คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CH05 :: 05:00
05:00
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงสำหรับการคอลออนไลน์กับสายรุ้ง
สิบนาทีแรกคืออีกคนเอาแต่ขอบคุณอย่างนั้นอย่างนี้
ขอบคุณนักขอบคุณหนาที่ผมว่างคุยด้วย ซึ่งผมบอกให้เจ้าตัวหยุดขอบคุณไปแล้วกี่ครั้งก็ไม่รู้
สายรุ้งกำลังเริ่มทำเทอมโปรเจกต์
โจทย์ที่เจ้าตัวบอกเล่าฟังดูคล้ายกับเทอมโปรเจกต์ของไอ้พี่จูนที่เคยมาขอให้ผมเป็นผู้สงสารไปถึงพี่ฟ้าให้มาเป็นยูสเซอร์ให้
ไม่สิไม่คล้ายหรอก
ผมว่ามันเหมือนกันเป๊ะเลยแหละที่ให้ออกแบบกิจการหนึ่งๆ
ขึ้นมาตามความต้องการของยูสเซอร์ที่นักศึกษาเลือก
สายรุ้งเลือกกิจการร้านอาหาร
เจาะจงเป็นร้านหรูระดับภัตตาคารเพื่อความเล่นใหญ่
แรกเริ่มเดิมทีสายรุ้งกำลังเครียดที่ตัวเองยังหายูสเซอร์สำหรับเทอมโปรเจกต์ไม่ได้เลยต้องการใครสักคนเพื่อนระบายความเครียดนั้นออกมาเฉยๆ
ไม่รู้หรอกว่าทำไมผมถึงเป็นคนที่เขาเลือกจะระบายความเครียดนั้นให้ฟัง
แต่ถ้าลองคิดแบบไม่จริงจังมากนักก็คงเพราะ เล่าให้คนที่ไม่ได้รู้จักกันมากมายคงสบายใจกว่าการเล่ามันให้คนที่รู้จักตัวเองดี
มั้งนะ...
และด้วยความที่พี่ฟ้าหรือก็คือพี่ชายผมทำร้านอาหารพอดีก็เลยหลุดปากเสนอออกไป
บวกกับลองแชทไปถามดูก็ดันตกลงเป็นยูสเซอร์ให้สายรุ้งเฉย
ก็เลยได้เสียงแหกปากร้องดีใจของคนปลายสายมา
2-3 นาที แถมให้ด้วยเสียงทุบประตูจากที่ไกลๆ ก็นิดหน่อย
คงไปใครสักคนในหอของสายรุ้งที่มาเคาะประตูบอกให้เงียบเสียงนั่นแหละ
‘[Rainbow]: ขอบคุณเรามากๆ เลย’
‘[Rainbow]: ที่อุตส่าห์เป็นธุระให้’
‘[Rainbow]: ไว้พี่พาไปเลี้ยงอีกนะๆๆๆๆๆ’
ผลของการช่วยหายูสเซอร์ให้
คือผมจะถูกเปย์ด้วยของกินอีกแล้ว
จะว่าไปก็แอบขำนะ
สายรุ้งเป็นอะไรกับการเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมคนอื่นหรือเปล่า
ทำไมหาเรื่องเลี้ยงผมบ่อยจังเลย คือก็แอบเกรงใจไง
เงินค่าขนมที่ได้แต่ละเดือนมันก็เยอะในระดับหนึ่งแล้วนะ
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง
...ก็น่ารักดี ที่ตอบแทนกันด้วยการให้กินของอร่อยๆ ถ้าบ่อยไปก็น่าจะจบลงที่อ้วน
แวะเข้าห้องแชทกลุ่มไปคุยเล่นไร้สาระนิดหน่อย
ก่อนจะไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวและกลับมาโดดขึ้นเตียงเตรียมตัวเล่นเกม
ใจหนึ่งก็อยากทำงานนะ
แต่ใจที่อยากเล่นเกมมันมีมากกว่า
ครืด...
‘BRO’
หน้าจอเกมเปลี่ยนเป็นเฟซไทม์จากพี่ชายบังเกิดเกล้าทันใด
“What the...” อยากตัดสายใจแทบขาด
แต่ตัดไปเดี๋ยวแม่งก็โทรมาใหม่จนกว่าผมจะรับนั่นแหละ เพราะงั้นรับๆ
ไปให้มันสิ้นเรื่องเถอะ
[สวัสดีน้องชาย]
อีกฝ่ายทักทายทันทีที่กดรับสายพร้อมกับหน้าจอที่แสดงภาพไฟดาวน์ไลท์บนเพดาน
“สวัสดีคนแก่
เฟซไทม์มาให้ดูเพดานห้องเพื่ออะไรก่อน”
[ยังไม่แก่
พูดให้มันดีๆ หน่อยสกาย] ปลายสายแย้งก่อนที่ภาพฝ้าเพดานและดาวน์ไลท์จะเปลี่ยนมาเป็นหน้าหล่อๆ
ของไอ้คุณพี่ชายที่กำลังแยกเขี้ยวใส่กัน ไม่อยากจะชมหรอก แต่ผมกับมันหน้าเหมือนกันอย่างกับแฝดทั้งที่เกิดห่างกันตั้ง
9 ปี
“ไม่รู้ไม่สน
แล้วตกลงมีไร”
[คนที่แกมาขอให้ฉันไปเป็นเคสให้เป็นใคร]
“พี่ที่รู้จัก”
[เหรอ]
ลากเสียงยานคางเป็นนัยว่าไม่เสียงสิ่งที่บอกสักนิด แต่ใช่ว่าผมจะต้องสนใจเลยทำเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก็เท่านั้น
[ส่งคอนแทคพี่ที่รู้จักของแกมาให้ฉันด้วย
ขี้เกียจคุยผ่านแก]
“อือฮึ
เดี๋ยวส่งให้ มีไรอีกป่ะ”
อยากจะกดวางสายเต็มทน
ในขณะที่แจ้งเตือนจากเกมก็ร้องหากันรัวๆ
[มี
เข้ามาชิมขนมใหม่ให้หน่อย] คนขอจากพี่ชายทำให้ขนในกายลุกซู่
ความรู้สึกพรั่นพรึงเข้าแทรกทันทีที่ได้ยิน ถึงผืนฟ้าเป็นเป็นเจ้าของร้านอาหารมีชื่อ
แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องทำอาหารเป็น
ใช่
พี่ชายผมสกิลเข้าครัวห่วยแตก และที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันก็แค่บริหารร้านได้ดีแค่นั้นแหละ
แล้วพอมันมาขอกันแบบนี้ใครจะไปตอบตกลงกัน
ผมยังไม่อยากตายนะ!
“ไม่กิน”
[น้องเวร
งั้นก็แค่นี้แหละ ไม่มาก็ไม่ต้องมา อย่าลืมส่งคอนแทคมาด้วยล่ะ]
“พวกมึง อยากกินขนมว่ะ”
เพื่อนตัวเล็กแต่แก้มย้วยที่แสร้งนั่งเรียนอยู่ข้างๆ กระซิบบอก
ทำให้การฟังอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามีสมาธิต่อ
“กูไม่อยากของหวานว่ะ”
คริสที่นั่งอยู่อีกฝั่งหันมาพูดข้ามหัวผมเบาๆ
“ง่ะ
ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยไม่ได้เหรอ”
“งั้นก็ไปถามพี่จูนกับพี่ซิงค์ในกลุ่มไป”
ผมโพล่งแทรกขึ้นหลังจากที่จดเลคเชอร์เสร็จเรียบร้อย
และตอนนี้อาจารย์ก็บอกเลิกคลาสแล้ว ผมถึงได้ละการเรียน (ที่แสนจะจำใจ)
มาร่วมวงกับสองหน่อที่คุยกันข้ามหัวผมไปมา
แจ้งเตือนแชทกลุ่มเด้งขึ้น
หน้าจอบอกว่ามันมาจากคนอยากขนมหวานอย่างไอ้แทน และทุกคนในนั้นก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่
และแทนที่มันจะจบลงแค่นั้น บทสรุปการสนทนาดันเป็นคืนนี้เจอกันที่ร้านเหล้าเฉย
คือว่านะถึงพรุ่งนี่จะยังมีเรียน
แต่ไหนๆ เพื่อนก็เสนอแล้ว เราก็เป็นคนดีสนองหน่อยละกัน
แต่ก่อนถึงเวลาที่นัดกันไว้ก็อีกนานโข
หลังจากเรียนเสร็จพวกเราสามคนจึงแยกย้ายกันหลับหอใครหอมัน
ผมผู้ซึ่งกดเข้าเกมยังไม่ทันโหลดเสร็จ (แม้จะใช่โปรเน็ตแพงฉิบหาย) ก็ถูกมารผจญเป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้าเก่าที่ช่วงนี้แอบรู้สึกว่ามันจะวอแวผมบ่อยพิกล
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราแทบจะไม่ติดต่อกันด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นแหละ
คนบ้าอย่างเจมิไนจะมีสาระอะไรมาคุยกับผมได้
นอกจากแวะมาโอดครวญเรื่องที่ผมยกพี่ชายตัวเองให้เป็น case study ของสายรุ้งปาดหน้ามัน
ภายใต้เงื่อนไขที่อาจารย์บอกว่าห้ามใช้เคสเดียวกัน
เฮ้อ...
โวยวายใส่ผมแล้วมึงจะได้เคสเหรอเจ
จบจากพี่ชายผู้เป็นผีบ้าก็ต่อด้วยพี่ชายคนใหม่ที่ช่วงนี้รู้สึกว่าเราสนิทกันเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
วันนี้ผมจะได้เล่นเกมไหม ให้ทาย
‘[Rainbow]: สกายยยยย’
‘[Rainbow]: พี่ฟ้าทักมาบอกวันว่างแล้ว’
‘[Rainbow]: เสาร์นี้ๆ’
‘skyyy: อ่อครับ’
ว่าแต่สายรุ้งจะมาบอกผมทำไมนะ
หรือผมจำเป็นต้องรู้ว่าเขาจะไปเจอพี่ชายผมวันไหน?
‘[Rainbow]: เราว่างมั้ย’
โอเคชัด
ทั้งหมดทั้งมวลคืออยากหาคนไปเป็นเพื่อนสินะ แต่วันนั้นผมไม่ว่างแล้วสิ
ช่วงนี้ต้องเริ่มทำเทอมโปรเจกต์ที่อาจารย์สั่งตั้งแต่ต้นเทอมได้แล้ว ขืนช้าไปกว่านี้ต้องปั่นกันตาแหกก่อนส่งแน่ๆ
ผมตอบปฏิเสธสายรุ้งไปก่อนเราจะจบบทสนทนาด้วยการที่อีกคนบอกจะไปปั่นงานต่อ
ผมกดเปลี่ยนแอปพลิเคชันมาที่เกมอีกครั้งพร้อมล้มตัวลงนอนบนเตียง
แต่เหมือนวันนี้จะไม่มีบุญที่จะเล่นเกมเลยสักนิด หัวถึงหมอนไม่ถึง 5 นาที Find Match ยังไม่ทันเจอก็เผลอหลับซะก่อน
โธ่!
ผมตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดเป็นที่เรียบร้อย
ยังไม่ทันขยับตัวไปไหน
โทรศัพท์ในมือก็สว่างจ้าพร้อมสายเรียกเข้าจากคนที่ชอบใช้ผมเป็นคนขับรถส่วนตัว
[กว่าจะรับสายได้นะ
มึงหลับเหรอกาย] ปลายสายโวยวายตามประสา
“เหรอ”
ตอบกลับแค่นั้นอย่างจงใจ การแกล้งไอ้แทนเล่นในทุกๆ
โอกาสเป็นสิ่งที่สนุกที่สุกแล้วผมว่า และคนอื่นๆ ก็เห็นด้วยกับผมเหมือนกัน
[กวนตีนนะมึง
คนอื่นเค้าไปรอที่ร้านแล้ว เหลือแค่เราสองคนเนี่ย ถ้าเพิ่งตื่นก็เชิญมึงเสด็จไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวแล้วมารับกูนะครับเพื่อน]
ใช้เวลาไม่นานสำหรับการจัดการตัวเองและขับรถไปรับคุณเพื่อนแทนที่อยู่หอถัดไป
2 ตึก แต่การใช้เวลาบนท้องถนนแม้จะในระยะทางที่สั้นฉิบหายก็ถือว่านานเกินกว่าที่มันจะเป็น
และกว่าจะมาถึงร้านคนก็ยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมดแม้จะยังคงเป็น
week day ดีแล้วล่ะที่คนอื่นมาก่อน
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโต๊ะนั่งกันแน่ๆ
ปล่อยให้แทนเป็นคนเดินนำไปที่โต๊ะเพราะดูเหมือนว่าใครสักคนจะโทรมาบอกตำแหน่งโต๊ะซึ่งอยู่ลึกจนเกือบจะอยู่ด้านในสุดของร้าน
เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายหน้าตาดี
(ไม่อยากหลงตัวเอง แต่มันเรื่องจริงเถอะ)
ที่เข้าร้านเหล้ามาโดยไร้หญิงแล้วจะมีคนมากหน้าหลายตาให้ความสนใจ สิ่งยืนยันที่ดีคือทันทีที่ผมกับแทนเดินมาถึงโต๊ะ
ก็พบว่าที่นั่งที่ควรจะเป็นของผมกับแทน
หนึ่งในนั้นถูกแย่งไปโดยผู้หญิงผมลอนที่มาขอชนแก้วกับคริสแถมยังมองตาเป็นมันอย่างตั้งใจจะสื่อความหมาย
ผมเลยไปนั่งเบียดไอ้พี่จูนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน
ถึงจะลำบากสักหน่อยสำหรับการนั่งบนเลิฟซีทโดยผู้ชายตัวเท่าบ้านสามคน
ส่วนอาร์มแชร์เพียงหนึ่งเดียวก็ยกให้แทนมันไปแล้วกัน
“มึงมาเบียดพวกกูทำไมเนี่ย
ไม่นั่งกับเพื่อนมึงล่ะกาย”
พี่ซิงค์ที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งชะโงกหน้ามาบ่นใส่ก่อนจะยื่นแก้วแอลกอฮอล์มาให้
“พี่จะให้ผมไปนั่งตรงไหนก่อน
ดูดิ” ว่าพลางพยักพเยิดให้หันไปมองคนคริสที่กำลังถูกรุกเต็มที่
ผู้หญิงคนนี้ก็แปลก
ทั้งๆ ที่คริสมันก็อุตส่าห์ปฏิเสธคำชวนไปที่โต๊ะของเธอแบบสุภาพแล้วก็ยังคะยั้นคะยอกันไม่เลิก
ส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนกระดกของเหลวสีอำพันเข้าปาก
พร้อมกับหางตาที่เห็นว่ามีใครบางคนเดินตรงเข้ามาพร้อมแก้วในมือและรอยยิ้มหวานหยด
“กูไปห้องน้ำแป๊บ”
พี่จูนว่าก่อนจะลุกออกไปทำให้ผมได้นั่งสบายๆ สักที ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ
“ขอโทษนะคะ”
เสียงหวานดังขึ้นใกล้หูเรียกให้ผมละสายตาจากแก้วในมือไปมองเจ้าของเสียง “เราชื่อเพนนีนะคะ
คุณชื่ออะไรเหรอคะ” เธอถามเสียงอ่อนเสียงหวานส่งยิ้มสวยมาให้ไม่หยุด
“สกายครับ”
ตอบกลับพร้อมส่งยิ้มตามมารยาทกลับไป
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
คือเราขอชนแก้วด้วยได้ไหม” ไม่พูดเปล่าเธอยังยื่นแก้วในมือมาตรงหน้าให้ผมต้องยื่นแก้วของตัวเองไปชนด้วย
ก่อนยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
“เราขอคอนแทคของสกายได้ไหมคะ
นะ” แล้วโทรศัพท์เครื่องบางที่ถูกเปิดหน้าสำหรับเสิร์จไอดีไว้รอก็ถูกยื่นมาให้
ผมแอบลอบถอนหายใจเบาๆ
มันเป็นเรื่องที่ควรชินแต่ผมก็ไม่รู้สักทีกับไอ้การที่มีคนมาขอไลน์อยู่เรื่อยๆ
เนี่ย
“ขอบคุณน๊า
ไว้เราแชทหานะคะ” เธอรับโทรศัพท์กลับไปเมื่อผมพิมพ์ไอดีของตัวเองลงไปเรียบร้อย
แต่แทนที่จะกลับไปดีๆ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสดนั่นฉวยโอกาสหอมแก้มผมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
แถมยังไม่วายมาบีบแก้มผมเหมือนเป็นเด็กก่อนไปอีกต่างหาก
เอิ่ม...
“ไอ้กายมันร้ายว่ะ
มายังไม่ถึงสิบนาทีก็ตกสาวได้แล้วอ่ะ” ไอ้แทนโพล่งขึ้นทันทีที่สาวเจ้าจอมอุกอาจหันหลังจากไปในระยะที่พ้นการได้ยินแล้ว
“คิดผิดคิดถูกมาร้านเหล้าแล้วให้มึงมาด้วยเนี่ย
ไม่มีใครสนใจพวกกูกันแล้ว” พี่ซิงค์ว่าพลางหยิบแก้วแล้วลุกไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับคริสที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงที่พยายามลวนลามคริสตั้งแต่ตอนที่ผมเข้ามาหายไปแล้ว
“นี่ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้มันไม่มีแฟนนะ
กูว่าผู้หญิงเข้าหามันมากกว่านี้อีก” คริสโพล่งขึ้นบ้างขณะที่สองมือก็กำลังจัดแจงผสมเครื่องดื่มของตัวเองอยู่
“โทษทีที่หล่อกว่า”
ว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เรียกเสียงโห่จากทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี
ก็ไม่อยากจะหลงตัวเองนะ แต่ผมหน้าตาดีอ่ะ จริงๆ
นั่งดื่มกันอยู่นาน
ไอ้แทนก็สรรหาเรื่องบ้าเรื่องบอมาพูดได้แบบไม่ซ้ำ และยังคงมีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาขอชนแก้วด้วย
รวมไปถึงขอคอนแทคกันรัวๆ ก็แต่ก็นั่นเขาทำได้แค่นั้นและผมก็ทำได้แค่จำใจให้ไอดีตัวเองไป
...ค่อยไปนั่งบล็อกทีหลังก็แล้วกัน
กว่าจะกลับถึงหอก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง
และโชคดีนิดนึงที่พรุ่งนี้คลาสเริ่มตอนสิบโมงไม่ใช่แปดเก้าโมงเหมือนวิชาอื่นๆ
แต่ตอนให้มีโอกาสตื่นสายกว่าทุกวันแต่ตอนนี้ผมกำลังจะไปไม่ทันเขาเรียนอยู่ดี
แม่งเอ๊ย!
วิ่งตาเหลือเข้าห้องพร้อมกับไอ้แทนกันทันเวลาหวุดหวิด
วิชานี้เป็นวิชาไม่หนักหนาอะไร แต่มันไปหนักหนาตรงที่คนสอนแสนจะซีเรียสจนแทบจะเป็นไมเกรนเนี่นแหละ
ก็ดีหน่อยที่คริสมาถึงก่อนและจองที่นั่งหลังห้องไว้ให้ จะได้ไม่ต้องระเห็จไปนั่งแถวหน้าให้แอบเล่นไม่ได้
“เป็นอะไร
เห็นจ้องโทรศัพท์นานแล้วนะ” หันไปถามไอ้คนที่ไม่ยอมจดเลคเชอร์สักตัว
แถมยังเปิดปิดห้องแชทของแฟนมันเป็นว่าเล่น
ถ้าโทรศัพท์มันพูดได้ก็คงจะโดนด่าไปหลายยกแล้วมั้ง
“เหมือนเคปจะโกรธกูเลยว่ะ”
“นี่ที่มึงไปเมื่อคืนคือแอบแฟนไปเหรอ
เขาถึงได้โกรธมึงน่ะ” แทนที่นั่งประกบคนเขี่ยโทรศัพท์อยู่อีกด้านโพล่งขึ้นบ้าง แต่มันดันเสียงดังเกินไปปากกาไวทบอร์ดเลยบินมาลงกลางวงจนเกือบหลุดปากด่าใครออกไป
“ถ้าจะคุยกันก็เชิญออกไปข้างนอกนะคะ”
อาจารย์ป้าบอกเสียงเย็นพร้อมสายตาทิ่มแทงที่ถูกส่งตรงมาให้
พร้อมกับสายตาของคนทั้งห้องหันมามองกันเป็นตาเดียว เราสามคนได้แต่หุบปากเงียบก้มหัวขอโทษปลกๆ
ก่อนจะทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาพเดิม
ในเมื่อคุยกันไม่ได้ก็ต้องแชทคุยกันแทนละกันวะ
แต่ทว่าก่อนจะไปพิมพ์อะไรส่งไปหาเพื่อนที่นั่งข้างตัว
หน้าจอโทรศัพท์ของคริสก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นมา
“ฉิบหายแล้ว”
เสียงสบถเบาๆ
ดังขึ้นก่อนแจ้งเตือนของตัวเองจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ คริสสร้างกลุ่มด่วนเฉพาะกิจที่มีแค่มัน
ผม และแทน ก่อนส่งคลิปอะไรบางอย่างมาให้
‘Crystal royal:
เคปส่งคลิปนี้มาให้กู’
และพอกดเล่นคลิปที่ว่าก็ปรากฏเหตุการณ์เมื่อคืนตอนนี้ใครสักคน
(ที่ไม่ใช่คนเดียวกับตอนที่ผมไปถึง) กำลังหอมแก้มคริสโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ขัดขืน
โอเคชัด
คาดว่าสถานการณ์ของเพื่อนผู้นั่งหน้าเครียดอยู่ตอนนี้คงไม่สู้ดีนัก จะให้สอดมือเข้าไปช่วยก็ไม่ได้เดี๋ยวจะถูกหาว่าช่วยกันปิดบังความผิดอีก
นับตั้งแต่ที่ได้คลิปมาคริสเพื่อนยากก็กลายเป็นคนติดโทรศัพท์ไปเลย
กดโทรศัพท์ยิกๆ เรียนก็ไม่เรียน จะยอมวางไอ้เครื่องมือสื่อสารนั่นได้ก็แค่ช่วงบ่ายที่มีสอบย่อยเต็มเวลาก็เท่านั้น
เพราะพอสอบเสร็จแม่งก็กลับมาจับโทรศัพท์ไม่ปล่อยเหมือนเดิม
เห็นว่าโทรไปหาเคปก็โดนตัดสายทิ้งอีกต่างหาก
และจากคำให้การผู้ต้องหายังไม่ได้คุยกับแฟนตัวเองเลยตั้งแต่เมื่อคืน
เฮ้อ...
“เคปอาจจะอยู่กับพวกพี่สายรุ้งหรือเปล่า
กายมึงลองถามดิ” แทนเสนอขึ้นขณะที่เราสองคนยังคงยืนอยู่ตรงลานจอดรถหลังเลิกเรียน
มองรถตามท้ายรถของคริสที่บอกว่าจะลองกลับไปดูที่หอเผื่อว่าเคปอาจจะกลับไปที่หอแล้ว
“เขาเป็นแค่พี่รหัสน้องรหัสกัน
ไม่น่าจะตัวติดกันขนาดนั้นมั้ง”
“ก็ลองถามหน่อยมันจะเป็นอะไรล่ะ
มึงนี่”
ได้แต่ส่ายหัวอย่างหน่ายใจพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตามที่เพื่อนบอกในขณะที่มันเอาแต่ยืนดูดชานมไข่มุกในมือพลางชะโงกหน้ามาดูจอโทรศัพท์ผมเป็นพักๆ
และไม่อยากจะชมเลย
แต่เป็นอย่างที่แทนมันว่า เคปที่คริสมันติดต่อไม่ได้ทั้งวันไปนั่งกินหมูกระทะกับพวกสายรุ้งอยู่ที่หลังมหาวิทยาลัย
“คือกูไม่เข้าใจ
ทะเลาะกันผิดใจกันแบบนี้ยังมีอารมณ์ไปกินปิ้งย่างอีกเหรอวะ” อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยพร้อมกับพิมพ์ข้อความส่งต่อสารที่ได้รับมาให้เพื่อไปจัดการต่อ
“กับบางคนการกินก็คือการระบายความเครียดนะ
แบบยิ่งเครียดยิ่งกินอ่ะ กูก็เป็น” ไอ้แทนบอกก่อนจะงับหลอดชามนมดูดต่อจนแก้มพอง
“อย่างมึงเรียกเห็นแก่แดกเถอะ”
กลับมานอนเกลือกกลิ้งที่หอตามปกติ
เล่นเกมเล่นโซเชียลไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วก็ต้องเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงแน่วเมื่อเจอข้อความแปลกๆ
‘Gemini: ขอกำลังใจหน่อย’
“เชี่ยไรเนี่ย”
อดไม่ได้ที่จะสบถจริงๆ ร้อยวันพันปีผมกับเจมิไนไม่เคยคุยกันแบบนี้
เอเลี่ยนเข้าสิงมันแน่ๆ แต่พอพิมพ์ด่ามันกลับไปมันก็ด่าผมกลับมาเหมือนปกติ
แล้วมันจะมาขอกำลังใจทำไมวะ ถามไปก็ไม่ตอบอีก แถมยังมีหน้าส่งโลเคชั่นให้ไปหาอีก
บอกไม่ได้ก็เร้าหรืออยู่ได้
เพราะงั้นนะ...
เออ กูไปก็ได้!
“พาพี่ออกไปจากที่นี่ที”
ประโยคบอกขอร้องจากสายรุ้งที่เดินออกมาจากใต้หอที่เจมิไนส่งโลเคชันให้มาหาที่นี่
...งงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ
ไม่รู้ว่าเจมันเป็นอะไร
แต่ก็รับรู้ผ่านตัวอักษรที่มันส่งมาให้ได้ว่าไอ้คนส่งกำลังต้องการใครสักคน
และหวยก็ดันมาออกที่ผม
สายรุ้งขึ้นรถไปนั่งประจำที่ข้างคนขับเรียบร้อย
ผมก็เลยทำได้แค่กวาดสายตามองหาไอ้ลูกพี่ลูกน้องที่เรียกผมมาที่นี่
โอ๊ะ!
นั่นไง ยืนทำหน้าเหมือนหมาโดนเทอยู่ข้างโต๊ะหน้าร้านมินิมาร์ท
แต่ทว่าพอผมทำท่าจะเดินเข้าไปหามันก็ดันโบกมือไล่กันซะอย่างนั้น
อิหยังของมันวะ?
ปึง!
กลับเข้ามาในรถแล้วเดดแอร์ก็บังเกิด
เพราะคนโตกว่าอย่างสายรุ้งที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเอาแต่นิ่งเหม่อลอยไปไหนก็ไม่รู้
“พี่รุ้ง”
“ฮะ...
เอ่อ...”
“พี่โอเคป่ะเนี่ย”
“โอเคสิ
โอเคมากๆ เลย”
“แล้ว...
อยากไปไหนครับ”
“ไป...
ไปไหนดีอ่ะ ไปแมคได้มั้ย”
เมื่อรับทราบจุดหมายปลายทางที่เหมือนอีกคนจะเลือกมาส่งๆ
เหมือนคิดได้ปุบปับ แต่ก็ยังดีกว่าการบอกว่า 'ไปไหนก็ได้'
หรือ 'ไม่รู้' เยอะเลยล่ะ
ตลอดทางจนถึงที่หมาย
แม้กระทั่งสั่งของกินเล่นเบาๆ แล้วมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อย
สายรุ้งก็ยังดูเหมือนจะกำลังคิดอะไรอยู่คนเดียวไม่พูดไม่จา
ผมก็ได้แต่มองอยู่เงียบๆ
อยากจะถามนะ
แต่คิดว่าอีกสักแป๊บเจ้าตัวก็คงพูดออกมาเองแหละ
เพราะดูจากสีหน้าแล้วคงไม่คิดจะเก็บเรื่องที่กำลังคิดอยู่ไว้กับตัวเองให้ปวดหัวเล่นคนเดียวหรอก
...ของแบบนี้มันต่อเผื่อแผ่
CH05 :: 100%
อ่ะ คราวนี้มาต่อไวแฮะ แหะๆ พี่เจเรียกน้องสกายมาหาทำไม
แล้วพี่รุ้งโผล่มาได้ไง เรื่องงงงวย ณ ตอนนี้รอเฉลยในตอนต่อไปขอรับ 555555
สัญญาว่า 1 ตอนต่อจากนี้จะรีบมานะขอรับ
อุแหะ //พับเพียบไหว้
#สายรุ้งสีคราม
ความคิดเห็น