออกมา

    “มากันนานรึยังอ่ะ” เสียงหวานๆ เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมาโต๊ะ พร้อมกับเจ้าของเสียงที่หยิบห่อขนมสีหวานออกจากถุงตาข่ายก่อนยื่นมาให้

    “อะไรเหรอ” ถามออกไปพลางรับของชิ้นนั้นมาพลิกดูไปมา

    “บราวน์นี่คิ้วบ์น่ะ เคยได้ยินว่าสกายชอบรสเข้มๆ เราเลยเอามาให้ชิมว่ามันใช้ได้ไหม”

    “อ่อ ขอบคุณนะแซม”

    ว่าแต่... ผมไปพูดที่ไหนตอนไหนว่าชอบบราวน์นี่ งงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆ

    แต่ถึงจะงงๆ อยู่แต่ด้วยสายตาที่มองมาอย่างลุ้นระทึกเหมือนเป็นการกดดันให้กินไอ้ขนมนี่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองไปบอกว่าชอบมันตอนไหน

    “เป็นไง ใช้ได้หรือเปล่า” แซมถามพลางโน้มตัวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น อา... ทำไมถึงโน้มตัวมาแบบนั้นล่ะ นี่ผมกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอนะ จากที่ต้องก้มหน้าคุยกับเธอที่นั่งอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เล่นโน้มเข้ามาแบบนี้บวกกับคอเสื้อกว้างๆ นั่นยิ่งทำให้ผมเห็นอะไรต่อมิอะไรแทบจะหมดแล้ว

    “ก็โอเคเลยนะ เข้มดี” ผมตอบพลางเบนสายตาไปมองอย่างอื่นรอบตัวแทน

    “ดีจัง เอาอีกไหม เราเอามาเยอะแยะเลย”

    “หืม แซมเอาขนมมาด้วยเหรอ อยากชิมอ่ะ ขนมที่แซมทำอร่อยทุกอย่างเลย” เสียงไอ้แทนดังขึ้นแทรกพร้อมกับห่อขนมหลายห่อถูกเทจากอ้อมแขนของมันลงบนโต๊ะตามมาด้วยจานข้าวผัดอเมริกันแต่มันก็ยังไปขอกินขนมของชาวบ้านเพิ่มอีก

    “ได้สิ” แซมยิ้มก่อนหยิบขนมออกมาจากถุงตาข่ายยื่นไปให้แทน

    “อะไรๆ คุยอะไรกัน” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะตามมาด้วยแรงกดที่ไหล่พร้อมเจ้าของเสียงที่ชะโงกใบหน้าน่ารักขัดกับนิสัยมาจากด้านหลังแทรกกลางระหว่างผมกับแทน

    “อ้าวฌา ไหงวันนี้มึงมาเร็ว” เป็นแทนที่ร้องทักขึ้นก่อนอย่างประหลาดใจก่อนขยับตัวถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง

    “ผิดปกติมาก ปกติมึงสายตลอด” ผมเสริมก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบแมคบุ๊คของตัวเองออกมาบ้างเพราะสมาชิกกลุ่มกันครบแล้ว โรฌาตีไหล่ผมทีหนึ่งก่อนเกินอ้อมโต๊ะไปนั่งฝั่งข้างแซมที่ยังว่างอยู่

    “ก็มึงจิกกูให้รีบมาไม่ใช่รือไงแทน จำไม่ได้เหรอ แล้วนี่มึงมากินหรือมาทำงานน่ะ” เสียงเล็กๆ นั่นโพล่งขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกางแมคบุ๊คของตัวเองออกมา

    “ทั้งสอง มึงมีปัญหาไรมะ”

    ปล่อยสองคนเถียงกันไปส่วนผมก็หันมาสนใจงานส่วนของตัวเองตามที่เคยแบ่งหน้าที่กันเมื่อตอนอยู่ในคลาส ไม่นานเสียงโรฌากับแทนที่เถียงกันเงียบไปเอง แต่ทำงานไปสักพักพอละสายตาจากหน้าจอเพื่อพักสายตา กวาดมองนั่นนี่ไปเรื่อยก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังบางที่ดูคุ้นๆ ที่กำลังยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะรับแก้วกาแฟมาถือไว้แล้วหมุนตัวเตรียมที่เจอเดินออกไป แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็คงเห็นผมที่กำลังมองอยู่พอดีสองเท้าที่กำลังก้าวฉับๆ ถึงได้หยุดชะงักพร้อมกับส่งยิ้มเป็นเชิงทักทายมาให้

    พลั่ก!

    ซ่า!

    “โอ๊ย!” เสียงร้องดังขึ้นทันทีที่คนที่ยืนถือกาแฟถูกของเหลวในมือกระฉอกใส่ตัวเพราะใครที่ไหนก็ไม่รู้โผล่พรวดเข้ามาชนเต็มแรงจนคนถูกชนเซจนเกือบล้ม

    “เฮ้! เดินยังไงของคุณเนี่ย หัดดูทางซะบ้างสิ” เสียงคู่กรณีโวยวายเสียงดังขึ้นจนคนที่อยู่ในบริเวณนี้หันไปมองกันเป็นตาเดียว “แล้วนี่คุณจะรับผิดชอบเสื้อผ้าผมที่มันเปื้อนยังไงเนี่ย รู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่”

    ยิ่งอีกคนโวยวายมากเท่าไหร่ สายรุ้งที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรยิ่งขมวดคิ้วแน่น

    “เกิดอะไรขึ้นวะ” แทนโพล่งถามเบาๆ แค่พอให้ได้ยินกันสองคน

    “ถูกชนจนกาแฟราดใส่ตัวเองน่ะ เดี๋ยวกูมา” ผมตอบพร้อมหยัดตัวลุกขึ้นเดินตรงไปยังสองคนที่ทำท่าจะวิวาทกันทุกเมื่ออยู่ไม่ไกล

    “คุณพูดเหมือนผมเดินไปชนคุณ?” สายรุ้งถามขณะที่มือข้างหนึ่งก็จับแขนตัวเองข้างที่ถูกกาแฟราดใส่

    “แทนที่จะขอโทษคุณกลับตั้งคำถามแถมจะหาว่าผมเป็นคนผิดงั้นเหรอ”

    “ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ผมยืนอยู่เฉยๆ แล้วคุณก็โผล่มาจากไหนไม่รู้มาชนผม แล้วดูผลงานคุณสิ แขนผมแสบไปหมดแล้วเนี่ย” สายรุ้งว่าพร้อมกับยื่นแขนข้างที่โดนกาแฟลวกจนแดงเถือกไปให้คู่กรณีดู

    “นี่! คุณอย่ามามั่ว ผมเดินของผมดีๆ คุณนั่นแหละที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนผม ทำเป็นอ้างว่ายืนอยู่เฉยๆ มันใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ ใครเขาจะเชื่อ”

    “นี่คุณโตมาขนาดนี้โดยที่ไม่รู้จักยอมรับความผิดของตัวเองได้ยังไง ที่บ้านสอนเรื่องการยอมรับผิดและการขอโทษคนอื่นบ้างไหมเนี่ย”

    หมับ!

    ข้อมือข้างที่ยกขึ้นหมายจะตบคนพูดถูกผมที่เดินเข้าถึงด้านหลังเจ้าตัวพอดีคว้าเอาไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว ไม่อย่างนั้นคงต้องเป็นคดีทำร้ายร่างกายแน่ๆ

    “นี่คุณเป็นใครอีกเนี่ย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”

    “เป็นใครก็ช่างเถอะครับ แต่ผมเห็นนะว่าคุณเอาแต่เล่นโทรศัพท์จนเดินไปชนเขาเอง คนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือคือคุณเองหรือเปล่า ตัวเองทำอะไรก็น่าจะรู้ดีแก่ใจนะ” บอกพร้อมกับปล่อยข้อมือของอีกคน แต่เหมือนการหยิบเอาความจริงมาพูดแหกหน้าแบบนี้กลับยิ่งทำให้เจ้าตัวเหมือนจะของขึ้นหนักกว่าเดิม

    อ่า... เจอคนบ้าเข้าแล้วสิ

    “ก็จริงอยู่ที่ผมเล่นโทรศัพท์ แต่จะโทษว่าผมผิดฝ่ายเดียวได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนชนผม”

    “เหอะๆ ก็ยังจะเชื่อฝังหัวว่าตัวเองเป็นถูกชนเหรอ งั้นก็ไปขอดูกล้องวงจรปิด ว่าใครชนใครกันแน่นจะได้จบๆ” สายรุ้งโพล่งขึ้นนั่นยิ่งทำให้อีกคนกำลังจะอ้าปากเถียงอีกครั้ง แต่ก็ถูกพูดตัดหน้าซะก่อน “ถ้าผมชนคุณผมจะคุกเข่าขอโทษเลย แต่ถ้าคุณเป็นคนชนผมคุณต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าขอโทษผมนะ”

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” อีกฝ่ายกระแทกเสียงใส่ก่อนจะจ้ำอ้าวเดินออกจากร้านไปเสียอย่างนั้น

    อ้าว...

    “อะไรเนี่ย นี่สรุปคือเจ็บตัวฟรีเหรอ นิสัยเสียจังวะ” สายรุ้งบ่นไล่หลังคนที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากร้าน

    “เจ็บมากไหมครับ เราไปที่ห้องน้ำก่อนดีกว่า” ผมว่าพร้อมดึงมือข้างที่ไม่เจ็บของคนที่อารมณ์ยังกรุ่นๆ อยู่ให้เดินตามไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างให้แผลที่ถูกลวกเย็นลง

    “มันจะพองไหมอ่ะ” สายรุ้งถามพลางเบะปาก

    “อาจจะพองหรืออาจจะไม่ก็ได้ครับ แต่ผมคิดว่าไม่นะ เพราะมันไม่ได้ร้อนจัดเหมือนน้ำเดือดอ่ะ”

    “เหรอ แล้วทำแบบนี้มันจะหายเหรอ” คนเจ็บว่าเสียงอ่อนก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมามองกันเป็นเชิงถาม

    เดี๋ยวนะ สายตาแบบนี้มันอะไร อ้อน?

    “มันเป็นวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นครับ อันที่จริงผมว่าควรไปให้หมอดูนะ แต่ถ้าไม่อยากไปก็ซื้อยามาทาก็ได้แหละครับ”

    “ไม่เอา ไม่อยากไปหาหมอ มันนานอ่ะ”

    “เอางั้นก็ได้ครับ แต่พี่ต้องล้างแผลด้วยน้ำเกลือด้วยนะครับ ถ้าคันก็อย่าเกา” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาค่อยๆ ซับบนแขนขาวที่แดงเป็นปื้นอย่างเบามือ

    “ขอบคุณนะ” อยู่ๆ เสียงนุ่มทุ้มโพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะหันมาฉีดยิ้มตาหยี่ให้ แต่ด้วยระยะห่างที่แทบจะไม่มีทำให้จังหวะที่เจ้าตัวหันมาทำให้ต่างฝ่ายต่างชะงักเพราะหน้าแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ

    จากตาหยี่แทบปิดเลยกลายเป็นเบิกกว้าง นัยน์ตาสีนิลฉายแววตกใจชัดเจน ก่อนเสไปมองทางอื่นทันที

    ก็น่ารักดี รีแอคตกใจจนเขินหูแดงไปหมดแบบนี้

    “เขินเหรอครับ” แสร้งขยับเข้าไปใกล้ในขณะที่อีกคนถอยห่าง

    “ยะ... อย่าเข้ามาออกไปก๊อนนนน!” บอกเสียงสูงพร้อมกับดันอกผมให้ถอยห่าง

    “เมื่อวานไม่เห็นเขินเลย”

    “กะ... ก็ตอนนั้นผีเข้า ตอนนี้ผีออกแล้ว ฮื่อ... ถอยไปหน่อยสกาย อย่างแกล้งสิ” โวยวายงุ้งงิ้งพร้อมยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาแต่ก็ไม่วายโบกมือไล่กันหย็อยๆ

    “ฮะๆ โอเค ไม่แกล้งแล้วครับ” บอกพร้อมยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “ว่าแต่ พี่รุ้งมาทำอะไรแถวนี้ครับ”

    ถามเสร็จคนที่กำลังเขินก็ชะงักไปอีกหนพลางลดมือที่ปิดหน้าตัวเองลงก่อนทำท่าจะเปิดปากพูด แต่ก็ไม่พูดออกมา เอาแต่อึกอักเหมือนลังเลอะไรสักอย่าง

    เอ... ผมหรือผมไปถามอะไรที่ไม่ควรถามหรือเปล่า แต่ว่าที่นี่กับร้านของฟ้าที่สายรุ้งจะต้องไปมันห่างกันคนละโยชน์เลยนะ

    “อ้อ! มาซื้อกาแฟไง อื้อๆ มาซื้อกาแฟ” ตาสีนิลหลุกหลิกส่อพิรุธสุดขีด เจ้าตัวต้องทำอะไรสักอย่างเอาไว้แน่ๆ ถึงไม่อยากให้ผมรู้น่ะ

    “เหรอครับ” ถึงปากจะยอมเออออตาม แต่สายตาก็ยังมองสบตาอีกคนนิ่งๆ

    “อ่ะๆ บอกก็ได้ พี่มาเอารถที่มอ”

    “หือ? ทำไมรถอยู่ที่มอละครับ นี่แปลว่าเมื่อวานที่กลับกับผมคือทิ้งรถเอาไว้เหรอ” โพล่งถามกลับหน้าซื่อตาใส ยิ่งทำให้คนพูดหลุบตาลงต่ำแถมหูเหอแดงยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก เอ้า!

    “อือ”

    เพื่อ???

    “...” เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้แล้วปล่อยให้การเงียบรอฟังเป็นสัญญาณให้อีกคนพูดต่อโดยอัตโนมัติเอง

    “ก็แค่เมื่อวานอยากกลับด้วยเฉยๆ อ่ะ คือแบบ... จะว่ายังไงดี” ว่าพลางยกมือขึ้นเกาแก้มใสข้างที่มีจุดสามจุดเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมเหมือนกลุ่มดาวนั่น

    “...”

    “ยิ้มทำไมอ่ะ นี่กลั้นหัวเราะอยู่รึเปล่าน่ะ”

    “เปล่านะ ผมไม่ได้ยิ้มเลย” ผมปฏิเสธพลางกลั้วหัวสวนทางกับสิ่งที่พูด ยิ่งทำให้คนโตกว่าทำท่าจะงอแงหนักกว่าเดิม

    “ทำไมขี้แกล้งแบบนี้เนี่ย ไปแล้วๆ ไม่อยู่แล้ว” แล้วคนที่เขินหน้าแดงหูแดงก็วิ่งออกไปจากห้องน้ำทันทีที่พูดจบ

    ทำตัวน่ารักใส่แบบนั้นจะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงก่อน

    พอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นวี่แววของสายรุ้งแล้ว สงสัยที่บอกว่าไปแล้วจะไม่ได้แปลว่าออกไปจากห้องน้ำสินะ นี่เลยหายไปเลย น่าจะไปจากที่นี่แล้วแหละ

    ‘Skyyy: ถึงร้านแล้วบอกหน่อยนะครับ แค่ text ก็ได้

    กดส่งข้อความถึงคนที่หนีหายเสร็จก็คว่ำมันลงกับโต๊ะก่อนจะกลับมาสนใจงานตรงหน้าที่ยังทำค้างต่อ

    “สกายเราถามไรหน่อยดิ” เสียงแซมโพล่งขึ้นเบาๆ เพราะกลัวรบกวนคนอื่นที่กำลังทำงานเรียกให้จำต้องละสายตาจากงานในส่วนของตัวเองไปมองเป็นเชิงรอฟังว่าเจ้าตัวต้องการถามอะไร แต่แทนที่จะถามคำถาม กลับหันไปขอแลกที่กับแทนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเสียอย่างนั้น

    “อันนี้คือยังไงเหรอ เราสับสน อธิบายเราใหม่ได้ไหม” แซมว่าพร้อมกับนิ้วเรียวชี้ไปที่หน้าจอแมคบุ๊คของตัวเองตรงจุดที่กำลังติดปัญหาอยู่ และไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ผมถึงได้สัมผัสได้ถึงไอร้อนของร่างการอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้เกินจำเป็น แล้วไหนจะเสื้อคอกว้างเจ้าปัญหาที่สาวเจ้าใส่อยู่อีก

    ถ้าพูดออกไปก็คงไม่ดี เลยได้แต่ขยับตัวเองออกห่างช้าๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะคนที่ผมขยับหนีก็ดันขยับเข้ามาหากันอีกครั้งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หนังสือที่กางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับคำถามที่ตามมาเป็นระลอก

    ...รู้สึกแปลกๆ แฮะ

    ผ่านไปสักพัก แซมเลิกตั้งคำถามกับผมแล้วหันไปส่วนใจงานของตัวเองต่อแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีการสลับที่คืนกับแทนแต่อย่างใด ทว่านั่งทำงานต่อไปได้อีกสักพักก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ปลายเท้าของใครสักคนกำลังลากวนอยู่ตรงข้อเท้า พอมองลอดลงไปใต้โต๊ะก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ

    วันนี้วันอะไรของผมวะ ทำไมเจอแต่เรื่องให้ต้องตั้งคำถามเนี่ย

     

    กว่าแต่ละคนจะทำในส่วนของตัวเอง และกว่าจะเอางานทั้งหมดมารวมกันก็กินเวลานานกว่าที่คิดไปมาก และตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว

    ส่วนสายรุ้งก็ส่งข้อความมาบอกกันว่ากลับจากร้านของฟ้าแล้วตั้งแต่สี่โมงเย็น แถมบอกว่าตอนนี้ไอเดียกำลังพุ่งต้องรีบสเก็ตช์ตอนกำลังมีไฟ แค่นั้นแล้วก็หายไปเลย หายยาวๆ

    “ไหนๆ ก็งานเสร็จแล้ว หมูทะกันไหม” แทนโพล่งขึ้นกลางวงพร้อมส่งสายตาเป็นประกายมาให้ทุกคนอย่างคาดหวังเต็มเปี่ยม

    “วันนี้ก็กินทั้งวันแล้วมึงยังจะต่อหมูกระทะอีกเหรอ” โรฌาสวนกลับทำให้เพื่อนแก้มพองของผมหน้าหงิกทันที

    ก็นะ สำหรับแทนเรื่องกินสำคัญกว่าอะไรในโลกอีก

    “เราว่าก็น่าสนนะ ทำงานเครียดมาทั้งวันแล้ว” แซมว่าพลางหันไปมองโรฌาที่กำลังทำหน้างอส่วนทางกับแทนที่เริ่มยิ้มเย้ยอย่างมีชัย

    “สกายล่ะว่าไง” คนหน้างอถาม ซึ่งถามผมผู้ไม่ค่อยมีความคิดเรื่องกินเป็นของตัวเองน่ะนะ ไม่ได้คำตอบหรอก

    “ยังไงก็ได้”

    แปะ!

    “อ่ะ สรุปไปแดกหมูทะกันนะจ๊ะ”

     

    กลับมาถึงห้องด้วยสภาพอิดโรย โยนทุกอย่างทิ้งลงโซฟาปลายเตียงแทนที่จะเก็บให้เข้าที่เหมือนทุกทีก่อนกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับความง่วงที่เข้าโจมตีเหมือนรอเวลานี้มานาน

    แปะโป้งไปอาบน้ำตอนเช้าได้ไหมนะ

    ครืด...

    แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงเรียกให้ต้องแหกตาที่กำลังจะปิดให้ตื่นขึ้นอีกครั้งเพื่อพบกับข้อความจากแซมที่ร้อยวันพันชาติไม่เคยคุยแชทส่วนตัวกันเลยนอกจากแชทกลุ่มงาน

    ‘SAMatha: สกายๆ เรามีเรื่องสงสัย

    ‘skyyy: หือ?’

    ‘SAMatha: คนที่สกายเข้าไปหาเมื่อตอนกลางวันอ่ะ เค้าเป็นใครเหรอ

    ได้กลิ่นแปลกๆ ...ให้เดาต่อจากนี้คือจะขอคอนแทคของสายรุ้งเพราะสนใจไรงี้หรือเปล่า?

    ถึงจะคิดว่าอาจจะเป็นแบบนั้นผมก็ตอบไปตามความจริงว่าเป็น คนคุยก่อนจะถามต่อว่าทำไม แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าแค่สงสัยเฉยๆ ถึงได้ถามแบบนี้ แต่พอลองหยั่งเชิงบอกไปตามตรงว่าคิดว่าน่าจะมีเหตุผลอื่นที่มันฟังขึ้นกว่าแค่สงสัย แซมก็ยอมรับแต่โดยดี แต่ทว่าเหตุผลจริงๆ ที่แซมบอกทำเอาผมอยากจะย้อนไปกดยกเลิกข้อความที่ตัวเองถามไปจริงๆ

    ‘SAMatha: เราชอบสกายอ่ะ

    ไม่รู้ว่าแซมส่งข้อความอะไรมาหลังจากนี้ แต่ว่าผมหลังจากที่อ่านข้อความนี้จบหัวสมองเหมือนหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่งเลย

    ก็จริงอยู่ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ตัวเองถูกสารภาพให้ต้องแบกความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาคือคนที่มาบอกเป็นคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อ แถมโอกาสเจอกันแทบจะนับได้ด้วยมือข้างเดียว มันเลยไม่เป็นปัญหาที่จะปฏิเสธ

    แต่นี่เพื่อนไง ยังต้องเจอกันไปจนเรียนจบ ยิ่งกว่าต้องเรียนด้วยกันคือต้องทำงานด้วยกัน

    แม่งเดาไม่ได้เลยว่าถ้าปฏิเสธแล้วแซมจะยังทำงานกับผมได้หรือเปล่า ถ้าไม่นี่คืองานเข้าเลยนะ ได้ยินมาจากรุ่นพี่ว่างานกลุ่มวิชานี้คือลากยาวตั้งแต่ต้นเทอมยันปิดเทอมเลย

    ...เวร

     

     

    CH08 :: 100%

     


    //กระโดดกราบสไลด์ไปกับพื้น

    อัพแล้วแล้วขอรับ แหะๆ ขอโทษรีดเดอร์ที่ยังรออยู่ (หรือไม่มีคนรอแล้วนะ ;-;)

    ผิดไปแล้วขอรับ ข้าน้อยติดเกมหนักมาก หัวคิดนะขอรับแต่มือไม่ไป แงงง

    ตอนนี้เบิกตัวละครใหม่อีกแล้ว นุ้งแซมจะทำยังไงนะ น้องสกายกันทำยังไงเอ่ย แล้วพี่รุ้งจะเป็นยังไงน้า

    รีดเดอร์ติชมเข้ามาได้นะขอรับ ข้าน้อยจะเก็บไปปรับปรุง ;-;

    แล้วไว้มาพับกบกันใหม่ในตอนหน้าขอรับ ถ้ามาช้าเกินไปทวงได้นะขอรับ จิ้มๆ ตามแท็กไปเลยกะได้ขอรับ ;-;

    #สายรุ้งสีคราม

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×