ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FULL-TIME #สายรุ้งสีคราม

    ลำดับตอนที่ #8 : CH07 :: 07:00

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 64





    07:00

     

    ทันทีที่กลับมาถึงหอผมก็พาสารร่างตัวเองพุ่งลงบนเตียงทันที เรื่องอาบน้ำน่ะช่างมันก่อน กดส่งข้อความรายงานตัวกับคนที่เพิ่งพาไปส่งที่หอของเจ้าตัว ก่อนกดเปลี่ยนห้องแชทไปตามแจ้งเตียงที่ถูกเมนชั่นเอาไว้

    เรื่องที่ทุกคนคุยค้างกันอยู่ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้านแมค แน่นอนว่าคนที่เป็นหัวข้อสนทนาของพวกมันก็คือผมยังไงล่ะ ไม่ได้พูดถึงเปล่าๆ มีรูปแนบเป็นรูปแอบถ่ายจากมุมไหนสักมุมภายในร้านที่ผมพาสายรุ้งไปนั่งนั่นแหละ

    ทันทีที่แสดงตัวทุกคนก็ส่งคำถามอยากรู้อยากเห็นใส่ผมกันรัวๆ และก็เลือกที่จะเล่าไปแค่ว่าเจมิไนมันถ่อไปบอกชอบสายรุ้งถึงหอเจ้าตัวจนต้องหนีเตลิดออกมาเจอผมนั่นแหละ

    ผมเล่าแค่นั้น

    ส่วนเรื่องที่เจมิไนแม่งเมาโทรมาอ้อนวอนขอความรักนั่นผมจะละไว้ก็แล้วกัน

    ไหนๆ มันก็เข้าใจไปว่าเราคบกันแล้ว เรามาลองทำตามที่มันเข้าใจดูไหม

    คำพูดของสายรุ้งตามมาหลอกหลอนจนมือที่กำลังรัวพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ชะงัก สายตาหลุดโฟกัสจากหน้าจอแล้วจมลงสู่ความคิดตัวเองเอาดื้อๆ

    ...แล้วคำถามก็เริ่มผุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด

    ทำไมสายรุ้งถึงพูดแบบนั้น?

    เพราะต้องการใช้ผมเป็นไม้กันหมา หรือเพราะมีเหตุผลอย่างอื่น

    พอย้อนกลับไปนึกถึงคืนที่ผมหิ้วสายรุ้งกลับมาที่หอ สิ่งที่เข้าใจว่าเขาละเมอปลอบตัวเองเมื่อตอนนั้นยังกังขาอยู่

    ...มันมีจริงๆ เหรอ คนที่ละเมอปลอบคนอื่นเป็นเรื่องเป็นราว

    เปลี่ยนห้องแชทกลับมาหาคนที่เป็นหัวข้อสนทนาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเข้านอนไปแล้วหรือยัง ไม่รู้ว่ายังอยู่ในช่วงที่นิ่งเป็นหลับขยับเป็นบ้า (?) อยู่หรือเปล่า

    พิมพ์คำถามที่ตัวเองสงสัยไป ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็จะนอนไปแล้วก็ได้ แต่วันนี้โชคดีที่เจ้สตัวยังไม่นอนทั้งที่ดึกป่านนี้

    ‘[Rainbow]: โห นึกว่านอนไปแล้วนะเนี่ย

    อือ นั่นแหละ เท่าที่รู้มากคนคณะนี้มักนอนไม่เป็นเวลา แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้

    สายรุ้งบ่นงุ้งงิ้งตามประสาก่อนจะวกกลับมาถามถึงเรื่องที่ผมเปิดประเด็นทักเจ้าตัวไปก่อนหน้านี้

    เรื่องที่ผมข้องใจเมื่อหลายคืนก่อนที่ผมเข้าใจว่าสายรุ้งละเมอตื่นมาปลอบผมที่อกหักจนเป็นผีบ้านั่นน่ะ แล้วผลก็คือพี่แกไม่ได้ละเมอเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจจริงๆ ด้วย!

    ก็ว่าอยู่ เกิดมาไม่เคยเจอใครละเมอเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น แต่เหตุผลที่สายรุ้งทำเหมือนว่าตอนนั้นตัวเองไม่รับรู้อะไรเพียงแค่คิดว่าผมคงไม่โอเคสักเท่าไหร่ ที่ใครก็ไม่รู้มาเห็นตัวเองตอนร้องไห้เป็นบ้าแบบนั้น ยิ่งกับคนที่ไม่เคยรู้จักหรือไม่สนิทกันมาก่อนน่ะ

    ก็จริงแหละ ผมไม่ชอบการร้องไห้ ต่อให้กับคนที่สนิทมากๆ ผมก็ไม่ชอบให้เห็นตัวเองด้านอ่อนแออยู่ดี

    ‘[Rainbow]: พี่ถามเราบ้างดิ

    ‘skyyy: อ่า ครับ

    ‘[Rainbow]: ตอนนี้

    ‘[Rainbow]: ยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่ไหม

    ...

    คือ... ไม่รู้สิ อาจจะเพราะตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมพยายามทำตัวให้ยุ่งหรือถ้าว่างก็หาอะไรทำตลอดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องเฮงซวยที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน

    แบบนี้มันเหมือนกับว่าผมยังคิดถึงแต่พยายามทำอย่างอื่นกลบเกลื่อนอยู่ใช่ไหม?

    ความรู้สึกคิดที่ว่ามันเคยโอเคมาโดยตลอดกลับเริ่มหายไปและเริ่มที่จะถูกพิษจากแผลเก่ากัดกินอีกครั้ง

    ใครๆ เขาก็พูดว่าไม่ไหวอย่าฝืนแต่ผมเองแหละที่ดันทุรังทำเหมือนไม่เป็นอะไร

    ไม่พูดถึง ไม่เฉียดเข้าใกล้ ไม่ทำอะไรที่ทำให้ความทรงจำเก่าๆ ย้อนกลับมา แต่สุดท้ายแม่งก็หนีไม่พ้นอยู่ดี โธ่...

    ‘[Rainbow]: พี่ขอโทษนะที่เอาเรื่องนี้มาคุยให้เราไม่สบายใจ

    ก็รู้นี่นาที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรหยิบขึ้นมาพูดถึง ทำไมถึงยังทำนะ?

    ‘[Rainbow]: แต่ว่าเรื่องที่พี่จะบอกเรามันเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ

    บทสนทนาระหว่าผมกับสายรุ้งมันมีอะไรที่มีจุดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอ นอกจากที่เขาปลอบผมน่ะ?

    ‘[Rainbow]: สกาย

    สายรุ้งพิมพ์เรียกชื่อผมสั้นๆ คงเพราะผมเอาแต่อ่านข้อความที่อีกคนส่งมาเงียบๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนทำให้เจ้าตัวอาจจะคิดว่าผมหลับไปกลางอากาศแบบที่เจ้าตัวเคยทำใส่ผมเมื่อก่อนหน้านี้หรือเปล่า?

    แต่ผมไม่ได้หลับไง แค่จะอ่านข้อความที่เจ้าตัวพิมพ์มาให้ครบทั้งหมดที่เขาตั้งใจจะพิมพ์แล้วค่อยตอบกลับ

    ‘skyyy: ครับ

    ‘skyyy: ผมอ่านอยู่

    ‘[Rainbow]: พี่ว่าพี่ชอบเราว่ะ

    เอาแล้ว...

    จากเริ่มแรกเดิมทีที่คิดว่าอีกคนเป็นผีข้างกองขยะจนเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วดันช่วยหิ้วปีกกลับหอมาเพราะเห็นว่าหน้าตาน่ารักดีด้วยลึกๆ แอบประชดอาการอกหักตัวเองแท้ๆ

    ผมเอาแต่อ่านข้อความล่าสุดของสายรุ้งซ้ำไปซ้ำมา มองหาความเป็นไปได้ที่น่าจะเป็นทั้งหมดเท่าที่จะคิดได้

    เอาตรงๆ คือต่อให้เป็นรักแรกพบอะไรทำนองนั้นผมก็ยังไม่คิดว่าการสารภาพกับอีกฝ่ายมันจะใช้เวลาเร็วขนาดนี้! แต่ถ้าตัดเรื่องระยะเวลาที่แสนสั้น (โคตรๆ) ทิ้งไป ในช่วงที่ผ่านมาสายรุ้งที่ผมรู้จักก็คนนิสัยน่ารักคนหนึ่งเลยแหละ

    ไม่ได้อยากจะหลงตัวเองแต่ในชีวิตผมมักจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งผมรับมือกับมันได้ดี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่กับสายรุ้งผมนี่มึนไปหมด ทำตัวไม่ถูกเลยล่ะ

    พิมพ์ข้อความขอเวลานอกไปก่อนจะรีบเปลี่ยนห้องแชทไปหาผืนฟ้าด้วยความคิดชั่ววูบว่าพี่ชายตัวเองจะให้คำแนะนำดีๆ ได้ แต่คิดไปคิดมา คนที่เป็นโสดมาจนอายุปูนนี้คงไม่น่าจะมีอะไรแนะนำผมได้ เผลอๆ ผมสิต้องแนะนำฟ้าน่ะ

    เปลี่ยนห้องแชทกลับมาเหมือนเดิมถามไถ่เหตุผลที่มาที่ไปแต่ดันได้ใจความกลับมาเพราะว่าผมใจดี

    เอ่อ... ผมว่าผมไม่ได้ใจดีนะ ถึงหลายๆ คนรอบตัวจะบอกว่าผมใจดีก็เถอะ อันที่จริงคงไม่มีใครอยากแสดงด้านไม่ดีของตัวเองออกมาให้คนอื่นไม่ชอบโดยไม่จำเป็นหรือถูกไหม?

    ก่อนจะออกทะเล กลับมาเรื่องของคนในแชทก่อนเถอะ

    เกือบทั้งหมดที่เคยเจอมา การสารภาพความรู้สึกมันมักจะตีความได้ว่าคนสารภาพต้องการการพัฒนาทางความสัมพันธ์ แต่ผมไม่ง่ายนะ ต่อให้เป็นสายรุ้งหรือคนน่ารักคนไหนก็ตาม ถ้าไม่รู้จักกันมากกว่านี้ผมไม่ให้เป็นอย่างที่อีกคนอยากได้ง่ายๆ หรอก

    ส่งข้อความกลับไปว่าผมตอบรับความรู้สึกของเจ้าตัวตอนนี้ไม่ได้ และข้อความที่ถูกส่งกลับมาก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความหงอยในระดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าสายรุ้งจะตีความไปเองแล้วที่ผมไม่ตอบรับนั่นเป็นเพราะยังลืมมิ้นท์ไม่ได้

    อือ... ก็จริงอยู่ว่ายังลืมไม่ได้ แต่ถ้ามีอะไรมาทำให้ลืมได้เร็วๆ แล้วไม่ต้อง flashback เวลาไปไหนมาไหนก็คงจะดีไม่หยอก

    ‘skyyy: ผมไม่ค่อยอยากคบกับใครโดยที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่รู้จักกันดีนะครับ

    ‘skyyy: พี่ลองทำให้ผมรู้จักพี่มากกว่านี้หน่อยนะครับ

    มองอีกมุม มันก็ดูเหมือนว่าผมใช้สายรุ้งเป็นเครื่องมือในการลืมเรื่องแย่ๆ ละนะ

    บอกแล้วว่าผมไม่ได้ใจดี

    สายรุ้งเหมือนจะเงิบจนสติหลุดไปแล้วแฮะ เดาได้จาก gif หน้าเหวอรับประทานที่ส่งมาไม่หยุดนั่นน่ะ

    ‘[Rainbow]: ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน

    ‘[Rainbow]: คนคุยเหรอ

    ‘[Rainbow]: ใช่มั่ยชั่ยยย

    ‘skyyy: งั้นมั้งครับ

     

    ครืด...

    แจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอเรียกความสนใจจากสไลด์หน้าห้องในคาบเรียนที่น่าเบื่อได้เป็นอย่างดี ยิ่งเห็นว่าใครเป็นเจ้าของข้อความที่ส่งมานั่นยิ่งทำให้เผลอยกมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัวก่อนปลดล็อกหน้าจอเพื่อตอบกลับข้อความที่สายรุ้งถามว่าผมกินอะไรเป็นมื้อเที่ยง

    ว่าแต่ตอนนี้บ่ายสองครึ่งทำไมถึงเพิ่งจะกินข้าวกันล่ะ นี่ปกติเหรอ?

    พิมพ์ถามออกไปอย่างสงสัยแต่ก่อนจะได้คำตอบแทนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของคริสที่คั่นกลางระหว่างผมกับมันกำลังพยายามชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ด้วยรังสีความเสือกที่แสดงให้เห็นชัดเจน แต่ตำแหน่งของตัวเองไม่เอื้อมันก็เลยแจ้นไปรัวข้อความใส่กลุ่มคุยเล่นพร้อมบอกให้คริสสานต่อความต้องการเสือกของมันอีก

    เรื่องที่ผมคุยกับใครมันไม่ได้เป็นความลับอะไรมากมาย ผมถึงปล่อยให้คริสดูว่าผมกำลังแชทคุยกับใคร แต่เว้นแทนไว้สักคน ไหนๆ เพื่อนก็ขวนขวายอยากจะรู้ละ อย่าเพิ่งไปบอกมันดีกว่า ให้มันใช้สกิลเสือกจนรู้เองเถอะ

    แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งเพื่อนตัวเองแล้วล่ะ

    วกกลับมาที่ห้องแชทของสายรุ้งที่อยู่ดีๆ ก็ชวนผมไปดูหนังที่ห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มีการบอกย้ำด้วยว่าดูเน็ตฟลิกซ์... เขารู้ใช้ไหมว่าคำนี้มันแปลได้สองแง่น่ะ

    ไม่คิดว่าจะไวไฟขนาดนี้แฮะ...

    ‘[Rainbow]: ซื้อขนมมากินกันๆ

    อ่ะ ชวนไปซื้อขนมขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องใต้สะดือแล้วล่ะ น่าจะเป็นดูเน็ตฟลิกซ์ตรงตัวตามรูปประโยคแหละ

     

    เลิกคลาสนาฬิกาบอกเวลา 16:00 ปุ๊บ ข้อความจากสายรุ้งก็เด้งขึ้นมาปั๊บ พอลงมาใต้คณะพร้อมสองสหายตามปกติก็เห็นคนผมดำยุ่งเหยิงนิดหน่อยที่ค่อนข้างจะคุ้นหน้าคุ้นตาในพักหลังมานี้กำลังนั่งชะเง้อมองหาคนอยู่ คริสที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและเป็นคนสติดีก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนแทนที่ยังไม่รู้อะไรแถมค่อนข้างจะเป็นบ้าก็เริ่มดีดดิ้นเป็นผีทันทีที่เจอคนหล่อของตัวเอง ก่อนเข้าไปหวีดในห้องแชทกลุ่มรัวๆ

    ปล่อยมันไปเถอะ เดี๋ยวคริสคงจัดการมันได้

    “มารอนานรึยังครับ” ผมถามเมื่อเหลือระยะแค่ไม่กี่ก้าวจะถึงตัวคนที่นั่งมองหน้ากันตาแป๋ว

    “อื้อ กินข้าวเสร็จก็มารอเลย เนี่ยแบตโทรศัพท์ใกล้หมดแล้วด้วย” ตอบรับบอกกล่าวรัวๆ พร้อมชูโทรศัพท์ในมือขึ้นมา

    “อ่า ทำไมไม่รอที่ที่มีแอร์ล่ะครับ ที่นี่ทั้งร้อนทั้งไม่มีแอร์” ถามออกไปพร้อมก้าวขาเดินตามคนตัวบางที่เริ่มเดินนำออกไปจากตรงนี้

    “ขี้เกียจไปหอสมุดอ่ะ ไปที่นั่นเจอแอร์เย็นๆ ต้องหลับลืมตื่นแน่ๆ” สายรุ้งที่เดินนำอยู่ก้าวหนึ่งเอี้ยวตัวกลับมาตอบพร้อมกับยิ้มตาหยีให้ “ว่าแต่เราจอดรถไว้ไหนอ่ะ”

    “เลี้ยวขวาข้างหน้าครับ ตรงหน้าตึก” เมื่อได้คำตอบก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหมุนตัวกลับไปตามปกติ

    “ว่าแต่รถพี่ล่ะครับ วันนี้ไม่ได้ขับมาเหรอ”

    “อื้อ เพราะงั้นไปรถเรานะ ได้ไหม” แล้วเท้าที่กำลังเดินก็ชะงักและหันขวับกลับมาส่งสายตาปิ๊งๆ เหมือนในการ์ตูน จนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ฮะๆ ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

     

    ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ กับหอของสายรุ้งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการประหยัดเวลา แถมยังมีร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ ให้สั่งข้าวกล่องไปกินเผื่อหิวกลางทางระหว่างดูหนังด้วย

    เดินถือถุงขนมเต็มสองมือตามหลังสายรุ้งที่เป็นฝ่ายถือข้าวกล่อง 3 กล่อง (มีของพี่หงส์ที่ฝากซื้อด้วย)

    “เดี๋ยวพี่เอาข้าวไปให้หงส์มันก่อนแป๊บนึงนะ” สายรุ้งหันมาบอกหลังจากที่จัดการเปิดประตูห้องตัวเองให้ผมเข้าไปรอข้างในก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปห้องของเพื่อนตัวเองที่อยู่ชั้นบน

    กวาดสายตามองสำรวจภายในห้องของสายรุ้งนับได้ว่าผิดคาดมาก เพราะถึงหอนี้จะเป็นหอธรรมดา และมีห้องเป็นแค่ห้องแบบสตูดิโอขนาดกลาง แต่ข้าวของเครื่องใช้ใดๆ ในห้องนี้น่าจะเป็นของที่เจ้าของห้องเอามาเองจากบ้าน

    หอพักคงไม่มีทีวีเกือบ 50 นิ้วให้หรอกมั้ง

    ตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่ปลายเตียงคั่นกลางระหว่างเตียงกับทีวีมีกระดาษสเก็ตช์รูปห้องแบบต่างๆ เอาไว้ เสร็จบ้าง ไม่เสร็จบ้าง หรือบางรูปก็มีแค่เส้นตรงลากตัดผ่านกันไปมาเหมือนกล่องอะไรสักอย่าง ช่างเถอะ ผมไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เท่าไหร่

    จัดการเก็บกระดาษรวมทั้งอุปกรณ์วาดต่างๆ ไปวางไว้ตรงโต๊ะทำงาน ก่อนจะกลับมาเตรียมเสบียงที่ซื้อมาให้พร้อมสำหรับการดูหนังรอเจ้าของห้องกลับมา

    ได้แต่นั่งจ๋องบนพรมนุ่มๆ มองนั่นนี่ในห้องไปเรื่อยเปื่อย แต่สายรุ้งก็ไม่กลับมาสักทีจนอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะส่งข้อความตามแต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาก่อนพอดี

    ‘[rainbow]: พี่ถามไรเราหน่อยดิ คือหงส์มันทักพี่มา’

    ‘[rainbow]: ว่าที่พี่ชวนเรามาดูเน็ตฟลิกซ์มันฟังดูเหมือนชวนมาทำเรื่องอย่างว่าอ่ะ’

    พรืด!

    หลุดหัวเราะทันทีที่อ่านจบ เล่นเอามาถามกันแบบนี้แสดงว่าในตอนแรกที่ชวนไม่ได้คิดถึงความหมายแฝงของการชวนดูเน็ตฟลิกซ์สินะ ยิ่งพอบอกให้เข้าห้องมาคุยกันดีๆ ก็บอกคุยกันผ่านแชทแบบนี้ แปลว่าเจ้าตัวก็แอบหวั่นอยู่สินะ

    หึๆ

    skyyy: อ่า แล้วไม่ใช่เหรอครับ’

    แกล้งพิมพ์กลับไปแบบนั้น พร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ ส่วนสายรุ้งก็พยายามดันข้อความทั้งหมดขึ้นไปให้พ้นจอพร้อมปิดท้ายด้วย gif สพันจ์บ๊อบฝังตัวเองลงไปในทราย จนต้องพิมพ์ตอบกลับไปว่าผมแค่หยอกเท่านั้น และผมก็รู้เจตนาของเจ้าตัวว่าชวนมาดูหนังไม่ใช่เรื่องอย่างว่า

    เพราะถ้าจะชวนมาทำเรื่องพรรค์นั้นไม่ต้องซื้อของกินมาเท่ากองภูเขาก็ได้

    “เพิ่งรู้ว่าขี้แกล้งเหมือนกันนะเราน่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดดังขึ้นทันทีเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับย่นจมูกใส่หนนึงแล้วเดินไปนั่งตรงโต๊ะญี่ปุ่นปลายเตียงก่อนจะตบปุๆ บนพื้นพรมขนสัตว์ที่ว่างข้างตัวเป็นเชิงให้ผมไปนั่งสักที

    “ดูไรดีอ่ะ” ปากโพล่งถามทั้งที่สายตายังคงจับต้องอยู่ที่หน้าจอพร้อมกับมือที่กดรีโมทเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ

    “ผมดูได้ทุกแนวครับ พี่รุ้งอยากดูเรื่องไหเลือกได้เลยครับ” ตอบกลับคำถามให้คนฟังพยักหน้าหงึกหงักก่อนเจ้าตัวจะกดเล่นซีรีส์ฝรั่งเรื่องหนึ่งจากในคลัง

    ความเงียบโรยตัว ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างเราสองคน เพราะต่างฝ่ายต่างตั้งใจดูซีรีส์อย่างจริงจัง สายรุ้งหยิบข้าวกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ เปิดมันออกก่อนเลื่อนมาทางผมก่อนจะหยิบของตัวเองขึ้นมากินโดยไม่พูดอะไร

    การดูซีรีส์ผ่านไปเรื่อยๆ เจ้าของห้องที่ดูเหมือนจะเริ่มเมื่อยที่นั่งกับพื้นนานเลยเริ่มบิดซ้ายบิดขวา ยืดขาไปข้างหน้าแล้วเริ่มที่จะเลื้อยลงไปกับพื้น

    พรวด!

    แต่แล้วอยู่ดีๆ คนที่นอนเอกเขนกก็ดีดตัวขึ้นมานั่งจนผมสะดุ้งตามไปด้วย

    “เมื่อยอ่ะ เมื่อยไหม” พูดกับตัวเองงุบงิบก่อนจะหันมาถามผมบ้าง แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไรสายรุ้งก็ลุกขึ้นพาร่างตัวเองไปล้มตัวนอนคว่ำลงบนเตียงโดยหันปลายเท้าไปทางฝั่งหัวเตียง

    “ขึ้นมานอนบนเตียงไหม” เสียงเล็กของคนบนเตียงโพล่งขึ้นเรียกให้ละสายตาจากจอทีวีตรงหน้าอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักไปแป๊บนึงเพราะระยะห่างในตอนนี้มันมีน้อยมาก ใกล้กว่านี้อีกนิดก็จะได้ยินเสียงหายใจกันแล้วล่ะ

    “ไม่เป็นไรครับ”

    “อ่า... อือๆ” คนถามพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะขยับออกห่างไปนิดหน่อยแล้วหันไปสนใจกับซีรีส์ต่อทั้งที่หูเจ้าตัวเริ่มจะแดงขึ้นมาหน่อยๆ

    เขินแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เขินไม่ค่อยเนียนเลยคนนี้ แต่ก็นะ... น่ารักดี

     

    “ฮื่อ” เสียงครางในลำคอดังขึ้นพร้อมกับเสียงขยับตัวพลิกไปมาของคนบนเตียงเมื่อฉากเลิฟซีนมาถึง ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอทำเอาชะงักตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ

    ตอนนี้สายรุ้งกำลังใช้ผมต่างที่กำบังจากจอทีวี แต่ก็แอบชะโงกหน้าออกมาดูด้วยความอยากรู้อยู่ดี

    เหมือนเด็กเลย

    “ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีฉากเลิฟซีนดุขนาดนี้” เสียงอุบอิบพึมพำกับตัวเองดัง แต่เพราะคนพูดกำลังซุกอยู่ตรงท้ายทอยผม มันเลยทำให้ได้ยินทุกคำที่เจ้าตัวพูดอะไรมา

    “มันก็เรื่องปกตินะผมว่า”

    “มันก็ใช่ แต่ก็เขินอยู่ดีอ่ะ” พูดจบก็เอาหน้าซุกผ้าห่มอีกครั้งจนอดที่จะหัวเราะไม่ได้

    “พี่เขินเหมือนไม่เคยทำเรื่องไรพวกนี้งั้นแหละ” สิ้นเสียงคนที่ดิ้นๆ อยู่บนเตียงชะงักไปทันที แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาปุบปับของสายรุ้งทำให้ผมหันไปมองเจ้าตัวโดยอัตโนมัติด้วยความอยากรู้ว่าทำไมจากที่ดีดดิ้นอยู่ดีๆ ถึงได้หยุดไปเสียดื้อๆ

    “หันมาทำไมอ่ะ” เสียงเล็กร้องถามพลางเงยหน้าออกจากผ้าห่มให้เห็นแค่ตาคู่กลมที่ฉายแววสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด

    “พี่รุ้งเขินเหรอครับ หูแดงเชียว”

    “ฮะๆ คะ... ใครเขิน ไม่มี๊” ส่ายหน้าไปมาจนผมกระเดิดไปหมดแล้วนั่น

    “ถ้าไม่เขินไหนลองเงยหน้าขึ้นมาหน่อยสิครับ” ไม่พูดเปล่า มือข้าวหนึ่งก็เอื้อมไปวางบนหัวกลมที่สะบัดไปมานั่นเบาๆ จนสายรุ้งหยุดในที่สุด แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี

    สายรุ้งเวลาเขินนี่น่าแกล้งชะมัดยาดเลย

    “พี่รุ้งครับ” แม้จะเรียกชื่อแต่เจ้าของชื่อก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี

    มือที่วางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มสีดำขลับเลยเคลื่อนลงผ่านแก้มนิ่มก่อนหยุดที่สันกรามคมเพื่อออกแรงดันน้อยๆ ให้คนที่เอาแต่มุดหน้าลงกับผ้าห่มยอมเงยหน้าขึ้นคุยกันดีๆ สักหน่อย

    “...”

    แต่ทว่าแม้จะเงยหน้าขึ้นมาแล้ว สายรุ้งก็ยังหลุบตามองต่ำไม่ยอมสบตากันอยู่ดี เห็นเพียงแพขนตาเรียงตัวสวย ตำหนิสามจุดตรงแก้มซ้ายที่กำลังขึ้นสี จมูกโด่งรั้นเหมือนแมวดื้อ และริมฝีปากบางที่ฟันขาวกำลังขมเม้มอย่างประหม่า

    นอกจากคำว่าน่าแกล้งแล้ว แฟคอีกอย่างก็คือคำว่า ...น่ารัก

    “กลัวเหรอ” ขยับตัวเข้ากระซิบข้างหูจนคนฟังสะดุ้งโหยงส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธพัลวัน  แต่สองมือที่กำผ้าห่มแน่นแบบนั้นกลับสวนทางกับสิ่งที่เจ้าตัวบอกเลย

    “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ถ้าพี่ไม่พร้อมผมก็ไม่บังคับหรอก” ว่าจบพร้อมขยับตัวออกห่างแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสองมือที่เคยกำผ้าห่มแน่นของสายรุ้งกำลังดึงคอเสื้อผมเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

    เอาแล้ว ทำไมคนที่ขี้กลัวจนน่าแกล้งเมื่อกี้ถึงสานต่อสถานการณ์ล่อแหลมล่ะเนี่ย

    “...ลอง”

    “ลอง?”

    “ขะ... ขอลองหน่อยแค่ จูบน่ะ” สายรุ้งว่าก่อนจะช้อนตาขึ้นมาสบตากันในตอนสุดท้าย นัยน์ตาสีนิลดำขลับสั่นระริกอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยังเจือไปด้วยแววของความอยากรู้อยากลองด้วยเหมือนกัน

    “ตามคำขอครับ”

    มือเล็กที่เคยกำคอเสื้อเอาไว้หลวมๆ เริ่มกลายเป็นขยำแน่นเมื่อเริ่มไล้ปลายนิ้วไปตามสันกรามคมของเจ้าตัวก่อนเคลื่อนรั้งท้ายทอยพร้อมขยับเข้าหา ลดระยะห่างที่มีอยู่แค่น้อยนิดให้หมดไป สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่รินรดผะผ่าว

    เปลือกตาสีนวลของคนอยากลองปิดลงรอรับสิ่งที่ร้องขอ ทาบทับริมฝีปากแนบชิดแผ่วเบาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนผละออกพร้อมกำลังสายรุ้งที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตา

    “ครั้งแรกเท่านี้ก็พอครับ”

    “งั้นครั้งที่สองก็มากกว่านี้ได้ใช่ไหม” คำถามถูกยิงกลับมาทันทีที่ผมพูดจบ จนต้องเลิกคิ้วอย่างงงงวยโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนจะได้ถามอะไรกลับไป คนที่เคยประหม่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก็เป็นฝ่ายขยับเข้าหากันก่อนทาบริมฝีปากบางลงมาบนอวัยวะเดียวอีกครั้ง

    ต่างกันราวฟ้ากับเหว แม้จะเป็นจูบที่เงอะงะ แต่มันกลับเป็นจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงพอสมควร

    เหมือนเด็กที่เห่อของเล่นใหม่ สายรุ้งที่เพิ่งเคยจูบเป็นครั้งแรกก็อาจจะอยากลองครั้งที่สอง สาม สี่ หรือทำมันซ้ำๆ ไม่ว่าจะมากแค่ไหน ถ้าอีกคนต้องการผมก็ย่อมให้ได้เท่าที่ต้องการ

     

    CH07 :: 100%

     


    นาน นานมากๆ กว่าจะเข็นมาอัพ แต่ในที่สุดก็ได้มาอัพนะขอรับ เย่!

    เลิฟซีนครั้งแรกของพี่สายรุ้งพี่แกก็เปรี้ยวเลยขอรับ ห้าวด่องๆ ไปเลย แหะ

    จากนี้จะเป็นยังไงต่อ ไว้ข้าน้อยจะพยายามไปเข็นตอนต่อไปออกมานะขอรับ ฮึบ!

    ยังไงก็ฝากน้องสกายกับพี่สายรุ้งไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของรีดเดอร์ด้วยนะขอรับ

    และๆๆ คอมเมนท์ติชมทิ้งไว้ในนี้หรือในแท็กทวิตเตอร์ได้นะขอรับ //พับเพียบไหว้

    #สายรุ้งสีคราม

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×